Ecommerce conversion rate optimization: Strategies and tips

Checkout
Checkout

Stripe Checkout เป็นแบบฟอร์มการชำระเงินสำเร็จรูปที่คุณสามารถปรับแต่งให้เหมาะสำหรับเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้คุณยังผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การดำเนินการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่พบบ่อยได้แก่อะไรบ้าง
  3. ฉันจะคํานวณอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างไร
  4. อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซที่ดีต้องเป็นอย่างไร
  5. การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสําหรับอีคอมเมิร์ซคืออะไร
  6. กลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า
    1. สร้างระบบและอินเทอร์เฟซการชําระเงินที่ยอดเยี่ยม
    2. ลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงิน
    3. รับมือกับการฉ้อโกงและป้องกันการปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้อง
    4. เสนอวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย

สําหรับผู้นําของธุรกิจอีคอมเมิร์ซแล้ว การทําความเข้าใจอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าเป็นกุญแจสู่ความสําเร็จในระยะยาว "อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า" หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เปลี่ยนจากการท่องเว็บหรือเลื่อนดูเว็บมาดำเนินการบางอย่างบนเว็บไซต์ เช่น การซื้อสินค้า

การชำระเงินเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สําคัญที่สุดในเส้นทางของลูกค้า และมอบโอกาสมากมายในการเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า อย่างไรก็ตาม บริษัทอีคอมเมิร์ซสามารถวางกลยุทธ์ให้กับอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเปลี่ยนเป็นลูกค้าในแต่ละขั้นตอนได้หลายวิธีด้วยกัน

การจัดทำแผนปรับปรุงกระบวนการชําระเงินอย่างละเอียดจะช่วยคุณจัดการปัญหาที่ซับซ้อนซึ่งอาจทําให้ขั้นตอนการซื้อล่าช้าหรือขัดขวางไม่ให้ลูกค้าทําการซื้อได้สําเร็จ เช่น การปฏิเสธบัตรที่ถูกต้อง ความติดขัดที่ขั้นตอนการชําระเงิน ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อทําได้ดี กระบวนการชําระเงินของคุณจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าโดยรวม และรายรับของธุรกิจได้

ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งวิธีที่กระบวนการชําระเงินที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมจะช่วยปรับปรุงธุรกิจของคุณ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การดำเนินการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่พบบ่อยได้แก่อะไรบ้าง
  • ฉันจะคํานวณอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างไร
  • อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซที่ดีต้องเป็นอย่างไร
  • การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสําหรับอีคอมเมิร์ซคืออะไร
  • กลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

การดำเนินการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่พบบ่อยได้แก่อะไรบ้าง

ผู้เข้าชมเว็บไซต์อาจดําเนินการหลายอย่างที่ธุรกิจสามารถถือเป็นการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้ ในกรณีอื่นๆ นอกเหนือจากอีคอมเมิร์ซ การดําเนินการที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าบนเว็บไซต์อาจหมายถึงอะไรก็ได้ตั้งแต่การลงทะเบียนรับจดหมายข่าวอีเมล ไปจนถึงการดาวน์โหลดรายงานเพื่อทําการซื้อให้เสร็จสิ้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายของธุรกิจ แต่สําหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ คําสั่งซื้อบนเว็บไซต์เป็นการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าที่มีความหมายมากที่สุดในการวัดผล

นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ด้วย ซึ่งรวมถึงอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวและอัตราการออกจากเว็บไซต์ เพื่อมอบบริบทให้กับอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า และช่วยกําหนดกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ดีที่สุด

ฉันจะคํานวณอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างไร

อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซคือเปอร์เซ็นต์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ส่งผลให้มีการสั่งซื้อ (การดําเนินการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่สำคัญ) ในช่วงเวลาที่กําหนด เทียบกับจํานวนการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน หากต้องการคํานวณอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสําหรับธุรกิจของคุณ อันดับแรก คุณกําหนดระยะเวลาในการตรวจสอบ จากนั้นจึงหาจำนวนการดำเนินการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่เสร็จสมบูรณ์ และจํานวนผู้เข้าชมที่ไม่ซ้ำกันทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณในช่วงเวลาดังกล่าว

หารจํานวนคําสั่งซื้อด้วยจํานวนการเข้าชมทั้งหมด จากนั้นคูณผลลัพธ์ที่ได้ด้วย 100 ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณมีคําสั่งซื้อ 50 รายการจากผู้เข้าชมที่ไม่ซ้ำ 1,000 คน คุณจะมีอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า 5%

อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซที่ดีต้องเป็นอย่างไร

ในปี 2023 อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 3.68% ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใหม่ๆ มักจะตั้งเป้าอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าเริ่มต้นไว้ที่ 1%–2% และค่อยมาพยายามเพิ่มในภายหลัง แต่อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ดีสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ เช่น อุตสาหกรรมและฤดูกาล รวมถึงการดําเนินการภายในการควบคุมของคุณ เช่น การปรับแต่งกระบวนการชําระเงินและการดูแลเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ

เมตริกอื่นๆ เช่น เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์ อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์เพียงหน้าเดียว ผลตอบแทนจากการใช้จ่ายเพื่อโฆษณา ต้นทุนต่อการได้ลูกค้าหนึ่งราย อัตราการคลิกผ่าน และการมีปฏิสัมพันธ์ต่อการเข้าชม ทั้งหมดนี้แสดงถึงประสิทธิภาพของกระบวนการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของคุณ

การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสําหรับอีคอมเมิร์ซคืออะไร

การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสําหรับอีคอมเมิร์ซ (CRO) หมายถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่สามารถเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เปลี่ยนมาเป็นลูกค้า ซึ่งอาจดําเนินการจากจุดติดต่อลูกค้าบนเว็บไซต์ของคุณ ตั้งแต่หน้าแรก หน้าผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงประสบการณ์การชําระเงิน

การเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าสำหรับอีคอมเมิร์ซเป็นการดําเนินงานอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่ใช่การแก้ไขแบบครั้งเดียวจบ อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าจะได้รับผลกระทบจากธุรกิจของคุณในหลายๆ ด้าน ดังนั้นควรวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพที่หลากหลาย รวมทั้งทดลองและปรับปรุงวิธีการเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

กลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

เนื่องจากองค์ประกอบจํานวนมากในธุรกิจของคุณอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า คุณจึงอาจจะไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน

เราแนะนำให้นึกถึงขั้นตอนที่สําคัญที่สุดในกระบวนการเปลี่ยนเป็นลูกค้า รวมถึงช่วงเวลาที่ซื้อสินค้าหรือบริการ มีกลยุทธ์มากมายที่คุณสามารถนำมาช่วยให้ประสบการณ์การซื้อของลูกค้ามีความรวดเร็วและง่ายดายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า และในท้ายที่สุดแล้วจะช่วยขยายธุรกิจของคุณ

ต่อไปนี้คือภาพรวมเกี่ยวกับเครื่องมือและกลยุทธ์ที่คุณสามารถนําไปใช้เพื่อช่วยเพิ่มจํานวนการซื้อและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้

สร้างระบบและอินเทอร์เฟซการชําระเงินที่ยอดเยี่ยม

รายละเอียดมีความสําคัญเมื่อต้องปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินของธุรกิจ คุณจะต้องปรับองค์ประกอบโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และขั้นตอนการดําเนินงานแต่ละส่วน แต่อย่าลืมพิจารณาประสบการณ์ของลูกค้าในภาพรวม โดยตรวจสอบฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกันในขั้นตอนและกระบวนการเหล่านี้ทั้งหมด โดยเฉพาะสําหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซ ประสบการณ์การซื้อควรเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งต้องมีระบบการชําระเงินที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ และมีส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่เข้าใจง่าย ต่อไปนี้คือโซลูชันบางส่วนที่ช่วยให้สิ่งนี้เป็นไปได้

  • Stripe Checkout มอบหน้าการชําระเงินสําเร็จรูปที่ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพมาแล้ว เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ นำไปใช้เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ทันที
  • Stripe Payment Links ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ขายสินค้าออนไลน์โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ด้วยการสร้างลิงก์หรือรหัส QR ไปที่หน้าการชําระเงินแบบสแตนด์อโลน ซึ่งสามารถส่งให้ใครก็ได้ที่มีเบราว์เซอร์
  • Stripe Elements เป็นชุดโครงสร้าง UI อันครบครันของ Stripe ที่ช่วยให้ธุรกิจออกแบบประสบการณ์การชําระเงินที่ปลอดภัย ซึ่งเหมาะกับเว็บไซต์ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบและเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

ลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงิน

หากลูกค้าพบอุปสรรคในขั้นตอนการชําระเงิน ลูกค้าอาจออกจากขั้นตอนการซื้อโดยที่ยังการซื้อไม่เสร็จ การสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นจึงไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าเท่านั้น แต่จะช่วยให้มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV)สูงขึ้นด้วย

ในท้ายที่สุดแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการชําระเงินเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้านั้นจะเน้นความรวดเร็วและความใช้งานง่ายเป็นหลัก เพราะยิ่งยุ่งยากน้อยลงเท่าไหร่ ลูกค้าก็จะมีโอกาสทําธุรกรรมจนเสร็จสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นควรลดจํานวนการคลิกของลูกค้าและช่องข้อมูลที่ต้องป้อนด้วยตนเอง

สําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ควรลงทุนในโซลูชันที่ช่วยให้ประสบการณ์การชําระเงินสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Link จะกรอกข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้กว่า 7% จากผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบ โดย Link จะช่วยให้ลูกค้าชําระเงินได้คลิกเดียว

รับมือกับการฉ้อโกงและป้องกันการปฏิเสธธุรกรรมที่ถูกต้อง

การฉ้อโกงทางออนไลน์อาจทําให้เกิดการสูญเสียทางการเงินอย่างมีนัยสําคัญและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการดําเนินธุรกิจของคุณ ในปี 2022 Stripe พบว่าผู้นําทางธุรกิจกว่า 70% ทั่วโลกต้องกระจายทรัพยากรเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง แม้ว่าการป้องกันการฉ้อโกง จะเป็นความกังวลสูงสุดสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่การทุ่มค่าใช้จ่ายให้กับแนวทางการป้องกันอาจส่งผลให้คุณต้องแบกรับค่าใช้จ่ายก้อนโตด้วยเช่นกัน บ่อยครั้งที่ธุรกิจพยายามลดการฉ้อโกงและบล็อกการเรียกเก็บเงินที่ถูกต้องโดยไม่ได้เจตนา (เรียกว่า "การปฏิเสธที่เกิดจากข้อผิดพลาด") ซึ่งอาจทำให้เสียลูกค้าไปในที่สุด

ดังนั้น ธุรกิจควรจัดการการป้องกันการฉ้อโกงในเชิงรุกและป้องกันการปฏิเสธที่เกิดจากข้อผิดพลาด Stripe Radar เป็นโซลูชันตรวจจับและลดการฉ้อโกงที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิง (ML) ซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยใช้ข้อมูลของบริษัทหลายล้านแห่งทั่วโลก Stripe อัปเดตอัลกอริทึมของ Radar อย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับรูปแบบการฉ้อโกงที่พัฒนาอยู่เสมอและความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังผสานการทํางานกับผลิตภัณฑ์ Stripe อื่นๆ อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการชําระเงินอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เช่น ที่อยู่สําหรับจัดส่งหรือรายละเอียดลูกค้าอื่นๆ

เครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบสิทธิ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็วและง่าดายจะช่วยป้องกันการปฏิเสธที่เกิดจากข้อผิดพลาด StripeAdaptive Acceptance ใช้ ML เพื่อลดความเป็นไปได้สำหรับการปฏิเสธที่เกิดจากข้อผิดพลาด และกู้คืนรายรับถูกบล็อกโดยการปฏิเสธที่เกิดจากข้อผิดพลาด

เสนอวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย

ธุรกิจอาจจะเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ไม่สำเร็จหากไม่มีตัวเลือกการชําระเงินหลากหลายมากพอ ข้อมูลจาก Stripe แสดงให้เห็นว่าการชําระเงินด้วยบัตรนั้นขับเคลื่อน 40% อีคอมเมิร์ซทั่วโลกเท่านั้น หากธุรกิจของคุณยอมรับวิธีการชําระเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า คุณจะเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้น ลดต้นทุนธุรกรรม และเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้

ธุรกิจระหว่างประเทศจะต้องพิจารณาวิธีการชําระเงินที่หลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการภายในประเทศและภูมิภาคต่างๆ การจะทราบว่าวิธีการชําระเงินแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าท้องถิ่น Stripe จะช่วยให้คุณยอมรับวิธีการชําระเงินยอดนิยมจากทั่วโลกได้กว่า 50 วิธี รวมถึงบัตรจากเครือข่ายบัตรขนาดใหญ่ด้วย

ตัวเลือกการชำระเงินแบบซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) ช่วยให้ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อให้กับการซื้อของตนและผ่อนชําระเป็นงวดๆ ได้ โดยมักไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้ลูกค้าชําระเงินได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น บริการ BNPL เช่น Affirm, Afterpay และ Klarna แสดงควบคู่กับตัวเลือกการชําระเงินอื่นๆ ในขั้นตอนการชําระเงิน

ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะทําการซื้อจํานวนมาก หากลูกค้าสามารถผ่อนชำระเงินหลายงวดได้ BNPL ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ที่อาจซื้อผลิตภัณฑ์บางรายการไม่ได้หรือซื้อสินค้าจํานวนมากด้วยบัตรเครดิต ซื้อและชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ธุรกิจของคุณยังจะได้รับเงินล่วงหน้าและได้รับประโยชน์จากมูลค่าคําสั่งซื้อและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

บริการ BNPL ลดความยุ่งยากของลูกค้าในการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยธุรกิจไม่ต้องจัดการการจัดหาเงินทุนด้วยตัวเอง ทำให้ธุรกิจเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและรายรับมากขึ้นได้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Checkout

Checkout

ผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe เพื่อให้รับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Checkout

สร้างแบบฟอร์มการชำระเงินที่เขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยและผสานรวมกับเว็บไซต์ของคุณหรือโฮสต์ไว้ในระบบของ Stripe