Five in-person payment methods—and how to choose the right ones for your business

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชําระเงินที่จุดขายคืออะไร
  3. ประเภทของการชําระเงินที่จุดขาย
    1. เงินสด
    2. เช็ค
    3. บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
    4. กระเป๋าเงินดิจิทัล
    5. การชําระเงินระหว่างบุคคล
  4. แนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
    1. ทําความเข้าใจฐานลูกค้าของคุณ
    2. ประเมินความต้องการและความสามารถของธุรกิจคุณ
    3. พิจารณาผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย
    4. ตรวจสอบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    5. ประเมินการผสานการทํางานกับระบบที่มีอยู่
    6. มองหาความยืดหยุ่น
  5. วิธีที่ Stripe รองรับการชําระเงินที่จุดขาย
    1. Stripe Terminal
    2. เครื่องอ่านบัตร Stripe

แม้ว่าธุรกรรมออนไลน์จะเฟื่องฟูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่การชําระเงินที่จุดขายยังคงมีบทบาทสําคัญ ธุรกิจจำเป็นต้องเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่จะยอมรับจากลูกค้า การทําความเข้าใจหลักการทำงานของวิธีการชําระเงินแบบต่างๆ อาจช่วยให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มรายรับและอัตราการรักษาลูกค้า ตลอดจนดําเนินงานในตลาดเป้าหมายได้อย่างประสบความสําเร็จ

แม้ธุรกรรมที่จุดขายจะไม่ใช่ช่องทางการขายเพียงช่องทางเดียวของคุณ แต่การปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินที่จุดขายจะส่งผลดีต่อช่องทางการขายอื่นๆ (เช่น อีคอมเมิร์ซ) ด้วยเช่นกัน

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าการชําระเงินที่จุดขายคืออะไร การชําระเงินที่จุดขายประเภทต่างๆ ที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง และแนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การชําระเงินที่จุดขายคืออะไร
  • ประเภทการชําระเงินที่จุดขาย
  • แนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขาย
  • วิธีที่ Stripe รองรับการชําระเงินที่จุดขาย

การชําระเงินที่จุดขายคืออะไร

การชําระเงินที่จุดขายคือธุรกรรมที่ลูกค้าแสดงตนที่ระบบบันทึกการขาย (POS) การชําระเงินรูปแบบนี้เกิดขึ้นที่ร้านค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน ร้านอาหาร พื้นที่จัดงานกิจกรรม ผู้ให้บริการ และสถานที่ตั้งอื่นๆ

ประเภทของการชําระเงินที่จุดขาย

วิธีการชําระเงินที่จุดขายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทําให้ธุรกิจและลูกค้ามีตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย ต่อไปนี้คือภาพรวมของ 5 วิธีการชําระเงินที่จุดขายยอดนิยม หลักการทำงาน ข้อดีข้อเสีย และประเภทของธุรกิจหรือสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่เหมาะกับการชำระเงินแต่ละวิธีมากที่สุด

เงินสด

เงินสดเป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นส่วนสําคัญของการค้าขายมานับพันๆ ปี วิธีนี้มีความเป็นสากล เรียบง่าย และไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เงินสดจึงยังคงได้รับความนิยมแม้แต่ในยุคดิจิทัล

วิธีการทํางาน

ธุรกรรมเงินสดจะค่อนข้างตรงไปตรงมา และประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนเงินจริง (ทั้งธนบัตรหรือเหรียญ) ระหว่างลูกค้าและธุรกิจโดยตรงแบบเรียลไทม์ ลูกค้าจะชําระเงินตามจํานวนที่ต้องชําระเป็นค่าสินค้าหรือบริการ ส่วนธุรกิจก็จะทอนเงินให้ลูกค้าตามความจําเป็น

เหมาะสําหรับ

โดยทั่วไปแล้ว การชำระเงินสดจะได้รับความนิยมจากธุรกิจขนาดเล็ก แผงร้านค้าในตลาด งานเปิดร้านขายของ ร้านค้าในท้องถิ่น และธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่ให้บริการลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารหรือชื่นชอบการทำธุรกรรมด้วยเงินสดเพราะไม่ต้องเปิดเผยตัวตน

ข้อดีของการใช้เงินสดเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ได้รับการยอมรับทั่วโลก
    เงินสดเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและโดยทั่วไปจะได้รับการยอมรับในสถานที่ส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

  • ไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
    ธุรกรรมเงินสดไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม จึงเป็นวิธีการชำระเงินที่ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงได้

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรม
    ธุรกรรมเงินสดไม่มีค่าธรรมเนียมการประมวลผล ซึ่งต่างจากการชําระเงินผ่านบัตรหรือการชําระเงินดิจิทัล จึงช่วยธุรกิจรักษาผลกําไรได้อีกทางหนึ่ง

  • ชําระเงินทันที
    การชําระเงินด้วยเงินสดจะมีผลทันทีและขจัดความเสี่ยงของการชําระเงินล่าช้าหรือการผิดนัดชำระ

ข้อเสียของการใช้เงินสดเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ใช้ร่วมกับการชําระเงินแบบไร้เงินสดไม่ได้
    เนื่องจากการชําระเงินแบบไร้เงินสดได้รับความนิยมและความแพร่หลายมากขึ้น ธุรกิจบางแห่งจึงเปลี่ยนมาไม่รับเงินสดเลย

  • ไม่สะดวกกับธุรกรรมขนาดใหญ่
    การจัดการเงินสดจํานวนมากอาจทําไม่ได้และมีความเสี่ยง จึงจํากัดการใช้งานในธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง

  • ความเสี่ยงต่อการโจรกรรมหรือการสูญหาย
    เงินสดอาจสูญหายหรือถูกขโมย รวมถึงอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่อาจจําเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครองเพิ่มเติม

  • ใช้เวลานาน
    การนับเงินสด การทอนเงิน และการกระทบยอดอาจเป็นกระบวนการที่ต้องดําเนินการด้วยตนเองหรือใช้เวลามาก

ตัวอย่างการใช้เงินสดในฐานะวิธีการชําระเงินที่จุดขาย

ที่ร้านเบเกอรี่ในท้องถิ่น ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อขนมปัง ชําระเงินด้วยเงินสด รับเงินทอน จากนั้นจึงเดินออกจากร้านโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้บริการมีความรวดเร็วและอัตราการหมุนเวียนของลูกค้าสูง ซึ่งมีความสําคัญเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก

แม้ว่าเงินสดอาจดูล้าสมัยเมื่อเทียบกับวิธีการชําระเงินดิจิทัลที่เพิ่งได้รับความนิยม แต่ก็มีข้อดีที่สําคัญ ไม่ว่าจะเป็นความเรียบง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียม และเข้าถึงผู้คนในวงกว้าง เงินสดจึงยังคงอยู่และได้รับความนิยมจากธุรกิจและลูกค้าจํานวนมาก

เช็ค

เมื่อพูดถึงการชําระเงิน เช็คมักจะถูกมองข้าม แต่ก็ยังมีการใช้งานกันโดยทั่วไป และในบางครั้งก็เป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขายที่ลูกค้าชื่นชอบ ผู้คนใช้เช็คมานานหลายศตวรรษ จึงสร้างปัจจัยความเชื่อมั่นให้กับการชำระเงินด้วยวิธีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ประชากรบางกลุ่มและสถานการณ์ธุรกิจบางแบบ

วิธีการทํางาน

เช็คคือคําสั่งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรของเจ้าของบัญชีที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจํานวนหนึ่งจากบัญชีของตนให้กับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น ผู้รับเงินหรือผู้รับชำระเงินสามารถฝากเช็คหรือนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารของตน ซึ่งจะส่งคําขอเงินจากธนาคารของผู้เขียนเช็ค จากนั้นระบบจะโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งเพื่อดําเนินการธุรกรรมให้เสร็จสิ้น

เหมาะสําหรับ

ธุรกิจที่ทำธุรกรรมมูลค่าสูงมักจะใช้เช็ค ซึ่งไม่จําเป็นต้องชําระเงินทันทีและได้ประโยชน์จากบันทึกข้อมูลการชําระเงิน นอกจากนี้ยังใช้กันทั่วไปในการทําธุรกรรมแบบ B2B การเช่า และอสังหาริมทรัพย์

ข้อดีของการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ขนาดธุรกรรม
    เช็คสามารถสั่งจ่ายเป็นมูลค่าสูง จึงเหมาะสําหรับการทำธุรกรรมในสถานที่ที่ไม่สามารถพกพาเงินสดจำนวนมากได้ หรือวงเงินบัตรอาจบล็อกไม่ให้ทำธุรกรรม

  • ไม่ต้องใช้เงินทันที
    เช็คต้องใช้เวลาสักระยะในการเคลียร์ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ชําระเงินมีความยืดหยุ่นทางการเงิน

  • ปรับปรุงการเก็บบันทึก
    เช็คมีบันทึกธุรกรรมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการติดตามทางการเงินและจุดประสงค์ด้านภาษี

ข้อเสียของการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ใช้เวลานาน
    การเขียนเช็ค ฝากเช็ค และประมวลผลเช็คอาจใช้เวลานาน นอกจากนี้เช็คยังต้องรอการเคลียริงด้วย

  • ความเสี่ยงต่อเช็คเด้ง
    หากเจ้าของบัญชีมีเงินไม่เพียงพอเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงิน เช็คนั้นจะเด้งได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดค่าธรรมเนียมและปัญหาด้านกฎหมายตามมา

  • ไม่ได้การยอมรับอย่างแพร่หลาย
    ธุรกิจบางแห่งอาจไม่รับเช็คเนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเช็คและใช้เวลาในการเคลียริง

ตัวอย่างการใช้เช็คเป็นวิธีการชําระเงินที่จุดขาย

ตัวอย่างการใช้เช็คแบบคลาสสิกพบเห็นได้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้เช่ามักจ่ายค่าเช่าหรือค่ามัดจําด้วยเช็ค ซึ่งเป็นการบันทึกข้อมูลการชําระเงินให้กับทั้งผู้เช่าและเจ้าของบ้าน ในทํานองเดียวกัน ธุรกิจมักจะจ่ายเงินให้ผู้ให้บริการหรือรับการชําระเงินจากลูกค้าผ่านเช็ค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการชำระเงินมูลค่าสูงด้วยแล้ว

เช็คให้ความสะดวก ยืดหยุ่นทางการเงิน และปรับปรุงกระบวนการเก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เช็คเป็นวิธีการชําระเงินที่มีคุณค่า ดังนั้น ก่อนที่จะมองข้ามเช็คเพราะเห็นว่าล้าสมัยและไม่ตอบโจทย์ เราควรทําความเข้าใจข้อดีของเช็ค และพิจารณาว่าเช็คสอดคล้องกับข้อกําหนดของธุรกิจและความต้องการของลูกค้าของคุณหรือไม่

บัตรเครดิตและบัตรเดบิต

ในสังคมที่ผู้คนหันมาชำระเงินแบบไร้เงินสดกันมากขึ้น บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการชําระเงินที่จุดขายที่พบบ่อยที่สุด เพราะทั้งปลอดภัย สะดวก และยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและความต้องการทางธุรกิจ

วิธีการทํางาน

ลูกค้าแสดงบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่จุดขาย บัตรสามารถรูด (แถบแม่เหล็ก) เสียบ (ชิป) หรือแตะ (แบบไร้สัมผัส) เข้ากับเทอร์มินัล POS เมื่อเทอร์มินัลบันทึกรายละเอียดของบัตรแล้ว ระบบจะแจ้งให้ธนาคารเจ้าของบัตรตรวจสอบว่าเงินหรือวงเงินเพียงพอหรือไม่ ถ้าได้รับอนุมัติ ธุรกรรมจะดำเนินต่อไป และระบบจะหักเงินจากบัญชีของลูกค้า

เหมาะสําหรับ

ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจใดก็ตามที่มีการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าปานกลางถึงสูง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ธุรกิจที่มีหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์เปลี่ยนผ่านช่องทางการขายระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างราบรื่น

ข้อดีของการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน

  • การยอมรับในระดับสากล
    บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก

  • การรักษาความปลอดภัย
    การชําระเงินด้วยบัตรมีระบบป้องกันการฉ้อโกงผ่านฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยในตัว เช่น เทคโนโลยีชิป EMV การตรวจสอบสิทธิ์ด้วย PIN และนโยบายความรับผิดเป็นศูนย์

  • ปรับปรุงการใช้จ่ายของลูกค้า
    ลูกค้ามักจะใช้จ่ายมากกว่าเมื่อใช้บัตรเมื่อเทียบกับการใช้เงินสด เนื่องจากบัตรไม่ถูกจํากัดด้วยจำนวนเงินสดที่อยู่ในมือ

  • ติดตามและกระทบยอดได้
    ระบบจะบันทึกธุรกรรมผ่านบัตรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจติดตามและกระทบยอดการขายได้ง่ายขึ้น

ข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ต้องใช้ฮาร์ดแวร์
    โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจต่างๆ มักจะต้องลงทุนซื้อเทอร์มินัลอ่านบัตรหรือเครื่องอ่านบัตรเพื่อรับชําระเงินผ่านบัตร แต่ไม่เสมอไปในปัจจุบัน เนื่องจากบัตรหลายใบมาพร้อมเทคโนโลยี NFCในตัวสําหรับการทำธุรกรรมแบบไร้สัมผัส ซึ่งสามารถทําได้ด้วยสมาร์ทโฟนที่เปิดใช้งานอย่างเหมาะสมและไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์อื่นใด

  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม
    ธุรกรรมผ่านบัตรแต่ละรายการจะมีค่าธรรมเนียมที่ธุรกิจต้องชําระ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกําไร

  • ต้องพึ่งพาเครือข่าย
    การชําระเงินด้วยบัตรต้องเชื่อมต่อเครือข่ายที่ใช้งานอยู่เพื่อประมวลผล หากเครือข่ายเกิดปัญหา ก็อาจทำให้การชำระเงินดำเนินการไม่สำเร็จ

ตัวอย่างการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงิน

ที่ร้านขายเสื้อผ้า ลูกค้าเลือกสินค้า เข้าคิวชําระเงิน และชําระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของตัวเอง ร้านค้าสามารถจัดการธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง เสนอการคืนสินค้าหรือการคืนเงินได้ตามต้องการ และบันทึกธุรกรรมทั้งหมดอย่างถูกต้องเพื่อจุดประสงค์ด้านการทําบัญชีและการกระทบยอด

การชําระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมอบความสะดวก ปลอดภัย และการยอมรับในวงกว้าง บัตรเครดิตและบัตรเดบิตช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูง และปิดช่องว่างระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ จึงเป็นตัวเลือกการชําระเงินที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับธุรกิจส่วนใหญ่ แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาและเปลี่ยนวิธีการชําระเงิน แต่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเทรนด์เหล่านี้ โดยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจะยังคงเป็นวิธีการชําระเงินที่ตอบโจทย์ธุรกิจส่วนใหญ่

กระเป๋าเงินดิจิทัล

กระเป๋าเงินดิจิทัลพลิกโฉมการชำระเงินที่จุดขายไปอย่างสิ้นเชิง โดยมอบความสะดวกสบาย ความเร็ว และความปลอดภัยที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่เดินทางเป็นประจำและเชี่ยวชาญเทคโนโลยี โดยมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สะดวกง่ายดาย

วิธีการทํางาน

กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือกระเป๋าเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะจัดเก็บข้อมูลบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรเติมเงินของผู้ใช้ไว้อย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่ระบบบันทึกการขาย ลูกค้าจะสามารถชําระเงินแบบไร้สัมผัสได้โดยการแตะโทรศัพท์กับเทอร์มินัลการชําระเงินที่รองรับ NFC จากนั้น ระบบจะโอนรายละเอียดการชําระเงินอย่างปลอดภัย โดยธุรกรรมจะได้รับการประมวลผลเกือบจะในทันที

เหมาะสําหรับ

เมื่อดูจากความเฟื่องฟูของกระเป๋าเงินดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยทั่วไปแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลเหมาะสําหรับการทำธุรกิจที่จุดขายส่วนใหญ่ โดยเหมาะสําหรับร้านค้าค้าปลีก คาเฟ่ ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่รวดเร็วและง่ายดายให้แก่ลูกค้า และเนื่องจากกระเป๋าเงินดิจิทัลใช้ได้ทั้งกับการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการค้าแบบแพลตฟอร์มรวม

ข้อดีของการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน

  • รวดเร็วและสะดวกสบาย
    การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นรวดเร็วและไร้สัมผัส ซึ่งช่วยให้ชําระเงินได้ราบรื่น

  • ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
    กระเป๋าเงินดิจิทัลใช้การแปลงเป็นโทเค็นเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับรายละเอียดของบัตร โดยมีระบบป้องกันการฉ้อโกงเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่ง

  • การผสานการทํางานกับโปรแกรมสะสมคะแนน
    กระเป๋าเงินดิจิทัลจํานวนมากสามารถผสานการทํางานกับโปรแกรมสะสมคะแนนของธุรกิจ ซึ่งมอบประสบการณ์ที่น่าดึงดูดลูกค้ามากขึ้น

  • ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ
    กระเป๋าเงินดิจิทัลช่วยให้ไม่ต้องรับมือเงินสด ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้

ข้อเสียของการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน

  • ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่เปิดใช้ NFC
    ธุรกิจต่างๆ จะต้องมีเทอร์มินัล POS ที่เปิดใช้ NFC เพื่อรับชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล

  • ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
    การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลต้องพึ่งพาลูกค้าที่มีสมาร์ทโฟนและกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เข้ากันได้ ซึ่งอาจจํากัดการใช้งาน

  • ปัญหาความเข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้น
    กระเป๋าเงินดิจิทัลอาจไม่สามารถใช้งานได้กับระบบการชําระเงินและบัตรทุกใบ ซึ่งอาจนําไปสู่ปัญหาด้านความเข้ากันได้

ตัวอย่างการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน

ที่ร้านกาแฟที่พลุกพล่าน ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ แตะสมาร์ทโฟนกับเทอร์มินัล NFC แล้วรับกาแฟของตัวเองได้เลย การทําธุรกรรมที่รวดเร็วนี้จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงชั่วโมงที่มีปริมาณการใช้งานสูงสุด

กระเป๋าเงินดิจิทัลกําลังเปลี่ยนโฉมการชําระเงินที่จุดขายโดยการรวมองค์ประกอบที่ดีที่สุดของการชําระเงินทั้งแบบจับต้องได้และแบบดิจิทัลเอาไว้ในหนึ่งเดียว โดยเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน และนําแนวทางการชําระเงินที่พร้อมสําหรับอนาคตมาใช้ สําหรับธุรกิจที่ต้องการตอบโจทย์ความต้องการด้านการชําระเงินของลูกค้าสมัยใหม่ กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นตัวเลือกที่น่านำไปพิจารณาอย่างยิ่ง

การชําระเงินระหว่างบุคคล

ระบบการชําระเงินระหว่างบุคคล (P2P) ได้เปลี่ยนวิธีที่บุคคลทั่วไปแลกเปลี่ยนเงินตรา และเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล แม้จะใช้สําหรับการโอนระหว่างเพื่อนและครอบครัวเป็นหลัก แต่มีการนำการชําระเงินระหว่างบุคคลมาใช้เป็นการชําระเงินที่จุดขายในบริบทของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วิธีการทํางาน

แอปชําระเงินแบบ P2P ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมโยงรายละเอียดบัญชีธนาคารหรือบัตรเข้ากับแอปได้ เมื่อทําการชําระเงิน ผู้ชําระเงินจะเลือกบัญชีของผู้รับ (ซึ่งมักจะจำแนกด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมล) แล้วป้อนจำนวนเงิน และยืนยันธุรกรรม จากนั้นนแอปจะโอนเงินจากบัญชีของผู้ชําระเงินไปยังบัญชีของผู้รับโดยตรง

เหมาะสําหรับ

การชําระเงินแบบ P2P เป็นโซลูชันที่ยอดเยี่ยมสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก ผู้รับเหมาอิสระ และผู้ให้บริการที่ต้องการรับชําระเงินแบบดิจิทัลโดยไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์ราคาแพง นอกจากนี้ ธุรกิจยังได้รับประโยชน์จากการมีส่วนร่วมกับลูกค้ากลุ่มอายุน้อยที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอยู่เป็นประจํา

ข้อดีของวิธีการชําระเงินแบบ P2P

  • ง่ายต่อการใช้
    แอป P2P มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทําให้ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนชำระเงินและรับการชําระเงินได้ง่าย

  • โอนเงินทันที
    โดยปกติเงินจะโอนแบบเรียลไทม์หรือภายใน 1 ถึง 2 วันทําการ ทำให้เข้าถึงเงินทุนได้รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการชําระเงินอื่น

ข้อเสียของวิธีการชําระเงินแบบ P2P

  • การคุ้มครองจํากัด
    การชําระเงินแบบ P2P ไม่มีการป้องกันในระดับเดียวกันกับระบบธนาคารแบบเดิม ซึ่งอาจทําให้ธุรกิจเสี่ยงต่อการฉ้อโกงหรือการโต้แย้งการชําระเงิน

  • ไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป
    ธุรกิจบางแห่งอาจไม่ยอมรับการชําระเงินผ่าน P2P และไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกรายจะใช้แอป P2P การเข้าถึงจึงจำกัด

  • อาจดูไม่เป็นมืออาชีพ
    บางคนอาจมองว่าการชําระเงินแบบ P2P มีความเป็นมืออาชีพน้อยกว่าวิธีการชําระเงินแบบเก่า จึงอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ นี่อาจจะเป็นปัญหาได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและระบบการชําระเงินที่คุณใช้ รวมถึงบุคคลที่เป็นลูกค้าหลัก

ตัวอย่างการใช้การชําระเงินแบบ P2P สําหรับธุรกรรมของลูกค้า

ศิลปินอิสระที่ขายผลงานศิลปะของตนในงานแสดงสินค้าท้องถิ่นสามารถรับการชําระเงินได้โดยตรงผ่านแอป P2P ช่วยให้ลูกค้าซื้อผลงานศิลปะได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตร

การชําระเงินแบบ P2P เป็นวิธีรับชําระเงินที่จุดขายซึ่งสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจได้ประโยชน์จากเทรนด์การชําระเงินแบบดิจิทัลและผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมอบตัวเลือกการชําระเงินที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้าสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะผสานการชําระเงินแบบ P2P เข้ากับข้อเสนอการชําระเงินหรือไม่ ธุรกิจต่างๆ ยังต้องพิจารณาข้อจํากัดของวิธีการชําระเงินนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการคุ้มครองและการรับรู้ของลูกค้า

แนวทางการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขาย

คุณจําเป็นต้องเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ วิธีการที่เลือกไม่เพียงส่งผลต่อประสิทธิภาพการดําเนินงานของคุณ แต่ยังส่งผลกระทบต่อประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าด้วย ต่อไปนี้คือคําแนะนําอย่างละเอียดทีละขั้นตอนเพื่อช่วยคุณตัดสินใจในครั้งนี้

ทําความเข้าใจฐานลูกค้าของคุณ

ขั้นตอนแรกในการเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายคือการทําความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณเป็นใครและพวกเขาชอบชําระเงินอย่างไร พวกเขาคาดหวังความสะดวกสบายของกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือการชําระเงินแบบ P2P หรือไม่ พวกเขาให้ความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัยของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหรือไม่ หรือพวกเขาชอบการจ่ายเงินสดแบบดั้งเดิมมากกว่า ให้คุณทําวิจัยหรือใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อดูว่าวิธีการชําระเงินแบบใดได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ลูกค้าของคุณ

ประเมินความต้องการและความสามารถของธุรกิจคุณ

ขั้นตอนต่อไปคือการประเมินความต้องการและความสามารถของธุรกิจคุณเอง ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณต้องจัดการธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง บัตรเครดิตและบัตรเดบิตหรือเช็คอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า หากคุณดําเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว ความเร็วของกระเป๋าเงินดิจิทัลอาจเป็นประโยชน์

นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาฟังก์ชันของโครงสร้างพื้นฐานที่คุณมีอยู่ด้วย คุณจะลงทุนกับเทอร์มินัลแบบใช้ NFC เพื่อรับชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือซื้อเครื่องอ่านบัตรมารับชําระเงินด้วยบัตรได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการตัดสินใจเลือกวิธีการชําระเงินสําหรับเครือข่ายร้านขายยาหลายพันแห่ง การตัดสินใจรับชําระเงินแบบไร้สัมผัสอาจต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเพื่อจัดเตรียมเทอร์มินัล POS ใหม่ให้กับทุกสาขา

แต่หากคุณตัดสินใจเลือกวิธีการชำระเงินสำหรับแพลตฟอร์มของธุรกิจอิสระที่สามารถตั้งค่าเพื่อรับชําระเงินแบบไร้สัมผัส รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยการเพิ่มซอฟต์แวร์การชําระเงินที่เหมาะสมลงในโทรศัพท์ เช่น Tap to Pay on iPhone คุณจะสามารรถติดตั้งใช้งานวิธีการชําระเงินนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่

พิจารณาผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย

วิธีการชําระเงินแต่ละแบบมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าเงินสดอาจดูไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องมีขั้นตอนการจัดเก็บ การจัดการ และการฝากธนาคารที่ปลอดภัย การชําระเงินด้วยบัตร กระเป๋าเงินดิจิทัล และการชําระเงินแบบ P2P มักจะมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่อาจส่งผลต่อผลกําไรของคุณ ดังนั้นควรชั่งน้ําหนักค่าใช้จ่ายเหล่านี้เทียบกับสิทธิประโยชน์และความต้องการของลูกค้าเพื่อทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

ตรวจสอบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด

ความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าควรเป็นสิ่งสําคัญสูงสุดเมื่อเลือกวิธีการชําระเงิน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลที่คุณเลือกมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและเป็นไปตามข้อบังคับด้านการคุ้มครองข้อมูลและทางการเงินที่เกี่ยวข้อง

ประเมินการผสานการทํางานกับระบบที่มีอยู่

เลือกวิธีการชําระเงินที่สามารถผสานการทํางานกับระบบธุรกิจที่คุณมีอยู่ได้อย่างง่ายดาย เช่น ซอฟต์แวร์การทําบัญชีของคุณ ระบบ CRM หรือระบบการจัดการสินค้าคงคลัง การผสานการทํางานนี้จะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน ติดตามธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมอบการบริการลูกค้าที่ดีขึ้นได้

มองหาความยืดหยุ่น

เลือกวิธีการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและปรับตามการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเทคโนโลยีและพฤติกรรมลูกค้าได้ ระบบการชําระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการก้าวนําหน้าเทรนด์อุตสาหกรรมจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

การเลือกวิธีการชําระเงินที่จุดขายเป็นโอกาสให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าให้ลึกซึ้งมากขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน และกําหนดจุดยืนให้กับธุรกิจเพื่อการเติบโต นี่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ไว้ การเปิดรับนวัตกรรม และการสร้างระบบนิเวศการชําระเงินที่หลากหลายเช่นเดียวกับฐานลูกค้าของคุณ

ขั้นตอนการชําระเงินมักเป็นการปฏิสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างลูกค้ากับธุรกิจของคุณระหว่างการทําธุรกรรม ขั้นตอนนี้จึงสำคัญอย่างมากและต้องราบรื่น การดูแลให้กระบวนการนี้เรียบง่าย สะดวก และปลอดภัยจะสร้างความประทับใจเชิงบวกให้ลูกค้าได้นานขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ และส่งเสริมการสร้างความภักดี

วิธีที่ Stripe รองรับการชําระเงินที่จุดขาย

Stripe เป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ครอบคลุมซึ่งรองรับวิธีการชําระเงินที่จุดขายหลากหลายแบบ เรานําเสนอโซลูชันแบบไดนามิกที่ปรับแต่งได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการชําระเงิน เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Stripe Terminal และ เครื่องอ่านบัตร Stripe มีบทบาทสําคัญในการอํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่จุดขาย ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับ 2 สิ่งนี้

Stripe Terminal

Stripe Terminal เป็นโซลูชัน POS แบบตั้งโปรแกรมได้ที่ขยายโครงสร้างพื้นฐานของ Stripe ไปจนถึงธุรกรรมที่จุดขาย ธุรกิจต่างๆ สามารถผสานการทํางาน Stripe Terminal เข้ากับบัญชี Stripe และสแต็กซอฟต์แวร์ที่มีอยู่เดิมเพื่อผสานรวมช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์ของตนเข้าด้วยกัน Terminal รองรับวิธีการชําระเงินหลากหลายแบบ รวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และแม้แต่แอปชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ความอเนกประสงค์นี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในวงกว้าง

Stripe Terminal ใช้การเข้ารหัสตั้งแต่ปลายทางถึงปลายทาง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสําคัญของสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่ปลอดภัย และช่วยปกปิดข้อมูลบัตรที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ Stripe Terminal ยังได้มาตรฐานของ PCI ทําให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยและถูกต้องแม่นยํามากขึ้น

Stripe Terminal มอบเครื่องอ่านบัตรและ SDK ที่ผ่านการรับรองมาแล้ว ช่วยให้นักพัฒนาสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ออกแบบเองได้ นอกจากนี้ยังมี API ที่อํานวยความสะดวกในการผสานการทำงานกับแอปพลิเคชันสําหรับธุรกิจที่มีอยู่ ทําให้มั่นใจว่าขั้นตอนการทำงานของข้อมูลธุรกรรมจะมีความราบรื่นและกระทบยอดได้ง่ายขึ้น

เครื่องอ่านบัตร Stripe

Stripe Reader เป็นองค์ประกอบสําคัญของระบบนิเวศของ Stripe Terminal เครื่องอ่านบัตรนี้ออกแบบมาเพื่อรับชําระเงินที่จุดขายได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการชําระเงินแบบใช้ชิปและ PIN และการชําระเงินแบบไร้สัมผัสจากบัตรและกระเป๋าเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือเทอร์มินัล POS ก็ได้เช่นกัน ทําให้นำไปใช้งานได้อย่างครอบคลุมในสภาพแวดล้อมการชำระเงินที่จุดขายหลากหลายแบบ

Stripe Reader ทำงานร่วมกับ SDK และ API ของ Stripe ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสร้างแอปพลิเคชัน POS ของตนเอง ฮาร์ดแวร์จะสื่อสารกับ Stripe โดยตรง ซึ่งช่วยลดการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและลดขอบเขตในการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI ลง

Stripe Reader ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อให้ทําธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ทั้งยังรองรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัส จึงลดคิวและเวลารอได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนให้กับประสบการณ์ของลูกค้าที่จุดขายได้อีกทางหนึ่ง จึงไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราการหมุนเวียนของลูกค้าที่รอคิวภายในร้านค้าที่ต้องชำระเงินด้วยตัวเอง แต่ยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย

โดยรวมแล้ว การรองรับการชําระเงินที่จุดขายของ Stripe มาจากความมุ่งมั่นในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และเป็นมิตรกับนักพัฒนา Stripe Terminal และ Stripe Reader ช่วยให้ธุรกิจรับการชําระเงินจากวิธีการชําระเงินที่ลูกค้าชื่นชอบได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย รักษาความปลอดภัยให้กับสภาพแวดล้อมการชําระเงิน ผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ออกแบบเอง โดยเครื่องมือเหล่านี้ช่วยธุรกิจจะเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานและความพึงพอใจของลูกค้าในการชําระเงินที่จุดขายทุกประเภท หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเริ่มใช้งาน ให้ไปที่นี่

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe