อีคอมเมิร์ซได้ขยายไปทั่วพื้นที่ B2B ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยิ่งมีความเด่นชัดในช่วง 2-3 ปีมานี้ รายงานฉบับหนึ่งระบุว่า 23% ของยอดขายทั้งหมดจะเกิดขึ้นทางออนไลน์ภายในปี 2025 ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงมีความคาดหวังกับประสบการณ์อีคอมเมิร์ซทุกส่วนมากขึ้น
วิธีการชําระเงินคือส่วนสําคัญของประสบการณ์นี้ ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องมีตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับความชอบและความต้องการของลูกค้า เนื่องจากธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย งานวิจัยหนึ่งพบว่าธุรกิจรายย่อยที่นําเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มรายได้เกือบ 30%
การตั้งค่าวิธีการชําระเงินสําหรับอีคอมเมิร์ซอาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่การหาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชําระเงินและโซลูชันการประมวลผลที่เหมาะสมได้จะเป็นสิ่งที่ดี ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการใช้วิธีการชําระเงินที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจถึงประสบการณ์การชําระเงินที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และใช้งานง่าย ซึ่งปรับประสิทธิภาพมาเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- อีคอมเมิร์ซคืออะไร
- ประเภทของวิธีการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซ
- วิธีตัดสินใจว่าจะเสนอวิธีการชําระเงินสําหรับอีคอมเมิร์ซแบบใด
อีคอมเมิร์ซคืออะไร
อีคอมเมิร์ซหรือการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์หมายถึงการซื้อและขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้ประกอบด้วยธุรกรรมออนไลน์อันหลากหลาย รวมถึงการช็อปปิ้งออนไลน์, การชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์, การขายแบบ B2B, การสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์ บริการ และสินค้าอุปโภคบริโภค, การประมูลออนไลน์ และอื่นๆ
อีคอมเมิร์ซได้พลิกโฉมการปฏิบัติงานของธุรกิจ โดยมอบแพลตฟอร์มสําหรับให้บริษัททุกขนาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นและดําเนินงานในระดับโลก นอกจากนี้ยังมีข้อดีหลายประการเหนือร้านค้าที่มีหน้าร้านจริงแบบดั้งเดิม เช่น ความพร้อมให้บริการ 24/7 การเข้าถึงทั่วโลก และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ลดลง
อีคอมเมิร์ซแบ่งออกเป็นโมเดลหลายประเภท ทั้งแบบธุรกิจต่อผู้บริโภค (B2C), ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B), ผู้บริโภคต่อผู้บริโภค (C2C) และผู้บริโภคต่อธุรกิจ (C2B) อีคอมเมิร์ซแบบ B2C เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภครายบุคคล ส่วนอีคอมเมิร์ซแบบ B2B คือธุรกรรมระหว่างธุรกิจต่างๆ ขณะที่อีคอมเมิร์ซ C2C เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างผู้บริโภครายบุคคล ส่วนอีคอมเมิร์ซ C2B คือธุรกรรมที่ผู้บริโภคแต่ละคนขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจ
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกําหนดให้ต้องมีการประมวลผลการชําระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย รวมถึงกลไกสําหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ การดําเนินการตามคําสั่งซื้อ และการจัดส่ง นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่งยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น รีวิวจากลูกค้า คําแนะนําผลิตภัณฑ์ และการสนับสนุนลูกค้า
ประเภทของวิธีการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซ
แม้การชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีรูปแบบเดียวกัน ในขณะที่อีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็ว วิธีที่ผู้คนจ่ายค่าสินค้าและบริการทางออนไลน์ก็มีความหลากหลายเช่นกัน ความต้องการของลูกค้าในด้านวิธีการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซนั้นแตกต่างกันไปในหลายส่วนทั่วโลก และแวดวงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บัตรเครดิต บัตรเดบิต และกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงินอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก แต่วิธีการชําระเงินอื่นๆ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคารและชำระเงินสดเมื่อจัดส่ง (COD) ก็ยังคงได้รับความนิยมในบางภูมิภาค การใช้การชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่มีการเติบโตขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนสูง
ต่อไปนี้คือวิธีการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลกในปัจจุบัน
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชําระเงินที่ใช้กันมากที่สุดสําหรับธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ โดยเป็นวิธีที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชําระเงินได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายกระเป๋าเงินดิจิทัล
กระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น PayPal, Apple Pay และ Google Pay เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจัดเก็บข้อมูลการชําระเงินได้อย่างปลอดภัยและชําระเงินได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง จากข้อมูลของ Statista ระบุว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลเริ่มตีตื้นขึ้นมาเทียบกับบัตรเครดิตเป็นครั้งแรกในปี 2020 ในฐานะวิธีการชําระเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ และเป็นแนวโน้มที่ไม่หยุดยั้งการโอนเงินผ่านธนาคาร
การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือที่เรียกว่าการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) ช่วยให้ลูกค้าโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตัวเองไปยังบัญชีธนาคารของธุรกิจได้ แม้ทั่วโลกจะใช้การโอนเงินผ่านธนาคาร แต่วิธีนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในยุโรปและเอเชีย ตามแบบสํารวจโดยธนาคารกลางของยุโรประบุว่าการโอนเงินผ่านธนาคารคิดเป็น 45% ของการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซในสหภาพยุโรปในปี 2020การชำระเงินสดเมื่อจัดส่ง (COD)
COD คือวิธีการชําระเงินที่ลูกค้าจะชําระค่าสินค้า/บริการเมื่อได้รับของ โดยไม่ต้องชำระเงินล่วงหน้า วิธีการชําระเงินนี้พบได้ทั่วไปในประเทศที่มีการใช้บัตรเครดิตและเดบิตต่ํา แบบสํารวจการค้าที่เชื่อมโยงทั่วโลกของ Nielsen ระบุว่าลูกค้าประมาณ 83% ในอินเดียชอบใช้วิธี COD เมื่อชําระค่าสินค้าหรือบริการออนไลน์การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ช่วยให้ลูกค้าชําระเงินด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ มีการคาดการณ์ว่าการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่จะคิดเป็นสัดส่วน 43% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซในการค้าปลีกทั้งหมดช่วงปี 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 42% ในปี 2022ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง
ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลังเป็นตัวเลือกการชําระเงินที่ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการได้ล่วงหน้าและชําระเงินล่าช้าได้ในวันที่ภายหลัง โดยมักมีการคิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมคริปโตเคอร์เรนซี
คริปโตเคอร์เรนซี เช่น บิทคอยน์และอีเธอเรียมเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้ทําธุรกรรมอีคอมเมิร์ซได้ วิธีการชําระเงินนี้เริ่มได้รับการยอมรับจากผู้ค้าปลีกออนไลน์มากขึ้นบัตรเติมเงิน
บัตรเติมเงินคือบัตรเดบิตประเภทหนึ่งที่มีการเติมเงินจํานวนหนึ่ง ซึ่งลูกค้าสามารถใช้ชําระเงินสําหรับการซื้อออนไลน์ได้ เช่นเดียวกับการใช้บัตรเดบิตทั่วไป
วิธีตัดสินใจว่าจะเสนอวิธีการชําระเงินสําหรับอีคอมเมิร์ซแบบใด
ธุรกิจควรคํานึงถึงปัจจัยหลายข้อในการเลือกวิธีการชําระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซที่จะนําเสนอ
ความต้องการของลูกค้าและมาตรฐานตลาด
ใช้การวิจัยตลาดเพื่อตัดสินใจว่าจะเสนอวิธีการชําระเงินแบบใด เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์อีคอมเมิร์ซของคุณจะเป็นที่ดึงดูด คุณต้องเข้าใจว่าลูกค้าเป้าหมายต้องการชําระค่าสินค้าหรือบริการอย่างไรและวิธีการชําระเงินแบบใดที่คู่แข่งของคุณนําเสนอ ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณชอบใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล นอกเหนือไปจากบัตรเครดิต คุณก็ควรเสนอตัวเลือกเหล่านั้นค่าธรรมเนียมธุรกรรม
วิธีการชําระเงินต่างมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากัน โปรดพิจารณาค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิธีการชําระเงินแต่ละแบบในขั้นตอนการตัดสินใจ เช่น โดยทั่วไป บัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมสูงขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการชําระเงินอื่นๆ ธุรกิจควรคํานวณค่าธรรมเนียมเหล่านี้โดยเทียบกับประโยชน์ที่อาจได้จากการนําเสนอวิธีการชําระเงินดังกล่าว เช่น เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าหรือความพึงพอใจของลูกค้าระบบความปลอดภัยและการป้องกันการฉ้อโกง
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรนําเสนอวิธีการชําระเงินที่ปลอดภัยซึ่งปกป้องทั้งตัวเองและลูกค้าจากการฉ้อโกง วิธีการชําระเงินที่ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย การเข้ารหัส และการตรวจจับการฉ้อโกง มักจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าวิธีการชําระเงินที่มีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยน้อยกว่าใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการชําระเงินใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตนได้ วิธีการชําระเงินบางวิธีอาจต้องมีการผสานการทํางานเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลา การทํางานกับผู้ให้บริการชําระเงินที่ใช้งานง่าย เช่น Stripe สามารถลดความยุ่งยากภายในเกี่ยวกับการตั้งค่าและการดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านการชําระเงินได้ข้อมูลประชากรของกลุ่มเป้าหมาย
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรพิจารณาข้อมูลประชากรตามกลุ่มเป้าหมายและวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยมในหมู่กลุ่มคนเหล่านั้น กลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยกว่าอาจชอบกระเป๋าเงินดิจิทัล ขณะที่กลุ่มเป้าหมายที่มีอายุมากกว่าอาจชอบวิธีการชําระเงินแบบดั้งเดิม เช่น การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตหรือการโอนเงินผ่านธนาคาร และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมการเลือกผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงินที่เหมาะสมจึงมีความสําคัญอย่างยิ่ง Stripe ช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยอมรับวิธีการชําระเงินที่เหมาะสมได้ตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของลูกค้า
การระบุถึงความแตกต่างในแง่ความต้องการด้านการชําระเงินให้ได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ พิจารณาตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของลูกค้า พร้อมเสนอวิธีการชําระเงินที่ได้รับการยอมรับในพื้นที่ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง การชำระเงินสดเมื่อจัดส่งอาจเป็นวิธีการชําระเงินยอดนิยมในบางประเทศ ในขณะที่การโอนเงินผ่านธนาคารอาจพบได้บ่อยกว่าในประเทศแห่งอื่นๆ Stripe รองรับกว่า 135 สกุลเงินและวิธีการชําระเงินชั้นนําทั่วโลก
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ