การชำระเงินด้วยลิงก์: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชำระเงินด้วยลิงก์คืออะไร
  3. มีการใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์ในพื้นที่ใดบ้าง
  4. ผู้ที่ใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์คือใคร
    1. ธุรกิจ
    2. ลูกค้า
  5. วิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์
  6. สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการชำระเงินด้วยลิงก์
    1. การเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
    2. ความเร็วของธุรกรรม
    3. การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มประสิทธิภาพ
    4. สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
    5. ความยืดหยุ่นในการรับชําระเงิน
    6. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
    7. ความภักดีและการมีส่วนร่วมของลูกค้า
    8. ความต้องการของลูกค้าในการชําระเงินแบบดิจิทัล
  7. มาตรการรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยลิงก์
    1. เทคโนโลยีการเข้ารหัส
    2. บริการแปลงเป็นโทเค็น
    3. การประเมินความเสี่ยงขั้นสูง
    4. โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย
    5. การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก
    6. การปฏิบัติตามข้อกําหนดทั่วโลก
    7. การติดตามตรวจสอบภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
    8. ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่ปรับเปลี่ยนได้
  8. ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินด้วยลิงก์
  9. ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการชำระเงินด้วยลิงก์

การชําระเงินตามลิงก์คําขอ ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่า "การชำระเงินด้วยลิงก์" เป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมทางการเงินทั่วโลกที่มีจํานวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกรรมที่ชำระเงินด้วยลิงก์จะอนุญาตให้ธุรกิจสามารถส่งคําขอการชําระเงินถึงลูกค้าผ่านลิงก์แบบดิจิทัล จากนั้นระบบจะนําลูกค้าไปที่พอร์ทัลการชําระเงินเพื่อทําธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ กลไกนี้ถูกนําไปใช้ในกลุ่มตลาดต่างๆ ตั้งแต่การค้าปลีกไปจนถึงอุตสาหกรรมบริการ และเริ่มติดตลาดในภูมิภาคที่มีการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่สูง

ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์นั้นมีความคล่องตัว และมักเชื่อมต่อการทํางานตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายไว้ในลิงก์เดียว เพื่อรองรับความต้องการการชําระเงินที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก คุณลักษณะดังกล่าวช่วยให้ระบบเหล่านี้สามารถรองรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตชั้นนำทั่วโลก (เช่น Visa และ Mastercard) วิธีการชําระเงินในท้องถิ่นเฉพาะภูมิภาค (เช่น iDEAL ในเนเธอร์แลนด์, Alipay ในจีน และ Pix ในบราซิล) และกระเป๋าเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ ระบบ Link ยังรองรับหลายสกุลเงินอีกด้วย ธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการรับการชําระเงินจากลูกค้าต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องพัฒนาระบบการชําระเงินที่ซับซ้อนเอง ความเรียบง่ายในการคลิกลิงก์เพื่อชําระเงินให้เสร็จสิ้นบนอุปกรณ์ทุกประเภทสอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในแง่ของความสะดวกและความรวดเร็วในธุรกรรมออนไลน์

ด้านล่างนี้เป็นคู่มือที่ครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีการทํางานของการชําระเงินด้วยลิงก์ รวมถึงแอปพลิเคชัน ขอบเขต และความแตกต่างทางการเงินในตลาดต่างๆ เราจะอธิบายว่าการชำระเงินด้วยลิงก์สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็วตามความต้องการทางการค้าและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร นอกจากนี้เรายังจะกล่าวถึงวิธีที่บริการชําระเงินด้วยลิงก์เชื่อมต่อการทํางานกับระบบธุรกิจที่มีอยู่ และผลลัพธ์ที่มีต่อประสิทธิผลของธุรกรรมออนไลน์

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การชำระเงินด้วยลิงก์คืออะไร
  • มีการใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์ในพื้นที่ใดบ้าง
  • ผู้ที่ใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์คือใคร
  • วิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์
  • สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการชำระเงินด้วยลิงก์
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยลิงก์
  • ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินด้วยลิงก์
  • ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการชำระเงินด้วยลิงก์

การชำระเงินด้วยลิงก์คืออะไร

การชำระเงินด้วยลิงก์ เป็นวิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถส่งคําขอให้ลูกค้าชําระเงินผ่านลิงก์ที่แชร์ได้ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกรรมด้วยการขจัดความจําเป็นในการใช้เทอร์มินัลบัตรเครื่องจริงหรือใช้บัตรใบจริง ทําให้มีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับการชําระเงินจากระยะไกล ธุรกิจสามารถสร้างลิงก์ชําระเงินผ่านผู้ให้บริการชําระเงินของตนเอง จากนั้นก็ส่งให้กับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ (เช่น อีเมล, SMS หรือแอปรับส่งข้อความ) และลูกค้าก็สามารถชําระเงินออนไลน์ผ่านหน้าเว็บที่ปลอดภัย

การชำระเงินด้วยลิงก์นั้นสะดวกสําหรับทั้งธุรกิจและลูกค้า โดยวิธีนี้รองรับตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิตและเดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร และแม้แต่กระเป๋าเงินดิจิทัล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันของผู้ประมวลผลการชําระเงิน สําหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ขายที่เป็นบุคคลทั่วไป วิธีนี้ให้บริการการรับชําระเงินที่สะดวกง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ การใช้การชําระเงินด้วยลิงก์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากภาคธุรกิจค้าปลีกและบริการปรับตัวเพื่อจัดการกับการใช้งานทางออนไลน์และธุรกรรมแบบไร้สัมผัสที่เพิ่มขึ้น

ในปี 2020 และ 2021 การชําระเงินแบบดิจิทัลเติบโตขึ้นแบบทวีคูณ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายงานของธนาคารโลกในปี 2022 ระบุว่า 2 ใน 3 ของผู้ใหญ่ทั่วโลกทำการชําระเงินหรือรับการชําระเงินแบบดิจิทัล ลิงก์ชําระเงินได้กลายเป็นโซลูชันการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและมีคุณค่าสําหรับธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

มีการใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์ในพื้นที่ใดบ้าง

  • สหรัฐอเมริกา
    ในสหรัฐฯ ธุรกิจทุกขนาดต่างก็ใช้เทคโนโลยีการชำระเงินด้วยลิงก์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งใบเรียกเก็บเงินและการเก็บเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซและบริการเฉพาะทาง อัตราการนําวิธีนี้ไปใช้เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทต่างๆ หันมาใช้โซลูชันดิจิทัลเพื่อรองรับธุรกรรมระยะไกล

  • สหราชอาณาจักร
    ลูกค้าในสหราชอาณาจักรใช้งานโซลูชันการชำระเงินด้วยลิงก์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในระดับสูงด้วยวิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลและภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่ ธุรกิจต่างๆ ใช้ลิงก์ชําระเงินเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งให้ความสําคัญกับความเร็วและความสะดวกสบาย

  • เยอรมนี
    ธุรกิจในเยอรมนีโดยเฉพาะในแวดวงยานยนต์ การดูแลสุขภาพ และธุรกิจค้าปลีกต่างก็เชื่อมต่อวิธีการชำระเงินด้วยลิงก์เพื่อการชําระเงินที่ยืดหยุ่น แนวโน้มนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสําหรับการชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และฐานลูกค้าที่ให้ความสําคัญกับความปลอดภัยของธุรกรรม

  • บราซิล
    การใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์ในบราซิลมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์เคลื่อนที่มีจํานวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเติบโตนี้ยังขยายไปตามความต้องการโซลูชันการชําระเงินที่เข้าถึงได้ซึ่งเพิ่มขึ้น แทนที่จะใช้โซลูชันจากธนาคารแบบเดิมๆ

  • ญี่ปุ่น
    ในญี่ปุ่น การชําระเงินด้วยลิงก์เป็นส่วนเสริมของตัวเลือกการชําระเงินขั้นสูงอื่นๆ โดยทั่วไปจะมีการใช้งานโดยลูกค้าและธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการกระบวนการชําระเงินซึ่งเรียบง่ายและตรงไปตรงมากว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการค้าระหว่างประเทศ

  • แอฟริกาใต้
    การชําระเงินด้วยลิงก์กลายเป็นเครื่องมือสําคัญที่ธุรกิจในแอฟริกาใต้ใช้เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งรวมถึงประชากรที่ไม่ได้ใช้ธนาคาร การเชื่อมต่อการทํางานกับการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ คือกุญแจสำคัญในภูมิภาคที่ลูกค้าใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่มากกว่าบัญชีธนาคาร

ผู้ที่ใช้งานการชำระเงินด้วยลิงก์คือใคร

ทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไปต่างก็ใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงิน โดยปกติแล้วลิงก์เหล่านี้จะสร้างผ่านเกตเวย์การชําระเงิน และส่งให้ทางอีเมล, SMS หรือแพลตฟอร์มรับส่งข้อความอื่นๆ ซึ่งช่วยให้สามารถทําธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยโดยไม่จําเป็นต้องใช้ระบบระบบบันทึกการขาย (POS)

ธุรกิจ

  • ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและผู้ค้าปลีกออนไลน์
    ผู้ค้าปลีกออนไลน์เป็นหนึ่งในผู้ใช้หลักของลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงิน โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการเสนอตัวเลือกการชําระเงินโดยตรงที่ไม่ยุ่งยากให้ลูกค้า วิธีนี้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่อยากทำธุรกรรมออนไลน์อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยแนวโน้มนี้ได้รับการตอกย้ำด้วยรายรับจากตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2023

  • ธุรกิจแบบบริการ
    ผู้ให้บริการ เช่น ที่ปรึกษาและผู้ทํางานอิสระ และบริการเฉพาะทาง เช่น สำนักกฎหมายและเอเจนซีทำการตลาด มักจะใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพื่อเรียกเก็บค่าบริการ วิธีนี้จะพบได้บ่อยเป็นพิเศษในตลาดที่ออกใบแจ้งหนี้ และการเรียกเก็บเงินระยะไกลเป็นเรื่องปกติ โดยให้บริการทั้งการเรียกเก็บเงินทั้งแบบครั้งเดียวและตามแบบแผนล่วงหน้า

  • องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME)
    SME เลือกใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพราะค่าใช้จ่ายที่ต่ําและความสะดวกในการเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่ ความยืดหยุ่นของลิงก์ชําระเงินช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนจำนวนหนึ่งไปกับฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์

  • ผู้ทำงานรับจ้างแบบครั้งคราว
    บุคคลทั่วไปที่ทํางานในแวดวงการให้บริการแบบครั้งคราว เช่น ผู้ขับรถให้บริการแบบร่วมเดินทาง ผู้จัดส่ง และผู้ทํางานอิสระ มักจะเลือกใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพราะความเรียบง่ายและความเร็ว ลิงก์เหล่านี้ตอบโจทย์กําหนดเวลาการชําระเงินที่หลากหลายและการชำระเงินเป็นระยะๆ ตามลักษณะของงาน

  • องค์กรไม่แสวงผลกําไรและองค์กรการกุศล
    องค์กรไม่แสวงผลกําไรและองค์กรการกุศลใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพื่อปรับขั้นตอนการบริจาคให้ง่ายขึ้น วิธีนี้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสําหรับผู้บริจาค ซึ่งช่วยลดความติดขัดในประสบการณ์การบริจาคและการระดมทุน

  • สถาบันการศึกษา
    สถาบันการศึกษาใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพื่อเรียกเก็บค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียม เมื่อใช้ลิงก์ สถาบันเหล่านี้จะรับชําระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จําเป็นต้องทําธุรกรรมในสถานที่ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางไกล

  • ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
    ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพได้นําลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินมาใช้สำหรับการชําระค่าใช้จ่ายเพื่อการบําบัดและการให้คําปรึกษา วิธีนี้เป็นวิธีแบบไร้สัมผัส ซึ่งช่วยรักษามาตรฐานสุขอนามัยในแวดวงการดูแลสุขภาพ

  • ร้านอาหารและบริการจัดส่งอาหาร
    ในอุตสาหกรรมบริการด้านอาหาร ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเป็นทางเลือกแบบไร้สัมผัสซึ่งสามารถใช้แทนการชําระเงินด้วยบัตร โดยมอบความสะดวกสบายสําหรับทั้งบริการจัดส่งและการสั่งอาหารกลับบ้าน

  • ช่างฝีมือและตลาดงานฝีมือ
    ผู้สร้างสรรค์ที่เป็นบุคคลทั่วไปและศิลปินรายย่อยใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพื่อขายผลงานโดยไม่จําเป็นต้องมีหน้าร้านหรือทำธุรกรรมที่ใช้เงินสด ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือที่ร้านค้าแบบป๊อปอัป

  • ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้าน
    ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้านใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพื่อทำธุรกรรมสำหรับเงินมัดจำและค่าเช่าอย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความจําเป็นในการพบปะและการจัดการเช็คใบจริง

ลูกค้า

  • ลูกค้าจากระยะไกล
    บุคคลทั่วไปที่ซื้อสินค้าจากระยะไกลหรือในต่างประเทศจะใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพราะความสะดวกและความสามารถในการทําธุรกรรมในสกุลเงินที่แตกต่างกัน

  • ลูกค้าที่มีความชํานาญทางเทคโนโลยี
    ลูกค้าที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัลและการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างเลือกใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินเพราะเข้าถึงได้ง่ายและมีการรักษาความปลอดภัย

  • คนหนุ่มสาวและนักเรียนหรือนักศึกษา
    ประชากรกลุ่มนี้มักจะใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินสําหรับธุรกรรมขนาดเล็ก การชําระเงินระหว่างบุคคลถึงบุคคล และค่าธรรมเนียมการศึกษา เนื่องจากมีการเชื่อมต่อการทํางานกับแอปรับส่งข้อความและโซเชียลมีเดีย

  • คนทำงานที่มีงานยุ่ง
    คนทำงานซึ่งมีตารางชีวิตรัดตัวมักเลือกใช้ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงิน เพื่อให้จ่ายบิลและใบแจ้งหนี้ได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน

วิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์

ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินได้กลายมาเป็นส่วนสําคัญของการประมวลผลการชําระเงิน โดยนําเสนอวิธีการที่ง่ายดายสําหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปในการเริ่มต้นธุรกรรม กลไลอำนวยความสะดวกให้ลูกค้านี้ใช้เครือข่ายการดำเนินงานที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้ประมวลผลการชําระเงินได้อย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพ

  • การเริ่มต้นธุรกรรม
    ขั้นตอนจะเริ่มต้นเมื่อผู้ขายสร้างลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินผ่านอินเทอร์เฟซของผู้ให้บริการชําระเงิน ลิงก์นี้จะเข้ารหัสข้อมูลการชําระเงินที่จําเป็น เช่น จํานวนเป็นตัวเลขและสกุลเงิน เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์นี้ ระบบจะนําทางลูกค้าไปที่เกตเวย์การชําระเงินที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยให้เกตเวย์การชําระเงินทําธุรกรรมจนเสร็จสมบูรณ์ได้ โดยมักจะใช้วิธีการชําระเงินที่หลากหลาย

  • การกำหนดเส้นทางและการประมวลผล
    หลังจากที่ลูกค้าส่งรายละเอียดการชําระเงินแล้ว ข้อมูลธุรกรรมจะได้รับการเข้ารหัสและส่งผ่านเกตเวย์การชําระเงิน จากนั้นระบบจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้ธนาคารผู้รับบัตร ซึ่งจะส่งต่อธุรกรรมเพื่อขออนุมัติวงเงินไปยังเครือข่ายบัตร เช่น Visa หรือ Mastercard ซึ่งจะทำการสื่อสารกับธนาคารที่ออกบัตร

  • โปรโตคอลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    ระหว่างการแลกเปลี่ยนเหล่านี้ การเข้ารหัสจะปกป้องข้อมูลธุรกรรม ส่วนเกตเวย์การชําระเงินจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสแบบ Secure Sockets Layer (SSL) วิธีนี้มักจะปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) ซึ่งสั่งให้มีการกําหนดค่าเครือข่ายที่ปลอดภัย มาตรการควบคุมการเข้าถึงที่รัดกุม และการติดตามและการทดสอบเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

  • โครงสร้างค่าธรรมเนียม
    โดยปกติแล้วผู้ให้บริการลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมแต่ละรายการที่ดําเนินการ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณธุรกรรม ขนาดตั๋วโดยเฉลี่ยของธุรกิจ และอัตราค่าบริการที่ได้เจรจาร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการชําระเงินกับธุรกิจ ค่าธรรมเนียมจะถูกแชร์ระหว่างคู่สัญญา ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการชําระเงิน ธนาคารที่ออกบัตร และธนาคารผู้รับบัตร

  • การหักยอดและการชําระเงิน
    หลังจากการอนุมัติแล้ว การชําระเงินด้วยลิงก์จะช่วยอํานวยความสะดวกในกระบวนการหักยอด ซึ่งมีการยืนยันรายละเอียดธุรกรรมระหว่างสถาบันทางการเงินที่เกี่ยวข้อง การชําระเงิน ซึ่งก็คือการส่งเงินจริงๆ มักจะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในวันเดียวกันหรือในวันทําการถัดไป

  • การวิเคราะห์ขั้นสูงและการรายงาน
    ระบบการชําระเงินด้วยลิงก์ยังช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงเครื่องมือการวิเคราะห์ธุรกรรมและการรายงาน ข้อมูลเหล่านี้ประกอบด้วยรายงานแบบละเอียดเกี่ยวกับปริมาณธุรกรรม อัตราการคืนเงิน และอัตราความสําเร็จของการชําระเงิน ซึ่งธุรกิจต่างๆ จะใช้เพื่อทําการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล และปรับปรุงการตั้งค่าการประมวลผลการชําระเงินของตัวเองได้

  • รองรับธุรกรรมทั่วโลก
    สถาปัตยกรรมของระบบการชําระเงินด้วยลิงก์นั้นรองรับการประมวลผลหลายสกุลเงิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รับการชําระเงินได้ในหลายสกุลและตอบโจทย์ฐานลูกค้าทั่วโลก นอกจากนี้ยังจัดการการแปลงสกุลเงินเมื่อจําเป็น ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่เครือข่ายบัตรหรือสถาบันทางการเงินให้บริการ

  • การเชื่อมต่อการทํางานและการเข้าถึง API
    ผู้ให้บริการชําระเงินยังมีส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ที่เชื่อมต่อการทำงานลิงก์ส่งคำขอให้ชําระเงินเข้ากับเว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ อีเมล และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้อย่างราบรื่น ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมลิงก์ชําระเงินไว้ในช่องทางการขายและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้

สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการชำระเงินด้วยลิงก์

การเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินนั้นเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถแชร์ลิงก์เหล่านี้ได้ทางอีเมล แชท หรือโซเชียลมีเดีย ลูกค้าจึงชําระเงินได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับตลาดที่มีการนําธนาคารดิจิทัลมาใช้สูง และลูกค้าที่คุ้นเคยกับธุรกรรมออนไลน์

ความเร็วของธุรกรรม

เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ชําระเงินและป้อนข้อมูลการชําระเงินแล้ว ระบบจะประมวลผลการชําระเงินเกือบจะในทันที วิธีนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสดให้ธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจจะได้รับเงินโดยไม่เกิดความล่าช้ามากเท่าใดนัก

การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มประสิทธิภาพ

ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินได้รับการออกแบบมาให้มีการรักษาความปลอดภัยเป็นฟีเจอร์หลัก ผู้ให้บริการระบบการชําระเงินเหล่านี้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น PCI DSS รวมทั้งใช้การเข้ารหัสและมาตรการคุ้มครองอื่นๆ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว

สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

สำหรับธุรกรรมแต่ละรายการ ธุรกิจจะรวบรวมข้อมูลที่มีคุณค่าซึ่งนําไปใช้ทําความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์จะติดตามรูปแบบการชําระเงิน ความถี่ มูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย และเมตริกอื่นๆ ข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับแต่งบริการและความพยายามทางการตลาดของตนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

ความยืดหยุ่นในการรับชําระเงิน

ธุรกิจที่ใช้ลิงก์ชําระเงินสามารถยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย ตั้งแต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ไปจนถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล ความคล่องตัวนี้ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการการชําระเงินที่หลากหลายของลูกค้าได้

ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

การผสานลิงก์ชําระเงินเข้ากับการดำเนินงานของธุรกิจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ การสร้างระบบอัตโนมัติสําหรับการออกใบแจ้งหนี้ และแนวทางการทําบัญชีนั้นเกิดขึ้นได้โดยใช้ API ที่เชื่อมโยงระบบการชําระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์ธุรกิจ การเชื่อมต่อทํางานนี้ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการดำเนินการด้วยตนเองและประหยัดเวลาในทำงานหลังบ้านได้

ความภักดีและการมีส่วนร่วมของลูกค้า

การชําระเงินด้วยลิงก์ส่งคําขอจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า โดยรวมรางวัลสะสมและส่วนลดไว้ในขั้นตอนการชําระเงิน รางวัลจูงใจเหล่านี้อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างฐานลูกค้าประจำและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำ

ความต้องการของลูกค้าในการชําระเงินแบบดิจิทัล

สถิติสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านโซลูชันการชําระเงินแบบดิจิทัล วิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลกําลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าตลาดการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มีการปรับตัวให้เหมาะกับการใช้งานของลูกค้า โดยมอบความสะดวกและความปลอดภัยที่ลูกค้าสมัยใหม่ต้องการ

มาตรการรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยลิงก์

ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์อํานวยความสะดวกให้การทําธุรกรรมด้วยความเร็วและความสะดวกสบาย ความปลอดภัยของระบบเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลธุรกรรมจะมีความสมบูรณ์และช่วยปกป้องข้อมูลทางการเงิน

เทคโนโลยีการเข้ารหัส

ลิงก์ส่งคําขอให้ชําระเงินจะนําเทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงมาใช้และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ โปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) ซึ่งสร้างช่องทางที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์ของผู้ประมวลผลการชําระเงิน จะปกป้องข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่ายของตัวเอง สําหรับข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการจัดเก็บ ผู้ให้บริการจะใช้มาตรฐานการเข้ารหัส เช่น Advanced Encryption Standard (AES) โดยมีความยาวคีย์อย่างน้อย 128 บิตตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม

บริการแปลงเป็นโทเค็น

การแปลงเป็นโทเค็นเป็นฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยหลักซึ่งแทนรายละเอียดของบัตรที่ละเอียดอ่อนและด้วยรหัสระบุเฉพาะ ขั้นตอนนี้ช่วยให้มั่นใจว่าจะไม่มีการจัดเก็บหรือส่งหมายเลขบัตรจริงในระหว่างการทําธุรกรรม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหลของข้อมูลได้ โทเค็นนี้ใช้เฉพาะในสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่ปลอดภัย และกลายเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์หากถูกดักจับโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

การประเมินความเสี่ยงขั้นสูง

ผู้ให้บริการจะประเมินธุรกรรมเพื่อตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงอย่างต่อเนื่องโดยใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อน ระบบเหล่านี้ใช้ชุดข้อมูลจำนวนมากในการระบุกิจกรรมที่ผิดปกติแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะรายงานความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเพื่อดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามธุรกรรมแต่ละรายการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการระบุและลดภัยคุกคาม

โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย

การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA) เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ลูกค้าอาจต้องระบุข้อมูลประจําตัวรูปแบบที่สอง เช่น รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวซึ่งส่งผ่าน SMS หรือที่สร้างผ่านแอปตรวจสอบสิทธิ์ ตัวเลือกที่รัดกุมยิ่งขึ้นได้แก่ โทเค็นฮาร์ดแวร์ ซึ่งปลอดภัยต่อกลยุทธ์ฟิชชิ่งหลายวิธีที่อาจสามารถโจมตี MFA รูปแบบที่ปลอดภัยน้อยกว่า

การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก

ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มีการใช้วิธีการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การจดจําใบหน้า และการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง วิธีการเหล่านี้มีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย ซึ่งอาศัยเอกลักษณ์ไบโอเมตริกของแต่ละบุคคล

การปฏิบัติตามข้อกําหนดทั่วโลก

ผู้ให้บริการการชำระเงินด้วยลิงก์ต่างปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศและในท้องถิ่นที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในสหภาพยุโรปกําหนดมาตรฐานที่เข้มงวดสําหรับการจัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ PCI DSS สร้างเกณฑ์มาตรฐานทั่วโลกสําหรับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชําระเงิน

การติดตามตรวจสอบภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง

ผู้ให้บริการยังต้องปรับเปลี่ยนมาตรการรักษาความปลอดภัยสําหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีระดับความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น การดูแลสุขภาพและบริการทางการเงิน พร้อมทั้งอาจต้องปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบข้อมูลและเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเพื่อจัดการกับภัยคุกคามเฉพาะที่ภาคธุรกิจเหล่านี้ประสบ

ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่ปรับเปลี่ยนได้

ธุรกิจที่ใช้ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มักจะมีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยที่ปรับเปลี่ยนได้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าระดับองค์กรอาจได้รับประโยชน์จากการควบคุมการใช้จ่ายที่กําหนดค่าได้และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบและจัดการค่าใช้จ่ายขององค์กร

ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินด้วยลิงก์

ก่อนที่จะเสนอบริการชําระเงินให้กับลูกค้าได้ ธุรกิจต้องดําเนินการบางอย่างเพื่อสร้างกรอบแนวคิดด้านการดำเนินงานและการรักษาความปลอดภัยสําหรับการประมวลผลการชําระเงิน ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้เชื่อมต่อการทำงานกับบริการชําระเงินและปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมได้อย่างราบรื่น

  • การสร้างบัญชีผู้ค้า
    ธุรกิจต่างๆ ต้องสร้างบัญชีผู้ค้า ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารประเภทหนึ่งที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ ยอมรับและประมวลผลธุรกรรมบัตรชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ผู้ประมวลผลการชําระเงินเช่น Stripe ให้บริการบัญชีผู้ค้า ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนในขั้นตอนการตั้งค่า ข้อตกลงที่ทำกับผู้ประมวลผลการชําระเงินจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิ์และความรับผิดชอบของฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และเป็นขั้นตอนสําคัญในการติดตั้งใช้งานการชําระเงินด้วยลิงก์

  • การเชื่อมต่อการทํางานเกตเวย์การชําระเงิน
    เกตเวย์การชําระเงินเป็นบริการที่อนุมัติและประมวลผลการชําระเงินสําหรับผู้ค้าปลีกออนไลน์ด้วยวิธีที่ปลอดภัย การเชื่อมต่อการทํางานเกตเวย์การชําระเงินเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการจัดการการส่งข้อมูลธุรกรรม บริการชำระเงินด้วยลิงก์มักจะอํานวยความสะดวกให้ขั้นตอนนี้ผ่าน API ที่ช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเว็บไซต์ของธุรกิจกับผู้ประมวลผลการชําระเงินได้อย่างปลอดภัย

  • การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัย
    ธุรกิจที่รับการชําระเงินด้วยบัตรต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยชุดนี้ออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัททุกแห่งที่ประมวลผล จัดเก็บ หรือส่งข้อมูลบัตรเครดิตจะต้องรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย บริการชำระเงินด้วยลิงก์ต้องปฏิบัติตาม PCI DSS ซึ่งครอบคลุมมาตรการป้องกันมากมาย โดยรวมถึงการดูแลเครือข่ายที่ปลอดภัย การปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร และการใช้มาตรการควบคุมการเข้าถึงที่รัดกุม

  • โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค
    ธุรกิจจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อรองรับบริการชําระเงินด้วยลิงก์ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร เว็บไซต์ที่ปลอดภัย และระบบที่สามารถจัดการการส่งข้อมูลแบบเข้ารหัส การตั้งค่าทางเทคนิคควรสามารถเชื่อมต่อการทํางานกับเทคโนโลยีของผู้ประมวลผลการชําระเงินได้

  • กระบวนการยืนยันลูกค้า
    บริการชำระเงินด้วยลิงก์ต้องอาศัยกลไกในการยืนยันตัวตนของลูกค้าเพื่อป้องกันการฉ้อโกง โดยมักจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย หรือใช้การยืนยันด้วยอีเมลหรือ SMS ธุรกิจจําเป็นต้องมีระบบที่รองรับกระบวนการยืนยันเหล่านี้

  • ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับสกุลเงินและการแปลภาษาให้เข้ากับท้องถิ่น
    สําหรับธุรกิจที่ดําเนินงานในหลายประเทศหรือให้บริการลูกค้าในต่างประเทศ บริการชำระเงินด้วยลิงก์จะต้องสามารถจัดการสกุลเงินและภาษาที่แตกต่างกันได้ การทำเช่นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะชําระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตัวเองและรับการสื่อสารด้วยภาษาที่ต้องการได้

  • บริการสำหรับลูกค้าและการยุติการโต้แย้งการชําระเงิน
    ธุรกิจจําเป็นต้องมีระบบสําหรับจัดการการสอบถามข้อมูลของลูกค้าและการโต้แย้งการชําระเงิน ผู้ให้บริการชำระเงินด้วยลิงก์มักจะมีเครื่องมือสําหรับติดตามธุรกรรมและจัดการการดึงเงินคืน หรือการคืนเงิน ธุรกิจต่างๆ ต้องตรวจสอบว่าสามารถจัดการกับปัญหาด้านการบริการลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินด้วยธุรกรรมที่ชำระเงินด้วยลิงก์

  • นโยบายการจัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัว
    ธุรกิจยังต้องระบุนโยบายการจัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัวที่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของท้องถิ่นและระดับสากลไว้อย่างชัดเจน เช่น GDPR ในสหภาพยุโรป บริการชำระเงินด้วยลิงก์ต้องปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้ เพื่อรักษาความลับและความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงิน

ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการชำระเงินด้วยลิงก์

การชําระเงินด้วยลิงก์คือวิธีการที่ธุรกิจสามารถส่งคําขอให้ลูกค้าชําระเงิน โดยส่งลิงก์ไปยังหน้าการชําระเงินให้ลูกค้า แม้จะเป็นวิธีที่สะดวก แต่บริการอื่นๆ ก็มีฟีเจอร์การออกใบแจ้งหนี้ที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น ระบบการออกใบแจ้งหนี้ของ Stripe เชื่อมต่อการทํางานเข้ากับชุดเครื่องมือประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสร้างและส่งใบแจ้งหนี้ด้วยลิงก์ชําระเงินแบบคลิกได้ผ่านทางแดชบอร์ด Stripe โดยตรง หรือผ่าน API เพื่อโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

ทางเลือกในการให้บริการจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมธุรกรรม ความง่ายดายในการเชื่อมต่อการทำงานกับระบบที่มีอยู่ และข้อกําหนดเฉพาะของธุรกิจ แนวโน้มต่างๆ บ่งชี้ถึงความต้องการการชําระเงินตามใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย Statista คาดการณ์ว่าการชําระเงินแบบดิจิทัลทั่วโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดที่มีความสนใจใซลูชันการชําระเงินออนไลน์ที่หลากหลาย นอกเหนือจากลิงก์ชําระเงินแบบเดิมๆ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe