Visa เป็นผู้เล่นหลักในภาคการประมวลผลการชําระเงินที่ธุรกิจหลากหลายประเภทเลือกใช้งาน ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ Visa ประมวลผลธุรกรรม 2.42 แสนล้านรายการทั่วโลกในปี 2022 ตามข้อมูลจาก Statista แม้จะมีความนิยมแต่ Visa ก็ยังมีข้อจํากัดอยู่ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่วิธีการชําระเงินในท้องถิ่นได้รับความนิยม ตลาดอย่างประเทศจีนและบางประเทศในแอฟริกามีแนวโน้มที่จะให้ความสําคัญกับเครือข่ายท้องถิ่นและโซลูชันการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งมีฟังก์ชันและโครงสร้างค่าธรรมเนียมหลากหลายรูปแบบ
ธุรกิจที่ต้องการทราบวิธีใช้ Visa และนัยยะของการประมวลผลการชําระเงินผ่าน Visa จําเป็นต้องเข้าใจผลิตภัณฑ์และจุดยืนของ Visa ในตลาดทั่วโลกต่างๆ ก่อน ซึ่งไปรวมถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของธุรกิจและลูกค้าที่ Visa สามารถให้บริการได้ดีที่สุด
ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า Visa ต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดที่ระบบการชําระเงินในท้องถิ่นนั้นเป็นที่แพร่หลาย แม้ Visa จะเสนอบริการมากมาย ซึ่งรวมถึงการป้องกันการฉ้อโกงและการวิเคราะห์ แต่ข้อเสนอเหล่านี้มักจะได้รับการปรับให้เหมาะกับความต้องการขององค์กรขนาดใหญ่มากกว่าธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจสตาร์ทอัพ Visa เน้นการรักษาความปลอดภัย โดยใช้ระบบป้องกันหลายชั้นสําหรับธุรกรรม แต่ความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยอาจไม่สอดคล้องกับข้อกําหนดขององค์กรทุกแห่ง โดยเฉพาะผู้ที่มองหาโซลูชันที่ออกแบบเองหรือดําเนินงานในภาคธุรกิจที่มีความต้องการด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนดเฉพาะทาง
ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายคร่าวๆ ว่า Visa มีให้บริการในพื้นที่ไหนและด้วยวิธีใด ให้บริการแก่ใคร รวมทั้งมีทางเลือกอื่นใดในตลาดต่างๆ นอกจากนี้ เราจะตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับบริการที่ Visa นำเสนอ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งวิธีที่ Visa จัดการด้านการรักษาความปลอดภัยและปกป้องการชําระเงินในแต่ละขั้นตอนของธุรกรรม
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- Visa คืออะไร
- มีการใช้งาน Visa ในพื้นที่ใดบ้าง
- ใครคือผู้ที่ใช้ Visa
- วิธีการทํางานของ Visa
- สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับ Visa
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Visa
- ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับการชําระเงินผ่าน Visa
- ทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Visa
Visa คืออะไร
Visa คือธุรกิจที่ให้บริการเทคโนโลยีการชําระเงินระดับโลกที่เชื่อมต่อลูกค้า ธุรกิจ ธนาคาร และรัฐบาลเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้สกุลเงินดิจิทัลแทนการใช้เงินสดหรือเช็คได้ ในฐานะตัวกลางด้านการเงิน Visa ให้บริการเครือข่ายการประมวลผลการชําระเงินที่กว้างขวางและล้ําสมัยที่สุดเครือข่ายหนึ่ง Visa คือเครือข่ายบัตร แต่ไม่ได้ออกบัตรหรือกําหนดอัตราดอกเบี้ย บริษัทได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสําหรับบริษัทผู้ออกบัตรและเจ้าของบัตรที่ได้รับอนุญาตเพื่ออํานวยความสะดวกในการโอนเงินทุนทางอิเล็กทรอนิกส์ (EFT)
แม้ว่า Visa จะจัดการธุรกรรมผ่านบัตรเป็นส่วนใหญ่ แต่บริษัทก็ได้เพิ่มความสามารถในการรับชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ การชําระเงินแบบไร้สัมผัส และโซลูชันบล็อกเชน การปรับตัวนี้เป็นสาเหตุหลักซึ่งทำให้ผู้ที่ต้องการตัวเลือกการชําระเงินอันหลากหลายอาจหันมาเลือกใช้ Visa
มีการใช้งาน Visa ในพื้นที่ใดบ้าง
มีบัตรเดบิต Visa ประมาณ 3 พันล้านใบหมุนเวียนอยู่ทั่วโลก ซึ่งแสดงว่า Visa เป็นหนึ่งในเครือข่ายการชําระเงินที่มีการใช้งานและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง สถาบันทางการเงิน ธุรกิจ และรัฐบาลรายใหญ่ทั่วโลกต่างก็พึ่งพา Visa เพื่ออํานวยความสะดวกสำหรับธุรกรรมที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล
Visa ดําเนินงานในหลายภาคธุรกิจการตลาดและภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งมีการใช้งานในเกือบทุกทวีป:
อเมริกาเหนือและยุโรป: Visa เป็นผู้นําในตลาดบัตรชําระเงิน โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ ลูกค้าและธุรกิจใช้ Visa อย่างกว้างขวางสําหรับธุรกรรมประเภทต่างๆ ตั้งแต่การชําระเงินสำหรับการค้าปลีกไปจนถึงการชําระเงินแบบ B2B
เอเชียแปซิฟิก: Visa มีอัตราการยอมรับสูงในประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังขยายการเข้าถึงสู่ประเทศต่างๆ ด้วยเครือข่ายการชําระเงินภายในประเทศที่ดีเยี่ยม เช่น จีนและอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ
ลาตินอเมริกา: Visa เป็นเครือข่ายการชําระเงินที่ใช้โดยทั่วไป ตั้งแต่ในบราซิลไปจนถึงเม็กซิโก บริษัทมักจะทํางานร่วมกับสถาบันการเงินในประเทศเพื่อให้บริการบัตรและโซลูชันการชําระเงินที่ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการในตลาดท้องถิ่น
ตะวันออกกลางและแอฟริกา: Visa ได้รับการยอมรับในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สําคัญอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ และซาอุดีอาระเบีย โดยมักเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสําหรับธุรกรรมในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้เข้าสู่ตลาดที่กําลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชําระเงินทั้งในด้านการเงินและระบบดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งรวมถึงประเทศในแอฟริกาใต้สะฮารา
สถาบันการเงินในภูมิภาคเหล่านี้มักจะเลือกใช้ Visa เพราะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงพอ ปรับขนาดได้ และยอมรับทั่วโลกในวงกว้าง เนื่องจากการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวางและการเจาะตลาดอย่างลงลึก Visa จึงยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสําหรับธุรกิจที่ดําเนินงานหรือทําธุรกรรมข้ามประเทศ
ใครคือผู้ที่ใช้ Visa
Visa ถือครองส่วนแบ่งตลาดหลักๆ ในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของตลาดบัตรเครดิตทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจทุกอุตสาหกรรมจึงใช้ Visa ในการชําระเงินและรับการชําระเงินจากลูกค้า ต่อไปนี้คือรายชื่อภาคธุรกิจหลักๆ ที่มักเลือกใช้ Visa
ธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ
Visa มักได้รับการยอมรับที่หน้าร้านค้าปลีกแห่งต่างๆ ซึ่งมีตั้งแต่ร้านบูติกขนาดเล็กไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และยังเป็นวิธีการชําระเงินหลักบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพราะความรวดเร็วและฟีเจอร์ด้านการรักษาความปลอดภัยธุรกิจการบริการและการเดินทาง
โรงแรม สายการบิน และตัวแทนท่องเที่ยวใช้ Visa อย่างกว้างขวางสําหรับการจองและกระบวนการชําระเงิน การรับชําระเงินทั่วโลกของ Visa ทำให้วิธีนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะทั้งสําหรับนักเดินทางและธุรกิจระดับสากลสาธารณูปโภคและบริการ
Visa เป็นวิธีการทั่วไปสําหรับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าและการเรียกเก็บเงินครั้งเดียว สำหรับธุรกิจด้านโทรคมนาคมไปจนถึงผู้ให้บริการสาธารณูปโภค ระบบการชําระเงินอัตโนมัติมักรองรับธุรกรรม Visa จึงทําให้การเรียกเก็บเงินลูกค้าเป็นเรื่องง่ายสถาบันการศึกษาและภาครัฐ
หน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษาใช้ Visa เพื่อการจัดซื้อและบริการ วิธีนี้สามารถจัดการธุรกรรมมูลค่าสูงและเสนอข้อมูลระดับ 3 โดยละเอียด ซึ่งเป็นชุดข้อมูลธุรกรรมอันครอบคลุมที่จําเป็นต้องใช้สําหรับธุรกรรมบัตรเครดิตแบบธุรกิจกับธุรกิจ และธุรกิจกับรัฐบาล ข้อมูลนี้ประกอบด้วยข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น คําอธิบายรายการ ปริมาณ รายละเอียดภาษี และอื่นๆ การให้ข้อมูลระดับ 3 มักจะส่งผลให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านธนาคารถูกลง ทําให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากการเก็บรวบรวมและส่งข้อมูลนี้ธุรกิจแบบ B2B
Visa รองรับตัวเลือกการชําระเงินแบบ B2B เช่น บัตรดิจิทัลและการโอนเงินระหว่างธนาคาร ซึ่งได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับการชําระเงินให้แก่ผู้ให้บริการ บัญชีเงินเดือน และการชําระเงินจํานวนมากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลและการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
เทคโนโลยีการชําระเงินที่เกิดใหม่ รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay หรือ Alipay มักจะรวม Visa เป็นหนึ่งในเครือข่ายบัตรหลักสําหรับธุรกรรมที่แปลงเป็นโทเค็นแล้วการค้าระหว่างประเทศ
Visa เป็นผู้ให้บริการชําระเงินข้ามพรมแดนที่รองรับการแปลงสกุลเงินและรองรับหลายสกุลเงิน วิธีนี้เหมาะกับองค์กรที่ดำเนินงานทั่วโลก ซึ่งเน้นการค้าระหว่างประเทศและผู้ใช้ในโลกดิจิทัลที่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศบริการแบบชำระเงินตามรอบบิล
แพลตฟอร์มสื่อ ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) และโมเดลการชําระเงินตามรอบบิลแบบต่างๆ มักจะใช้ Visa สําหรับการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าโดยอัตโนมัติตลาดการเงิน
เฮดจ์ฟันด์ ผู้จัดการสินทรัพย์ และนิติบุคคลอื่นๆ ภายในภาคธุรกิจการเงินใช้ Visa สำหรับกิจกรรมการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการโอนเงินทุนและการจัดการสภาพคล่อง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่สถาบันทั่วโลกใช้ Visa บ่อยๆ ก็เพราะเป็นวิธีที่นิยมในหมู่ลูกค้าหลายกลุ่ม ซึ่งประกอบไปด้วย
ลูกค้าประเภทบุคคลทั่วไป
บัตร Visa มักจะเป็นตัวเลือกการชําระเงินเริ่มต้นสําหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่การจับจ่ายแบบพื้นฐานไปจนถึงการจัดการทางการเงินที่ซับซ้อน หลายคนชอบ Visa เพราะคุณสมบัติการยอมรับที่กว้างขวางและความปลอดภัยบุคคลทั่วไปที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก
สําหรับบุคคลที่มีทรัพยากรทางการเงินจํานวนมาก Visa มีตัวเลือกบัตรพรีเมียมพร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงประกันภัยการเดินทาง บริการพนักงานอำนวยความสะดวก และสิทธิ์พิเศษในการเข้าถึงกิจกรรมต่างๆ บัตรเหล่านี้มักจะมีวงเงินใช้จ่ายที่สูงขึ้นและฟังก์ชันการติดตามทางการเงินขั้นสูงฟรีแลนซ์และผู้รับจ้าง
ผู้ที่ทำงานแบบอิสระเลือกใช้ Visa เพื่อรับชําระเงินและจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอันหลากหลายของ Visa มุ่งเน้นไปที่กระแสรายได้ที่ยืดหยุ่นและหลากหลายซึ่งเหมาะกับรูปแบบการทำงานประเภทนี้ผู้ใช้งานในโลกดิจิทัล
ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นประจำ เช่น กลุ่มประชากรที่มีอายุน้อย มักจะเลือกใช้ Visa เพราะสามารถใช้ร่วมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและระบบการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของ Visa รวมถึงรหัส QR และธุรกรรมที่แปลงเป็นโทเค็นสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานโลกดิจิทัลนักท่องเที่ยว
ผู้ที่เดินทางบ่อยและนักเดินทางจากต่างประเทศมักเลือก Visa เพราะความสามารถในการยอมรับทั่วโลกการรองรับหลายสกุลเงิน นักท่องเที่ยวจํานวนมากจะมองหาบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในข้อเสนอมากมายของ Visaเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก
บัตรสำหรับธุรกิจขนาดเล็กของ Visa ให้บริการโซลูชันเฉพาะทางที่มีการจัดการค่าใช้จ่ายและมอบรางวัลสําหรับการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ บัตรจํานวนมากนั้นมาพร้อมกับเครื่องมือในการจําแนกหมวดหมู่และติดตามรายจ่าย จึงทําให้การเตรียมการด้านภาษีง่ายขึ้นผู้ประกอบการและธุรกิจสตาร์ทอัพ
ธุรกิจใหม่ๆ มักจะใช้ Visa เพราะการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มการชําระเงินและระบบชำระเงินที่จุดขาย (POS)ได้อย่างง่ายดาย Visa รองรับความต้องการด้านการใช้จ่ายที่คล่องตัวของธุรกิจสตาร์ทอัพ เนื่องจากมีตัวเลือกต่างๆ เช่น บัตรดิจิทัลและการโอนเงินระหว่างธนาคารนักเรียนหรือนักศึกษา
บัตรเดบิตและบัตรเติมเงิน Visa ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนและนักศึกษา เพราะความสะดวกในการใช้งานและค่าธรรมเนียมต่ํา บัตรเหล่านี้มักจะเป็นตัวเลือกเริ่มต้นสำหรับการจัดการทางการเงิน ซึ่งช่วยให้นักเรียนและนักศึกษาติดตามการใช้จ่ายและสร้างประวัติเครดิตได้ผู้ที่เกษียณ
ผู้สูงอายุชื่นชอบในความเรียบง่ายและการยอมรับอย่างแพร่หลายของ Visa หลายคนเลือกใช้บัตรที่มีรางวัลที่ตรงไปตรงมาและการบํารุงรักษาต่ํา จึงมักใช้บัตรเหล่านี้เพื่อจัดการเงินบํานาญหรือเงินประกันสังคม
ลูกค้าแต่ละหมวดหมู่เหล่านี้ต่างได้รับคุณค่าในฟีเจอร์และประโยชน์ที่ Visa มอบให้ การปรับตัวของเครือข่ายการชําระเงินให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่ายและวิถีชีวิตที่หลากหลายทำให้วิธีนี้เป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมและน่าสนใจ
วิธีการทํางานของ Visa
Visa มีบทบาทในการอนุมัติธุรกรรม การหักบัญชี และการชําระเงิน ธุรกรรมจะได้รับการเข้ารหัสและประมวลผลแบบเรียลไทม์ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ในหน่วยมิลลิวินาที ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญในสภาพแวดล้อมที่มีปริมาณการชําระเงินมูลค่าสูงและอาศัยความรวดเร็ว Visa มุ่งเน้นการป้องกันการฉ้อโกงและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยการใช้อัลกอริทึมขั้นสูงและเทคนิคแมชชีนเลิร์นนิงในการตรวจจับกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและปกป้องข้อมูลบัญชี วิธีนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับองค์กรและแพลตฟอร์มต่างๆ เนื่องจากปริมาณการชําระเงินที่ธุรกิจจัดการ ตลอดจนความรับผิดในระดับที่ครอบคลุมเมื่อความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงเกิดขึ้น
ต่อไปนี้คือภาพรวมเกี่ยวกับวิธีการที่ Visa ให้บริการประมวลผลการชําระเงินในฐานะเครือข่ายบัตร
การออกบัตรและการเป็นพาร์ทเนอร์
Visa ร่วมมือกับสถาบันทางการเงินที่ออกบัตรโดยติดแบรนด์ Visa สถาบันเหล่านี้มีหน้าที่รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและประเมินความเสี่ยงการเริ่มต้นธุรกรรม
เมื่อเจ้าของบัตรเริ่มต้นธุรกรรม ระบบจะส่งข้อมูลจากเทอร์มินัล POS ของธุรกิจไปยังผู้รับบัตร (ธนาคารของธุรกิจ)การกําหนดเส้นทางธุรกรรม
จากนั้น Visa จะทําหน้าที่เป็นตัวกลาง เพื่อส่งข้อมูลธุรกรรมไปยังธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อขออนุมัติหรือปฏิเสธการชําระเงิน โดยอิงตามปัจจัยต่างๆ เช่น เงินทุนที่ใช้ได้หรือโอกาสที่จะเกิดการฉ้อโกงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ในระหว่างขั้นตอนการส่งเงินนี้ Visa จะใช้โปรโตคอลความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและป้องกันกิจกรรมการฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงการแปลงเป็นโทเค็นและวิธีการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยการชําระเงินและการหักบัญชี
เมื่อธุรกรรมได้รับอนุมัติ Visa จะประสานงานการโอนเงินจากธนาคารที่ออกบัตรไปยังธนาคารผู้รับบัตร ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยขั้นตอนการกระทบยอดและชําระเงินธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะดําเนินการเป็นกลุ่มเมื่อสิ้นสุดแต่ละวันทําการโครงสร้างค่าธรรมเนียม
สําหรับธุรกรรมแต่ละรายการ Visa จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ซึ่งปกติแล้วจะเป็นเศษเสี้ยวของยอดธุรกรรมโดยรวม โดยบริษัทจะแจกจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ให้กับธุรกิจ ธนาคารที่ออกบัตร และธนาคารผู้รับบัตรตามข้อตกลงที่กําหนดไว้ล่วงหน้าข้อมูลธุรกรรม
นอกจากนี้ Visa ยังมีฟังก์ชันการวิเคราะห์และการรายงานที่ช่วยให้ธุรกิจตรวจสอบรูปแบบธุรกรรม พฤติกรรมของลูกค้า และเมตริกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ด้วย ข้อมูลนี้มักจะใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงานและกําหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ
Visa ยังมีส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) และชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ที่ช่วยให้ฟังก์ชันการชําระเงินผสานการทํางานกับสภาพแวดล้อมดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการทํางานร่วมกันของเครือข่ายช่วยให้ธุรกรรมข้ามพรมแดนเกิดขึ้นได้ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ดําเนินงานทั่วโลก
สิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจากการยอมรับ Visa
การยอมรับบัตร Visa มอบสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมนอกเหนือจากการให้บริการสนับสนุนธุรกรรมแบบพื้นฐาน ต่อไปนี้คือประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับ
การเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น: การยอมรับ Visa ช่วยขยายการเข้าถึงตลาด ทำให้เข้าถึงลูกค้าที่ต้องการการชําระเงินด้วยบัตรหรือลูกค้าที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงการชําระเงินรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับลูกค้าต่างประเทศที่พึ่งพาระบบการชําระเงินที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ธุรกรรมที่เร่งด่วน เทคโนโลยีของ Visa ช่วยให้สามารถอนุมัติธุรกรรม การหักบัญชี และการชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและลูกค้า ช่วยให้การประมวลผลยอดขายจํานวนมากนั้นใช้เวลาน้อยลง
การจัดการความเสี่ยง: Visa มีโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสําหรับป้องกันกิจกรรมฉ้อโกง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจต้องเผชิญกับธุรกรรมดิจิทัล
ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า: ธุรกิจต่างๆ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อทําการตัดสินใจได้โดยโดยอิงตามข้อมูล เมื่อมีข้อมูลแบบละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมพร้อมให้ใช้งาน จากนั้นก็ใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาด วางแผนคลังสินค้า และแง่มุมอื่นๆ ด้านการดำเนินงาน
ความอเนกประสงค์: ความเข้ากันได้ของ Visa กับแพลตฟอร์มการชําระเงินต่างๆ ตั้งแต่เทอร์มินัล POS ไปจนถึงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รับการชําระเงินได้อย่างยืดหยุ่น
ข้อดีในการดำเนินงาน: Visa มี API และ SDK ที่สามารถผสานรวมเข้ากับระบบที่ธุรกิจมีอยู่แล้วได้ ซึ่งช่วยให้ทําบัญชี ติดตามสินค้าคงคลัง และสร้างรายงานทางการเงินได้ง่ายขึ้น
โปรแกรมสะสมคะแนน: โครงสร้างพื้นฐานของ Visa รองรับการผสานรวมโปรแกรมสะสมคะแนนและรางวัล ซึ่งส่งเสริมให้มีการกลับมาใช้บริการซ้ำและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า
สําหรับธุรกิจในทุกภาคส่วน Visa จะมอบข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล ธุรกิจจะสามารถเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าและแนวโน้มธุรกรรมได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูง ข้อมูลแบบละเอียดนี้มีประโยชน์อย่างมากในการจัดทํากลยุทธ์ด้านการชําระเงิน
มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Visa
เนื่องจาก Visa มีธุรกิจและลูกค้ามากมายที่ต้องให้บริการ รวมทั้งยังครอบคลุมทั่วโลก การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสําคัญอย่างมากสําหรับสภาพแวดล้อมการชําระเงินที่กว้างขวางของ Visa กลไกการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นที่มีความซับซ้อนจะคุ้มครองความสมบูรณ์ของการทําธุรกรรมและรักษาความลับของข้อมูล กลไกดังกล่าวมีดังนี้
วิธีการเข้ารหัส
Visa ใช้กลยุทธ์การเข้ารหัสแบบหลายชั้น เพิ่มเติมจากเทคโนโลยีพื้นฐานแบบ SSL/TLS ตัวอย่างเช่น Visa จะเข้ารหัสข้อมูลที่ถ่ายโอนแตกต่างจากข้อมูลที่จัดเก็บไว้ ซึ่งช่วยลดช่องโหว่ในขั้นต่างๆ ของการประมวลผลข้อมูลได้การแปลงเป็นโทเค็น
การแปลงเป็นโทเค็นจะแทนที่ข้อมูลบัตรและมักจะรวมกับจุดข้อมูลอื่นๆ เช่น ประวัติธุรกรรม เพื่อสร้างโทเค็นหลายมิติที่ถอดรหัสได้ยากอัลกอริทึมประเมินความเสี่ยง
อัลกอริทึมเหล่านี้ทําการประเมินอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ โดยใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงที่ฝึกฝนจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ซึ่งทําให้มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้นการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย
ฟีเจอร์นี้ประกอบด้วยการตรวจสอบสิทธิ์แบบใช้โค้ดจากข้อความ SMS และปัจจัยที่สองแบบใช้แอปพลิเคชันและแบบใช้ฮาร์ดแวร์ เช่น คีย์ความปลอดภัยที่ป้องกันการฟิชชิ่งวิธีการแบบไบโอเมตริก
Visa กําลังขยายจํานวนรูปแบบไบโอเมตริกที่ Visa รองรับ เพิ่มเติมจากลายนิ้วมือและการจดจําใบหน้า ซึ่งรวมถึงการรับรู้เสียงและไบโอเมตริกเชิงพฤติกรรมการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
PSD2 ของสหภาพยุโรปซึ่งเป็นคําสั่งว่าด้วยบริการชําระเงินฉบับที่ 2 คือกรอบการทํางานทางกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยด้านการชําระเงิน ส่งเสริมนวัตกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองลูกค้าในตลาดการชําระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของสหภาพยุโรป แม้ PSD2 ของสหภาพยุโรปจะเป็นที่รู้จักกันดีแต่ว่าเขตอํานาจศาลต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และแคนาดาก็มีชุดระเบียบข้อบังคับที่ Visa ต้องปฏิบัติตาม ในบางกรณี ข้อบังคับเหล่านี้จะระบุชนิดของการเข้ารหัสหรือข้อกําหนดในการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องใช้งานภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
ธุรกิจในภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสารที่มีการกํากับดูแล ต้องเผชิญกับการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือข้อกําหนดที่สูงขึ้น เพื่อใช้ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงบางอย่างสินค้าที่มีการปรับแต่ง
บัตรหรือโซลูชันการชําระเงินต่างๆ มักจะมีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่เฉพาะตัว ตัวอย่างเช่น บัตรองค์กรอาจมีการควบคุมการใช้จ่ายขั้นสูงและการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ซึ่งทําหน้าที่เป็นฟีเจอร์การจัดการทางการเงินและความปลอดภัย
Visa นําเสนอโซลูชันการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความซับซ้อนของการประมวลผลการชําระเงินทั่วโลก และความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยที่จําเป็น
ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับการชําระเงินผ่าน Visa
ธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมต่อการทํางานโครงสร้างพื้นฐานของ Visa เข้ากับเกตเวย์การชําระเงินที่ออกแบบเองได้โดยตรงผ่าน API และ SDK อันหลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและการปรับใช้งานในแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆ หากต้องการเริ่มรับชําระเงินผ่าน Visa ซึ่งคล้ายคลึงกับการรับชําระเงินด้วยบัตรประเภทอื่นๆ โดยทั่วไปธุรกิจต่างๆ จะต้องสร้างบัญชีผู้ค้าผ่านธนาคารผู้รับบัตรหรือผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงิน เช่น Stripe
สําหรับธุรกิจที่รับชําระเงินโดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Stripe ระบบจะเปิดใช้การยอมรับ Visa ไว้อยู่แล้ว และคุณไม่จําเป็นต้องเปิดบัญชีผู้ค้าแยกต่างหากเนื่องจาก Stripe ให้บริการฟังก์ชันนี้ ข้อกําหนด เงื่อนไข หน้าที่ และสิทธิ์ตามสัญญามักจะได้รับการระบุไว้ในข้อตกลงระหว่างธุรกิจกับผู้ให้บริการของผู้ค้า
หลังจากสร้างฟังก์ชันของบัญชีผู้ค้าแล้ว ธุรกิจมักจะเชื่อมต่อการทํางานเทอร์มินัลการชําระเงินหรือระบบ POS ที่เข้ากันได้กับบัตร Visa ซึ่งอาจประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจจําเป็นต้องรับการชําระเงินที่จุดขาย ทางออนไลน์ หรือในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ Visa และ Stripe รองรับการชําระเงินในทุกสภาพแวดล้อมเหล่านี้ สําหรับลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตของ Visa ใบจริง รวมถึงบัตรที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล
ไม่ว่าจะใช้ Visa หรือเครือข่ายบัตรอื่นๆ ธุรกิจก็ควรปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยชุดหนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลบัตรทั้งในระหว่างและหลังทำธุรกรรมทางการเงิน
ทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Visa
Visa ไม่ใช่ทางเลือกเดียวสําหรับการชําระเงินทั่วโลก ธุรกิจและลูกค้ามีตัวเลือกอื่นที่ทํางานได้ตามความต้องการเฉพาะของตน โดยตัวเลือกเหล่านั้นอาจแตกต่างกันไปตามตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทธุรกรรม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเป็น ในสหรัฐฯ เครือข่ายบัตรรายใหญ่ๆ ได้แก่:
Mastercard:คู่แข่งรายใหญ่ของ Visa มักจะให้ประโยชน์ที่คล้ายกันและก็มีการยอมรับทั่วโลก Mastercard ยังมีบริการทางธุรกิจเฉพาะทาง เช่น เครื่องมือการวิเคราะห์
American Express: แม้ว่า American Express จะเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปน้อยกว่า แต่เครือข่ายนี้นำเสนอโปรแกรมรางวัลและสิทธิประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น การคุ้มครองการซื้อและการประกันภัยการเดินทาง
Discover: Discover ได้รับการยอมรับในสหรัฐฯ เป็นหลัก และเป็นที่รู้จักในด้านการบริการลูกค้า รวมทั้งค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ํา
คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายบัตรในสหรัฐอเมริกาได้ที่นี่ และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายการชําระเงินอื่นๆที่นี่ ซึ่งทั้งหมดเป็นทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Visa
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ