การหักบัญชีแบบ ACH: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การหักบัญชีแบบ ACH คืออะไร
  3. มีการใช้การหักบัญชีแบบ ACH ในพื้นที่ใดบ้าง
  4. ใครคือผู้ที่ใช้การหักบัญชีแบบ ACH
    1. การใช้งานทางธุรกิจของการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH
    2. การใช้งานการหักบัญชีแบบ ACH ของลูกค้า
  5. วิธีการทํางานของการหักบัญชีแบบ ACH
    1. การเริ่มต้นธุรกรรมและการกําหนดเส้นทาง
    2. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    3. โครงสร้างค่าธรรมเนียม
    4. การชําระเงินและการหักบัญชี
    5. การนําไปใช้และแนวโน้มการใช้งาน
  6. สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการหักบัญชีแบบ ACH
    1. ค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ําลง
    2. การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ
    3. ข้อผิดพลาดในการประมวลผลการชําระเงินน้อยลง
    4. การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงด้านการชําระเงิน
    5. การดําเนินงานที่คล่องตัว
    6. สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ
    7. ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น
    8. แนวโน้มตลาดและการเติบโตของการหักบัญชีแบบ ACH
  7. มาตรการรักษาความปลอดภัยในการหักบัญชีแบบ ACH
  8. ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH
    1. การสร้างบัญชีผู้ค้า
    2. ข้อตกลงกับผู้ให้บริการ ACH
    3. การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ Nacha
    4. การปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)
    5. การติดตั้งใช้งานเครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง
    6. การเชื่อมต่อการทํางานซอฟต์แวร์
    7. การฝึกอบรมพนักงาน
    8. การเปิดเผยข้อมูลและการอนุมัติ
  9. ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการหักบัญชีแบบ ACH

การโอนเงินแบบ ACH เป็นวิธีการประมวลผลการชําระเงินที่ย้ายเงินทุนระหว่างบัญชีธนาคารโดยตรง ภายในระบบนิเวศการชําระเงินทั่วโลก ระบบ ACH จะสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติงานด้านการธนาคารในท้องถิ่น และแต่ละประเทศจะมีเวอร์ชันที่ปรับให้เหมาะกับระเบียบข้อบังคับและแนวทางปฏิบัติด้านธนาคารในประเทศของตน

ในปี 2022 เครือข่าย ACH ในสหรัฐอเมริกาประมวลผลการชําระเงินกว่า 3 หมื่นล้านรายการ ตามข้อมูลของ Nacha ธุรกิจและลูกค้าต่างก็เลือกทำธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH ซึ่งเป็นการโอนเงินผ่าน ACH ประเภทหนึ่ง ที่มีความน่าเชื่อถือและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้การชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าการโอนเงินแบบ ACH จะเป็นวิธีการชําระเงินที่พบมากในสหรัฐฯ แต่ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น ในสหภาพยุโรป การโอนเงินแบบ SEPA มอบแนวทางที่เป็นมาตรฐานสําหรับการชําระเงินข้ามพรมแดนในเขตยูโร ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการสําหรับทั้งผู้ชําระเงินและผู้รับเงิน รวมถึงลดความจําเป็นในการใช้ระบบต่างๆ เช่น ACH ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูงสําหรับธนาคารนั้นมีแนวโน้มที่จะใช้การหักบัญชีแบบ ACH ในอัตราที่สูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีระบบธนาคารที่พัฒนาน้อยกว่าอาจหันไปใช้วิธีการชําระเงินอื่นๆ เช่น การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งได้รับความนิยมเนื่องจากมีข้อกําหนดด้านโครงสร้างพื้นฐานต่ํากว่า กฎหมายของธนาคารท้องถิ่น ความต้องการทางสังคมสําหรับธุรกรรมแบบไร้เงินสด และระดับการเชื่อมต่อเทคโนโลยีในท้องถิ่นจะส่งผลต่อการใช้งานการชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH ในประเทศต่างๆ

ระบบการหักบัญชีแบบ ACH ทั่วโลกต่างมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือการช่วยอํานวยความสะดวกให้การโอนเงินมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ คู่มือนี้จะสรุปการทํางานของการชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH และอธิบายรายละเอียดเฉพาะของการหักบัญชีแบบ ACH ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การหักบัญชีแบบ ACH คืออะไร
  • มีการใช้การหักบัญชีแบบ ACH ในพื้นที่ใดบ้าง
  • ใครคือผู้ที่ใช้การหักบัญชีแบบ ACH
  • วิธีการทํางานของการหักบัญชีแบบ ACH
  • สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการหักบัญชีแบบ ACH
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยในการหักบัญชีแบบ ACH
  • ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH
  • ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการหักบัญชีแบบ ACH

การหักบัญชีแบบ ACH คืออะไร

การหักบัญชีแบบสำนักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) คือการโอนเงินแบบ ACH ประเภทหนึ่งที่ดึงเงินทุนจากบัญชีธนาคารของผู้ชําระเงินโดยตรง เครือข่าย ACH ซึ่งดําเนินงานโดย Nacha หรือเดิมทีเรียกว่าสมาคมสํานักหักบัญชีอัตโนมัติแห่งชาติ (National Automated Clearing House Association) จะประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นกลุ่ม เครือข่าย ACH ทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยเชื่อมโยงธนาคารและสถาบันทางการเงินต่างๆ เครือข่ายนี้ช่วยให้การชําระเงินประเภทต่างๆ เกิดขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงการฝากเงินโดยตรง บัญชีเงินเดือน ใบเรียกเก็บเงินลูกค้า การชําระภาษี และธุรกรรมระหว่างธุรกิกับธุรกิจจจํานวนมาก

การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH ไม่แตกต่างจากวิธีการชําระเงินอื่นๆ ทั้งในแง่กระบวนการและความรวดเร็ว เมื่อธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปเริ่มต้นธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH ฝ่ายที่ส่งคําขอจะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าของบัญชีก่อน จึงจะดึงเงินจากบัญชีได้ ขั้นตอนนี้สามารถทําได้ผ่านสัญญาที่ลงนาม การบันทึกการสนทนาทางวาจา หรือแบบฟอร์มทำข้อตกลงออนไลน์ หลังจากที่ได้รับอนุมัติ ระบบจะประมวลผลการชําระเงินดังกล่าวและโดยปกติแล้วจะใช้เวลา 2-3 วันทําการจึงจะสรุปรายการเหล่านี้ได้ กรอบเวลานี้ช่วยให้มั่นใจว่าจะมีการดําเนินการตรวจสอบและยอดคงเหลือที่จําเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกรรม

การใช้งานการหักบัญชีแบบ ACH ทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้การชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น รายงานของ Nacha ระบุว่าเครือข่าย ACH ประมวลผลการชําระเงินไปแล้ว 76.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2021 ระบบนี้มีชื่อเสียงในด้านความน่าเชื่อถือและมีการนําไปใช้งานหลากหลาย โดยรวมถึงการจัดการธุรกรรมทางธุรกิจขนาดใหญ่และการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าแบบอัตโนมัติ เมื่อธุรกิจและลูกค้ามองหาโซลูชันการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถผสานการทํางานกับเครื่องมือการเงินแบบดิจิทัลได้มากขึ้น การหักบัญชีแบบ ACH จึงกลายมาเป็นวิธีหลักในธุรกรรมทางการเงินสมัยใหม่

มีการใช้การหักบัญชีแบบ ACH ในพื้นที่ใดบ้าง

เครือข่าย ACH มีการใช้ในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เครือข่ายนี้เป็นหนึ่งในระบบการชําระเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีการดําเนินงานดีที่สุดในโลก โดยถูกนำไปใช้งานอย่างหลากหลายสําหรับธุรกรรมของลูกค้าและธุรกิจ รายงานของ Nacha ระบุว่าเครือข่าย ACH ประมวลผลการฝากบัญชีอัตโนมัติกว่า 8 พันล้านรายการ และการชําระเงินในวันเดียวกันถึง 697 ล้านรายการในปี 2022

สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นําในการชําระเงินแบบ ACH โดยอาศัยระบบนี้สําหรับธุรกรรมการชําระเงินจากรัฐบาล ทําบัญชีเงินเดือน รวมถึงธุรกรรมระหว่างธุรกิจและระหว่างบุคคลทั่วไป การศึกษาเกี่ยวกับการชําระเงินทุนสำรองของรัฐบาลกลางปี 2022 แสดงให้เห็นว่ามูลค่าการชําระเงินแบบ ACH คิดเป็นกว่า 90% ของมูลค่าการชําระเงินแบบไม่ใช้เงินสดที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2021 ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความต้องการใช้วิธีการนี้ที่เพิ่มขึ้นแทนที่จะใช้การชําระเงินแบบเดิม

ระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่คล้ายกันซึ่งมีการใช้งานทั่วโลก มักจะใช้ชื่ออื่นและมีกรอบการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ประเทศยูโรโซน: SEPA หรือก็คือ Single Euro Payments Area ใช้รูปแบบที่คล้ายกับ ACH สําหรับการโอนเงินยูโรระหว่างประเทศสมาชิก SEPA ทำให้การชําระเงินสกุลยูโรข้ามพรมแดนนั้นง่ายดายเหมือนการชําระเงินในประเทศ ซึ่งนําไปสู่การใช้งานอย่างแพร่หลายในยุโรป

  • แคนาดา: แคนาดาใช้ Canadian Payments Association หรือที่เรียกว่า Payments Canada ซึ่งจะจัดการการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศภายใต้ชื่อว่าการหักบัญชีอัตโนมัติ วิธีนี้รวมการชําระเงินที่คล้ายคลึงกับการหักบัญชีแบบ ACH

  • สหราชอาณาจักร: Bacs Payment Schemes Limited เป็น ACH เวอร์ชันของสหราชอาณาจักร และการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ Bacs ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวอังกฤษสําหรับการชําระเงินตามรอบบิลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

  • ออสเตรเลีย: Bulk Electronic Clearing System (BECS) เทียบเท่ากับเครือข่าย ACH ของออสเตรเลีย โดยจะจัดการการหักบัญชีและฝากบัญชีอัตโนมัติในบัญชีธนาคารต่างๆ ของออสเตรเลีย

ใครคือผู้ที่ใช้การหักบัญชีแบบ ACH

ธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายนิยมใช้ธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH เครือข่าย ACH อํานวยความสะดวกให้กับบริการการชําระเงินที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ในวงกว้างอันเนื่องมาจากความน่าเชื่อถือและคุ้มค่า

การใช้งานทางธุรกิจของการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH

  • องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME)
    SME หลายแห่งเลือกใช้ธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH สำหรับชําระเงินแก่ซัพพลายเออร์ จ่ายเงินเดือน และการส่งเงินภาษี ทางเลือกนี้เกิดจากความสะดวกในการตั้งค่าการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และต้นทุนต่อธุรกรรมที่ต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต

  • บริษัทขนาดใหญ่
    บริษัทมักจะใช้ธุรกรรมแบบ ACH เพื่อเรียกเก็บและเบิกจ่าย เพราะประโยชน์ในแง่ของประสิทธิภาพและความแน่นอนในการหักบัญชี ACH เพื่อจัดการกระแสเงินสด ปรับกระบวนการด้านเจ้าหนี้การค้าและลูกหนี้การค้าให้เป็นอัตโนมัติ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร

  • องค์กรไม่แสวงผลกําไร
    องค์กรไม่แสวงผลกําไรมักใช้การหักเงินแบบ ACH เพื่อรวบรวมเงินบริจาคและค่าสมาชิก ความสะดวกของฟีเจอร์การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าช่วยเพิ่มอัตราการรักษาผู้บริจาคและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

  • หน่วยงานของรัฐบาล
    หน่วยงานของรัฐบาลกลาง รัฐ และท้องถิ่นใช้การหักบัญชีแบบ ACH เพื่อจัดการการชําระเงินหลากหลายประเภท โดยรวมถึงการเรียกเก็บภาษีและเบิกจ่ายสวัสดิการ มาตรฐานและความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยที่สูงของเครือข่ายนี้สําหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ทําให้เหมาะสําหรับกิจกรรมทางการเงินของภาครัฐ

  • ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
    สถาบันดูแลสุขภาพประมวลผลการชําระเงินผู้ป่วย การเรียกร้องประกันภัย และการชําระเงินให้กับผู้ให้บริการผ่านระบบ ACH วิธีการชําระเงินนี้เหมาะสมเนื่องจากสามารถจัดการธุรกรรมปริมาณมาก รวมทั้งอํานวยความสะดวกในการติดตามการชําระเงินและการกระทบยอดได้

การใช้งานการหักบัญชีแบบ ACH ของลูกค้า

  • ผู้รับเงินเดือน
    พนักงานจํานวนมากได้รับค่าจ้างผ่านการฝากบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH

  • ผู้ทำงานรับจ้างแบบครั้งคราว
    บุคคลทั่วไปที่ทํางานแบบฟรีแลนซ์หรือตามสัญญาการว่าจ้างอาจใช้การหักบัญชีแบบ ACH เพื่อชําระใบแจ้งหนี้ และค่าใช้จ่ายทางธุรกิจเนื่องจากการประมวลผลที่ตรงไปตรงมาและค่าธรรมเนียมที่ลดลง

  • ผู้ซื้อออนไลน์
    ลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตสําหรับการซื้อสินค้าออนไลน์สามารถเลือกใช้การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH เพื่อหักเงินจากบัญชีธนาคารแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

  • เจ้าของบ้านและผู้เช่า
    ผู้ที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือค่าเช่ามักจะตั้งค่าการหักบัญชีแบบ ACH สําหรับการชําระเงินรายเดือน ทําให้มั่นใจว่าจะไม่พลาดวันครบกําหนดจ่ายและอาจช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตของตนได้

  • ผู้เกษียณอายุ
    ผู้เกษียณอายุอาจจัดเตรียมให้มีการฝากเงินบํานาญหรือสิทธิประโยชน์ประกันสังคมของตนโดยตรงผ่านระบบ ACH เพื่อให้ได้รับเงินตรงเวลา

  • พ่อแม่และนักเรียนหรือนักศึกษา
    การหักบัญชีแบบ ACH จะประมวลผลการชําระเงินค่าการศึกษา ช่วยจัดการการเงินของนักเรียนและนักศึกษา รวมทั้งติดตามค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเมื่อเวลาผ่านไป

  • นักลงทุน
    นักลงทุนรายบุคคลใช้การหักเงินแบบ ACH เพื่อโอนเงินทุนไปยังบัญชีโบรกเกอร์ และสร้างโอกาสในการลงทุนโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนสูง

มูลค่าธุรกรรมการฝากเงินโดยตรงแบบ ACH เพิ่มขึ้นเกือบ 5% จากปี 2021 ถึง 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจในธุรกรรมผ่านการหักบัญชีแบบ ACH ในภาคธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการชําระเงินแบบดิจิทัลใหม่ๆ บทบาทของเครือข่าย ACH ในการรองรับธุรกรรมทางการเงินที่หลากหลายจึงยังคงดำเนินไปอย่างมั่นคง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสําคัญของระบบการชําระเงินสมัยใหม่

วิธีการทํางานของการหักบัญชีแบบ ACH

การหักบัญชีแบบ ACH เป็นระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่แพร่หลายในสหรัฐอเมริกาซึ่งเชื่อมโยงธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อการหักบัญชีอัตโนมัติจากบัญชีของลูกค้า ผู้ใช้สามารถใช้ ACH กับการชําระเงินตามใบเรียกเก็บ การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และธุรกรรมแบบครั้งเดียวได้ ธุรกิจที่ใช้การหักบัญชีแบบ ACH อย่างกว้างขวางประกอบด้วยบริษัทสาธารณูปโภค ผู้ให้สินเชื่อ และบริการแบบสมัครสมาชิก ธุรกิจเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของ ACH ในการจัดการการประมวลผลการชําระเงิน และการฝากเงินเดือนอัตโนมัติ

การเริ่มต้นธุรกรรมและการกําหนดเส้นทาง

เมื่อลูกค้าหรือธุรกิจเริ่มต้นธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH กระบวนการดังกล่าวจะเริ่มต้นด้วยคําขออนุมัติวงเงินเพื่อหักบัญชีธนาคารของลูกค้า ซึ่งสามารถมอบให้ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ การสนทนาทางโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ หรือแบบฟอร์มฉบับกระดาษที่ลงนามแล้ว จากนั้นนิติบุคคลที่ริเริ่ม ซึ่งมักเรียกว่า "ผู้ริเริ่ม" (Originator) จะส่งข้อมูลการชําระเงินไปยังธนาคารหรือเรียกว่า "สถาบันการเงินที่รับฝากเงินต้นทาง" (ODFI)

ODFI รวมคําขอ ACH หลายรายการและส่งต่อเป็นกลุ่มตามเวลาที่กําหนดไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งวันไปยังหนึ่งในผู้ให้บริการ ACH ซึ่งอาจเป็นธนาคารกลางหรือสํานักหักบัญชี จากนั้นผู้ดําเนินการ ACH จะจัดเรียงธุรกรรมแล้วนําส่งให้กับ "สถาบันการเงินที่รับฝากเงิน" (RDFI) ที่เหมาะสม ซึ่งมีบัญชีของผู้รับเงินเหล่านั้น

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

ธุรกรรม ACH ต้องเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่กําหนดไว้โดย Nacha และสํานักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (OFAC) ซึ่งรวมถึงข้อกําหนดที่ว่าข้อมูลจะได้รับการเข้ารหัสทั้งระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ โปรโตคอลการจัดการความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ACH เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลลูกค้าผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย การตรวจสอบความปลอดภัยตามกําหนด และการควบคุมการเข้าถึงที่รัดกุมตลอดทั้งธุรกรรม

โครงสร้างค่าธรรมเนียม

ความคุ้มค่าของการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH เป็นปัจจัยสําคัญซึ่งนำไปสู่การใช้งานในวงกว้าง ค่าธรรมเนียมสําหรับการชําระเงินแบบ ACH มักจะต่ํากว่าค่าธรรมเนียมของธุรกรรมบัตรเครดิตและการโอนเงินระหว่างธนาคาร และผู้ริเริ่มจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จำนวนค่าธรรมเนียมที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน ลักษณะของธุรกรรม และปริมาณการชําระเงินที่ประมวลผล

การชําระเงินและการหักบัญชี

หลังจากริเริ่มธุรกรรมแล้ว โดยปกติจะมีการหักบัญชีแบบ ACH ในวันทําการถัดไป RDFI จะยืนยันรายละเอียดบัญชี จากนั้นจะฝากเงินหรือหักเงินจากบัญชีของผู้ใช้ตามประเภทธุรกรรม ในกรณีที่ยอดคงเหลือไม่เพียงพอหรือข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง RDFI อาจส่งคืนธุรกรรมไปยัง ODFI ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลาหลายวันจึงจะแล้วเสร็จ

การนําไปใช้และแนวโน้มการใช้งาน

เครือข่าย ACH มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2022 เครือข่าย ACH ประมวลผลการชําระเงินกว่า 3 หมื่นล้านรายการ โดยเพิ่มขึ้น 3% จากปี 2021 การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในการใช้การชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนโดยความน่าเชื่อถือและความสะดวกของระบบ ACH

สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับการหักบัญชีแบบ ACH

ค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ําลง

โดยทั่วไปแล้วธุรกรรมการหักบัญชี ACH จะมีค่าธรรมเนียมน้อยกว่าบัตรเครดิตหรือธุรกรรมการโอนเงินระหว่างธนาคาร ประสิทธิภาพด้านต้นทุนนี้ช่วยให้ธุรกิจประหยัดได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมสูง

การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ

ธุรกิจที่มีโมเดลการชําระเงินตามรอบบิลหรือใช้การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าพบว่าการหักบัญชีแบบ ACH มีประโยชน์สูงมาก วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการเรียกเก็บเงินด้วยการหักเงินจากบัญชีของลูกค้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดภาระด้านการบริหารและเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสดได้

ข้อผิดพลาดในการประมวลผลการชําระเงินน้อยลง

การหักบัญชีแบบ ACH ช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการชำระเงินที่ดำเนินการโดยมนุษย์ การชําระเงินอัตโนมัติช่วยให้เกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์น้อยลง ซึ่งทําให้ดําเนินงานด้านการเงินได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงด้านการชําระเงิน

การที่เครือข่าย ACH ปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดจะช่วยปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน การทุ่มเทในการรักษาความปลอดภัยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่ารายละเอียดด้านการธนาคารจะได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง

การดําเนินงานที่คล่องตัว

การหักบัญชีแบบ ACH ช่วยให้ขั้นตอนการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ ทำให้ธุรกิจไม่ต้องจัดการธุรกรรมแต่ละรายการแยกกันและสามารถจัดสรรทรัพยากรไปยังส่วนอื่นๆ

สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ

เครือข่าย ACH มอบข้อมูลธุรกรรมที่มีคุณค่าแก่ธุรกิจต่างๆ เช่น ผู้ประมวลผลบัตรเครดิต ข้อมูลนี้จะช่วยแนะนําการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ปรับปรุงกระบวนการชําระเงิน และปรับปรุงการบริการลูกค้า

ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น

ลูกค้ามักชื่นชอบความสะดวกในการหักบัญชีแบบ ACH เมื่อทำการชําระเงิน ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์และอาจช่วยเพิ่มการรักษาลูกค้าได้

แนวโน้มตลาดและการเติบโตของการหักบัญชีแบบ ACH

ตามรายงานของ Nacha ระบุว่ามูลค่าการชําระเงินแบบ ACH เพิ่มขึ้น 6% ในปี 2022 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการหักบัญชีแบบ ACH คิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของธุรกรรม

มาตรการรักษาความปลอดภัยในการหักบัญชีแบบ ACH

เครือข่าย ACH ประมวลผลธุรกรรมการหักบัญชีและฝากบัญชีจำนวนมากเป็นกลุ่ม ซึ่งรวมถึงการฝากเงินอัตโนมัติและการชําระเงินตามใบเรียกเก็บ ธุรกรรมเหล่านี้ประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน และดังนั้นการรักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เครือข่าย ACH ใช้มาตรการต่อไปนี้เพื่อรักษาความถูกต้องสมบูรณ์และความปลอดภัยของธุรกรรม ACH:

  • โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุมัติ
    ธุรกรรม ACH ต้องมีมาตรการตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวด โดยธุรกรรมแต่ละรายการจะเริ่มต้นกระบวนการด้วยการให้สถาบันที่ริเริ่มยืนยันตัวตนของเจ้าของบัญชีก่อนที่จะอนุมัติการชําระเงิน ซึ่งมักมีจุดตรวจสอบหลายจุดในสถาบันการเงินเพื่อยืนยันว่าคําขอนั้นถูกต้อง

  • ระบบตรวจสอบธุรกรรม
    การตรวจสอบธุรกรรม ACH อย่างต่อเนื่องจะช่วยตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง ระบบวิเคราะห์รูปแบบการชําระเงิน โดยรายงานธุรกรรมที่ผิดปกติซึ่งอาจบ่งบอกถึงกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือกิจกรรมการฉ้อโกง การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องนี้จะช่วยป้องกันการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น

  • มาตรฐานการเข้ารหัส
    การเข้ารหัสข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเป็นองค์ประกอบหลักในการรักษาความปลอดภัยของ ACH ข้อมูลที่อยู่ระหว่างการส่งภายในเครือข่าย ACH ได้รับการปกป้องด้วยวิธีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อป้องกันการสกัดกั้นและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต เครือข่าย ACH จะใช้การเข้ารหัสนี้กับข้อมูลธุรกรรมและข้อมูลประจําตัวที่ส่งพร้อมกัน

  • ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    ผู้ให้บริการ ACH และสถาบันการเงินจะปฏิบัติตามมาตรฐานข้อบังคับที่เข้มงวดซึ่ง Nacha และหน่วยงานทางการเงินอื่นๆ เป็นผู้กําหนด การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ประกอบด้วยการตรวจสอบ การประเมินความเสี่ยง และการนําแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่เหมาะสมมาใช้เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของการชําระเงิน

  • โปรโตคอลการรักษาความปลอดภัยระดับธนาคาร
    สถาบันการเงินที่เข้าร่วมเครือข่าย ACH ต้องใช้โปรโตคอลการรักษาความปลอดภัยระดับธนาคาร เช่น ไฟร์วอลล์ ระบบตรวจจับการบุกรุก และการควบคุมการเข้าถึงระบบที่ละเอียดอ่อน มาตรการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอกและควบคุมความเสี่ยงของการละเมิดภายใน

  • ความซ้ําซ้อนและการกู้คืนหลังเกิดภัยพิบัติ
    เครือข่าย ACH มีระบบสํารองและแผนกู้คืนสำหรับภัยพิบัติเพื่อคงการดําเนินงานในกรณีที่ระบบล้มเหลว เกิดภัยธรรมชาติ หรือประสบภัยไซเบอร์ มาตรการเฝ้าระวังเหล่านี้ช่วยรับประกันว่าโครงสร้างพื้นฐานการชําระเงินจะยังคงใช้งานได้ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ

  • การศึกษาและอบรม
    โปรแกรมการฝึกอบรมและการศึกษาซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องสําหรับพนักงานและลูกค้าของสถาบันการเงินเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการรักษาความปลอดภัยให้ ACH โปรแกรมเหล่านี้เพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น และฝึกอบรมบุคคลากรเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการตรวจจับและการรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย

  • การตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องของข้อมูล
    ธุรกรรม ACH แต่ละรายการจะมีการตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องของข้อมูลในตัวเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงแก้ไขระหว่างการส่งและรายละเอียดยังคงเดิมตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการชําระเงิน

ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH

การสร้างบัญชีผู้ค้า

ธุรกิจต้องสร้างบัญชีผู้ค้ากับธนาคารผู้รับเงินหรือสถาบันการเงินเพื่อรับชําระเงินผ่านการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH บัญชีเฉพาะทางนี้คือบัญชีที่ใช้ในการฝากหรือถอนเงินทุนสำหรับธุรกรรม ACH ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีจะต้องอาศัยการตรวจสอบสถานะจากธนาคารเพื่อประเมินความมั่นคงทางการเงินและโปรไฟล์ความเสี่ยงของธุรกิจ

ข้อตกลงกับผู้ให้บริการ ACH

นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องจัดทําข้อตกลงกับผู้ให้บริการ ACH ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านผู้ประมวลผลการชําระเงินบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้จะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน กระบวนการชําระเงิน ปัญหาความรับผิด และหลักการอื่นๆ ในการใช้เครือข่าย ACH

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ Nacha

ธุรกิจต่างๆ จําเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับที่ Nacha กําหนดไว้ โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน กฎเหล่านี้จะกํากับดูแลการดําเนินการ การประมวลผล และการยืนยันธุรกรรม ACH รวมทั้งแนวทางเกี่ยวกับการปรับคืนธุรกรรมและสิทธิ์ของผู้บริโภคด้วย

การปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)

แม้มาตรฐานดังกล่าวจะจัดทำขึ้นเพื่อการชําระเงินด้วยบัตรโดยทั่วไป แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ระบุไว้ในมาตรฐานเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินทุกรายการที่ต้องจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งรวมถึงการชําระเงินผ่านการหักบัญชีแบบ ACH ด้วย ธุรกิจที่ประมวลผลการชําระเงินแบบ ACH ต้องดำเนินงานมาตรฐานเหล่านี้เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า

การติดตั้งใช้งานเครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง

ธุรกิจจะต้องมีระบบสําหรับตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงเพื่อรับการชำระเงินแบบ ACH โดยจะประกอบด้วยเครื่องมือสําหรับตรวจสอบความถูกต้องของคําขอธุรกรรม และการตรวจสอบยืนยันว่าผู้มีอํานาจของลูกค้าเป็นผู้เริ่มดําเนินการตามคําขอดังกล่าวหรือไม่ ข้อมูลเฉพาะเจาะจงอาจแตกต่างกันไปตามขนาดและประเภทธุรกิจ แต่มาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการลดความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง

การเชื่อมต่อการทํางานซอฟต์แวร์

โดยทั่วไปแล้วธุรกิจต่างๆ มักต้องมีซอฟต์แวร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย ACH แล้วส่งธุรกรรม ACH ไปยังเครือข่ายเพื่อการประมวลผล ธุรกิจหลายแห่งใช้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่นําเสนอโซลูชันการชําระเงินแบบเชื่อมต่อการทํางานที่สามารถใช้ร่วมกับการประมวลผล ACH ได้

การฝึกอบรมพนักงาน

พนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการประมวลผลและจัดการการชําระเงินแบบ ACH ต้องได้รับการฝึกอบรมการใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ ACH รวมทั้งสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้พนักงานมีความสามารถและมีความมั่นใจในการจัดการการชําระเงินแบบ ACH ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเปิดเผยข้อมูลและการอนุมัติ

ธุรกิจจะต้องเปิดเผยข้อกําหนดของธุรกรรมการหักบัญชีแบบ ACH ต่อลูกค้าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องขออนุมัติจากลูกค้าเพื่อประมวลผลการชําระเงินเหล่านี้ด้วย ซึ่งอาจเป็นคำยินยอมแบบลายลักษณ์อักษร อิเล็กทรอนิกส์ หรือวาจา โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกรรม

ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการหักบัญชีแบบ ACH

มีวิธีการชําระเงินทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก ACH ซึ่งนำเสนอฟีเจอร์และข้อควรพิจารณาทางธุรกิจที่แตกต่างกัน การโอนเงินระหว่างธนาคารรองรับธุรกรรมที่รวดเร็วและคุ้มค่า ในขณะที่เครือข่ายบัตรชําระเงิน เช่น Visa และ Mastercard เป็นผู้นําตลาดในแง่ของปริมาณธุรกรรมโดยรวม บริการต่างๆ เช่น PayPal ได้รับความนิยมสําหรับการชําระเงินออนไลน์ โดย PayPal รายงานว่าบริษัทมีบัญชีที่ใช้งานอยู่กว่า 400 ล้านบัญชีในปี 2023

แพลตฟอร์มการชําระเงินแบบดิจิทัลที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้าเว็บไซต์ที่มีอยู่ยังได้รับความนิยมมากขึ้น ภาคธุรกิจการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็กําลังขยายตัวเช่นกัน โดยเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลสําหรับการซื้อสินค้านั้นมีจำนวนไม่น้อย

  • การโอนเงินระหว่างธนาคาร
    การโอนเงินระหว่างธนาคารจะมอบโซลูชันที่มีฟังก์ชันการชําระเงินภายในวันเดียวกัน เพื่อตอบสนองความต้องการในการทำธุรกรรมแบบทันที โดยธนาคารจะทําหน้าที่เป็นช่องทางแบบดั้งเดิมในการโอนเงินเหล่านี้ ซึ่งอาศัยเครือข่ายต่างๆ เช่น SWIFT เพื่อการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ความเร็วของการทําธุรกรรมผ่านธนาคารทําให้วิธีนี้เหมาะกับการดําเนินงานทางการเงินที่มีมูลค่าสูงและต้องดำเนินการตรงตามกำหนดเวลา

  • เครือข่ายบัตรชําระเงิน
    เครือข่ายบัตรชําระเงินเช่น Visa และ Mastercard จัดการการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ทั่วโลก โดยช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมผ่านทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นระบบที่ปลอดภัยสําหรับการชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

  • บริการชําระเงินออนไลน์
    แพลตฟอร์มอย่าง Stripe ได้พลิกโฉมวิธีการจัดการกับธุรกรรมออนไลน์ โดยจะประมวลผลการชําระเงินจากหลากหลายแหล่ง เช่น บัญชีธนาคารและบัตรเครดิต และเชื่อมต่อการทํางานกับระบบอีคอมเมิร์ซต่างๆ พร้อมให้บริการการชําระเงินออนไลน์แก่ธุรกิจ

  • ระบบการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
    ระบบการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น Apple Pay และ Google Pay ให้บริการธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟนและรองรับทั้งสภาพแวดล้อมที่จุดขายจริงและทางออนไลน์ โดยวิธีนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่อุตสาหกรรมการประมวลผลการชําระเงิน

  • การชําระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี
    การชําระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่ําและมีความเป็นอิสระจากระบบธนาคารแบบเดิม ธุรกิจบางแห่งใช้สกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทั่วโลก จึงกลายเป็นทางเลือกสําหรับการทําธุรกรรมข้ามพรมแดนบางรายการ

  • ระบบการหักบัญชีอัตโนมัติ
    ระบบต่างๆ เช่น SEPA ในยุโรปนําเสนอโซลูชันการหักบัญชีอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ริเริ่มการชําระเงินจากบัญชีธนาคารของลูกค้าได้โดยตรง วิธีนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสําหรับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และมอบประสบการณ์การชําระเงินที่สม่ำเสมอสําหรับการชำระเงินค่าสาธารณูปโภคและการชําระเงินตามรอบบิล

  • เช็คอิเล็กทรอนิกส์
    เช็คอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางเลือกแบบดิจิทัลสําหรับการชําระเงินด้วยเช็คแบบดั้งเดิม โดยจะจําลองกระบวนการตรวจสอบแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ จึงทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้นเคยสําหรับลูกค้าและธุรกิจที่มักจะทำธุรกรรมด้วยเช็ค

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe