ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงิน ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่า "การชำระเงินด้วยลิงก์" ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งคำขอการชำระเงินถึงลูกค้าผ่านลิงก์แบบดิจิทัลได้ จากนั้นลิงก์นี้จะนำลูกค้าไปที่พอร์ทัลการชำระเงินเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ หลายๆ ภาคส่วน ตั้งแต่การค้าปลีกไปจนถึงอุตสาหกรรมบริการก็ได้นำวิธีการชำระเงินนี้ไปใช้แล้ว และเริ่มติดตลาดในภูมิภาคที่มีการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่สูง
ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์นั้นมีความคล่องตัว และมักผสานการทำงานของตัวเลือกการชำระเงินหลายๆ แบบไว้ในลิงก์เดียว เพื่อรองรับความต้องการด้านการชำระเงินที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก ลักษณะดังกล่าวช่วยให้ระบบเหล่านี้สามารถรองรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตชั้นนำทั่วโลก (เช่น Visa และ Mastercard) วิธีการชำระเงินในท้องถิ่นเฉพาะภูมิภาค (เช่น iDEAL ในเนเธอร์แลนด์, Alipay ในจีน และ Pix ในบราซิล) และกระเป๋าเงินดิจิทัล
การชำระเงินง่ายๆ ด้วยการคลิกลิงก์ได้บนทุกอุปกรณ์สอดรับกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในด้านความสะดวกและความรวดเร็วในการทำธุรกรรมออนไลน์ ด้านล่างนี้เป็นคู่มือที่ครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์ รวมถึงการใช้งาน ขอบเขต และความแตกต่างทางการเงินเล็กๆ น้อยๆ ในตลาดต่างๆ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การชำระเงินด้วยลิงก์คืออะไร
- มีพื้นที่ใดบ้างที่ใช้การชำระเงินด้วยลิงก์
- มีใครบ้างที่ใช้การชำระเงินด้วยลิงก์
- วิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์
- ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการรับชำระเงินด้วยลิงก์
- ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของการชำระเงินด้วยลิงก์
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยลิงก์
- วิธีที่ธุรกิจสามารถรับชำระเงินด้วยลิงก์ได้
- Stripe Payment Links อาจมีประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
การชำระเงินด้วยลิงก์คืออะไร
การชำระเงินด้วยลิงก์ คือ วิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ส่งคำขอให้ลูกค้าชำระเงินผ่านลิงก์ที่แชร์ได้ วิธีนี้มีประโยชน์ในการชำระเงินจากระยะไกลเพราะทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เทอร์มินัลบัตรเครื่องจริงหรือใช้บัตรใบจริง ธุรกิจสามารถสร้างลิงก์ชำระเงินผ่านผู้ให้บริการชำระเงินของตนเอง จากนั้นก็ส่งลิงก์ให้กับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ (เช่น อีเมล, SMS หรือแอปรับส่งข้อความ) จากนั้น ลูกค้าก็จะสามารถชำระเงินออนไลน์ผ่านหน้าเว็บที่ปลอดภัยได้
การชำระเงินด้วยลิงก์นั้นรองรับตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิตและเดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร และกระเป๋าเงินดิจิทัล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของผู้ประมวลผลการชำระเงิน สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ขายที่เป็นบุคคลทั่วไป วิธีนี้ช่วยให้รับชำระเงินได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ การใช้การชำระเงินด้วยลิงก์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากภาคธุรกิจค้าปลีกและบริการปรับตัวเพื่อจัดการกับการใช้งานทางออนไลน์และธุรกรรมแบบไร้สัมผัสที่เพิ่มขึ้น
มีพื้นที่ใดบ้างที่ใช้การชำระเงินด้วยลิงก์
สหรัฐอเมริกา: ในสหรัฐอเมริกา ธุรกิจทุกขนาดต่างก็ใช้เทคโนโลยีการชำระเงินด้วยลิงก์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งใบเรียกเก็บเงินและการเก็บเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซและบริการเฉพาะทาง
สหราชอาณาจักร: ลูกค้าในสหราชอาณาจักรใช้งานโซลูชันการชำระเงินด้วยลิงก์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมอบความสะดวกสบายแก่ลูกค้าในระดับสูงด้วยวิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลและการเป็นภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่
เยอรมนี: ธุรกิจในเยอรมนี โดยเฉพาะในแวดวงยานยนต์ การดูแลสุขภาพ และธุรกิจค้าปลีกต่างก็ผสานวิธีการชำระเงินด้วยลิงก์เพื่อให้มีการชำระเงินที่ยืดหยุ่น แนวโน้มนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
บราซิล: บราซิลกำลังนำการชำระเงินด้วยลิงก์มาใช้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือในประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ญี่ปุ่น: ในญี่ปุ่น การชำระเงินด้วยลิงก์จะเข้ามาเสริมตัวเลือกการชำระเงินขั้นสูงแบบอื่นๆ โดยเฉพาะในด้านการค้าระหว่างประเทศ
แอฟริกาใต้: การชำระเงินด้วยลิงก์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ธุรกิจในแอฟริกาใต้ใช้เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งรวมถึงประชากรที่ไม่ได้ใช้ธนาคาร การผสานการทำงานกับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ คือกุญแจสำคัญในภูมิภาคที่ลูกค้าใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่มากกว่าบัญชีธนาคาร
มีใครบ้างที่ใช้การชำระเงินด้วยลิงก์
ทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไปต่างก็ใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงิน โดยปกติแล้วลิงก์เหล่านี้จะสร้างผ่านเกตเวย์การชำระเงิน และส่งให้ทางอีเมล, SMS หรือแพลตฟอร์มรับส่งข้อความอื่นๆ ซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบบันทึกการขาย (POS)
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและผู้ค้าปลีกออนไลน์: ผู้ค้าปลีกออนไลน์เป็นหนึ่งในผู้ใช้หลักของลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงิน โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการเสนอตัวเลือกการชำระเงินโดยตรงที่ไม่ยุ่งยากให้ลูกค้า
ธุรกิจที่ให้บริการ: ผู้ให้บริการ เช่น ที่ปรึกษาและผู้ทำงานอิสระ และบริษัทที่ให้บริการเฉพาะทาง เช่น สำนักกฎหมายและเอเจนซีทำการตลาด มักจะใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพื่อเรียกเก็บค่าบริการ วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างยิ่งสำหรับการออกใบแจ้งหนี้ และการเรียกเก็บเงินระยะไกล โดยให้บริการทั้งการเรียกเก็บเงินทั้งแบบครั้งเดียวและตามแบบแผนล่วงหน้า
องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME): SME เลือกใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพราะค่าใช้จ่ายที่ต่ำและความสะดวกในการผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่
องค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรการกุศล: องค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรการกุศลใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพื่อช่วยให้บริจาคได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับการระดมทุน
สถาบันการศึกษา: สถาบันเหล่านี้สามารถรับชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องทำธุรกรรมในสถานที่ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางไกล
ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ: ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพได้นำลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินมาใช้สำหรับการชำระค่าใช้จ่ายเพื่อการบำบัดและการให้คำปรึกษา
ร้านอาหารและบริการจัดส่งอาหาร: ในอุตสาหกรรมบริการด้านอาหาร ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเป็นทางเลือกแบบไร้สัมผัสซึ่งสามารถใช้แทนการชำระเงินด้วยบัตร
ช่างฝีมือและตลาดงานฝีมือ: ครีเอเตอร์ที่เป็นบุคคลทั่วไปและช่างฝีมือรายย่อยใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพื่อขายผลงานโดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านหรือทำธุรกรรมที่ใช้เงินสด
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้าน: ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้านใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินเพื่อทำธุรกรรมสำหรับเงินมัดจำและค่าเช่าอย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการพบปะและการจัดการเช็คใบจริง
วิธีการทำงานของการชำระเงินด้วยลิงก์
ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ แต่ก็มีเครือข่ายการดำเนินงานที่ซับซ้อน เพื่อให้การประมวลผลการชำระเงินปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนนี้จะเริ่มต้นเมื่อผู้ขายสร้างลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินผ่านอินเทอร์เฟซของผู้ให้บริการชำระเงิน ลิงก์นี้จะมีข้อมูลการชำระเงินที่จำเป็น เช่น จำนวนเป็นตัวเลขและสกุลเงิน เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์นี้ ระบบจะนำลูกค้าไปที่เกตเวย์การชำระเงินที่ปลอดภัยเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
หลังจากที่ลูกค้าส่งรายละเอียดการชำระเงินแล้ว ข้อมูลธุรกรรมจะได้รับการเข้ารหัสและส่งผ่านเกตเวย์การชำระเงิน จากนั้นระบบจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้ธนาคารผู้รับบัตร ซึ่งจะส่งต่อธุรกรรมเพื่อขออนุมัติไปยังเครือข่ายบัตร เช่น Visa หรือ Mastercard ซึ่งจะสื่อสารกับธนาคารที่ออกบัตร
หลังจากการอนุมัติแล้ว ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์จะช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการหักยอด ซึ่งมีการยืนยันรายละเอียดธุรกรรมระหว่างสถาบันทางการเงินที่เกี่ยวข้อง การชำระเงิน ซึ่งก็คือการส่งเงินจริงๆ มักจะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในวันเดียวกันหรือในวันทำการถัดไป
ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการรับชำระเงินด้วยลิงก์
การเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินนั้นเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถแชร์ลิงก์เหล่านี้ได้ทางอีเมล แชท หรือโซเชียลมีเดีย ลูกค้าจึงชำระเงินได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตลาดที่มีการนำธนาคารดิจิทัลมาใช้สูง และลูกค้าที่คุ้นเคยกับธุรกรรมออนไลน์
ความรวดเร็วของธุรกรรม
เมื่อลูกค้าคลิกลิงก์ชำระเงินและป้อนข้อมูลการชำระเงินแล้ว ระบบจะประมวลผลการชำระเงินเกือบจะในทันที วิธีนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสดให้ธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจจะได้รับเงินโดยไม่เกิดความล่าช้ามากเท่าใดนัก
การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มประสิทธิภาพ
ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินออกแบบมาโดยคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยเป็นฟีเจอร์หลัก ผู้ให้บริการระบบการชำระเงินเหล่านี้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น PCI DSS รวมทั้งใช้การเข้ารหัสและมาตรการคุ้มครองอื่นๆ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว
สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
สำหรับธุรกรรมแต่ละรายการ ธุรกิจจะรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งใช้ทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์จะติดตามรูปแบบการชำระเงิน ความถี่ มูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย และเมตริกอื่นๆ ได้ ข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับแต่งบริการและการทำการตลาดของตนให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าดียิ่งขึ้นได้
ความยืดหยุ่นในการรับชำระเงิน
ธุรกิจที่ใช้ลิงก์ชำระเงินสามารถรับวิธีการชำระเงินได้หลายแบบ ตั้งแต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ไปจนถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล ความคล่องตัวนี้ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการในการชำระเงินที่หลากหลายของฐานลูกค้าได้
ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
การผสานลิงก์ชำระเงินเข้ากับการดำเนินงานของธุรกิจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ การสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการออกใบแจ้งหนี้ และแนวทางการทำบัญชีนั้นเกิดขึ้นได้โดยใช้ API ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์ธุรกิจ การผสานการทำงานนี้ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการดำเนินการด้วยตนเองและประหยัดเวลาในการทำงานหลังบ้านได้
ความภักดีและการมีส่วนร่วมของลูกค้า
ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า โดยรวมรางวัลสะสมและส่วนลดไว้ในขั้นตอนการชำระเงิน รางวัลจูงใจเหล่านี้อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างฐานลูกค้าประจำและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำ
ความต้องการของลูกค้าในการชำระเงินแบบดิจิทัล
สถิติสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านโซลูชันการชำระเงินแบบดิจิทัล วิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าตลาดการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงขึ้นจาก 4.97 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 26.53 ล้านล้านดอลลาร์ภ่ายในปี 2032 ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มีการปรับตัวให้เหมาะกับการใช้งานของลูกค้า โดยมอบความสะดวกและความปลอดภัยอย่างที่ลูกค้าสมัยใหม่ต้องการ
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมของการชำระเงินด้วยลิงก์
เมื่อธุรกิจต่างๆ เลือกใช้ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์ ธุรกรรมเหล่านั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมหลายรายการ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ภูมิภาค และลักษณะเฉพาะของธุรกรรมเหล่านั้น หมวดหมู่ทั่วๆ ไปของค่าธรรมเนียมมีดังต่อไปนี้
ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: การชำระเงินแต่ละรายการที่ดำเนินการผ่านลิงก์ส่งคำขอนั้นมักจะมีค่าธรรมเนียมธุรกรรม โดยผู้ประมวลผลการชำระเงินมักเรียกเก็บค่าบริการเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดธุรกรรมบวกด้วยค่าธรรมเนียมคงที่
ค่าธรรมเนียมรายเดือนและรายปี: ผู้ให้บริการลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินบางรายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบริการรายเดือนหรือรายปีสำหรับการใช้แพลตฟอร์มของตน
ค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืน: การดึงเงินคืนจะเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าโต้แย้งธุรกรรม ธุรกิจต่างๆ อาจเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเมื่อจัดการการโต้แย้งการชำระเงินเหล่านี้ ซึ่งอาจรวมค่าใช้จ่ายในการดึงเงินคืน ตลอดจนค่าธรรมเนียมการจัดการเพิ่มเติมที่ผู้ให้บริการกำหนด
ค่าธรรมเนียมข้ามพรมแดน: ค่าธรรมเนียมเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการแปลงสกุลเงินและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับธุรกรรมข้ามพรมแดน
ค่าธรรมเนียมการผสานการทำงาน: หากธุรกิจต้องการการผสานการทำงานแบบเฉพาะทางระหว่างระบบการชำระเงินด้วยลิงก์กับซอฟต์แวร์การดำเนินการที่มีอยู่ ก็อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการพัฒนาและบำรุงรักษาการผสานการทำงานเหล่านี้
ลูกค้ายังอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมเมื่อใช้ลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงิน แต่มักมีจำนวนต่ำกว่าค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจ โดยทั่วไปแล้วค่าธรรมเนียมของลูกค้าจะประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
- ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ
- ค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดล่วงหน้า
- ค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า
- ค่าธรรมเนียมรายปี
มาตรการรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยลิงก์
ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลธุรกรรมมีความสมบูรณ์ถูกต้องและปกป้องข้อมูลทางการเงิน
เทคโนโลยีการเข้ารหัส: ผู้ให้บริการลิงก์ส่งคำขอให้ชำระเงินจะใช้การเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลในระหว่างการส่งและขณะจัดเก็บ ผู้ให้บริการดังกล่าวจะปกป้องข้อมูลในระหว่างการส่งด้วยโปรโตคอล TLS และเข้ารหัสข้อมูลที่จัดเก็บโดยใช้ AES โดยมีคีย์ยาวอย่างน้อย 128 บิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
บริการแปลงเป็นโทเค็น: การแปลงเป็นโทเค็นเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลักซึ่งจะแทนที่รายละเอียดของบัตรที่ละเอียดอ่อนด้วยตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน ขั้นตอนนี้ช่วยให้มั่นใจว่าหมายเลขบัตรของจริงจะไม่ถูกจัดเก็บหรือส่งในระหว่างการทำธุรกรรม จึงลดความเสี่ยงที่จะมีการละเมิดข้อมูล
การประเมินความเสี่ยงขั้นสูง: ผู้ให้บริการใช้อัลกอริทึมแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์ธุรกรรมเพื่อหารูปแบบการฉ้อโกง ซึ่งช่วยให้ตรวจจับและลดความเสี่ยงได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย: ลูกค้าอาจต้องระบุข้อมูลประจำตัวรูปแบบที่สอง เช่น รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวที่ส่งผ่าน SMS หรือรหัสที่แอปตรวจสอบสิทธิ์สร้างขึ้น
การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก: ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มีการใช้วิธีการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า และการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง
การปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วโลก: ผู้ให้บริการการชำระเงินด้วยลิงก์ต่างปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศและในท้องถิ่นที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในสหภาพยุโรปกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดสำหรับการจัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ PCI DSS กำหนดเกณฑ์มาตรฐานทั่วโลกสำหรับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงิน
การติดตามภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูง: ผู้ให้บริการยังต้องปรับเปลี่ยนมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีระดับความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น การดูแลสุขภาพและบริการทางการเงิน พร้อมทั้งอาจต้องปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลและเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นเพื่อจัดการกับภัยคุกคามเฉพาะที่ภาคธุรกิจเหล่านี้ต้องพบเจอ
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแบบกำหนดเอง: ธุรกิจที่ใช้ระบบการชำระเงินด้วยลิงก์มักจะใช้ตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยแบบกำหนดเองได้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าระดับองค์กรอาจได้ประโยชน์จากการควบคุมการใช้จ่ายที่กำหนดค่าได้และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจสอบและจัดการค่าใช้จ่ายขององค์กร
วิธีที่ธุรกิจสามารถรับชำระเงินด้วยลิงก์ได้
การเปิดให้ลูกค้าหรือผู้บริจาคชำระเงินด้วยลิงก์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีขั้นตอนไม่กี่อย่างที่ต้องทำ และนี่คือวิธีที่ธุรกิจสามารถทำได้
- ธุรกิจสร้างลิงก์ชำระเงินโดยใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินของตน
- ธุรกิจจะแชร์ลิงก์นี้ไว้ที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะในอีเมล ข้อความ SMS หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย คุณสามารถแชร์ลิงก์ชำระเงินเดียวกันให้กับลูกค้าหลายคนได้
- ลูกค้าคลิกที่ลิงก์ชำระเงิน
- ลิงก์จะนำลูกค้าไปยังหน้าการชำระเงินที่ปลอดภัยเพื่อดำเนินซื้อให้เสร็จสิ้น
- ลูกค้าเลือกวิธีการชำระเงิน (เช่น บัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร) และกรอกรายละเอียดของตน
- ธุรกิจจะได้รับการแจ้งเตือนว่าการชำระเงินสำเร็จแล้ว
ไม่ว่าคุณจะสร้างลิงก์ชำระเงินแบบใช้ครั้งเดียวหรือกำหนดค่าลิงก์ชำระเงินในวงกว้างสำหรับแคมเปญการตลาดแบบอัตโนมัติ ขั้นตอนนี้ก็ช่วยให้ทั้งธุรกิจและลูกค้าดำเนินการได้รวดเร็ว
Stripe Payment Links อาจมีประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
Stripe Payment Links เป็นโซลูชันแบบไม่ต้องเขียนโค้ด ซึ่งช่วยให้คุณสร้างและแชร์หน้าการชำระเงินที่ปลอดภัยทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว
Payment Links อาจให้ประโยชน์ต่อคุณได้ดังนี้
- ได้รับเงินเร็วขึ้น: แชร์ลิงก์ชำระเงินที่กำหนดเองให้กับลูกค้าและรับชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือตามแบบแผนล่วงหน้าได้ทันที โดยไม่ต้องออกใบแจ้งหนี้หรือผสานการทำงานให้ซับซ้อน
- เพิ่มการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน: เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินด้วยการออกแบบให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่และประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นขึ้น
- ประหยัดเวลา: สร้าง ปรับแต่ง และแชร์หน้าการชำระเงินได้ง่ายๆ ผ่านแดชบอร์ดของ Stripe โดยแทบไม่ต้องเขียนโค้ด
- ขยายไปทั่วโลก: รับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลก โดย Adaptive Pricing จะช่วยปรับราคาให้เข้ากับท้องถิ่นด้วยสกุลเงินมากกว่า 135 แบบ และเสนอวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นที่พร้อมใช้งาน
- เข้าถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Stripe: ผสานการทำงาน Payment Links เข้ากับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Stripe เช่น Stripe Billing, Stripe Radar และ Stripe Tax เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการชำระเงิน
- รักษาการควบคุมไว้: ปรับแต่งรูปลักษณ์และความรู้สึกของหน้าการชำระเงินให้สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ และติดตามกิจกรรมการชำระเงินทั้งหมดในที่เดียว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Payment Links ช่วยให้รับชำระเงินออนไลน์ได้ง่ายๆ หรือเริ่มใช้งานได้แล้ววันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ