เมื่อธุรกิจเปลี่ยนไปเป็นทำการขายทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ การชําระเงินในอีคอมเมิร์ซจึงได้กลายมาเป็นแง่มุมที่สําคัญในกลยุทธ์ดิจิทัล ตัวอย่างเช่น ตามรายงานล่าสุด คาดว่ายอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะมีมูลค่ารวม 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 นอกจากนี้ จากยอดขายปลีกทั่วโลกในปี 2023 คาดว่า 20.8% จะมาจากการซื้อของออนไลน์ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องยกระดับมาตรฐานและเรียกร้องให้ธุรกิจต่างๆ สร้างกลยุทธ์การชำระเงินในอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งซึ่งตอบสนองความต้องการและความชอบของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม การรับมือกับโลกที่ซับซ้อนของการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซอาจเป็นเรื่องท้าทาย ตั้งแต่การเลือกวิธีชำระเงินที่ใช่ ไปจนถึงการตรวจสอบว่าการประมวลผลการชำระเงินมีความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรม มีปัจจัยมากมายที่ธุรกิจต้องพิจารณา และด้วยจำนวนผู้ให้บริการและแพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเลือกว่าแพลตฟอร์มใดเหมาะกับธุรกิจของคุณที่สุดจึงอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย
ด้านล่างนี้ เราจะสำรวจประเภทต่างๆ ของวิธีการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซ วิธีการทำงานของการประมวลผลการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกวิธีการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลรักษาและปรับแต่งการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซแห่งใหม่หรือเพียงแค่ต้องการปรับปรุงกลยุทธ์การชำระเงินเพื่อเติบโตและขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซเพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- อีคอมเมิร์ซคืออะไร
- วิธีการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซคืออะไร
- วิธีการทํางานของการประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
- วิธีเลือกผู้ให้บริการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
- เคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
อีคอมเมิร์ซคืออะไร
อีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นคําศัพท์ที่มาจาก "การค้าอิเล็กทรอนิกส์" หมายถึงการซื้อและขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ โดยประกอบด้วยธุรกรรมออนไลน์หลายประเภท รวมถึงการช็อปปิ้งออนไลน์ การชําระเงินอิเล็กทรอนิกส์ การประมูลออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย อีคอมเมิร์ซเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ หันมาใช้ธุรกรรมออนไลน์สําหรับทุกอย่าง ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงการสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์แบบ B2B
วิธีการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซคืออะไร
ลูกค้าสามารถชําระค่าสินค้าและบริการได้หลายวิธีเมื่อซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ วิธีชำระเงินอีคอมเมิร์ซมีตั้งแต่ตัวเลือกแบบดั้งเดิม เช่น บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ไปจนถึงวิธีการชำระเงินทางเลือก เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตัวเลือกซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) และสกุลเงินดิจิทัล
ในการนําเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการและความชอบของลูกค้า คุณจําเป็นต้องสร้างตัวตนอีคอมเมิร์ซที่ดึงดูดและปรับประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ชําระเงิน ธุรกิจต่างๆ จะต้องพิจารณาตัวเลือกอย่างรอบคอบเมื่อเลือกวิธีการชําระเงินสําหรับอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสม ซึ่งมีจํานวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการชําระเงินแบบอีคอมเมิร์ซ รวมถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการเลือกวิธีการชําระเงินที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ โปรดดูคู่มือของเรา
วิธีการทํางานของการประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
การประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซมีองค์ประกอบที่แตกต่างกันหลายอย่าง รวมถึงเกตเวย์การชําระเงิน ผู้ประมวลผลการชําระเงิน บัญชีผู้ค้า มาตรการป้องกันการฉ้อโกงและความปลอดภัย รวมถึงการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ องค์ประกอบเหล่านี้ทํางานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าการชําระเงินออนไลน์ได้รับการประมวลผลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ธุรกิจสามารถลดความซับซ้อนของกระบวนการชำระเงินในอีคอมเมิร์ซและลดภาระให้ทีมงานภายในได้ด้วยการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการการประมวลผลการชำระเงิน เช่น Stripe ซึ่งโซลูชันการชำระเงินของ Stripe จะรวบรวมและทำให้ส่วนต่างๆ ของกระบวนการเหล่านี้เป็นระบบอัตโนมัติ
องค์ประกอบหลักของการประมวลผลการชําระเงินผ่านอีคอมเมิร์ซมีดังนี้
เกตเวย์การชําระเงิน
เกตเวย์การชําระเงินคือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์กับระบบของผู้ประมวลผลการชําระเงิน วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าป้อนข้อมูลการชําระเงินได้อย่างปลอดภัยและอํานวยความสะดวกในการโอนข้อมูลการชําระเงินไปยังผู้ประมวลผลการชําระเงินผู้ประมวลผลการชําระเงิน
ผู้ประมวลผลการชําระเงินคือผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่อํานวยความสะดวกให้กับการอนุมัติ การประมวลผล และการชําระเงินออนไลน์ โดยจะทํางานร่วมกับธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตของลูกค้าเพื่อยืนยันและอนุมัติการชําระเงิน แล้วชําระด้วยบัญชีธนาคารของผู้ค้าบัญชีผู้ค้า
บัญชีผู้ค้าเป็นบัญชีธนาคารประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ รับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและเดบิตได้ โดยปกติแล้ว ผู้ให้บริการผู้ค้าหรือธนาคารจะเป็นผู้มอบบัญชีนี้ ซึ่งจําเป็นสําหรับธุรกิจที่ประมวลผลการชําระเงินออนไลน์ระบบความปลอดภัยและการป้องกันการฉ้อโกง
การประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซประกอบด้วยข้อมูลการชําระเงินที่ละเอียดอ่อนซึ่งต้องได้รับการปกป้องจากการเข้าถึงและการฉ้อโกงโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากปริมาณการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นทั่วโลก ความจําเป็นที่จะต้องตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงอย่างมีประสิทธิภาพจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้ประมวลผลการชําระเงินจึงมักจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็น เพื่อปกป้องข้อมูลการชําระเงินและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงการปฏิบัติตามข้อกําหนด
การประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซนั้นเป็นไปตามข้อกําหนดทางกฎหมายต่างๆ เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) ซึ่งกําหนดมาตรฐานสําหรับการจัดการข้อมูลการชําระเงิน ผู้ประมวลผลการชําระเงินต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้เพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องสมบูรณ์ของการชําระเงินออนไลน์
องค์ประกอบของการประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซสามารถทํางานร่วมกันได้หลายวิธี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวิธีที่ธุรกิจตั้งค่าไว้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจรายหนึ่งอาจเลือกที่จะทํางานร่วมกับผู้ให้บริการบุคคลที่สามและเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อรวมระบบประมวลผลการชําระเงินเข้าด้วยกัน ธุรกิจอื่นๆ อาจจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการชําระเงินที่ครอบคลุม เช่น Stripe ซึ่งมีฟังก์ชันการทํางานของเกตเวย์การชําระเงิน บัญชีผู้ค้า และผู้ประมวลผลการชําระเงินซึ่งมีระบบตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงในตัว
การประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ: คำอธิบายทีละขั้นตอน
การประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย รวมถึงลูกค้า ร้านค้าออนไลน์ เกตเวย์การชําระเงิน และผู้ประมวลผลการชําระเงิน เมื่อเริ่มอธิบาย กระบวนการแบบทีละขั้นตอนอาจฟังดูซับซ้อน แต่ทุกส่วนได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจว่าการชําระเงินจะได้รับการอนุญาต อนุมัติ รวมทั้งชําระอย่างปลอดภัยและเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ต่อไปนี้คือรายละเอียดของขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
ลูกค้าทำการสั่งซื้อ
ลูกค้าค้นหาสินค้าในร้านค้าออนไลน์ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ต้องการซื้อ และดําเนินการชําระเงินลูกค้าป้อนข้อมูลการชําระเงิน
เมื่อชําระเงิน ลูกค้าจะป้อนข้อมูลการชําระเงิน เช่น รายละเอียดของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เข้าไปในเกตเวย์การชําระเงินที่ร้านค้าออนไลน์มอบให้การอนุมัติการชําระเงิน
เกตเวย์การชําระเงินจะส่งข้อมูลการชําระเงินไปให้ผู้ประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งจะตรวจสอบข้อมูลกับธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตของลูกค้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะอนุมัติการชําระเงินได้การอนุมัติการชําระเงิน
หากข้อมูลการชําระเงินได้รับการยืนยันและอนุมัติ ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะส่งข้อความอนุมัติไปที่เกตเวย์การชําระเงิน ซึ่งจะแจ้งให้ร้านค้าออนไลน์ทราบว่าการชําระเงินดังกล่าวได้รับอนุมัติแล้วการยืนยันคําสั่งซื้อ
เมื่อการชําระเงินได้รับอนุมัติ ร้านค้าออนไลน์จะยืนยันคําสั่งซื้อของลูกค้าและส่งข้อความยืนยันไปให้ลูกค้าการชําระเงิน
ผู้ประมวลผลการชําระเงินทำการชําระเงินให้เสร็จสิ้นกับบัญชีธนาคารของผู้ค้า ซึ่งปกติแล้วจะดําเนินการภายใน 2-3 วันทําการการกระทบยอดการชําระเงิน
ร้านค้าออนไลน์จะกระทบยอดการชําระเงินกับคําสั่งซื้อและตรวจสอบให้แน่ใจว่าการชําระเงินตรงกับยอดของคําสั่งซื้อนั้น
วิธีเลือกผู้ให้บริการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
เมื่อเลือกผู้ให้บริการชําระเงินอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ โปรดสละเวลาพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด เนื่องจากฟีเจอร์การชําระเงินเหล่านี้จําเป็นอย่างยิ่งต่อการมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นและปลอดภัยให้แก่ลูกค้า
เราได้จัดทำคู่มือที่ครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีเลือกผู้ให้บริการชําระเงินด้านอีคอมเมิร์ซ แต่ต่อไปนี้เป็นปัจจัยบางประการที่ควรพิจารณา
ระบุความต้องการด้านการชําระเงินของคุณ
พิจารณาวิธีการชําระเงินที่คุณต้องการนําเสนอ เช่น คุณจะต้องการรองรับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าหรือการชําระเงินตามรอบบิล หรือต้องการรับการชําระเงินในหลายสกุลเงินหรือไม่พิจารณาตลาดทั้งหมดที่ดําเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน และประเทศที่คุณต้องการจะเติบโต
ธุรกิจที่ดําเนินงานในประเทศเดียวอาจต้องการการชําระเงินที่ง่ายกว่าบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่ดําเนินธุรกิจทั่วโลก ตั้งแต่สกุลเงินและวิธีการชำระเงินในพื้นที่ไปจนถึงข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล คุณจะต้องแน่ใจว่ากำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการการชำระเงินที่สามารถรองรับความต้องการของคุณในทุกตลาดตรวจสอบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
ธุรกิจที่รับการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตจะต้องปฏิบัติตาม PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าจากการฉ้อโกงและการขโมย นั่นหมายถึงการใช้การเข้ารหัสและมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ในการปกป้องข้อมูลของลูกค้า การทํางานร่วมกับผู้ให้บริการชําระเงินอย่าง Stripe ช่วยให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณปฏิบัติตามข้อกําหนด PCI เสมอ และอาจช่วยคุณหลีกเลี่ยงบทลงโทษหรือค่าปรับประเมินความสะดวกในการผสานการทํางาน
ตั้งแต่การสนับสนุนการเรียกเก็บเงิน หน้าการชําระเงินในระบบ ไปจนถึงการชําระเงินที่ผสานรวมในตัว คุณควรทําความเข้าใจวิธีเริ่มต้นใช้งานและผสานการทํางานโซลูชันอีคอมเมิร์ซใหม่เข้ากับหน้าร้านดิจิทัลในปัจจุบันของคุณ ผู้ให้บริการอย่าง Stripe มีการผสานการทํางานที่ปรับแต่งได้ และ API ที่ยืดหยุ่นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับคุณมากที่สุดพิจารณาการสนับสนุนลูกค้า
สิ่งสำคัญคือการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการการชำระเงินที่มีบริการสนับสนุนลูกค้าที่ีรวดเร็วผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล หรือการแชท หรือทั้งสามวิธี
เคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซ
สําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กลยุทธ์ทุกกลยุทธ์ควรมุ่งเน้นไปที่วิธีเดียวกัน นั่นล่ะวิธีเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและยอดขาย นอกจากจะเลือกผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงินที่เหมาะสมแล้ว ยังมีเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ธุรกิจต่างๆ อาจปฏิบัติตามเพื่อมอบประสบการณ์การชําระเงินที่เข้าใจง่าย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินให้ลูกค้า ขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงและการดึงเงินคืนให้น้อยที่สุดด้วย
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดบางประการเพื่อให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านการชําระเงินในอีคอมเมิร์ซได้
มอบตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย
เพื่อรองรับความต้องการและความชอบที่หลากหลายของลูกค้า สิ่งสำคัญคือต้องเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย และใช้ประโยชน์จากข้อมูลการชำระเงินในอดีตและการวิจัยลูกค้าเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเสนอวิธีการชำระเงินที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากคุณขายเฟอร์นิเจอร์โดยกําหนดราคาที่สูงขึ้น ตัวเลือกซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลังอาจเป็นวิธีการชําระเงินที่จําเป็นสําหรับลูกค้าของคุณใช้เกตเวย์การชําระเงินและบัญชีผู้ค้าที่น่าเชื่อถือ
ความสามารถในการทําธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นขึ้นอยู่กับการมีเกตเวย์การชําระเงินและบัญชีผู้ค้าที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และใช้งานง่ายเพิ่มประสิทธิภาพให้ขั้นตอนการชําระเงิน
ขั้นตอนการชําระเงินเป็นช่วงเวลาสําคัญในประสบการณ์อีคอมเมิร์ซ กระบวนการชําระเงินที่ยุ่งยากหรือใช้เวลานานอาจทําให้รถเข็นถูกละทิ้งและสูญเสียยอดขายได้ ปรับปรุงกระบวนการชําระเงินโดยการลดจํานวนขั้นตอนและช่องข้อมูล เสนอตัวเลือกการชําระเงินสําหรับผู้ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ พร้อมทั้งแสดงคําแนะนําและคําติชมที่ชัดเจนแจ้งนโยบายการชําระเงินอย่างชัดเจน
โปรดแจ้งนโยบายการชําระเงินให้ลูกค้าเข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสับสนหรือการโต้แย้งการชําระเงิน ข้อมูลนี้อาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับ เวลาในการประมวลผลการชำระเงิน นโยบายการคืนเงินและการส่งคืน และค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน การนำเสนอนโยบายการคืนเงินและการส่งคืนสินค้าที่ชัดเจน รวมทั้งทีมบริการลูกค้าที่ติดต่อได้ง่าย ยังถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการดึงเงินคืนอีกด้วยติดตามตรวจสอบการฉ้อโกงและการดึงเงินคืน
การติดตามตรวจสอบการดึงเงินคืนควรเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางปฏิบัติด้านการชําระเงินภายใน การทำธุรกรรมฉ้อโกงและการดึงเงินคืนอาจก่อให้เกิดต้นทุนสูงสำหรับธุรกิจ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัยและดำเนินขั้นตอนเชิงรุกเพื่อป้องกันการฉ้อโกง นำเครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกงมาใช้ ตรวจสอบที่อยู่และตรวจสอบรหัสความปลอดภัยของบัตร และตอบกลับข้อโต้แย้งการดึงเงินคืนอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การติดตามแนวโน้มการฉ้อโกงและการดึงเงินคืนยังเป็นประโยชน์อีกด้วย มีฤดูกาลใดที่คุณสังเกตเห็นว่ามียอดขายสูงขึ้นหรือไม่ มีช่องทางการขายบางช่องทางที่มีความถี่ในการดึงเงินคืนสูงหรือไม่ การระบุแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าอาจต้องดําเนินการด้านใดเพิ่มเติมปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินอย่างต่อเนื่อง
สุดท้า การประเมินและปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญ ขอความคิดเห็นจากลูกค้า ติดตามเมตริกหลักๆ เช่น อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินและระยะเวลาการทําธุรกรรม รวมทั้งใช้การปรับปรุงตามความคิดเห็นของลูกค้าและข้อมูลเชิงลึกของข้อมูล
หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe เพิ่มประสิทธิภาพให้การชําระเงินสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โปรดเริ่มต้นที่นี่
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ