Credit card processing 101: How it works, what it costs, and best practices

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร
  3. องค์ประกอบสําคัญของการประมวลผลบัตรเครดิต
  4. วิธีการทํางานของการประมวลผลบัตรเครดิต
    1. 1. การเริ่มต้นธุรกรรม
    2. 2. คําขออนุมัติ
    3. 3. การอนุมัติธุรกรรม
    4. 4. การตอบกลับการอนุมัติ
    5. 5. ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์
    6. 6. การชําระเงิน
  5. ผู้ให้บริการประมวลผลบัตรเครดิต
  6. ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบัตรเครดิต
  7. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลบัตรเครดิต

เนื่องจากอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็วและวิธีการชำระเงินมีความหลากหลายมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับวิธีการทำธุรกรรมรูปแบบใหม่ๆ ตามผลสำรวจในปี 2023 ที่ดำเนินการโดย Forbes Advisor พบว่ามีชาวอเมริกันเพียง 9% เท่านั้นที่ใช้เงินสดเป็นหลักในการซื้อของ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 54% ชอบใช้บัตรเดบิตแบบจริงหรือเสมือน ในขณะที่ 36% เลือกใช้บัตรเครดิตแบบจริงหรือเสมือนเป็นวิธีการชำระเงินหลัก

ด้วยการใช้ระบบการชำระเงินขั้นสูง ธุรกิจต่างๆ จะสามารถให้บริการธุรกรรมที่ง่ายดาย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเพิ่มรายได้และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ด้านล่างนี้เราจะพูดถึงแง่มุมที่สําคัญของการประมวลผลบัตรเครดิต รวมถึงองค์ประกอบหลักที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต และกลยุทธ์ที่พิสูจน์มาแล้วสําหรับการสร้างและบํารุงรักษาระบบการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตที่มีประสิทธิภาพสูง ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร
  • องค์ประกอบสําคัญของการประมวลผลบัตรเครดิต
  • วิธีการทํางานของการประมวลผลบัตรเครดิต
  • ผู้ให้บริการประมวลผลบัตรเครดิต
  • ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบัตรเครดิต
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลบัตรเครดิต

การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร

การประมวลผลบัตรเครดิตคือระบบที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตจากลูกค้า การประมวลผลบัตรเครดิตช่วยเพิ่มตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายซึ่งพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าและเพิ่มยอดขายด้วยการอํานวยความสะดวกให้กับธุรกรรมที่ง่ายดายและปลอดภัย

องค์ประกอบสําคัญของการประมวลผลบัตรเครดิต

การประมวลผลบัตรเครดิตมีองค์ประกอบหลายรายการที่ทํางานร่วมกัน ต่อไปนี้คือภาพรวมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักๆ

  • เจ้าของบัตร
    เจ้าของบัตรคือลูกค้าที่เป็นเจ้าของบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน

  • ผู้ค้า
    ผู้ค้าคือธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปที่ขายสินค้าหรือบริการ และรับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิต

  • ธนาคารผู้รับบัตร
    ธนาคารผู้รับบัตร หรือสถาบันผู้รับบัตร คือสถาบันการเงินที่เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจในการประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิต ธนาคารผู้รับบัตรจะได้รับข้อมูลธุรกรรมจากธุรกิจและสื่อสารกับธนาคารที่ออกบัตรเพื่อรับการอนุมัติ

  • ธนาคารที่ออกบัตร
    ธนาคารที่ออกบัตร หรือผู้ออกบัตร คือธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตให้แก่เจ้าของบัตร ธนาคารที่ออกบัตรอนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมตามปัจจัยต่างๆ เช่น สถานะเครดิตและบัญชีที่เจ้าของบัตรมี

  • เครือข่ายบัตร
    เครือข่ายบัตร คือองค์กรอย่าง Visa, Mastercard, American Express และ Discover ที่มอบโครงสร้างพื้นฐานและกฎสําหรับการประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิต เครือข่ายบัตรจะทําหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างธนาคารผู้รับบัตรกับธนาคารผู้ออกบัตรเพื่ออํานวยความสะดวกในการสื่อสารด้านธุรกรรม การอนุมัติ และการชําระเงิน

  • เกตเวย์การชําระเงิน
    เกตเวย์การชําระเงินคือเครื่องมือที่ส่งข้อมูลการชําระเงินจากระบบบันทึกการขาย (POS) ของธุรกิจ หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้กับธนาคารผู้รับบัตรเพื่อการประมวลผล โดยจะเข้ารหัสข้อมูลของเจ้าของบัตรและช่วยให้มั่นใจว่าธุรกรรมนั้นเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

  • ผู้ประมวลผลการชําระเงิน
    ผู้ประมวลผลการชําระเงินหรือผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงิน คือบริษัทที่จัดการกระบวนการธุรกรรมในนามของธนาคารผู้รับบัตร ดำเนินงานด้านการจัดการ เช่น การติดต่อกับเครือข่ายการชําระเงิน การขออนุมัติ และการจัดการกระบวนการชําระเงิน

  • ระบบ POS
    ระบบ POS คือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ธุรกิจใช้เพื่อรับชําระเงินผ่านบัตรเครดิต สําหรับการชําระเงินที่จุดขาย อาจรวมเครื่องอ่านบัตรหรือเทอร์มินัลการค้าปลีก สําหรับธุรกรรมออนไลน์ จะรวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและเกตเวย์การชําระเงิน

ฝ่ายต่างๆ เหล่านี้จะดูแลให้การทําธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อมอบประสบการณ์การชําระเงินที่รวดเร็วและง่ายดายให้แก่ลูกค้าและธุรกิจ

วิธีการทํางานของการประมวลผลบัตรเครดิต

การประมวลผลบัตรเครดิตประกอบด้วยชุดของขั้นตอนที่ทําให้ธุรกิจสามารถรับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและประมวลผลการชําระเงินเหล่านั้นได้ ต่อไปนี้คือภาพรวมของกระบวนการ

1. การเริ่มต้นธุรกรรม

ลูกค้าเป็นผู้ให้ข้อมูลบัตรเครดิตของตนแก่ธุรกิจ โดยการเสียบหรือการแตะบัตรที่เทอร์มินัล POS หรือป้อนรายละเอียดของบัตรบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

2. คําขออนุมัติ

เกตเวย์การชําระเงินจะส่งข้อมูลการชําระเงินอย่างปลอดภัย และเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่งข้อมูลนั้นให้ธนาคารผู้รับบัตรของธุรกิจ ธนาคารผู้รับบัตรจะส่งต่อรายละเอียดธุรกรรมไปยังเครือข่ายการชําระเงินที่เหมาะสมเพื่อเริ่มกระบวนการอนุมัติ

3. การอนุมัติธุรกรรม

เครือข่ายการชําระเงินจะส่งธุรกรรมไปยังธนาคารที่ออกบัตร ซึ่งจะตรวจสอบบัญชีของเจ้าของบัตร ตรวจสอบเครดิตหรือเงินทุนที่ใช้ได้ และประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ธนาคารที่ออกบัตรอาจอนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมโดยอิงตามปัจจัยเหล่านี้

4. การตอบกลับการอนุมัติ

ธนาคารที่ออกบัตรส่งการตอบกลับการอนุมัติ โดยอาจเป็นรหัสอนุมัติหรือรหัสการปฏิเสธไปยังเครือข่ายการชําระเงิน ซึ่งส่งต่อให้ธนาคารผู้รับบัตร ธนาคารที่รับบัตรตอบกลับเกตเวย์การชําระเงิน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะส่งต่อไปยังระบบ POS ของธุรกิจ เมื่อมาถึงจุดนี้ ธุรกิจจะได้รับข้อความอนุมัติหรือปฏิเสธ

5. ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์

หากธุรกรรมได้รับการอนุมัติ ธุรกิจจะต้องส่งมอบสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า ระบบจะเพิ่มธุรกรรมที่ได้รับอนุมัติไปยังกลุ่มธุรกรรมที่รอการชําระเงิน

6. การชําระเงิน

เมื่อสิ้นสุดแต่ละวันหรือในรอบเวลาที่กําหนดไว้ล่วงหน้า ธุรกิจจะส่งธุรกรรมที่ได้รับการอนุมัติไปยังธนาคารผู้รับบัตร ธนาคารผู้รับบัตรจะส่งคําขอเงินทุนจากธนาคารที่ออกบัตรผ่านเครือข่ายการชําระเงิน ธนาคารที่ออกบัตรจะโอนเงินที่จําเป็นไปยังธนาคารผู้รับบัตร ซึ่งจะฝากเงินเข้าบัญชีของธุรกิจ โดยหักลบด้วยค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลบัตรเครดิต

ตามปกติแล้ว การอนุมัติจะใช้เวลา 2-3 วินาทีและการชําระเงินจะใช้เวลา 2-3 วัน โปรดอ่านส่วนนี้สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลําดับเวลาการเบิกจ่ายของ Stripe สําหรับธุรกิจ

ผู้ให้บริการประมวลผลบัตรเครดิต

เมื่อเลือกผู้ให้บริการประมวลผลบัตรเครดิต ธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าได้เลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง

  • ประเมินความต้องการทางธุรกิจของคุณ
    ทำความเข้าใจปริมาณธุรกรรมของคุณ ขนาดธุรกรรมโดยเฉลี่ย และตรวจสอบว่าคุณต้องการให้ดำเนินการชำระเงินแบบในสถานที่ ทางออนไลน์ หรือผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ โปรดพิจารณาตลาด กลุ่มเป้าหมาย และช่องทางที่คุณทําธุรกิจหรือวางแผนที่จะขยายธุรกิจ คุณต้องการผู้ให้บริการชำระเงินที่ยอมรับวิธีการชำระเงินและสกุลเงินที่ต้องการทั้งหมดในพื้นที่เหล่านี้

  • เปรียบเทียบค่าบริการและค่าธรรมเนียม
    ผู้ให้บริการประมวลผลอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าธรรมเนียมรายเดือน ค่าธรรมเนียมการตั้งค่า และค่าธรรมเนียมฮาร์ดแวร์ เปรียบเทียบโครงสร้างค่าบริการของผู้ให้บริการรายต่างๆ เพื่อหาว่าโครงสร้างใดเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด อ่านที่นี่เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชําระเงินของ Stripe

  • ประเมินการสนับสนุนลูกค้า
    ปัญหาเกี่ยวกับระบบการประมวลผลของคุณอาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ด้านการขายและลูกค้าของคุณโดยตรง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกผู้ให้บริการที่มีการสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้ หน้านี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องทางต่างๆ ที่ลูกค้าของ Stripe จะเข้าถึงฝ่ายสนับสนุนได้ตลอด 24 ชม.

  • พิจารณาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าและลดความเสี่ยงของการฉ้อโกง

  • ตรวจสอบความเข้ากันได้ของการเชื่อมต่อการทํางาน
    ตรวจสอบว่าโซลูชันการประมวลผลการชําระเงินของผู้ให้บริการนั้นใช้งานร่วมกับระบบ POS, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และซอฟต์แวร์การทําบัญชีที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าการเชื่อมต่อการทํางานจะเป็นไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเพื่อการดำเนินงานในอนาคตที่ราบรื่น

  • สำรวจชื่อเสียงของผู้ให้บริการ
    มองหารีวิวจากธุรกิจอื่นๆ เพื่อประเมินชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ นอกจากนี้ ให้ลองขอคําแนะนําจากบุคคลในแวดวงเดียวกัน แม้ว่าคุณควรทราบถึงตัวเลือกและแนวทางการประมวลผลการชำระเงินใหม่ๆ แต่การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการที่ผ่านการตรวจสอบแล้วก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

  • วิเคราะห์ฟีเจอร์และบริการอื่นๆ
    ผู้ให้บริการบางรายอาจเสนอบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น การรายงานขั้นสูง การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า หรือการประมวลผลสกุลเงินหลายสกุล พิจารณาว่าฟีเจอร์ใดบ้างที่จําเป็นสําหรับธุรกิจของคุณ และฟีเจอร์ใดบ้างที่หากมีก็เป็นเรื่องดี

การประเมินปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบและการเปรียบเทียบผู้ให้บริการประมวลผลบัตรเครดิตต่างๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะกับข้อกําหนด งบประมาณ และเป้าหมายในระยะยาว

ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบัตรเครดิต

ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบัตรเครดิตอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ ประเภทธุรกรรม และปัจจัยอื่นๆ ดังนั้นคุณจึงควรทําความเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตของผู้ประมวลผลการชําระเงินรายต่างๆ ค่าใช้จ่ายทั่วไปเกี่ยวกับการประมวลผลบัตรเครดิตมีดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ค่าธรรมเนียมเหล่านี้คือค่าธรรมเนียมที่ผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงินเรียกเก็บต่อธุรกรรม ซึ่งปกติแล้วจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดธุรกรรมบวกค่าธรรมเนียมคงที่ ตัวอย่างเช่น Stripe เรียกเก็บเงิน 2.9% + $0.30 ต่อการเรียกเก็บเงินจากบัตรที่สําเร็จ

  • ค่าธรรมเนียมรายเดือน: ผู้ให้บริการบางรายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนสําหรับบริการของตน ซึ่งอาจรวมถึงสิทธิ์เข้าถึงเกตเวย์การชําระเงิน เครื่องมือรายงาน หรือฟีเจอร์อื่นๆ

  • ค่าธรรมเนียมการตั้งค่า: ผู้ให้บริการบางรายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตั้งค่าแบบครั้งเดียวสําหรับการสร้างและกําหนดค่าบัญชีของคุณ

  • ค่าธนนมเนียมเทอร์มินัลหรืออุปกรณ์: หากคุณต้องการใช้อุปกรณ์จริงในการรับชําระเงินที่จุดขาย เช่น เครื่องอ่านบัตรหรือระบบ POS ก็อาจมีค่าใช้จ่ายในการซื้อหรือเช่าฮาร์ดแวร์นี้ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาสําหรับธุรกิจที่ต้องการรับชําระเงินที่จุดขายในวงกว้าง

  • ค่าธรรมเนียมการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI: ผู้ให้บริการบางรายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายปีสําหรับการรักษาการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI หรือช่วยธุรกิจของคุณในการปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • ค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืน: หากลูกค้าโต้แย้งการเรียกเก็บเงิน คุณอาจถูกดึงเงินคืน ซึ่งปกติแล้วจะเป็นค่าธรรมเนียมคงที่ต่อธุรกรรมที่มีการโต้แย้งการชําระเงิน ค่าธรรมเนียมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าสําหรับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีประวัติอัตราการดึงเงินคืนสูง

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลบัตรเครดิต

ธุรกิจควรใช้วิธีเชิงกลยุทธ์ในการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตเนื่องจากธุรกรรมแบบไร้เงินสดมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น เมื่อพิจารณาระบบและแนวทางปฏิบัติด้านการประมวลผลการชําระเงินอย่างรอบคอบ ธุรกิจก็จะสามารถลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้ ธุรกิจที่ต้องการสร้างระบบการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตที่ราบรื่น ปลอดภัย และเชื่อมต่อในตัวควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดต่อไปนี้

  • ปรับแนวทางของคุณให้เข้ากับช่องทางการขาย
    ไม่มีกลยุทธ์การประมวลผลบัตรเครดิตใดที่เหมาะกับกรณีการใช้งานทุกกรณี ตัวอย่างเช่น ธุรกิจแพลตฟอร์มที่รองรับผู้ใช้จำนวนมากซึ่งจำเป็นต้องยอมรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในสถานที่ ณ ตลาดหลายแห่งทั่วโลก จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างจากผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซที่ไม่มีช่องทางการขายในสถานที่ การทําความเข้าใจความต้องการเฉพาะเจาะจงจะทําให้คุณมีตัวเลือกที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจ

  • ใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง
    โซลูชันการประมวลผลบัตรเครดิตส่วนใหญ่มีการป้องกันการฉ้อโกง แต่ธุรกิจต่างๆ ยังคงต้องตรวจสอบว่าตน ได้รับการปกป้องจากการฉ้อโกง โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งและวิธีที่ทำธุรกิจ คุณสามารถใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น การตรวจสอบด้วยบริการยืนยันที่อยู่ (AVS) และค่าสำหรับการยืนยันบัตร (CVV) และซอฟต์แวร์ตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูงเพื่อลดความเสี่ยงของธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • ตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรม
    ตรวจสอบประวัติธุรกรรมของคุณเป็นประจําเพื่อหารูปแบบที่ผิดปกติ ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และปรับแต่งกลยุทธ์การประมวลผลของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ประมวลผลการชําระเงินของคุณให้บริการติดตามตรวจสอบประเภทนี้ Stripe Radar ใช้แมชชีนเลิร์นนิง เพื่อตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • สร้างนโยบายการคืนเงินและการดึงเงินคืนอย่างชัดเจน
    สร้างการคืนเงินและการดึงเงินคืนที่โปร่งใส ยุติธรรม เพื่อลดการโต้แย้งการชําระเงิน รักษาความพึงพอใจของลูกค้า และหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่ไม่จําเป็น

  • เสนอตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย
    ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายรูปแบบของลูกค้าโดยมอบตัวเลือกการชําระเงินต่างๆ ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิต บัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และวิธีการชําระเงินอื่นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องรับการชําระเงินทุกวิธี ให้ศึกษาว่าลูกค้าชอบชําระเงินด้วยวิธีใด และใช้วิธีการชําระเงินใดมากที่สุดกับประเภทผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณเสนอ

  • ดูแลรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
    อัปเดตระบบ POS เกตเวย์การชําระเงิน และองค์ประกอบการประมวลผลอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้มั่นใจในการดําเนินงานที่ราบรื่น การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ Stripe เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การประมวลผลบัตรเครดิตที่รองรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกช่องทาง และทุกตลาดที่คุณดําเนินธุรกิจ โปรดเริ่มต้นที่นี่

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe