ใบแจ้งหนี้คืออะไร สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  3. ใครคือผู้ที่ใช้ใบแจ้งหนี้
  4. องค์ประกอบสําคัญของใบแจ้งหนี้
  5. วิธีส่งใบแจ้งหนี้
  6. วิธีชําระเงินตามใบแจ้งหนี้
  7. วิธีที่ Stripe รองรับการออกใบแจ้งหนี้สําหรับธุรกิจ

ใบแจ้งหนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ โดยทำหน้าที่เป็นช่องทางสำคัญสำหรับกระแสเงินสด การบัญชีทางการเงิน และการปฏิบัติตามภาษี นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในงานธุรการจำนวนมากที่ธุรกิจต้องดำเนินการเป็นประจำ

แม้ว่าใบแจ้งหนี้มักถูกมองว่าเป็นเอกสารธุรการชิ้นหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจและผลกำไรของบริษัท การทำความเข้าใจแนวคิด ประโยชน์ และข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นของการออกใบแจ้งหนี้จะช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงการดำเนินการทางการเงินได้ โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจต่างๆ ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ และต้องจัดการกับรูปแบบการชำระเงิน ลูกค้า พนักงานสัญญาจ้าง และผู้ขายที่ซับซ้อนมากขึ้น

ด้านล่างนี้เราจะพูดถึงองค์ประกอบสำคัญและฟังก์ชันการทำงานของใบแจ้งหนี้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความรู้ที่จำเป็นในการทำให้การดำเนินการทางการเงินของธุรกิจง่ายขึ้น และได้รับประโยชน์สูงสุดจากธุรกรรมแต่ละครั้ง

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  • ใครคือผู้ที่ใช้ใบแจ้งหนี้
  • องค์ประกอบสําคัญของใบแจ้งหนี้
  • วิธีส่งใบแจ้งหนี้
  • วิธีชําระเงินตามใบแจ้งหนี้
  • วิธีที่ Stripe รองรับการออกใบแจ้งหนี้สําหรับธุรกิจ

ใบแจ้งหนี้คืออะไร

ใบแจ้งหนี้คือเอกสารเชิงพาณิชย์ที่ผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อเพื่อขอให้ชําระเงิน เอกสารดังกล่าวจะให้ข้อมูลสรุปรายการของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้รับ พร้อมทั้งยอดเงินที่ต้องชำระสำหรับสินค้าหรือบริการนั้นๆ และสามารถใช้เป็นบันทึกทางกฎหมายของธุรกรรมได้

ใบแจ้งหนี้มีความสําคัญต่อการทําบัญชีทางการเงินและการรายงานภาษี โดยจะช่วยให้ธุรกิจติดตามการขาย ตรวจสอบการไหวเวียนของสินค้าและบริการ จัดการกระแสเงินสด และสร้างรายงานทางการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจรักษาเส้นทางการตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดอีกด้วย

ใครคือผู้ที่ใช้ใบแจ้งหนี้

ใบแจ้งหนี้ถูกใช้โดยองค์กรต่างๆ มากมายในแง่ที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ และธุรกรรมทางการเงิน ตัวอย่างทั่วไปของนิติบุคคลที่ใช้ใบแจ้งหนี้บ่อยๆ มีดังนี้

  • ธุรกิจ
    ธุรกิจเกือบทุกประเภทอาจใช้ใบแจ้งหนี้ ไม่ว่าจะมีขนาดหรืออุตสาหกรรมใด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติหรือร้านค้าเล็กๆ ในพื้นที่ ก็จะต้องออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าเป็นขั้นตอนมาตรฐานหลังจากจัดหาสินค้าหรือบริการแล้ว

  • ฟรีแลนซ์และผู้รับจ้างอิสระ
    ผู้ประกอบอาชีพอิสระและผู้รับเหมาอิสระมักใช้ใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินจากลูกค้าสำหรับบริการที่พวกเขามอบให้ โดยปกติ ใบแจ้งหนี้เหล่านี้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับบริการที่ดำเนินการ เวลาที่ใช้หรือปริมาณที่จัดส่ง และอัตราที่ตกลงกันไว้

  • หน่วยงานราชการ
    หน่วยงานราชการมักจะใช้ใบแจ้งหนี้กับผู้ให้บริการ ซึ่งอาจรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่การจัดหาอุปกรณ์สำนักงาน ไปจนถึงการทำสัญญาโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

  • องค์กรไม่แสวงผลกําไร
    แม้องค์กรไม่แสวงผลกำไรจะไม่ได้ดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์แบบดั้งเดิม แต่ก็มักใช้ใบแจ้งหนี้เมื่อได้รับบริการจากผู้ขายหรือเมื่อให้บริการโดยมีค่าธรรมเนียม

  • ผู้ให้บริการ
    ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ทนายความ ที่ปรึกษา นักบัญชี และแพทย์ มักจะออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินสำหรับเวลาหรือบริการที่มอบให้แก่ลูกค้า

  • ผู้ค้าส่งและผู้ผลิต
    ในธุรกรรมแบบ B2B ผู้ค้าส่งและผู้ผลิตจะใช้ใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ค้าปลีกสําหรับสินค้าที่จัดส่ง

  • สถาบันการศึกษา
    โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอาจใช้ใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียน ที่พักอาศัย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ

นิติบุคคลที่จัดหาสินค้าหรือบริการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการชําระเงินสามารถใช้ใบแจ้งหนี้เพื่อแสดงรายการธุรกรรมและส่งคําขอให้ชําระเงินได้

องค์ประกอบสําคัญของใบแจ้งหนี้

โดยปกติ ใบแจ้งหนี้จะมีส่วนประกอบหลักหลายส่วนที่ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรม ต่อไปนี้คือองค์ประกอบหลักที่มักพบในใบแจ้งหนี้

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้
    นี่คือหมายเลขระบุที่ไม่ซ้ํากันสําหรับใบแจ้งหนี้แต่ละใบ ข้อมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบันทึกข้อมูลและสามารถช่วยให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อติดตามการชำระเงินและอ้างอิงถึงธุรกรรมในการสื่อสารในอนาคต

  • วันที่
    นี่คือวันที่ออกใบแจ้งหนี้ และสามารถช่วยระบุวันครบกำหนดชำระเงินได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเงื่อนไขคือ "สุทธิ 30 วัน" นั่นหมายความว่าใบแจ้งหนี้จะครบกําหนดชําระภายใน 30 วันหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้

  • ข้อมูลผู้ให้บริการ
    ซึ่งรวมถึงชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลการติดต่อ และบางครั้งอาจรวมถึงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขายหรือผู้ให้บริการด้วย

  • ข้อมูลลูกค้า
    เช่นเดียวกับข้อมูลผู้ให้บริการ นี่จะรวมถึงชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อของผู้ซื้อ

  • คําอธิบายเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
    ส่วนนี้ประกอบด้วยคำอธิบายแบบละเอียดของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มอบให้ รวมถึงปริมาณ ราคาต่อหน่วย และยอดรวม ควรระบุรายละเอียดให้ผู้ซื้อเข้าใจได้ง่ายว่ากําลังเรียกเก็บเงินสําหรับอะไรบ้าง

  • ยอดรวมย่อย
    จํานวนนี้คือค่าใช้จ่ายรวมของสินค้าหรือบริการทั้งหมดก่อนที่จะมีการคิดภาษี ส่วนลด หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

  • ภาษี ส่วนลด และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
    ใบแจ้งหนี้จะแสดงรายการภาษี ส่วนลด (เช่น ส่วนลดการชำระเงินล่วงหน้า) และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม (เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดส่งหรือการจัดการ) หากเกี่ยวข้อง โดยควรแยกเป็นรายการ จากนั้นค่อยเพิ่มหรือหักออกจากยอดรวมย่อย

  • ยอดรวมที่ครบกําหนดชําระ
    จํานวนนี้คือยอดสุดท้ายที่ผู้ซื้อต้องชําระ ระบบจะคํานวณโดยการเพิ่มยอดเรียกเก็บเงินทั้งหมด รวมถึงภาษีและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และหักส่วนลดออกจากยอดรวมย่อย

  • เงื่อนไขการชําระเงิน
    ในส่วนนี้จะระบุเงื่อนไขการชำระเงินที่ตกลงกันไว้ รวมถึงวันครบกำหนดและวิธีการชำระเงินที่ต้องการ นอกจากนี้ยังอาจระบุบทลงโทษสําหรับการชําระเงินล่าช้าด้วย

  • หมายเหตุ
    ใบแจ้งหนี้บางฉบับจะมีส่วนสำหรับใส่หมายเหตุ ซึ่งผู้ขายสามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมหรือข้อความส่วนตัวถึงผู้ซื้อได้

ส่วนประกอบที่เฉพาะเจาะจงอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจ ความซับซ้อนของธุรกรรม และกฎข้อบังคับหรือประเพณีท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบเหล่านี้มักจะสอดคล้องกันในใบแจ้งหนี้เกือบทุกประเภท และโปรแกรมประมวลผลคำออนไลน์หลายโปรแกรมก็มีเทมเพลตใบแจ้งหนี้ให้ใช้งานด้วย

วิธีส่งใบแจ้งหนี้

การส่งใบแจ้งหนี้มีขั้นตอนหลายขั้นตอนซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าการทําธุรกรรมจะเป็นไปอย่างราบรื่นและชําระเงินได้ทันเวลา นี่คือภาพรวมของกระบวนการดังกล่าว:

  • เตรียมใบแจ้งหนี้: ขั้นแรกคือคุณต้องสร้างใบแจ้งหนี้ ซึ่งรวมถึงการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด เช่น รายละเอียดสินค้าหรือบริการที่ให้ ค่าใช้จ่าย ข้อมูลของลูกค้า และข้อมูลธุรกิจของคุณ หากคุณออกใบแจ้งหนี้เป็นประจํา โปรดใช้ซอฟต์แวร์การออกใบแจ้งหนี้ที่สามารถทําขั้นตอนนี้โดยอัตโนมัติและช่วยให้คุณจัดการใบแจ้งหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ตรวจสอบใบแจ้งหนี้: ก่อนที่จะส่งใบแจ้งหนี้ โปรดตรวจสอบใบแจ้งหนี้เพื่อหาข้อผิดพลาด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง โดยเฉพาะต้นทุนสินค้าหรือบริการ ข้อมูลของลูกค้า และวันครบกําหนดชําระ ความผิดพลาดอาจนําไปสู่ความล่าช้าหรือการโต้แย้งการชําระเงิน

  • ส่งใบแจ้งหนี้: วิธีการส่งใบแจ้งหนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจของคุณและความสัมพันธ์ของคุณกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น หากคุณมีธุรกิจดิจิทัล วิธีการที่เหมาะสมที่สุดคือการส่งใบแจ้งหนี้ทางอีเมล ซึ่งในกรณีนี้คุณควรส่งใบแจ้งหนี้เป็นไฟล์ PDF หากคุณมีธุรกิจแบบดั้งเดิมที่มีหน้าร้าน คุณอาจต้องส่งสําเนาตัวจริงไปทางไปรษณีย์ ธุรกิจบางแห่งยังใช้บริการส่งใบแจ้งหนี้ด้วยซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มออกใบแจ้งหนี้ด้วย ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด โปรดตรวจสอบว่าใบแจ้งหนี้ส่งถึงบุคคลหรือแผนกที่ถูกต้องและมีหน้าที่รับผิดชอบในการชําระเงิน ธุรกิจบางแห่งขอให้ลูกค้าลงนามในใบแจ้งหนี้ แต่การดําเนินการนี้อาจไม่จําเป็นเสมอไป

  • ติดตามเรื่อง: ลูกค้ามักจะไม่ได้รับใบแจ้งหนี้หรือชําระเงินล่าช้า ติดตามเรื่องเป็นประจําจนกว่าคุณจะได้รับการชําระเงิน คุณอาจส่งอีเมลแจ้งเตือน 2-3 วันก่อนครบกําหนดชําระใบแจ้งหนี้ และติดตามผลอย่างสม่ําเสมอหากการชําระเงินล่าช้า

  • รับและบันทึกการชําระเงิน: เมื่อลูกค้าทําการชําระเงินแล้ว คุณควรบันทึกไว้ในระบบการทําบัญชีของคุณ วิธีนี้จะช่วยคุณในการติดตามกระแสเงินสดและสถานะทางการเงินได้ เก็บบันทึกใบแจ้งหนี้และการชําระเงินไว้เพื่อจุดประสงค์ทางภาษีและการอ้างอิงในอนาคต

  • จัดการการชําระเงินที่ล่าช้า: หากลูกค้าชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ไม่สําเร็จตรงเวลา คุณจะต้องตัดสินใจในขั้นตอนถัดไป ซึ่งอาจรวมถึงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า การหยุดให้บริการ หรือการดําเนินการทางกฎหมายในกรณีร้ายแรง การดําเนินการของคุณควรสอดคล้องกับข้อกําหนดที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ และสัญญาหรือข้อตกลงที่คุณมีกับลูกค้า

วิธีชําระเงินตามใบแจ้งหนี้

การชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ประกอบด้วยหลายขั้นตอนซึ่งช่วยให้การทําธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยเก็บบันทึกข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

  • ตรวจสอบใบแจ้งหนี้: หลังจากได้รับใบแจ้งหนี้แล้ว ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด ยืนยันว่ารายละเอียดทั้งหมดถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดส่ง จํานวน และราคา โปรดตรวจสอบว่าข้อมูลผู้ให้บริการหรือผู้จัดจําหน่าย หมายเลขใบแจ้งหนี้ และวันที่ถูกต้องด้วย

  • ยืนยันความถูกต้องของใบรับสินค้าหรือบริการ: ยืนยันว่าคุณได้รับสินค้าหรือบริการที่คุณถูกเรียกเก็บเงิน หากมีข้อมูลคลาดเคลื่อน โปรดติดต่อผู้ให้บริการทันทีเพื่อพูดคุยและแก้ไขปัญหา

  • ตรวจสอบเงื่อนไขการชําระเงิน: ให้ความสําคัญกับเงื่อนไขการชําระเงินที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ รวมถึงวันครบกําหนดชําระและวิธีการชําระเงินที่ต้องการ ผู้ให้บริการบางรายเสนอส่วนลดสําหรับการชําระเงินก่อนกำหนด ดังนั้นคุณควรใช้ประโยชน์ดังกล่าว หากเป็นไปได้

  • เตรียมการชําระเงิน: เมื่อคุณพร้อมที่จะชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ คุณต้องดำเนินการชำระเงินโดยใช้วิธีที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้ โดยอาจเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร เช็ค การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หรือวิธีการอื่นๆ ตามที่ตกลงกันไว้

  • ส่งการชําระเงิน: ส่งการชำระเงินตามวิธีการที่ระบุในใบแจ้งหนี้ โดยต้องแน่ใจว่าทำก่อนหรือในวันที่ครบกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับจากการดำเนินการล่าช้า ถ้าการชําระเงินเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้บันทึก ID ธุรกรรมหรือรหัสอื่นใดที่สามารถใช้ในการติดตามการชําระเงินได้

  • บันทึกข้อมูลการชําระเงิน: หลังจากชําระเงินแล้ว ให้บันทึกใบแจ้งหนี้ในระบบการทําบัญชีทางการเงิน โดยทําเครื่องหมายใบแจ้งหนี้ว่าชําระแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้คุณติดตามค่าใช้จ่าย รักษาบันทึกทางการเงินที่ถูกต้อง และจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เก็บสําเนาใบแจ้งหนี้และใบเสร็จการชําระเงิน: คุณจําเป็นต้องเก็บสําเนาใบแจ้งหนี้ที่ชําระเงินแล้วและใบเสร็จการชําระเงินทั้งหมดไว้เพื่อจุดประสงค์ด้านภาษี แนวทางการตรวจสอบบัญชี และใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคต นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวยังสามารถช่วยแก้ไขข้อโต้แย้งหรือความเข้าใจผิดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้

  • สื่อสารกับผู้ให้บริการ: หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาใดๆ เกี่ยวกับใบแจ้งหนี้ โปรดแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ การแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบเมื่อชำระเงินแล้ว ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวิธีการชำระเงินไม่ได้แจ้งให้พวกเขาทราบโดยอัตโนมัติ

การตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณชําระใบแจ้งหนี้อย่างรวดเร็วและถูกต้องไม่ใช่แค่การจัดการทางการเงินที่ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยในการรักษาความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้ให้บริการและซัพพลายเออร์ของคุณ

วิธีที่ Stripe รองรับการออกใบแจ้งหนี้สําหรับธุรกิจ

Stripe Invoicing มอบฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพสําหรับการสร้าง การส่ง และการจัดการใบแจ้งหนี้สําหรับธุรกิจ

  • การสร้างใบแจ้งหนี้
    Stripe ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สร้างใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพและปรับแต่งได้ คุณสามารถเพิ่มโลโก้ พร้อมทั้งข้อความที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล และแก้ไขใบแจ้งหนี้ให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ

  • การออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ
    คุณสามารถทำให้กระบวนการออกใบแจ้งหนี้ทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติได้ด้วย Stripe ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าสําหรับการชําระเงินตามรอบบิล การคํานวณภาษีโดยอัตโนมัติ การให้ส่วนลด และแม้แต่การส่งการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติสําหรับใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้ชําระ

  • การเรียกเก็บเงินที่ยืดหยุ่น
    Stripe รองรับรูปแบบการเรียกเก็บเงินที่หลากหลาย เช่น การกำหนดราคาตามที่นั่ง การเรียกเก็บเงินแบบมิเตอร์ การกำหนดราคาแบบเป็นชั้น และอื่นๆ อีกมากมาย คุณจะปรับแต่งการเรียกเก็บเงินให้เหมาะกับลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้

  • การออกใบแจ้งหนี้ระหว่างประเทศ
    Stripe รองรับการออกใบแจ้งหนี้ในหลายภาษาและสกุลเงิน ซึ่งมีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับธุรกิจที่มีลูกค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ยังรองรับวิธีการชําระเงินท้องถิ่นในประเทศต่างๆ

  • การเรียกเก็บเงิน
    Stripe ให้บริการมีพอร์ทัลการชำระเงินที่ปลอดภัยซึ่งลูกค้าสามารถชำระใบแจ้งหนี้ได้ ลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต และวิธีการชําระเงินอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมเพื่อชําระใบแจ้งหนี้ได้ Stripe รองรับการชําระเงินแบบ ACH การโอนเงินระหว่างธนาคาร และเช็คสําหรับใบแจ้งหนี้ในสกุลเงิน USD

  • การติดตามใบแจ้งหนี้
    Stripe ช่วยให้ธุรกิจติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ได้อย่างง่ายดาย แพลตฟอร์มจะแจ้งธุรกิจเมื่อใบแจ้งหนี้ได้รับการชำระเงิน และจะเก็บข้อมูลใบแจ้งหนี้และการชําระเงินทั้งหมดไว้ ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการทําบัญชีและตรวจสอบทางการเงิน

  • การเชื่อมต่อระบบ
    ฟีเจอร์การออกใบแจ้งหนี้ของ Stripe สามารถผสานการทำงานเข้ากับเครื่องมือและซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ธุรกิจต่างๆ ใช้ เช่น ซอฟต์แวร์บัญชี ระบบ CRM และเครื่องมือการตลาดทางอีเมล การผสานการทํางานนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การดําเนินธุรกิจได้

  • การรักษาความปลอดภัย
    Stripe ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน โดยจะปฏิบัติตามมาตรฐาน PCI ซึ่งก็คือมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงินสำหรับการจัดการการชำระเงินด้วยบัตร

ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Stripe เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นและทรงพลังสำหรับการจัดการการออกใบแจ้งหนี้ทางธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลา ลดภาระงานด้านการบริหาร และรับรองความถูกต้องและตรงเวลาของการชำระเงิน พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและเริ่มต้นใช้งาน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing