ตามข้อมูลจากการศึกษาของ LexisNexis ระบุว่าเงินแต่ละดอลลาร์ฯ ที่ฉ้อโกงทําให้ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาต้องจ่ายเพิ่ม $3.75 โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นตัวเลขที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสูญเสียทางการเงินแล้ว ผลกระทบทางอ้อมของการฉ้อโกง เช่น ความเสียหายต่อชื่อเสียงและการสูญเสียความไว้วางใจของลูกค้า ก็อาจส่งผลต่อความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจได้
ด้วยการเติบโจขึ้นอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซและธุรกรรมดิจิทัลทั่วโลก จึงมีโอกาสอีกมากมายสำหรับอาชญากรทางไซเบอร์ที่จะแสวงหาประโยชน์จากจุดอ่อนในระบบความปลอดภัยและใช้ประโยชน์จากเหยื่อที่รู้ไม่เท่าทัน ธุรกิจต่างๆ จะต้องพัฒนากลยุทธ์ของตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการสูญเสียทางการเงิน เนื่องจากวิธีที่มิจฉาชีพใช้นั้นมีความแยบยลมากขึ้นเรื่อยๆ
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงประเภทต่างๆ เงื่อนไขที่สร้างโอกาสให้เกิดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงจํานวนมาก รวมทั้งขั้นตอนที่ธุรกิจสามารถดําเนินการเพื่อป้องกัน ตรวจจับ และรับมือกับการโจมตีเหล่านี้ได้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงคืออะไร
- ประเภทของธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
- เหตุใดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงจึงเกิดขึ้น
- วิธีป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
- วิธีที่โซลูชัน Stripe ตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
ธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงคืออะไร
ธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือชําระเงินหรือระบบการเงิน โดยทั่วไปแล้วจะดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน สินค้า หรือบริการโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือการอนุมัติจากเจ้าของบัญชีอย่างเหมาะสม ธุรกรรมประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการขโมยข้อมูลประจำตัว การขโมยข้อมูลการชำระเงิน หรือการหลอกลวง และมีจุดประสงค์เพื่อหลอกลวงและก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินแก่เจ้าของบัญชี ธุรกิจ หรือสถาบันการเงิน
ประเภทของธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
การฉ้อโกงหลายประเภทอาจเกิดขึ้นในระบบการเงิน ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน
การฉ้อโกงบัตรเครดิต
การใช้บัตรเครดิตหรือข้อมูลบัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อทําการซื้อ ถอนเงินสด หรือโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบัตร ประเภทที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้
- การฉ้อโกงที่ไม่แสดงบัตรจริง (CNP): การฉ้อโกงที่ไม่ได้แสดงบัตรจริงเกิดขึ้นในธุรกรรมออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ซึ่งไม่จําเป็นต้องใช้บัตรใบจริง
- การแอบบันทึกข้อมูล: มิจฉาชีพจะะขโมยข้อมูลบัตรโดยใช้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่ติดตั้งไว้กับเครื่องเอทีเอ็มหรือเทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย
- บัตรลอกเลียนแบบ: บัตรลอกเลียนแบบคือบัตรปลอมที่ใช้ข้อมูลบัตรที่ขโมยมา
การขโมยตัวตน
การขโมยตัวตนคือการปลอมตัวเป็นบุคคลอื่นเพื่อเข้าถึงบัญชีทางการเงินของบุคคลนั้น รับสินเชื่อ หรือทำธุรกรรมต่างๆ โดยที่บุคคลดังกล่าวไม่ทราบหรือไม่ได้ให้ความยินยอม ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ขโมยมา เช่น หมายเลขประกันสังคมหรือวันเกิด
การฉ้อโกงเช็ค
ในสถานการณ์นี้ ผู้ไม่ประสงค์ดีจะนําเช็คที่มีการเปลี่ยนแปลง การลอกเลียนแบบ หรือถูกขโมยมาใช้เพื่อถอนเงินหรือชําระเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต กลยุทธ์มีดังนี้
- เช็คปลอม: การสร้างเช็คปลอมโดยใช้ข้อมูลบัญชีของผู้อื่น
- การล้างข้อมูลเช็ค: การลบข้อมูลออกจากการเช็คจริงแล้วแทนที่ด้วยรายละเอียดที่เป็นการฉ้อโกง
- เช็คที่ถูกขโมย: การใช้เช็คที่ขโมยมาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ถูกต้อง
การฉ้อโกงผ่านระบบการส่งเงิน
การฉ้อโกงผ่านระบบการส่งเงินคือการใช้ระบบการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบการเงินอย่างไม่ได้รับอนุญาตเพื่อส่งเงิน โดยมักจะใช้การหลอกลวงหรือบิดเบือนข้อมูล ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง รูปแบบการหลอกลวงโดยใช้อีเมลธุรกิจ (BEC) หรือวิธีการหลอกลวงอื่นๆ
การฉ้อโกงการชําระเงินออนไลน์
การฉ้อโกงการชําระเงินออนไลน์ประกอบด้วยการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่านแพลตฟอร์มการชําระเงินออนไลน์หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งอาจรวมถึงการเข้าควบคุมบัญชี การหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง หรือการใช้ข้อมูลการชําระเงินที่ขโมยมา
การฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
การฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัยคือการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดในใบสมัครเพื่อรับเงินกู้หรือเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีขึ้น โดยอาจเกี่ยวข้องกับการระบุข้อมูลรายรับคลาดเคลื่อน การประเมินราคาที่สูงเกินจริง หรือเอกสารปลอม
การฉ้อโกงประกันภัย
ผู้กระทำการฉ้อโกงจะทำการกล่าวอ้างอันเป็นเท็จหรือให้ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดแก่บริษัทประกันภัยเพื่อรับสิทธิประโยชน์หรือการชำระเงินที่ไม่สมควรได้รับ อาจเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่จัดฉาก ความเสียหายหรือการบาดเจ็บที่เกินจริง หรือเอกสารเท็จ
การฉ้อโกงในการลงทุน
การฉ้อโกงการลงทุน คือการหลอกลวงนักลงทุนหรือตลาดการเงิน เช่น การขายการลงทุนหรือหลักทรัพย์ที่เป็นการฉ้อโกง ประเภทการฉ้อโกงในการลงทุนที่พบบ่อย ได้แก่ แผนการฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ การปั่นราคา และการซื้อขายหลักทรัพย์โดยบุคคลภายใน
ธุรกิจและลูกค้าควรคาดว่าธุรกรรมประเภทต่างๆ ที่เป็นการฉ้อโกงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเทคโนโลยีและโลกาภิวัฒน์จะพลิกโฉมระบบการชําระเงินและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เหตุใดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงจึงเกิดขึ้น
ด้วยการเพิ่มขึ้นของธุรกรรมฉ้อโกงในช่วงไม่นานมานี้ คุณอาจสงสัยว่าเงื่อนไขใดที่ทำให้เกิดการฉ้อโกงประเภทนี้ได้ การทำความเข้าใจแรงจูงใจพื้นฐานและเงื่อนไขทางระบบถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนเพื่อปกป้องธุรกิจของคุณ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงที่พบได้บ่อยมีดังนี้
แรงจูงใจทางการเงิน: การแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินเป็นแรงจูงใจหลักของมิจฉาชีพส่วนใหญ่ มิจฉาชีพอาจถูกดึงดูดด้วยเงิน สินค้า หรือบริการที่จะได้รับโดยไม่ต้องจ่ายเงิน หรือโดยการแสวงหากำไรผ่านวิธีการที่ผิดกฎหมาย
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: ความซับซ้อนทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทําให้มิจฉาชีพได้รับเครื่องมือและโอกาสใหม่ๆ ในการทำการฉ้อโกง อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย พัฒนามัลแวร์ หรือใช้เทคนิควิศวกรรมทางสังคมเพื่อเข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน
การไม่ต้องเปิดเผยตัวตน: มิจฉาชีพสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยไม่ระบุตัวตนและทําธุรกรรมทางดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ทําให้เจ้าหน้าที่ระบุและจับกุมผู้กระทำการเหล่านี้ได้ยากขึ้น
การเข้าถึงข้อมูล: ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินที่แพร่หลายจากการละเมิดข้อมูล โซเชียลมีเดีย และบันทึกสาธารณะ ทำให้ผู้ก่ออาชญากรรมรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อกระทำการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการฉ้อโกงประเภทอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
ความซับซ้อนของระบบการเงิน: ลักษณะอันซับซ้อนของระบบการเงินเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนหรือช่องว่างในด้านความปลอดภัย กฎระเบียบ และการควบคุมดูแล
ขาดการตระหนักรู้: ลูกค้าและธุรกิจจํานวนมากอาจไม่ทราบถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและความสําคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ ซึ่งทําให้ลูกค้ามีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงมากขึ้น
การวิศวกรรมสังคม: มิจฉาชีพที่มีเจตนาฉ้อโกงมักใช้เทคนิคการจัดการทางจิตวิทยาเพื่อหลอกลวงเหยื่อ โดยอาศัยความไว้วางใจหรืออำนาจในการดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไม่รัดกุม: โปรโตคอลความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอ ระบบที่ล้าสมัย และกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ที่หละหลวมอาจทําให้มิจฉาชีพละเมิดบัญชีและทําธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
ธุรกิจต่างๆ จะต้องป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อธุรกรรมฉ้อโกงอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสินทรัพย์ทางการเงิน ปกป้องข้อมูลลูกค้า และรักษาชื่อเสียงของตน การใช้กลยุทธ์การจัดการการฉ้อโกงที่ครอบคลุมจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมฉ้อโกงให้เหลือน้อยที่สุด
แนวทางที่ธุรกิจส่วนใหญ่ควรนําไปใช้นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและช่องโหว่ที่แตกต่างกันไป แต่ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่ธุรกิจส่วนใหญ่ควรดําเนินการ
ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง
นําเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลและระบบที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจรวมถึงการใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA) การเข้ารหัส และช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัย รวมทั้งการอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบที่มีแพตช์ความปลอดภัยล่าสุดอยู่เป็นประจําการฝึกอบรมและสร้างความตระหนักรู้แก่พนักงาน
จัดทำโครงการฝึกอบรมที่ครอบคลุมเพื่อให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับแผนการฉ้อโกงทั่วไป สัญญาณเตือนภัย และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยที่พนักงานได้รับการสนับสนุนให้รายงานกิจกรรมและเหตุการณ์ที่น่าสงสัยตรวจสอบธุรกรรมและบัญชี
ใช้เครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อระบุรูปแบบหรือความผิดปกติของข้อมูลธุรกรรม ปรับใช้ขีดจํากัดธุรกรรม การควบคุมความเร็ว และการตรวจสอบบัญชีเป็นประจําเพื่อตรวจจับและลดธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอย่างรวดเร็วนํามาตรการควบคุมภายในที่เข้มแข็งมาใช้
พัฒนาและดูแลระบบการตรวจสอบและยอดคงเหลือภายในองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงภายใน อาจต้องมีการแบ่งแยกหน้าที่ การตรวจสอบประวัติพนักงาน และการตรวจสอบกระบวนการและการควบคุมภายในเป็นประจำยกระดับกระบวนการยืนยันตัวตนของลูกค้า
ใช้ขั้นตอนปฏิบัติที่เข้มงวดเพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้าและป้องกันการถูกยึดบัญชีหรือการขโมยตัวตน ทํางานร่วมกับฐานข้อมูลของบริษัทอื่นหรือเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบข้อมูลลูกค้าทํางานร่วมกับธุรกิจและสถาบันการเงินอื่นๆ
เพิ่มความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับธุรกิจ และสถาบันทางการเงินอื่นๆ เพื่อแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการฉ้อโกง กลยุทธ์การป้องกัน และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ร่วมมือกับสมาคมหรือองค์กรอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นต่อสู้กับการฉ้อโกงเพื่อรู้เท่าทันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่จัดทําแผนรับมือการฉ้อโกง
จัดทําแผนรับมือกับการฉ้อโกงที่ชัดเจน รวมถึงระเบียบการที่ชัดเจนสําหรับการตรวจสอบและจัดการกับกิจกรรมฉ้อโกง กําหนดทีมจัดการการฉ้อโกงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเหตุการณ์และการประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หากจําเป็นสื่อสารกับลูกค้าอย่างชัดเจน
แจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นและกระตุ้นให้ลูกค้าตรวจสอบบัญชีของตนอย่างเฝ้าระวัง เสนอคําแนะนําเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาสามารถปกป้องตัวเองจากกิจกรรมการฉ้อโกง เช่น การสร้างรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและใช้ความระมัดระวังกับข้อมูลส่วนตัว
การดําเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยมากขึ้นและมิจฉาชีพจะเจาะระบบได้ยากขึ้น หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงในระดับโลกอย่างแข็งขัน อ่านเพิ่มเติมที่นี่
วิธีที่โซลูชัน Stripe ตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
Stripe Radar เป็นส่วนสําคัญของชุดโซลูชันการชําระเงินที่ครอบคลุมของ Stripe โดยจะทํางานร่วมกับ Terminal, Checkout และ Connect เพื่อมอบฟังก์ชันด้านการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจและแพลตฟอร์ม ด้วยโซลูชันที่ผสานการทำงานเหล่านี้ Stripe ก็สามารถนำเสนอแนวทางแบบรวมในการต่อสู้กับธุรกรรมฉ้อโกงและในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ถึงประสบการณ์การชำระเงินที่ง่ายดาย
ต่อไปนี้คือภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีที่โซลูชันเหล่านี้ทำงานร่วมกับ Stripe Radar เพื่อต่อสู้กับธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงในหลายช่องทาง
Stripe Terminal
Stripe Terminal มอบเครื่องมือสําหรับสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่จุดขายซึ่งปรับให้เข้ากับคุณ ปลอดภัย และปรับขนาดได้ โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงขั้นสูงและฟังก์ชันตรวจจับการฉ้อโกงของ Radar สามารถผสานการทํางานกับ Terminal ซึ่งช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยสําหรับธุรกรรมแบบแสดงบัตรและธุรกรรมที่ไม่ได้แสดงบัตรจริง โดยจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องตัวเองจากกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือที่ร้านค้าStripe Checkout
Stripe Checkout เป็นหน้าการชําระเงินสําเร็จรูปที่ปรับแต่งได้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการชําระเงินออนไลน์สําหรับธุรกิจและลูกค้า เมื่อใช้ฟีเจอร์การตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ของ Radar ร่วมด้วย Stripe Checkout จะลดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงให้เหลือน้อยที่สุดได้โดยไม่เพิ่มความติดขัดในประสบการณ์ของผู้ใช้ ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้เครื่องมือกฎแบบไดนามิกของ Radar และเกณฑ์ความเสี่ยงที่ปรับแต่งได้เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์การป้องกันการฉ้อโกงให้ตรงตามความต้องการเฉพาะเจาะจงStripe Connect
Stripe Connect เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้ธุรกิจสร้างและขยายระบบนิเวศการชําระเงินที่ซับซ้อน เช่น มาร์เก็ตเพลส แพลตฟอร์มงานแบบรับจ้างชั่วคราว และบริการแบบชำระเงินตามรอบบิลได้ Connect ผสานการทํางานกับ Radar ได้อย่างราบรื่น โดยมอบโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่สอดคล้องกันทั้งในหมู่ธุรกรรมและผู้เข้าร่วมทั้งหมด การทำเช่นนี้จะช่วยให้แพลตฟอร์มและผู้ใช้ของแพลตฟอร์มได้รับประโยชน์จากการตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูงไปพร้อมๆ กับการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย
แนวทางแบบองค์รวมนี้ช่วยให้ธุรกิจตรวจจับ ป้องกัน และตอบกลับธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การผสานการทํางานอย่างราบรื่นของโซลูชันการชําระเงินของ Stripe ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน ธุรกิจจึงมีเวลาไปมุ่งเน้นการเติบโตและความสำเร็จในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ