การชำระเงินในอินโดนีเซีย: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานะของตลาด
  3. วิธีการชำระเงิน
    1. การใช้งานในปัจจุบัน
    2. แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น
  4. ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
    1. ภาษี
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
    3. การชำระเงินระหว่างประเทศ
    4. การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  5. ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
  6. ประเด็นสำคัญ
    1. ให้ความสำคัญกับกระเป๋าเงินดิจิทัล
    2. ปรับตัวตามความต้องการในภูมิภาค
    3. ลงทุนในการป้องกันการฉ้อโกงเกี่ยวกับการชำระเงิน

การขยายธุรกิจของคุณไปยังอินโดนีเซียเป็นโอกาสการเติบโตที่สำคัญ ตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียคาดว่าจะเติบโตจากประมาณ 52.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ไปจนถึงกว่า 86.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 และการปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณสำหรับลูกค้าในอินโดนีเซียจะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากตลาดนี้

ด้านล่างนี้ เราจะมาดูว่าคุณควรคำนึงถึงอะไรบ้างเมื่อเข้าสู่ระบบการชำระเงินของอินโดนีเซีย

  • ให้ความสำคัญกับกระเป๋าเงินดิจิทัล
  • ปรับตัวตามความต้องการในภูมิภาค
  • ลงทุนในการป้องกันการฉ้อโกงเกี่ยวกับการชำระเงิน

สถานะของตลาด

การชำระเงินแบบดิจิทัลกำลังเติบโตในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมือง เช่น จาการ์ตา แต่ลูกค้าในภูมิภาคที่ห่างไกลจำนวนมากยังคงพึ่งพาเงินสดอยู่ อีคอมเมิร์ซได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการปรับใช้การชำระเงินแบบดิจิทัล โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลและการชำระเงินผ่านรหัส QR กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามความจริงที่ว่าประเทศอินโดนีเซียยังพึ่งพาเงินสดอยู่มาก อินโดนีเซียมีภูมิประเทศที่ประกอบด้วยหมู่เกาะจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายด้านโลจิสติกส์ต่อการปรับใช้วิธีการชำระเงินใหม่ให้แพร่หลาย ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและความสอดคล้องกันของการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม Bank Indonesia ที่รับรู้ถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นของการชำระเงินผ่านรหัส QR นี้ก็ได้เปิดตัวระบบรหัส QR มาตรฐานที่รู้จักกันในชื่อ Quick Response Code Indonesia Standard (QRIS) ระบบดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงข้ามระบบระหว่างแพลตฟอร์มการชำระเงินต่างๆ ที่ใช้รหัส QR เป็นหลักได้ และช่วยขยายขอบเขตการยอมรับการชำระเงินผ่านรหัส QR ให้กว้างขึ้นไปอีก

ระบบการชำระเงินของอินโดนีเซียมีระเบียบข้อบังคับที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกรรมในสกุลเงินรูเปียอินโดนีเซีย (IDR) สำหรับธุรกิจและลูกค้า โดย Bank Indonesia และ Otoritas Jasa Keuangan ซึ่งเป็นหน่วยงานบริการทางการเงินของประเทศจะแก้ไขปรับปรุงระเบียบข้อบังคับเหล่านี้อยู่เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการทางการเงินที่พัฒนาขึ้นของประเทศและมาตรฐานระหว่างประเทศ

วิธีการชำระเงิน

ลูกค้าในอินโดนีเซียใช้วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ตั้งแต่การชำระเงินด้วยเงินสดแบบดั้งเดิมไปจนถึงวิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลที่ทันสมัย

การใช้งานในปัจจุบัน

จากข้อมูลที่ผ่านมา ภูมิภาคที่มีความเฉพาะตัวของอินโดนีเซียนี้ทำให้ธุรกรรมเงินสดได้รับความนิยม โดยรายงานของ McKinsey ปี 2022 ระบุว่ามูลค่าธุรกรรมระบบบันทึกการขาย (POS) ที่ได้รับเป็นเงินสดนั้นมีสัดส่วนเป็น 51% ของมูลค่าทั้งหมด

ชาวอินโดนีเซียประมาณ 78% ในแบบสำรวจปี 2022 กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะนำวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสดมาใช้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของการยอมรับธุรกรรมแบบไร้สัมผัส แนวโน้มนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและกระเป๋าเงินดิจิทัลในท้องถิ่น เช่น GoPay, LinkAja และ OVO ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถชำระเงินผ่านการสื่อสารสนามใกล้ (NFC) ได้

ธุรกรรมกระเป๋าเงินดิจิทัลมีสัดส่วนถึง 39% ของการชำระเงินอีคอมเมิร์ซในปี 2022 และมีสัดส่วนถึง 28% ของธุรกรรม POS นอกจากนี้ QRIS ยังเร่งการนำการชำระเงินด้วยรหัส QR ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง GoPay ที่ช่วยให้ผู้ใช้ชำระเงินผ่านรหัส QR ของธุรกิจได้

ในขณะที่การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และรหัส QR เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น การชำระเงินแบบดิจิทัลก็มีการใช้งานสำหรับการค้าปลีกและการซื้ออาหารเป็นหลัก โดยมีธุรกรรมดิจิทัลในอินโดนีเซียถึง 28% มาจากค้าปลีกและ 20% มาจากการสั่งซื้ออาหาร

วิธีการชำระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในอินโดนีเซีย

วิธีการชำระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในอินโดนีเซีย

แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น

ดัชนีการปรับใช้คริปโตทั่วโลกปี 2023 (Global Crypto Adoption Index) จัดอันดับให้อินโดนีเซียเป็นที่ 7 ของโลกในเรื่องการนำคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้ โดยมีความสนใจหนาแน่นอยู่ในจาการ์ตา บาหลี และแหล่งเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ธุรกิจสตาร์ทอัพอย่าง Pintu และ Tokocrypto ได้ช่วยสร้างชุมชนคริปโตที่กำลังเติบโตขึ้นมา

ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด

ก่อนที่คุณจะรับชำระเงินในอินโดนีเซีย โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจภาษี การดึงเงินคืน การชำระเงินข้ามพรมแดน และการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินแล้ว โดยเราสรุปข้อมูลสั้นๆ ไว้ให้คุณดังนี้

ภาษี

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอินโดนีเซียอยู่ที่ 11% สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายภาษีนี้โดยตรงสำหรับการซื้อทุกรายการ แต่ธุรกิจก็ต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บและนำส่งเงินจำนวนนี้ให้กับรัฐบาล การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการนำส่งภาษีนั้นถูกดำเนินการอย่างจริงจัง และธุรกิจต่างๆ อาจต้องเผชิญกับผลกระทบทางกฎหมายจากการหลีกเลี่ยงหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน

ขั้นตอนการดึงเงินคืนในอินโดนีเซียนั้นเหมือนกับในหลายๆ ตลาด โดยจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถโต้แย้งธุรกรรมที่ตนเชื่อว่าเป็นธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือฉ้อโกงได้ ธนาคารและสถาบันการเงินจะอำนวยความสะดวกในขั้นตอนนี้ให้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการกำหนดช่วงเวลาที่ลูกค้าสามารถโต้แย้งข้อมูลที่ส่งได้ภายใน 60-120 วันนับจากวันที่ทำธุรกรรม เกตเวย์การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีกลไกที่ชัดเจนสำหรับการจัดการข้อร้องเรียนธุรกรรม ซึ่งรวมถึงการกำหนดกรอบเวลาสูงสุดสำหรับการยุติการโต้แย้งและดำเนินกระบวนการเพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างรวดเร็ว

การชำระเงินระหว่างประเทศ

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าธุรกรรมข้ามพรมแดนทำงานอย่างไร หากคุณวางแผนที่จะรับชำระเงินจากนักท่องเที่ยวหรือธุรกิจต่างชาตินอกอินโดนีเซีย สิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้

  • ฟีเจอร์หลายสกุลเงิน
    ธุรกิจในอินโดนีเซียจำนวนมากที่ให้บริการลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น บาหลี จะระบุราคาสินค้าและบริการของตนในหลายสกุลเงิน แพลตฟอร์มดิจิทัลบางครั้งจะให้ลูกค้าเลือกดูราคาในสกุลเงินท้องถิ่นของตนได้ แม้ว่าการชำระเงินในขั้นสุดท้ายจะดำเนินการในสกุลเงิน IDR ก็ตาม

  • การแปลงสกุลเงิน
    การรับการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านบัตรเครดิตหรือการโอนเงินผ่านธนาคารมักต้องมีการแปลงสกุลเงิน ธนาคารจึงมักจะขึ้นอัตราค่าธรรมเนียมระหว่างธนาคารเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นอัตราที่ธนาคารแลกเปลี่ยนสกุลเงินกัน ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมที่เสนอให้แก่ลูกค้าแตกต่างกันไป ผู้ประมวลผลการชำระเงินมักจะเรียกเก็บเงิน 1%–3% ของยอดธุรกรรมสำหรับการแปลงสกุลเงิน ผู้ให้บริการอย่าง Stripe สามารถทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจที่รับเงินในหลายประเทศได้

  • วิธีการชำระเงินจากตลาดอื่นๆ
    การยอมรับวิธีการชำระเงินยอดนิยมจากประเทศอื่นๆ เช่น WeChat Pay และ Alipay ของจีนสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้

การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

แนวทางการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และระเบียบข้อบังคับของอินโดนีเซียจะช่วยปกป้องภาคการเงินของตนได้ โดยภาพรวมมีดังนี้

  • กฎหมายคุ้มครองข้อมูล
    ระเบียบข้อบังคับฉบับที่ 20 ของกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศในปี 2016 ได้กำหนดรากฐานสำหรับการคุ้มครองข้อมูลในการชำระเงินแบบดิจิทัลเอาไว้ โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องรับรองถึงการรักษาความลับ ความสมบูรณ์ ความเป็นจริง และความพร้อมให้บริการของข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังกำหนดให้ผู้ให้บริการขอความยินยอมก่อนจะเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะสอดคล้องกับหลักการในกรอบการคุ้มครองข้อมูลทั่วโลก

  • โปรโตคอลของผู้ให้บริการชำระเงิน
    Bank Indonesia เป็นผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งกำหนดให้ต้องขอใบอนุญาตและผ่านการประเมินอย่างสม่ำเสมอ โดยระเบียบข้อบังคับกำหนดให้ผู้ให้บริการเหล่านี้ต้องมีระบบที่แข็งแกร่ง หลักเกณฑ์การดำเนินงานที่ชัดเจน และกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด

  • ระเบียบข้อบังคับด้านเงินอิเล็กทรอนิกส์
    อินโดนีเซียได้กำหนดระเบียบข้อบังคับสำหรับผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ท่ามกลางการเติบโตของบริการการชำระเงินแบบดิจิทัล เช่น GoPay และ OVO โดยตาม[ระเบียบข้อบังคับฉบับปรับปรุง](https://www.abnrlaw.com/news/details-on-the-updated-e-money-regulation#:~:text=In%20addition%2C%20the%20PBI%2020,year%20(January%20%E2%80%93%20December)แล้ว บริษัทผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องรักษาเงินทุนขั้นต่ำ ปฏิบัติตามแนวทางการจัดการเงิน และมีกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคที่ชัดเจน

  • ระเบียบข้อบังคับอีคอมเมิร์ซ
    ระเบียบข้อบังคับฉบับที่ 31 ที่ออกโดยกระทรวงการค้าเพิ่มความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยห้ามไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและมาร์เก็ตเพลสออนไลน์แข่งขันกับธุรกิจต่างๆ และจำกัดการเชื่อมต่อข้ามระบบระหว่างระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับอีคอมเมิร์ซกับระบบที่ไม่ใช้สำหรับอีคอมเมิร์ซ

  • กรอบการป้องกันการฟอกเงิน (AML)
    อินโดนีเซียเป็นสมาชิกของกลุ่มการต่อต้านการฟอกเงินประจำเอเชียแปซิฟิก และปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศเพื่อป้องกันกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยศูนย์รายงานและวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินของอินโดนีเซีย (PPATK) จะติดตามและสืบสวนธุรกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งส่วนงานนี้ก็จะได้รับการสนับสนุนจากกรอบ AML จาก Bank Indonesia

  • มาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
    หน่วยงานไซเบอร์และคริปโตแห่งชาติของอินโดนีเซียทำงานเพื่อเสริมสร้างการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศและปกป้องภาคการเงินจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยองค์กรนี้กำหนดให้มีการตรวจสอบที่สม่ำเสมอ การทดสอบการเจาะระบบ และการฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อบรรลุเป้าหมาย

  • แนวทางสำหรับเครือข่ายธนาคารระหว่างธนาคาร
    Bank Indonesia ได้นำเกตเวย์การชำระเงินแห่งชาติมาใช้เพื่อผสานการทำงานกับช่องทางการชำระเงินและส่งเสริมธุรกรรมไร้เงินสด โดยหนึ่งในคุณสมบัติหลักๆ คือการรับรองว่าข้อมูลธุรกรรมจะได้รับการเก็บรักษาไว้ในประเทศ รวมถึงการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้

ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ

ระบบการชำระเงินในอินโดนีเซียมีความท้าทายสำหรับทั้งธุรกิจและลูกค้า โดยความท้าทายเหล่านี้เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม เทคโนโลยี และระเบียบข้อบังคับ โดยธุรกิจต่างๆ ที่เดินหน้าแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่ก็สามารถเตรียมความพร้อมให้ตนเองบรรลุเป้าหมายนี้ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

ประเด็นสำคัญ

การผสมผสานวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมและแบบดิจิทัลของอินโดนีเซียทำให้เกิดงานด้านการชำระเงินที่ซับซ้อนสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มรับชำระเงินในอินโดนีเซีย การสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าในอินโดนีเซียต้องใช้วิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งรวมถึงความต้องการในการชำระเงินในท้องถิ่น ข้อควรพิจารณาทางวัฒนธรรม และมาตรการป้องกันการฉ้อโกงการชำระเงินที่แข็งแกร่ง ข้อมูลสรุปสั้นๆ รวมถึงเคล็ดลับเฉพาะสำหรับการรับชำระเงินในอินโดนีเซียมีดังนี้

ให้ความสำคัญกับกระเป๋าเงินดิจิทัล

  • รับชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในรูปแบบที่หลากหลาย
    การชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลและรหัส QR Payments เป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมในอินโดนีเซีย การปรับแต่งตัวเลือกการชำระเงินให้เหมาะกับความต้องการในท้องถิ่นโดยการนำตัวเลือกดิจิทัลเหล่านี้มาใช้จะช่วยให้การดำเนินการชำระเงินง่ายขึ้นสำหรับลูกค้า

  • ปรับปรุงหน้าการชำระเงินสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
    นอกเหนือจากการเสนอวิธีการชำระเงินอุปกรณ์เคลื่อนที่ในการชำระเงินแล้ว โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเทอร์เฟซการชำระเงินของคุณทำงานได้ดีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ

  • ใช้ QRIS
    QRIS ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถรับชำระเงินจากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลได้โดยใช้รหัส QR เดียว การใช้ QRIS ช่วยให้ขั้นตอนการชำระเงินของธุรกิจและลูกค้าง่ายขึ้น

ปรับตัวตามความต้องการในภูมิภาค

  • ให้บริการวิธีการชำระเงินในท้องถิ่น
    ลูกค้าในอินโดนีเซียชินกับการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลในท้องถิ่นสำหรับการทำธุรกรรมที่จุดขายและทางออนไลน์ ดังนั้นให้เลือกเกตเวย์การชำระเงินที่รองรับกระเป๋าเงินในอินโดนีเซีย เช่น GoPay, LinkAja และ OVO

  • แปลหน้าการชำระเงิน
    อินเทอร์เฟซการชำระเงินที่ใช้ภาษาอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นภาษาแห่งชาติ จะช่วยปรับปรุง ประสบการณ์ของผู้ใช้โดยการสร้างความคุ้นเคยที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและขจัดความจำเป็นในการแปลภาษาออกไป

  • เสนอบริการสนับสนุนลูกค้าที่ปรับให้เหมาะกับท้องถิ่น
    ให้ความสำคัญกับการแก้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการชำระเงินอย่างรวดเร็วโดยการสร้างช่องทางการสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้ซึ่งมีให้บริการในภาษาอินโดนีเซียและในเขตเวลาอินโดนีเซีย

ลงทุนในการป้องกันการฉ้อโกงเกี่ยวกับการชำระเงิน

  • นำมาตรการตรวจสอบสิทธิ์มาใช้
    ธุรกิจสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของธุรกรรมได้ด้วยการนำการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยมาใช้ โดยกำหนดให้ลูกค้าต้องป้อนข้อมูลระบุตัวตนหลายรูปแบบก่อนที่ธุรกรรมจะได้รับการประมวลผล

  • ปกป้องข้อมูลลูกค้าในทุกขั้นตอน
    การเก็บรักษาข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าให้ปลอดภัยสามารถสร้างความไว้วางใจในบริษัทของคุณและช่วยให้ธุรกิจของคุณหลีกเลี่ยงความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าธุรกิจของคุณปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับด้านการคุ้มครองข้อมูลของกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศ รวมถึงมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS)

  • การชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย
    ผสานการทำงานของการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 3D Secure และเครื่องมือการตรวจจับการฉ้อโกงที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยของการชำระเงินออนไลน์เพื่อช่วยลดการฉ้อโกงบัตรเครดิตและการฉ้อโกงอีคอมเมิร์ซประเภทอื่นๆ ได้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe