แม้ว่าธุรกรรมออนไลน์จะเฟื่องฟูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การชําระเงินที่จุดขายยังคงมีบทบาทสําคัญ ธุรกิจจำเป็นต้องเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่จะยอมรับจากลูกค้า การทําความเข้าใจหลักการทำงานของวิธีการชําระเงินแบบต่างๆ อาจช่วยให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มรายรับและอัตราการรักษาลูกค้า ตลอดจนดําเนินงานในตลาดเป้าหมายได้อย่างประสบความสําเร็จ
แม้ธุรกรรมที่จุดขายจะไม่ใช่ช่องทางการขายเพียงช่องทางเดียวของคุณ แต่การปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินที่จุดขายจะส่งผลดีต่อช่องทางการขายอื่นๆ (เช่น อีคอมเมิร์ซ) ด้วยเช่นกัน
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าการชําระเงินที่จุดขายคืออะไร การชําระเงินที่จุดขายประเภทต่างๆ ที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง และแนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การชําระเงินที่จุดขายคืออะไร
- ประเภทการชําระเงินที่จุดขาย
- แนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
- วิธีที่ Stripe รองรับการชําระเงินที่จุดขาย
การชําระเงินที่จุดขายคืออะไร
การชําระเงินที่จุดขายคือธุรกรรมที่ลูกค้าแสดงตนที่ระบบบันทึกการขาย (POS) การชําระเงินรูปแบบนี้เกิดขึ้นที่ร้านค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน ร้านอาหาร พื้นที่จัดงานกิจกรรม ผู้ให้บริการ และสถานที่ตั้งอื่นๆ
ประเภทของการชําระเงินที่จุดขาย
วิธีการชําระเงินที่จุดขายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทําให้ธุรกิจและลูกค้ามีตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย ต่อไปนี้คือภาพรวมของ 5 วิธีการชําระเงินที่จุดขายยอดนิยม หลักการทำงาน ข้อดีข้อเสีย และประเภทของธุรกิจหรือสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่เหมาะกับการชำระเงินแต่ละวิธีมากที่สุด
เงินสด
เงินสดเป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นส่วนสําคัญของการค้าขายมานับพันๆ ปี วิธีนี้มีความเป็นสากล เรียบง่าย และไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เงินสดจึงยังคงได้รับความนิยมแม้แต่ในยุคดิจิทัล
วิธีการทํางาน
ธุรกรรมเงินสดจะค่อนข้างตรงไปตรงมา และประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนเงินจริง (ทั้งธนบัตรหรือเหรียญ) ระหว่างลูกค้าและธุรกิจโดยตรงแบบเรียลไทม์ ลูกค้าจะชําระเงินตามจํานวนที่ต้องชําระเป็นค่าสินค้าหรือบริการ ส่วนธุรกิจก็จะทอนเงินให้ลูกค้าตามความจําเป็น
เหมาะสําหรับ
โดยทั่วไปแล้ว การชำระเงินสดจะได้รับความนิยมจากธุรกิจขนาดเล็ก แผงร้านค้าในตลาด งานเปิดร้านขายของ ร้านค้าในท้องถิ่น และธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่ให้บริการลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารหรือชื่นชอบการทำธุรกรรมด้วยเงินสดเพราะไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
ข้อดีของการใช้เงินสดเป็นวิธีการชําระเงิน
ได้รับการยอมรับทั่วโลก
เงินสดเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและโดยทั่วไปจะได้รับการยอมรับในสถานที่ส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
ธุรกรรมเงินสดไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม จึงเป็นวิธีการชำระเงินที่ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงได้ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรม
ธุรกรรมเงินสดไม่มีค่าธรรมเนียมการประมวลผล ซึ่งต่างจากการชําระเงินผ่านบัตรหรือการชําระเงินดิจิทัล จึงช่วยธุรกิจรักษาผลกําไรได้อีกทางหนึ่งชําระเงินทันที
การชําระเงินด้วยเงินสดจะมีผลทันทีและขจัดความเสี่ยงของการชําระเงินล่าช้าหรือการผิดนัดชำระ
ข้อเสียของการใช้เงินสดเป็นวิธีการชําระเงิน
ใช้ร่วมกับการชําระเงินแบบไร้เงินสดไม่ได้
เนื่องจากการชําระเงินแบบไร้เงินสดได้รับความนิยมและความแพร่หลายมากขึ้น ธุรกิจบางแห่งจึงเปลี่ยนมาไม่รับเงินสดเลยไม่สะดวกกับธุรกรรมขนาดใหญ่
การจัดการเงินสดจํานวนมากอาจทําไม่ได้และมีความเสี่ยง จึงจํากัดการใช้งานในธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงความเสี่ยงต่อการโจรกรรมหรือการสูญหาย
เงินสดอาจสูญหายหรือถูกขโมย รวมถึงอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่อาจจําเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครองเพิ่มเติมใช้เวลานาน
การนับเงินสด การทอนเงิน และการกระทบยอดอาจเป็นกระบวนการที่ต้องดําเนินการด้วยตนเองหรือใช้เวลามาก
ตัวอย่างการใช้เงินสดในฐานะวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
ที่ร้านเบเกอรี่ในท้องถิ่น ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อขนมปัง ชําระเงินด้วยเงินสด รับเงินทอน จากนั้นจึงเดินออกจากร้านโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้บริการมีความรวดเร็วและอัตราการหมุนเวียนของลูกค้าสูง ซึ่งมีความสําคัญเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก
แม้ว่าเงินสดอาจดูล้าสมัยเมื่อเทียบกับวิธีการชําระเงินดิจิทัลที่เพิ่งได้รับความนิยม แต่ก็มีข้อดีที่สําคัญ ไม่ว่าจะเป็นความเรียบง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียม และเข้าถึงผู้คนในวงกว้าง เงินสดจึงยังคงอยู่และได้รับความนิยมจากธุรกิจและลูกค้าจํานวนมาก
เช็ค
เมื่อพูดถึงการชําระเงิน เช็คมักจะถูกมองข้าม แต่ก็ยังมีการใช้งานกันโดยทั่วไป และในบางครั้งก็เป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่ลูกค้าชื่นชอบ ผู้คนใช้เช็คมานานหลายศตวรรษ จึงสร้างปัจจัยความเชื่อมั่นให้กับการชำระเงินด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ประชากรบางกลุ่มและสถานการณ์ธุรกิจบางแบบ
วิธีการทํางาน
เช็คคือคําสั่งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรของเจ้าของบัญชีที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจํานวนหนึ่งจากบัญชีของตนให้กับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น ผู้รับเงินหรือผู้รับชำระเงินสามารถฝากเช็คหรือนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารของตน ซึ่งจะส่งคําขอเงินจากธนาคารของผู้เขียนเช็ค จากนั้นระบบจะโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งเพื่อดําเนินการธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
เหมาะสําหรับ
ธุรกิจที่ทำธุรกรรมมูลค่าสูงมักจะใช้เช็ค ซึ่งไม่จําเป็นต้องชําระเงินทันทีและได้ประโยชน์จากบันทึกข้อมูลการชําระเงิน นอกจากนี้ยังใช้กันทั่วไปในการทําธุรกรรมแบบ B2B การเช่า และอสังหาริมทรัพย์
ข้อดีของการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงิน
ขนาดธุรกรรม
เช็คสามารถสั่งจ่ายเป็นมูลค่าสูง จึงเหมาะสําหรับการทำธุรกรรมในสถานที่ที่ไม่สามารถพกพาเงินสดจำนวนมากได้ หรือวงเงินบัตรอาจบล็อกไม่ให้ทำธุรกรรมไม่ต้องใช้เงินทันที
เช็คต้องใช้เวลาสักระยะในการเคลียร์ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ชําระเงินมีความยืดหยุ่นทางการเงินปรับปรุงการเก็บบันทึก
เช็คมีบันทึกธุรกรรมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการติดตามทางการเงินและจุดประสงค์ด้านภาษี
ข้อเสียของการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงิน
ใช้เวลานาน
การเขียนเช็ค ฝากเช็ค และประมวลผลเช็คอาจใช้เวลานาน นอกจากนี้เช็คยังต้องรอการเคลียริงด้วยความเสี่ยงต่อเช็คเด้ง
หากเจ้าของบัญชีมีเงินไม่เพียงพอเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงิน เช็คนั้นจะเด้งได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าธรรมเนียมและปัญหาด้านกฎหมายตามมาไม่ได้การยอมรับอย่างแพร่หลาย
ธุรกิจบางแห่งอาจไม่รับเช็คเนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเช็คและใช้เวลาในการเคลียริง
ตัวอย่างการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
ตัวอย่างการใช้เช็คแบบคลาสสิกพบเห็นได้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้เช่ามักจ่ายค่าเช่าหรือค่ามัดจําด้วยเช็ค ซึ่งเป็นการบันทึกข้อมูลการชําระเงินให้กับทั้งผู้เช่าและเจ้าของบ้าน ในทํานองเดียวกัน ธุรกิจมักจะจ่ายเงินให้ผู้ให้บริการหรือรับการชําระเงินจากลูกค้าผ่านเช็ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการชำระเงินมูลค่าสูงด้วยแล้ว
เช็คให้ความสะดวก ยืดหยุ่นทางการเงิน และปรับปรุงกระบวนการเก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เช็คเป็นวิธีการชําระเงินที่มีคุณค่า ดังนั้น ก่อนที่จะมองข้ามเช็คเพราะเห็นว่าล้าสมัยและไม่ตอบโจทย์ เราควรทําความเข้าใจข้อดีของเช็ค และพิจารณาว่าเช็คสอดคล้องกับข้อกําหนดของธุรกิจและความต้องการของลูกค้าของคุณหรือไม่
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
ในสังคมที่ผู้คนหันมาชำระเงินแบบไร้เงินสดกันมากขึ้น บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการชําระเงินที่จุดขายที่พบบ่อยที่สุด เพราะทั้งปลอดภัย สะดวก และยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและความต้องการทางธุรกิจ
วิธีการทํางาน
ลูกค้าแสดงบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่จุดขาย บัตรสามารถรูด (แถบแม่เหล็ก) เสียบ (ชิป) หรือแตะ (แบบไร้สัมผัส) เข้ากับเทอร์มินัล POS เมื่อเทอร์มินัลบันทึกรายละเอียดของบัตรแล้ว ระบบจะแจ้งให้ธนาคารเจ้าของบัตรตรวจสอบว่าเงินหรือวงเงินเพียงพอหรือไม่ ถ้าได้รับอนุมัติ ธุรกรรมจะดำเนินต่อไป และระบบจะหักเงินจากบัญชีของลูกค้า
เหมาะสําหรับ
ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าปานกลางถึงสูง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ธุรกิจที่มีหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์เปลี่ยนผ่านช่องทางการขายระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างราบรื่น
ข้อดีของการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน
การยอมรับในระดับสากล
บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกการรักษาความปลอดภัย
การชําระเงินด้วยบัตรมีระบบป้องกันการฉ้อโกงผ่านฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยในตัว เช่น เทคโนโลยีชิป EMV การตรวจสอบสิทธิ์ด้วย PIN และนโยบายความรับผิดเป็นศูนย์ปรับปรุงการใช้จ่ายของลูกค้า
ลูกค้ามักจะใช้จ่ายมากกว่าเมื่อใช้บัตรเมื่อเทียบกับการใช้เงินสด เนื่องจากบัตรไม่ถูกจํากัดด้วยจำนวนเงินสดที่อยู่ในมือติดตามและกระทบยอดได้
ระบบจะบันทึกธุรกรรมผ่านบัตรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจติดตามและกระทบยอดการขายได้ง่ายขึ้น
ข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน
ต้องใช้ฮาร์ดแวร์
โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจต่างๆ มักจะต้องลงทุนซื้อเทอร์มินัลอ่านบัตรหรือเครื่องอ่านบัตรเพื่อรับชําระเงินผ่านบัตร แต่ไม่เสมอไปในปัจจุบัน เนื่องจากบัตรหลายใบมาพร้อมเทคโนโลยี NFCในตัวสําหรับการทำธุรกรรมแบบไร้สัมผัส ซึ่งสามารถทําได้ด้วยสมาร์ทโฟนที่เปิดใช้งานอย่างเหมาะสมและไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์อื่นใดค่าธรรมเนียมธุรกรรม
ธุรกรรมผ่านบัตรแต่ละรายการจะมีค่าธรรมเนียมที่ธุรกิจต้องชําระ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกําไรต้องพึ่งพาเครือข่าย
การชําระเงินด้วยบัตรต้องเชื่อมต่อเครือข่ายที่ใช้งานอยู่เพื่อประมวลผล หากเครือข่ายเกิดปัญหา ก็อาจทำให้การชำระเงินดำเนินการไม่สำเร็จ
ตัวอย่างการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน
ที่ร้านขายเสื้อผ้า ลูกค้าเลือกสินค้า เข้าคิวชําระเงิน และชําระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของตัวเอง ร้านค้าสามารถจัดการธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง เสนอการคืนสินค้าหรือการคืนเงินได้ตามต้องการ และบันทึกธุรกรรมทั้งหมดอย่างถูกต้องเพื่อจุดประสงค์ด้านการทําบัญชีและการกระทบยอด
การชําระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมอบความสะดวก ปลอดภัย และการยอมรับในวงกว้าง บัตรเครดิตและบัตรเดบิตช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูง และปิดช่องว่างระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ จึงเป็นตัวเลือกการชําระเงินที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับธุรกิจส่วนใหญ่ แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาและเปลี่ยนวิธีการชําระเงิน แต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเทรนด์เหล่านี้ โดยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจะยังคงเป็นวิธีการชําระเงินที่ตอบโจทย์ธุรกิจส่วนใหญ่
กระเป๋าเงินดิจิทัล
กระเป๋าเงินดิจิทัลพลิกโฉมการชำระเงินที่จุดขายไปอย่างสิ้นเชิง โดยมอบความสะดวกสบาย ความเร็ว และความปลอดภัยที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่เดินทางเป็นประจำและเชี่ยวชาญเทคโนโลยี โดยมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สะดวกง่ายดาย
วิธีการทํางาน
กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือกระเป๋าเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะจัดเก็บข้อมูลบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรเติมเงินของผู้ใช้ไว้อย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่ระบบบันทึกการขาย ลูกค้าจะสามารถชําระเงินแบบไร้สัมผัสได้โดยการแตะโทรศัพท์กับเทอร์มินัลการชําระเงินที่รองรับ NFC จากนั้น ระบบจะโอนรายละเอียดการชําระเงินอย่างปลอดภัย โดยธุรกรรมจะได้รับการประมวลผลเกือบจะในทันที
เหมาะสําหรับ
เมื่อดูจากความเฟื่องฟูของกระเป๋าเงินดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยทั่วไปแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลเหมาะสําหรับการทำธุรกิจที่จุดขายส่วนใหญ่ โดยเหมาะสําหรับร้านค้าค้าปลีก คาเฟ่ ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่รวดเร็วและง่ายดายให้แก่ลูกค้า และเนื่องจากกระเป๋าเงินดิจิทัลใช้ได้ทั้งกับการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการค้าแบบแพลตฟอร์มรวม
ข้อดีของการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน
รวดเร็วและสะดวกสบาย
การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นรวดเร็วและไร้สัมผัส ซึ่งช่วยให้ชําระเงินได้ราบรื่นระบบความปลอดภัยขั้นสูง
กระเป๋าเงินดิจิทัลใช้การแปลงเป็นโทเค็นเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับรายละเอียดของบัตร โดยมีระบบป้องกันการฉ้อโกงเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่งการผสานการทํางานกับโปรแกรมสะสมคะแนน
กระเป๋าเงินดิจิทัลจํานวนมากสามารถผสานการทํางานกับโปรแกรมสะสมคะแนนของธุรกิจ ซึ่งมอบประสบการณ์ที่น่าดึงดูดลูกค้ามากขึ้นลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ
กระเป๋าเงินดิจิทัลช่วยให้ไม่ต้องรับมือเงินสด ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้
ข้อเสียของการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน
ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่เปิดใช้ NFC
ธุรกิจต่างๆ จะต้องมีเทอร์มินัล POS ที่เปิดใช้ NFC เพื่อรับชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลต้องพึ่งพาลูกค้าที่มีสมาร์ทโฟนและกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เข้ากันได้ ซึ่งอาจจํากัดการใช้งานปัญหาความเข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้น
กระเป๋าเงินดิจิทัลอาจไม่สามารถใช้งานได้กับระบบการชําระเงินและบัตรทุกใบ ซึ่งอาจนําไปสู่ปัญหาด้านความเข้ากันได้
ตัวอย่างการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน
ที่ร้านกาแฟที่พลุกพล่าน ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ แตะสมาร์ทโฟนกับเทอร์มินัล NFC แล้วรับกาแฟของตัวเองได้เลย การทําธุรกรรมที่รวดเร็วนี้จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงชั่วโมงที่มีปริมาณการใช้งานสูงสุด
กระเป๋าเงินดิจิทัลกําลังเปลี่ยนโฉมการชําระเงินที่จุดขายโดยการรวมองค์ประกอบที่ดีที่สุดของการชําระเงินทั้งแบบจับต้องได้และแบบดิจิทัลเอาไว้ในหนึ่งเดียว โดยเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน และนําแนวทางการชําระเงินที่พร้อมสําหรับอนาคตมาใช้ สําหรับธุรกิจที่ต้องการตอบโจทย์ความต้องการด้านการชําระเงินของลูกค้าสมัยใหม่ กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นตัวเลือกที่น่านำไปพิจารณาอย่างยิ่ง
การชําระเงินระหว่างบุคคล
ระบบการชําระเงินระหว่างบุคคล (P2P) ได้เปลี่ยนวิธีที่บุคคลทั่วไปแลกเปลี่ยนเงินตรา และเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล แม้จะใช้สําหรับการโอนระหว่างเพื่อนและครอบครัวเป็นหลัก แต่มีการนำการชําระเงินระหว่างบุคคลมาใช้เป็นการชําระเงินที่จุดขายในบริบทของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิธีการทํางาน
แอปชําระเงินแบบ P2P ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมโยงรายละเอียดบัญชีธนาคารหรือบัตรเข้ากับแอปได้ เมื่อทําการชําระเงิน ผู้ชําระเงินจะเลือกบัญชีของผู้รับ (ซึ่งมักจะจำแนกด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมล) แล้วป้อนจำนวนเงิน และยืนยันธุรกรรม จากนั้นนแอปจะโอนเงินจากบัญชีของผู้ชําระเงินไปยังบัญชีของผู้รับโดยตรง
เหมาะสําหรับ
การชําระเงินแบบ P2P เป็นโซลูชันที่ยอดเยี่ยมสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก ผู้รับเหมาอิสระ และผู้ให้บริการที่ต้องการรับชําระเงินแบบดิจิทัลโดยไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์ราคาแพง นอกจากนี้ ธุรกิจยังได้รับประโยชน์จากการมีส่วนร่วมกับลูกค้ากลุ่มอายุน้อยที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่เป็นประจํา
ข้อดีของวิธีการชําระเงินแบบ P2P
ง่ายต่อการใช้
แอป P2P มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทําให้ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนชำระเงินและรับการชําระเงินได้ง่ายโอนเงินทันที
โดยปกติเงินจะโอนแบบเรียลไทม์หรือภายใน 1 ถึง 2 วันทําการ ทำให้เข้าถึงเงินทุนได้รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการชําระเงินอื่น
ข้อเสียของวิธีการชําระเงินแบบ P2P
การคุ้มครองจํากัด
การชําระเงินแบบ P2P ไม่มีการป้องกันในระดับเดียวกันกับระบบธนาคารแบบเดิม ซึ่งอาจทําให้ธุรกิจเสี่ยงต่อการฉ้อโกงหรือการโต้แย้งการชําระเงินไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป
ธุรกิจบางแห่งอาจไม่ยอมรับการชําระเงินผ่าน P2P และไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกรายจะใช้แอป P2P การเข้าถึงจึงจำกัดอาจดูไม่เป็นมืออาชีพ
บางคนอาจมองว่าการชําระเงินแบบ P2P มีความเป็นมืออาชีพน้อยกว่าวิธีการชําระเงินแบบเก่า จึงอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ นี่อาจจะเป็นปัญหาได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและระบบการชําระเงินที่คุณใช้ รวมถึงบุคคลที่เป็นลูกค้าหลัก
ตัวอย่างการใช้การชําระเงินแบบ P2P สําหรับธุรกรรมของลูกค้า
ศิลปินอิสระที่ขายผลงานศิลปะของตนในงานแสดงสินค้าท้องถิ่นสามารถรับการชําระเงินได้โดยตรงผ่านแอป P2P ช่วยให้ลูกค้าซื้อผลงานศิลปะได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตร
การชําระเงินแบบ P2P เป็นวิธีรับชําระเงินที่จุดขายซึ่งสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจได้ประโยชน์จากเทรนด์การชําระเงินแบบดิจิทัลและผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมอบตัวเลือกการชําระเงินที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้าสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะผสานการชําระเงินแบบ P2P เข้ากับข้อเสนอการชําระเงินหรือไม่ ธุรกิจต่างๆ ยังต้องพิจารณาข้อจํากัดของวิธีการชําระเงินนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการคุ้มครองและการรับรู้ของลูกค้า
แนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
คุณจําเป็นต้องเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ วิธีการที่เลือกไม่เพียงส่งผลต่อประสิทธิภาพการดําเนินงานของคุณ แต่ยังส่งผลกระทบต่อประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าด้วย ต่อไปนี้คือคําแนะนําอย่างละเอียดทีละขั้นตอนเพื่อช่วยคุณตัดสินใจในครั้งนี้
ทําความเข้าใจฐานลูกค้าของคุณ
ขั้นตอนแรกในการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายคือการทําความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณเป็นใครและพวกเขาชอบชําระเงินอย่างไร พวกเขาคาดหวังความสะดวกสบายของกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือการชําระเงินแบบ P2P หรือไม่ พวกเขาให้ความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัยของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหรือไม่ หรือพวกเขาชอบการจ่ายเงินสดแบบดั้งเดิมมากกว่า ให้คุณทําวิจัยหรือใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อดูว่าวิธีการชําระเงินแบบใดได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ลูกค้าของคุณ
ประเมินความต้องการและความสามารถของธุรกิจคุณ
ขั้นตอนต่อไปคือการประเมินความต้องการและความสามารถของธุรกิจคุณเอง ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณต้องจัดการธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง บัตรเครดิตและบัตรเดบิตหรือเช็คอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า หากคุณดําเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว ความเร็วของกระเป๋าเงินดิจิทัลอาจเป็นประโยชน์
นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาฟังก์ชันของโครงสร้างพื้นฐานที่คุณมีอยู่ด้วย คุณจะลงทุนกับเทอร์มินัลแบบใช้ NFC เพื่อรับชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือซื้อเครื่องอ่านบัตรมารับชําระเงินด้วยบัตรได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการตัดสินใจเลือกวิธีการชําระเงินสําหรับเครือข่ายร้านขายยาหลายพันแห่ง การตัดสินใจรับชําระเงินแบบไร้สัมผัสอาจต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อจัดเตรียมเทอร์มินัล POS ใหม่ให้กับทุกสาขา
แต่หากคุณตัดสินใจเลือกวิธีการชำระเงินสำหรับแพลตฟอร์มของธุรกิจอิสระที่สามารถตั้งค่าเพื่อรับชําระเงินแบบไร้สัมผัส รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการเพิ่มซอฟต์แวร์การชําระเงินที่เหมาะสมลงในโทรศัพท์ เช่น Tap to Pay on iPhone คุณจะสามารรถติดตั้งใช้งานวิธีการชําระเงินนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่
พิจารณาผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย
วิธีการชําระเงินแต่ละแบบมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าเงินสดอาจดูไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องมีขั้นตอนการจัดเก็บ การจัดการ และการฝากธนาคารที่ปลอดภัย การชําระเงินด้วยบัตร กระเป๋าเงินดิจิทัล และการชําระเงินแบบ P2P มักจะมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่อาจส่งผลต่อผลกําไรของคุณ ดังนั้นควรชั่งน้ําหนักค่าใช้จ่ายเหล่านี้เทียบกับสิทธิประโยชน์และความต้องการของลูกค้าเพื่อทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
ตรวจสอบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
ความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าควรเป็นสิ่งสําคัญสูงสุดเมื่อเลือกวิธีการชําระเงิน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลที่คุณเลือกมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและเป็นไปตามข้อบังคับด้านการคุ้มครองข้อมูลและทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
ประเมินการผสานการทํางานกับระบบที่มีอยู่
เลือกวิธีการชําระเงินที่สามารถผสานการทํางานกับระบบธุรกิจที่คุณมีอยู่ได้อย่างง่ายดาย เช่น ซอฟต์แวร์การทําบัญชีของคุณ ระบบ CRM หรือระบบการจัดการสินค้าคงคลัง การผสานการทํางานนี้จะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน ติดตามธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมอบการบริการลูกค้าที่ดีขึ้นได้
มองหาความยืดหยุ่น
เลือกวิธีการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและปรับตามการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเทคโนโลยีและพฤติกรรมลูกค้าได้ ระบบการชําระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการก้าวนําหน้าเทรนด์อุตสาหกรรมจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
การเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายเป็นโอกาสให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าให้ลึกซึ้งมากขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน และกําหนดจุดยืนให้กับธุรกิจเพื่อการเติบโต นี่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ไว้ การเปิดรับนวัตกรรม และการสร้างระบบนิเวศการชําระเงินที่หลากหลายเช่นเดียวกับฐานลูกค้าของคุณ
ขั้นตอนการชําระเงินมักเป็นการปฏิสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างลูกค้ากับธุรกิจของคุณระหว่างการทําธุรกรรม ขั้นตอนนี้จึงสำคัญอย่างมากและต้องราบรื่น การดูแลให้กระบวนการนี้เรียบง่าย สะดวก และปลอดภัยจะสร้างความประทับใจเชิงบวกให้ลูกค้าได้นานขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ และส่งเสริมการสร้างความภักดี
วิธีที่ Stripe รองรับการชําระเงินที่จุดขาย
Stripe เป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ครอบคลุมซึ่งรองรับวิธีการชําระเงินที่จุดขายหลากหลายแบบ เรานําเสนอโซลูชันแบบไดนามิกที่ปรับแต่งได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการชําระเงิน เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Stripe Terminal และ เครื่องอ่านบัตร Stripe มีบทบาทสําคัญในการอํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่จุดขาย ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับ 2 สิ่งนี้
Stripe Terminal
Stripe Terminal เป็นโซลูชัน POS แบบตั้งโปรแกรมได้ที่ขยายโครงสร้างพื้นฐานของ Stripe ไปจนถึงธุรกรรมที่จุดขาย ธุรกิจต่างๆ สามารถผสานการทํางาน Stripe Terminal เข้ากับบัญชี Stripe และสแต็กซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เดิมเพื่อผสานรวมช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์ของตนเข้าด้วยกัน Terminal รองรับวิธีการชําระเงินหลากหลายแบบ รวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และแม้แต่แอปชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ความอเนกประสงค์นี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในวงกว้าง
Stripe Terminal ใช้การเข้ารหัสตั้งแต่ปลายทางถึงปลายทาง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสําคัญของสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่ปลอดภัย และช่วยปกปิดข้อมูลบัตรที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ Stripe Terminal ยังได้มาตรฐานของ PCI ทําให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยและถูกต้องแม่นยํามากขึ้น
Stripe Terminal มอบเครื่องอ่านบัตรและ SDK ที่ผ่านการรับรองมาแล้ว ช่วยให้นักพัฒนาสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ออกแบบเองได้ นอกจากนี้ยังมี API ที่อํานวยความสะดวกในการผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันสําหรับธุรกิจที่มีอยู่ ทําให้มั่นใจว่าขั้นตอนการทำงานของข้อมูลธุรกรรมจะมีความราบรื่นและกระทบยอดได้ง่ายขึ้น
เครื่องอ่านบัตร Stripe
Stripe Reader เป็นองค์ประกอบสําคัญของระบบนิเวศของ Stripe Terminal เครื่องอ่านบัตรนี้ออกแบบมาเพื่อรับชําระเงินที่จุดขายได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการชําระเงินแบบใช้ชิปและ PIN และการชําระเงินแบบไร้สัมผัสจากบัตรและกระเป๋าเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือเทอร์มินัล POS ก็ได้เช่นกัน ทําให้นำไปใช้งานได้อย่างครอบคลุมในสภาพแวดล้อมการชำระเงินที่จุดขายหลากหลายแบบ
Stripe Reader ทำงานร่วมกับ SDK และ API ของ Stripe ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสร้างแอปพลิเคชัน POS ของตนเอง ฮาร์ดแวร์จะสื่อสารกับ Stripe โดยตรง ซึ่งช่วยลดการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและลดขอบเขตในการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI ลง
Stripe Reader ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อให้ทําธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ทั้งยังรองรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัส จึงลดคิวและเวลารอได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนให้กับประสบการณ์ของลูกค้าที่จุดขายได้อีกทางหนึ่ง จึงไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราการหมุนเวียนของลูกค้าที่รอคิวภายในร้านค้าที่ต้องชำระเงินด้วยตัวเอง แต่ยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย
โดยรวมแล้ว การรองรับการชําระเงินที่จุดขายของ Stripe มาจากความมุ่งมั่นในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับนักพัฒนา Stripe Terminal และ Stripe Reader ช่วยให้ธุรกิจรับการชําระเงินจากวิธีการชําระเงินที่ลูกค้าชื่นชอบได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย รักษาความปลอดภัยให้กับสภาพแวดล้อมการชําระเงิน ผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ออกแบบเอง โดยเครื่องมือเหล่านี้ช่วยธุรกิจจะเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานและความพึงพอใจของลูกค้าในการชําระเงินที่จุดขายทุกประเภท หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเริ่มใช้งาน ให้ไปที่นี่
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ