แนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับการชําระเงินอีคอมเมิร์ซ

Checkout
Checkout

Stripe Checkout เป็นแบบฟอร์มการชำระเงินสำเร็จรูปที่คุณสามารถปรับแต่งให้เหมาะสำหรับเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้คุณยังผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่น
  3. เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน
    1. ใช้แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ UX และ UI บนเว็บไซต์
    2. ยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย
    3. อนุญาตให้ลูกค้าชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบ
    4. ให้ความสําคัญกับการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
    5. เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว

ธุรกิจเพื่อผู้บริโภคส่วนใหญ่มีรายรับส่วนหนึ่งมาจากอีคอมเมิร์ซ และเนื่องจาก 80% ของผู้บริโภคจะทําการซื้อทางออนไลน์อย่างน้อย 1 รายการ ต่อเดือน จึงมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์และบริการของผู้บริโภคเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ยังคงทำธุรกิจจากหน้าร้านเพียงอย่างเดียว อีคอมเมิร์ซเป็นตลาดระดับโลกที่มีมูลค่าประมาณ 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ากว่า 55 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027 โอกาสมีอยู่มากมาย ธุรกิจแต่ละแห่งจึงต้องหาวิธีสร้างประโยชน์สูงสุดจากการดําเนินงานด้านอีคอมเมิร์ซและเพิ่มประสิทธิภาพการขายในแบบของตัวเอง

ปัญหาสําคัญอย่างหนึ่งที่บริษัทอีคอมเมิร์ซต้องเผชิญคือการที่ลูกค้า "เลิกทำรายการ" หรือก็คือการไม่สามารถแปลงสินค้าในรถเข็นให้เป็นการขายได้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 อัตราการละทิ้งรถเข็นเฉลี่ยอยู่ที่ 70% การหาสาเหตุหลักๆ ที่ทําให้ลูกค้าละทิ้งรถเข็นไม่ใช่เรื่องยาก ตัวอย่างสาเหตุเหล่านี้ ได้แก่ ระบบอาจขอให้ลูกค้าสร้างบัญชีก่อนจะซื้อ หรือลูกค้าเจอกับขั้นตอนการชําระเงินที่ซับซ้อนเกินไป หรือมีค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิดซึ่งต้องทำรายการมาถึงขั้นตอนการชําระเงินจึงจะมองเห็น แนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับการชําระเงินอีคอมเมิร์ซจะช่วยร้านค้าเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการชําระเงินเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนสินค้าในรถเข็นให้เป็นการขายและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้ การเปลี่ยนมุมมองความคิด โดยมองว่าการชําระเงินเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ขั้นตอนสุดท้ายในรทำธุรกรรมเท่านั้น จะช่วยคุณขยายธุรกิจให้เติบโตและเพิ่มผลกําไรได้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • สร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่น
    • เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว
    • แสดงตัวบ่งชี้ความคืบหน้าในขั้นตอนการชําระเงิน
    • แสดงภาษีและค่าธรรมเนียมโดยเร็วที่สุด
    • อนุญาตให้ใช้ฟังก์ชันกรอกแบบฟอร์มอัจฉริยะ
  • เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน
    • ใช้แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ UX และ UI บนเว็บไซต์
    • ยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย
    • อนุญาตให้ลูกค้าชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบ
    • ให้ความสําคัญกับการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
    • เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว

สร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่น

ประสบการณ์การชําระเงินอาจเป็นส่วนสําคัญที่สุดของกระบวนการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รถเข็นจำนวนหนึ่งจะยังคงถูกละทิ้งอยู่ดีแม้ว่าคุณจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ว่าวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มอัตราการซื้อสินค้าในรถเข็น ซึ่งทำได้หลายวิธีด้วยกัน คำถามคือต้องทำอย่างไร

ในการสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ส่งเสริมการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินนั้น คุณจะต้องขจัดความยุ่งยากต่างๆ ออกไป หากขั้นตอนการชําระเงินของคุณมีขั้นตอนหลายขั้นตอนเกินไปโดยไม่บอกแน่ชัดว่าลูกค้าอยู่ตรงไหนในขั้นตอน ก็อาจส่งผลเสียต่อประสบการณ์การใช้งานของธุรกิจของคุณได้ ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าและบริการอย่างปลอดภัยแล้วไปทำอย่างอื่นต่อ ดังนั้น สิ่งกีดขวางที่เกิดขึ้นในกระบวนการนี้อาจนําไปสู่การละทิ้งรถเข็น ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางส่วนที่จะช่วยให้ลูกค้าชําระเงินได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

  • เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว
    การชําระเงินในคลิกเดียวมีความหมายตรงตามชื่อทุกประการ และเป็นวิธีที่ช่วยให้ลูกค้าทําธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยใช้โมดูลการชําระเงินที่แสดงข้อมูลสําคัญทั้งหมดเกี่ยวกับการซื้อ เช่น การชําระเงิน รายละเอียดการจัดส่ง ข้อมูลติดต่อ ไว้บนหน้าจอเดียว Stripe Link คือโซลูชันการชําระเงินที่จะกรอกรายละเอียดการชําระเงินและการจัดส่งของลูกค้าในขั้นตอนการชําระเงินโดยอัตโนมัติ

  • แสดงตัวบ่งชี้ความคืบหน้าในขั้นตอนการชําระเงิน
    หากคุณเลือกใช้ขั้นตอนการชําระเงินที่มีหลายหน้า แนะนำให้เพิ่มตัวบ่งชี้ความคืบหน้าไว้ในหน้าชำระเงินด้วย เช่น ขั้นตอนการดําเนินการที่บอกว่าหน้าถัดไปจะแสดงตัวเลือกการจัดส่ง ส่วนหน้าต่อมาจะยืนยันการซื้อ เป็นต้น วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าทราบชัดเจนว่าตัวเองอยู่ในขั้นตอนใด เมื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ลูกค้าจะคาดการณ์ได้ว่าต้องเวลานานเท่าใดในขั้นตอนการชําระเงิน

  • แสดงภาษีและค่าธรรมเนียมโดยเร็วที่สุด
    แสดงค่าใช้จ่าย "แฝง" ทั้งหมด เช่น ภาษี ค่าธรรมเนียมบริการ และค่าธรรมเนียมการจัดส่ง โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขั้นตอนการชําระเงิน (หรือในรถเข็น) วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกค้าทิ้งรถเข็นหลังจากเห็นว่ายอดรวมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในขั้นตอนการชำระเงิน เพราะจริงๆ แล้วลูกค้ามักให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของธุรกิจที่พวกเขาใช้บริการบ่อยๆ ไม่มีใครอยากตกใจกับค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด การแสดงค่าใช้จ่ายรวมของธุรกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เพียงช่วยลดอัตราการละทิ้งรถเข็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในความเชื่อมั่นและมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าด้วย

  • อนุญาตให้ใช้ฟังก์ชันกรอกแบบฟอร์มอัจฉริยะ
    การมอบทางเลือกให้ลูกค้าใช้ฟังก์ชันกรอกแบบฟอร์มอัจฉริยะ เช่น Google Autofill เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ลูกค้าระบุและแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบในแบบฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ในทํานองเดียวกัน การให้ลูกค้าสามารถทำเครื่องหมายในช่องที่จะกรอกที่อยู่สําหรับการเรียกเก็บเงินโดยอัตโนมัติ (หากตรงกับที่อยู่สําหรับจัดส่ง) ช่วยกำจัดอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

เคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน

นอกเหนือจากการสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นให้กับลูกค้าแล้ว คุณยังต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการชําระเงินในส่วนอื่นๆ ที่แสดงต่อลูกค้าด้วย เช่น ใช้แนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับ UX พิจารณาวิธีการชําระเงินที่มีให้บริการ อนุญาตให้ลูกค้าชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบบัญชี นำเสนอการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และการชําระเงินในคลิกเดียว และรองรับวิธีการชําระเงินในท้องถิ่น

ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการใช้กลยุทธ์การชําระเงินที่ออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ

ใช้แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ UX และ UI บนเว็บไซต์

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าลูกค้า 88% มักจะไม่กลับไปยังเว็บไซต์ที่เคยได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี แค่การโหลดเว็บไซต์ได้ช้าเพียงอย่างเดียวก็ทําให้ธุรกิจสูญเสียยอดขายถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี ต่อไปนี้คือตัวอย่างสิ่งที่คุณต้องคํานึงเพื่อทําให้เว็บไซต์เป็นตัวช่วยของคุณ ไม่ใช่เป็นอุปสรรคขัดขวางธุรกิจของคุณ

  • ทำให้อินเทอร์เฟซของเว็บไซต์เรียบง่ายและมีดีไซน์สะอาดตา เพราะหากเป็นเรื่องของการออกแบบเว็บอีคอมเมิร์ซแล้ว ยิ่งเยอะ ยิ่งยุ่งยาก
  • ระบบนําทางในเว็บไซต์ควรอำนวยความสะดวกให้ใช้งานง่าย คุณต้องพิจารณาว่าตัวเลือกเมนูแบบใดเหมาะกับผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ พวกเขากําลังมองหาอะไร กรณีการใช้งานแบบใดที่พาพวกเขามาที่เว็บไซต์ของคุณ การนําทางของเว็บไซต์ของคุณควรจะตอบโจทย์เหล่านี้

หน้าชําระเงินที่ราบรื่นมีประโยชน์ทั้งกับผู้ค้าและลูกค้า ในระหว่างที่ลูกค้าดําเนินการตามขั้นตอนการชําระเงิน คุณสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียลูกค้าได้โดยการขจัดสิ่งรบกวนออกไป เช่น ส่วนหัวและส่วนท้ายของเว็บไซต์หรือการแนะนำสินค้าและบริการอื่นๆ ให้ลูกค้าซื้อ ให้ลูกค้าดำเนินการตามขั้นตอนจนกระทั่งชําระเงินเร็จ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง กับการให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่เลือกไว้แล้วต่อไปจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

ข้อสังเกตก็คือหากหน้าชําระเงินของคุณไม่มีอัตลักษณ์ระบุแบรนด์แบบเดียวกันกับที่ลูกค้าคุ้นเคยจากส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ คุณเสี่ยงที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและสูญเสียความไว้วางใจได้ Stripe Checkout นําเสนอหน้าการชําระเงินสําเร็จรูปในระบบซึ่งช่วยให้ลูกค้าทําการซื้อได้รวดเร็วและปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อการมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่น นอกจากนี้คุณยังปรับแต่งประสบการณ์การชําระเงินบนเว็บไซต์ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณได้ รวมถึงแบบอักษรและสีของเว็บไซต์ โดยใช้ชุดเครื่องมือ UI ของเราอย่าง Stripe Elements

ยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย

การประเมินว่าธุรกิจของคุณควรรองรับวิธีการชําระเงินแบบใดบ้างสําคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มอัตราการซื้อสินค้าในรถเข็น ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามีผู้ซื้อถึง 9% ละทิ้งรถเข็นเมื่อวิธีการชําระเงินที่พวกเขาต้องการไม่พร้อมให้บริการ ดังนั้น หากคุณต้องการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก การค้นหาว่าควรยอมรับวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นแบบใดบ้างคือกุญแจสําคัญในการเติบโต ชุดโซลูชันอีคอมเมิร์ซ ของ Stripe มาพร้อมกับการรองรับการชําระเงินทั่วโลกในตัว ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่เหมาะกับท้องถิ่นโดยไม่ต้องใช้เอกสาร ซึ่งจะช่วยคุณดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้

ตัวอย่างเช่น แต่เดิมอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักรมีอัตราการใช้บัตรสูงมาตลอด แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลือกการชำระเงินแบบซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) จากจากบริษัทอย่าง Affirm, Klarna และ Afterpay ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในทั้งสองภูมิภาค BNPL มอบทางเลือกให้ผู้บริโภคผ่อนชําระเป็นระยะเวลายาวนานขึ้น โดยผู้ให้บริการจะเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ค้าล่วงหน้า ผลการศึกษาล่าสุด พบว่าชาวอเมริกันเกือบ 60% ซื้อสินค้าและบริการโดยชำระเงินแบบ BNPL ซึ่งเพิ่มขึ้น 50% จากปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจที่ใช้ Stripe และนําเสนอวิธีการแบบ BNPL มียอดขายเพิ่มขึ้น 27%

อนุญาตให้ลูกค้าชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบ

การให้ลูกค้าชําระเงินได้โดยไม่ต้องสร้างบัญชีกับบริษัทเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการลดอุปสรรคและเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน เหตุผลที่ควรยินยอมให้ผู้ใช้ชำระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบบัญชีมีหลายประการ ได้แก่ ลูกค้าอาจเป็นผู้ซื้อแบบครั้งเดียวที่ทราบว่าตนจะไม่กลับมาซื้อซ้ำ พวกเขาคิดว่าการมอบข้อมูลอีเมลอาจหมายถึงการสมัครรับอีเมลการตลาดหรือการสื่อสารอื่นๆ จากเว็บไซต์ หรือลูกค้าอาจจะอยากหลีกเลี่ยงขั้นตอนการตั้งค่าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านใหม่

ในกรณีเหล่านี้ การเสนอบริการชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบแก่ลูกค้าอาจช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ การใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมอย่างเช่น "ลูกค้าที่กลับมา" และ "ชําระเงินโดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบบัญชี" บนเว็บไซต์จะป้องกันไม่ให้ลูกค้ารู้สึกกดดันให้ต้องลงทะเบียน ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลับมาลงทะเบียนในอนาคต การใช้ถ้อยคำเหล่านี้ยังแสดงว่าลูกค้าไว้ใจแบรนด์ของคุณและชอบผลิตภัณฑ์ของคุณมากพอที่จะกลับมา

ให้ความสําคัญกับการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่

ข้อมูลทางสถิติบางส่วนแสดงว่าส่วนแบ่งตลาดของการค้าบนอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นสูงถึง 73%

แต่ผู้ซื้อสินค้าและบริการผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ พวกเขาอาจจะละทิ้งรถเข็นเมื่อเจอปัญหาต่างๆ เช่น เวลาโหลดนาน ชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ได้ และหน้าการชําระเงินไม่ได้ปรับมาให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดั้งนั้น คุณจะต้องให้ความสําคัญกับการออกแบบการชําระเงินให้ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ ซึ่งแสดงเฉพาะข้อมูลที่จําเป็นและทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าธุรกรรมของตนมีความปลอดภัยด้วยการใช้มาตรการต่างๆ เช่น ใบรับรอง Extended Validation SSL หรือใช้วิธีง่ายๆ อย่างเช่นหลีกเลี่ยงการใช้ลิงก์ชําระเงินภายนอก

Stripe Payments มอบการชําระเงินที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ ซึ่งปรับมาให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เดสก์ท็อป หรือแท็บเล็ต มีระบบป้องกันการฉ้อโกงในตัว รวมทั้งรองรับ Apple Pay และ Google Pay ที่ช่วยให้ลูกค้าชําระเงินได้เร็วขึ้น 3 เท่า

เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว

แม้ว่าคุณจะเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินออนไลน์แล้ว ลูกค้าก็ยังอาจต้องกรอกข้อมูลในช่องต่างๆ มากมายเพื่อดําเนินการซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ การชําระเงินในคลิกเดียวจะถือว่าลูกค้าทุกคนเป็นลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ เมื่อใช้เครื่องมือการชําระเงินในคลิกเดียว อย่าง Stripe Link ลูกค้าจำเป็นต้องป้อนข้อมูลของตนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น Link จะบันทึกข้อมูลการชําระเงินนั้นไว้ใช้กับธุรกรรมครั้งถัดไป โดยจะกรอกข้อมูลโดยอัตโนมัติสําหรับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซทุกรายที่ใช้ Stripe การทําเช่นนี้ช่วยให้ลูกค้าดําเนินการซื้อจนเสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยการคลิกปุ่มเดียว และมอบประสบการณ์การทำธุรกรรมที่ราบรื่นอย่างแท้จริง

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Checkout

Checkout

ผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe เพื่อให้รับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Checkout

สร้างแบบฟอร์มการชำระเงินที่เขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยและผสานรวมกับเว็บไซต์ของคุณหรือโฮสต์ไว้ในระบบของ Stripe