รหัส QR เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากขึ้นในแวดวงการประมวลผลการชำระเงิน ในปี 2022 ขนาดตลาดทั่วโลกของรหัส QR มีมูลค่า 9.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่าตลาดนี้จะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 16.9% ตั้งแต่ปี 2023 ถึงปี 2030 การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรหัส QR เน้นย้ำถึงความสำคัญของธุรกิจต่างๆ ที่จะทำความเข้าใจและนำวิธีการชำระเงินยอดนิยมนี้มาใช้ ซึ่งให้ความเรียบง่าย รวดเร็ว และการชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ปลอดภัย

การใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นและการนำเทคโนโลยีการชำระเงินดิจิทัลมาใช้อย่างแพร่หลายของลูกค้าเป็นแรงผลักดันหลักของการชำระเงินผ่านรหัส QR วิธีการชําระเงินนี้ให้ประโยชน์แก่ธุรกิจหลายประการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่คุ้มค่า การประมวลผลธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น และการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงาน ข้อดี และกลยุทธ์การใช้งานที่เหมาะสมที่สุดของการชำระเงินด้วยรหัส QR สามารถช่วยให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในตลาดค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ด้านล่างนี้ เราจะเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินด้วยรหัส QR และสำรวจการใช้งาน รวมถึงวิธีที่ธุรกิจต่างๆ จะสามารถผสานการทำงานการชำระเงินเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินบนทุกช่องทาง

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• รหัส QR คืออะไร
  
• ประเภทของรหัส QR
  
• รหัส QR มีหลักการทำงานอย่างไร
  
• ใช้รหัส QR เพื่อชำระเงินได้อย่างไร
  
• วิธีที่ธุรกิจใช้รหัส QR
  
• วิธีสร้างรหัส QR สําหรับการชําระเงิน
  

รหัส QR คืออะไร

รหัส QR หรือรหัสตอบกลับที่รวดเร็ว คือบาร์โค้ดประเภทหนึ่งที่ใช้ในพื้นที่การทําธุรกรรมดิจิทัลเพื่ออํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วและราบรื่น ในขอบเขตของการชําระเงิน รหัส QR จะแสดงข้อมูลธุรกรรมในรูปแบบที่เครื่องอ่านได้ ซึ่งเมื่อลูกค้าสแกนด้วยสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ จะเริ่มต้นกระบวนการชําระเงินโดยลูกค้าไม่ต้องป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ข้อมูลที่เข้ารหัสสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ เช่น ข้อมูลบัญชีของลูกค้า จำนวนเงินธุรกรรม หรือข้อมูลเฉพาะการชำระเงินอื่นๆ การนําเสนอข้อมูลธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการชําระเงิน ลดเวลาและความพยายามในการทําธุรกรรมสําหรับธุรกิจและลูกค้า

ประเภทของรหัส QR

รหัส QR สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือแบบคงที่และแบบไดนามิก ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละประเภท

• รหัส QR แบบคงที่
  รหัส QR แบบคงที่มีข้อมูลคงที่ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เมื่อสร้างรหัสแล้ว ข้อมูลจะถูกเก็บไว้โดยตรงในโค้ดนั้นเองและสามารถเข้าถึงได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่จำกัดจนวนผู้ใช้ โดยทั่วไปแล้วโค้ดเหล่านี้ ใช้สำหรับงานที่ไม่ต้องการข้อมูลใหม่หรืออัปเดต เช่น การแชร์ URL เว็บไซต์ รหัสผ่าน WiFi หรือรายละเอียดการติดต่อ เนื่องจากข้อมูลเป็นแบบคงที่ วิธีเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เข้ารหัสได้คือการสร้างรหัส QR ใหม่

• รหัส QR แบบไดนามิก
  ข้อมูลที่เก็บไว้ในรหัส QR แบบไดนามิกสามารถเปลี่ยนแปลงหรืออัปเดตได้หลังจากสร้างรหัสแล้ว ซึ่งต่างจากรหัส QR แบบคงที่ โดยรหัส QR เองไม่มีข้อมูล แต่เป็นการอ้างอิงถึงตําแหน่งออนไลน์ที่จัดเก็บข้อมูลไว้ การทําเช่นนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการสแกนได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงเวลาที่ทุกคนสแกนรหัส ตําแหน่งที่ตั้งที่ธุรกิจสแกน ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ และยังอนุญาตให้ธุรกิจแก้ไข URL ปลายทาง ซึ่งมีประโยชน์สําหรับแคมเปญการตลาดที่มีการติดตามเมตริกและการอัปเดตข้อมูลที่สําคัญ ข้อเสียอย่างหนึ่งสําหรับรหัส QR แบบไดนามิกคือการที่ต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่เพื่อดึงข้อมูลที่จัดเก็บไว้ แต่ในขณะที่รหัส QR แบบคงที่ไม่ต้องใช้

รหัส QR แต่ละประเภทมีข้อดีและเหมาะสําหรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ธุรกิจต่างๆ ใช้รหัส QR แบบไดนามิกเพื่อให้สามารถติดตามการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และอัปเดตข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ส่วนรหัส QR แบบคงที่อาจมีประโยชน์ในสถานการณ์ที่ข้อมูลยังคงเหมือนเดิมอยู่ นอกจากนี้ ด้านล่างนี้เราจะเจาะลึกเกี่ยวกับวิธีต่างๆ ที่ธุรกิจใช้รหัส QR

รหัส QR ทํางานอย่างไร

รหัส QR มีข้อมูลที่เข้ารหัสในรูปแบบเฉพาะของสี่เหลี่ยมสีดำและสีขาว ซึ่งสามารถอ่านได้โดยเครื่องสแกนรหัส QR โดยปกติจะผ่านกล้องสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต คําอธิบายโดยละเอียดมีดังนี้

การเข้ารหัส

กระบวนการนี้จะเริ่มต้นเมื่อมีการแปลงข้อมูลเป็นรหัส QR ข้อมูลนี้อาจประกอบด้วยรายละเอียดการชําระเงิน URL, ข้อความ หรือข้อมูลอื่นๆ ข้อมูลได้รับการประมวลผลโดยใช้อัลกอริทึมเฉพาะเพื่อสร้างรูปแบบของสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวดํา รูปแบบที่ไม่ซ้ํากันแต่ละตัวสอดคล้องกับตัวอักษรหรือลําดับของข้อมูลที่แตกต่างกัน

โครงสร้าง

รหัส QR แบ่งออกเป็นหลายภูมิภาคโดยแต่ละภูมิภาคจะมีฟังก์ชันเฉพาะ ได้แก่

• เครื่องหมายกําหนดตําแหน่ง
  ช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่สามช่องที่มุมซึ่งช่วยให้เครื่องสแกนสามารถระบุรหัส QR และทิศทางได้

• รูปแบบการกําหนดเวลา
  แถวและคอลัมน์สี่เหลี่ยมสีขาวดําที่สลับกันใช้ระบุตําแหน่งของเซลล์แต่ละเซลล์

• คีย์การแก้ไขข้อมูลและข้อผิดพลาด
  พื้นที่ที่ข้อมูลเข้ารหัสอยู่ รวมถึงบิตซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นข้อมูลชิ้นพิเศษที่ช่วยแก้ไขโค้ดที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์

• การสแกน
  รหัส QR จะถูกสแกนโดยใช้อุปกรณ์ที่มีกล้องและแอปพลิเคชันเครื่องอ่านรหัส QR ซึ่งปกติแล้วเป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต แอปพลิเคชันจะใช้กล้องถ่ายภาพรหัสและตีความรูปแบบของสี่เหลี่ยมสีดำและสีขาวเพื่อแปลงกลับเป็นข้อมูลต้นฉบับ

การแยกข้อมูล

เครื่องสแกนจะถอดรหัสข้อมูลที่ฝังอยู่ในรหัส QR และดําเนินการตามที่กําหนดไว้ เช่น เปิดเว็บไซต์ แสดงข้อความ หรือเริ่มต้นธุรกรรมการชําระเงิน

โดยทั่วไปแล้ว รหัส QR จะเข้ารหัสรายละเอียดบัญชีของลูกค้า และในบางครั้งก็จะเป็นจํานวนเงินที่ชําระด้วย เมื่อลูกค้าสแกนรหัส QR ด้วยแอปพลิเคชันธนาคารหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล แอปจะอ่านข้อมูลที่เข้ารหัส กรอกรายละเอียดการชําระเงินโดยอัตโนมัติ และลูกค้าจะต้องยืนยันธุรกรรมเท่านั้น

วิธีใช้รหัส QR ในการชําระเงิน

รหัส QR ได้กลายมาเป็นวิธียอดนิยมสําหรับการชําระเงิน เนื่องจากใช้ได้ง่าย และสามารถแปลงข้อมูลธุรกรรมเป็นระบบดิจิทัลได้ ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีใช้รหัส QR ในสภาพแวดล้อมการค้าต่างๆ สําหรับการชําระเงิน

• ร้านค้าปลีก
  ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมสามารถแสดงรหัส QR แบบคงที่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินเพื่อการชำระเงินแบบเร่งด่วนด้วยตนเอง เมื่อลูกค้าพร้อมที่จะชำระเงิน พวกเขาจะสแกนรหัสโดยใช้แอปการชำระเงินผ่านมือถือบนสมาร์ทโฟน ซึ่งแอปจะกรอกรายละเอียดการชำระเงินของร้านค้าและแจ้งให้ลูกค้าป้อนจำนวนเงินที่ต้องการชำระ การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยทำให้กระบวนการชำระเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตอีกต่อไป

• ร้านอาหารและคาเฟ่
  เช่นเดียวกับที่ร้านค้าปลีกใช้รหัส QR ร้านอาหารและคาเฟ่สามารถพิมพ์รหัส QR ในใบเรียกเก็บเงินหรือวางรหัส QR ในแต่ละโต๊ะเพื่อให้ลูกค้าสแกนและดูเมนู สั่งซื้อ หรือชําระเงินค่าอาหารจากโทรศัพท์ได้โดยตรง วิธีนี้จะช่วยลดการทำงานของพนักงานเสิร์ฟ และช่วยให้กระบวนการสั่งซื้อและชำระเงินรวดเร็วยิ่งขึ้น

• อีคอมเมิร์ซ
  ธุรกิจออนไลน์สามารถใส่รหัส QR ไว้ในหน้าการชําระเงินของเว็บไซต์หรือในใบแจ้งหนี้ที่ส่งทางอีเมลได้ ลูกค้าสามารถสแกนรหัส QR เพื่อเริ่มการชําระเงินได้โดยไม่ต้องป้อนรายละเอียดการชําระเงินด้วยตนเอง นี่ไม่เพียงทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการลดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูล

• การชําระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์
  บุคคลทั่วไปสามารถสร้างรหัส QR ผ่านธนาคารหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ผู้อื่นสามารถสแกนเพื่อส่งเงินให้ได้ วิธีนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การแบ่งใบเรียกเก็บเงินในหมู่เพื่อนๆ หรือการจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการในประเทศ

• บริการสมัครสมาชิก
  บริษัทต่างๆ ที่เสนอบริการสมัครสมาชิกสามารถใช้รหัส QR เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินแบบตามรอบ ตัวอย่างเช่น ฟิตเนสอาจใส่รหัส QR ไว้ในใบแจ้งหนี้รายเดือนของสมาชิก สมาชิกเพียงแค่สแกนรหัสเพื่อประมวลผลการชําระเงิน แทนที่จะต้องดําเนินการด้วยตัวเองทุกครั้ง

• บริษัทจําหน่ายบัตรเข้าร่วมกิจกรรม
  สําหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น คอนเสิร์ตและเกมกีฬา ผู้จัดสามารถฝังรหัส QR ลงในตั๋วได้ ข้อมูลนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานการซื้อและเป็นวิธีเข้าร่วมงานได้ เมื่อลูกค้าซื้อตั๋วออนไลน์ ธุรกิจสามารถส่งรหัส QR ให้แก่ลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือข้อความ ซึ่งผู้ถือตั๋วสามารถแสดงรหัสดังกล่าวบนโทรศัพท์ของตนได้ที่สถานที่จัดงาน

• แรงกระตุ้นการบริจาค
  องค์กรไม่แสวงผลกําไรใช้รหัส QR เพื่ออํานวยความสะดวกในการบริจาค องค์กรไม่แสวงหากำไรสามารถทำให้ผู้บริจาคบริจาคได้ง่ายขึ้น โดยการวางรหัส QR บนเว็บไซต์ เพจโซเชียลมีเดีย หรือสถานที่ตั้งจริงของตน โดยให้ผู้บริจาคสแกนรหัสและชำระเงินด้วยวิธีการชำระเงินที่ตนต้องการ

ในสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ความสะดวก ความเร็ว และความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยรหัส QR สามารถปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมของลูกค้าและประสิทธิภาพการทำงานได้ และด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟนและกระเป๋าเงินดิจิทัล ลูกค้าและธุรกิจจำนวนเพิ่มมากขึ้นจึงเข้าถึงการชำระเงินด้วยรหัส QR ได้

วิธีที่ธุรกิจสามารถสร้างและใช้รหัส QR

ธุรกิจสามารถใช้รหัส QR ได้หลากหลายวิธีเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ลดความซับซ้อนของธุรกรรม และลดความตึงเครียดในการดำเนินงานภายใน ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน:

• การชําระเงินแบบไร้สัมผัส
  ธุรกิจสามารถใช้รหัส QR เพื่อเปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัส ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการเสนอวิธีการชําระเงินที่รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟสามารถแสดงรหัส QR ที่เคาน์เตอร์ ซึ่งลูกค้าสามารถสแกนด้วยโมบายแบงกิ้งหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล จากนั้นป้อนจำนวนเงินที่ต้องการชำระ และยืนยันธุรกรรม ในทํานองเดียวกัน เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ อาจใส่รหัส QR ไว้ที่หน้าการชําระเงิน เพื่อให้ลูกค้าสแกนและชําระเงินให้เสร็จสิ้นโดยไม่จําเป็นต้องป้อนรายละเอียดของบัตรเครดิต

• ข้อมูลผลิตภัณฑ์
  รหัส QR สามารถแสดงลิงก์โดยตรงไปยังรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากกว่าสิ่งที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์โดยทั่วไป เช่น ร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์อาจใช้รหัส QR บนแท็กราคาในร้าน ลูกค้าสามารถสแกนรหัสเพื่อเข้าถึงคําแนะนําในการประกอบ อ่านการตรวจสอบ ดูผลิตภัณฑ์ในห้องเสมือน 3D หรือตรวจสอบความพร้อมให้บริการของสีและรูปแบบต่างๆ

• โปรโมชันและส่วนลด
  ธุรกิจต่างๆ ใช้รหัส QR เพื่อเสนอโปรโมชันหรือส่วนลดพิเศษได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าสามารถวางรหัส QR ไว้ที่หน้าต่างร้าน ซึ่งจะทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาสามารถสแกนรหัสและเข้าถึงข้อเสนอจำกัดเวลาหรือรหัสส่วนลดพิเศษได้ ช่วยเป็นแรงจูงใจที่ดีให้ซื้อสินค้าทันที

• แบบสํารวจและความคิดเห็นของลูกค้า
  รหัส QR จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ขั้นตอนการรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้า ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารสามารถพิมพ์รหัส QR ลงบนใบเสร็จ ซึ่งลูกค้าสามารถสแกนเพื่อเข้าถึงแบบฟอร์มอย่างรวดเร็วบนสมาร์ทโฟนของตน และให้ข้อเสนอแนะทันทีเกี่ยวกับประสบการณ์การรับประทานอาหารของตน ร้านอาหารสามารถใช้คําติชมนี้เพื่อระบุด้านที่ต้องการปรับปรุง

• เมนูดิจิทัล
  ร้านอาหารสามารถใช้รหัส QR สําหรับเมนูดิจิทัลได้ แทนที่จะใช้เมนูกระดาษแบบเดิม ร้านอาหารสามารถวางรหัส QR ในแต่ละโต๊ะซึ่งลูกค้าสามารถสแกนเพื่อดูเมนูในสมาร์ทโฟนได้ รหัส QR จะช่วยให้ร้านอาหารอัปเดตเมนูได้แบบเรียลไทม์รวมถึงรายชื่อส่วนผสมโดยละเอียดและแม้แต่การตรวจสอบอาหารแต่ละรายการของลูกค้า

• ลงทะเบียนงานกิจกรรม
  ธุรกิจที่จัดกิจกรรมสามารถทําให้กระบวนการลงทะเบียนหรือการออกตั๋วง่ายขึ้นด้วยรหัส QR ตัวอย่างเช่น หอศิลป์ที่จัดนิทรรศการพิเศษอาจใช้รหัส QR บนโปสเตอร์ที่โฆษณากิจกรรมดังกล่าว ผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถสแกนรหัสเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมหรือรับบัตรดิจิทัลทางโทรศัพท์ได้โดยตรง

• การมีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดีย
  ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้รหัส QR เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ร้านค้าบูติกในท้องถิ่นสามารถใส่รหัส QR ลงในถุงหรือใบเสร็จที่เชื่อมโยงไปยังโปรไฟล์ Instagram ของตน ซึ่งลูกค้าสามารถสแกนเพื่อติดตามร้านค้าบน Instagram และคอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้ามาใหม่ การลดราคา และกิจกรรมต่างๆ

• ติดตามสินค้าคงคลัง
  ธุรกิจต่างๆ ใช้รหัส QR เป็นการภายในเพื่อจัดการสินค้าคงคลังได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตสามารถใช้รหัส QR บนผลิตภัณฑ์หรือชิ้นส่วนแต่ละรายการได้ พนักงานสามารถสแกนรหัสในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตหรือกระบวนการจัดส่ง ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามแบบเรียลไทม์และอัปเดตสินค้าคงคลังได้

ตัวอย่างเหล่านี้แต่ละตัวอย่างแสดงให้เห็นว่ารหัส QR สามารถทำประโยชน์ได้หลายประการในด้านต่างๆ ของธุรกิจ ตั้งแต่การปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้าและประสิทธิภาพธุรกรรม ไปจนถึงการปรับปรุงกระบวนการภายในให้มีประสิทธิภาพ ความคล่องตัวและความสะดวกในการใช้งานทําให้เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพสําหรับธุรกิจบนโลกดิจิทัลในปัจจุบัน

วิธีสร้างรหัส QR สําหรับการชําระเงิน

การสร้างรหัส QR สําหรับการชําระเงินเป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมา แต่ขั้นตอนที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มการชําระเงินหรือบริการที่คุณใช้ ต่อไปนี้คือขั้นตอนพื้นฐานสําหรับการสร้างรหัส QR สําหรับการชําระเงิน

• เลือกผู้ให้บริการชําระเงิน: เลือกผู้ให้บริการชําระเงิน (PSP) ที่รองรับการชําระเงินด้วยรหัส QR ตัวเลือกนี้อาจขึ้นอยู่กับภูมิภาคและความต้องการทางธุรกิจโดยรวมของคุณ ผู้ให้บริการชําระเงินของคุณอาจเป็นสถาบันธนาคาร บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay หรือแพลตฟอร์มการชําระเงินเฉพาะทาง เช่น Stripe

• สร้างบัญชีผู้ค้า คุณจําเป็นต้องมีบัญชีผู้ค้ากับผู้ให้บริการที่เลือก บัญชีนี้จะเชื่อมโยงกับรหัส QR และจะได้รับการชําระเงิน หากมีบัญชีอยู่แล้ว คุณก็สามารถใช้บัญชีดังกล่าวได้ หากไม่มีคุณจะต้องสร้างเอง ผู้ให้บริการบางราย รวมถึง Stripe ไม่กำหนดให้ธุรกิจต้องเปิดบัญชีผู้ค้าเนื่องจากผู้ให้บริการเหล่านี้มีฟังก์ชันดังกล่าวให้บริการ

• เข้าถึงฟีเจอร์การสร้างรหัส QR: เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการและมองหาฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสร้างรหัส QR ได้ โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถค้นหาข้อมูลนี้ได้ในส่วนการชําระเงินหรือเครื่องมือของแพลตฟอร์ม

• ป้อนรายละเอียดการชําระเงิน: แพลตฟอร์มจะแจ้งให้คุณป้อนรายละเอียดการชําระเงิน อาจประกอบด้วย ID ผู้ค้า ซึ่งเป็นบัญชีเฉพาะที่จะชำระเงิน และอาจรวมถึงจำนวนเงินธุรกรรมที่กำหนดไว้หากรหัส QR มีไว้สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะ

• สร้างรหัส QR: เมื่อคุณป้อนรายละเอียดที่จําเป็นแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม "สร้าง" แพลตฟอร์มจะสร้างรหัส QR ที่ไม่ซ้ํากันที่เชื่อมโยงกับข้อมูลการชําระเงินที่คุณป้อน

• ทดสอบรหัส QR: ก่อนปรับใช้รหัส QR ให้ทดสอบด้วยการสแกนรหัสและยืนยันว่าระบบจะทริกเกอร์กระบวนการชําระเงินที่ถูกต้อง และระบบนําทางการชําระเงินไปยังบัญชีที่ถูกต้อง

• นํารหัส QR ไปใช้: เมื่อทดสอบแล้ว รหัส QR จะสามารถแสดงที่จุดขาย บนเว็บไซต์ของคุณ บนใบเสร็จหรือใบแจ้งหนี้ หรือใช้ในลักษณะอื่นใดก็ตามที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การชำระเงินของคุณ

คุณควรคํานึงถึงความปลอดภัยเมื่อใช้รหัส QR สําหรับการชําระเงิน ใช้แพลตฟอร์มการชําระเงินที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยเสมอ รวมทั้งตรวจสอบให้มั่นใจว่าระบบจะแสดงหรือแจกจ่ายรหัส QR ด้วยวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงในการปลอมแปลงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต

หากต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ธุรกิจใช้รหัส QR กับ Payment Links โปรดอ่านที่นี่