การละทิ้งรถเข็นเป็นข้อกังวลที่สําคัญสําหรับธุรกิจที่รับการชําระเงินออนไลน์ การศึกษาล่าสุดระบุว่า 70% ของรถเข็นช็อปปิ้งออนไลน์ถูกละทิ้งก่อนสรุปการซื้อ แต่การละทิ้งรถเข็นไม่ใช่แค่เรื่องสูญเสียยอดขายเท่านั้น แต่เป็นสัญญาณของปัญหาที่ลึกกว่าซึ่งอาจทําให้เกิดปัญหาในขั้นตอนการซื้อได้

ธุรกิจที่ขายสินค้าให้กับลูกค้าทางออนไลน์จำเป็นต้องเข้าใจถึงสาเหตุและผลสืบเนื่องของการละทิ้งรถเข็น ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงประสบการณ์ของลูกค้า ความน่าเชื่อถือ กลยุทธ์การกําหนดราคา และปัจจัยสําคัญอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถของบริษัท เมื่อคุณเข้าใจถึงความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการละทิ้งรถเข็นแล้ว การคิดค้นโซลูชันที่สามารถผลักดันอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและนำลูกค้าที่เป็นไปได้กลับมาที่หน้าชำระเงินก็จะง่ายขึ้น

บทความนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการละทิ้งรถเข็น ตัวบ่งชี้ และโซลูชันเชิงปฏิบัติ ธุรกิจสามารถเปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็นโอกาส โดยปรับแต่งแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกและมุมมองเชิงกลยุทธ์

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• การละทิ้งรถเข็นคืออะไร
  
• ทําไมการละทิ้งรถเข็นจึงเกิดขึ้น
  
• การละทิ้งรถเข็นสามารถบ่งบอกถึงธุรกิจได้อย่างไร
  
• ทําไมการละทิ้งรถเข็นจึงเป็นข้อกังวลที่สําคัญสําหรับธุรกิจ
  
• วิธีลดการละทิ้งรถเข็น
  
• Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง
  

การละทิ้งรถเข็นคืออะไร

การละทิ้งรถเข็นหมายถึงสถานการณ์ที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเริ่มต้นธุรกรรมออนไลน์ เช่น การเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นชอปปิงออนไลน์ หรือการเริ่มสมัครใช้บริการ แต่ออกจากเว็บไซต์โดยไม่ทําธุรกรรมจนเสร็จสมบูรณ์

ทําไมการละทิ้งรถเข็นจึงเกิดขึ้น

การละทิ้งรถเข็นอาจทําให้เสียรายได้และพลาดโอกาส การทำความเข้าใจสาเหตุอย่างเจาะลึกสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถดำเนินการได้สำหรับธุรกิจ เหตุผลที่ทําให้การละทิ้งรถเข็นเกิดขึ้นมีดังนี้

• ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
  เมื่อผู้ซื้อพบค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เพิ่มเข้ามาทีหลังในขั้นตอนการชําระเงิน อาจทําให้ผู้ซื้อไม่สามารถสรุปการซื้อของตนได้ ซึ่งอาจเป็นค่าธรรมเนียมการจัดส่ง ภาษี หรือการจัดการที่ธุรกิจไม่ได้สื่อสารอย่างโปร่งใส

• กระบวนการชําระเงินที่ซับซ้อน
  การชำระเงินที่ยืดเยื้อหรือน่าสับสนอาจทำให้เกิดความไม่พอใจได้ ลูกค้าชอบความเรียบง่ายโดยเฉพาะเมื่อทําธุรกรรมออนไลน์ หากมีขั้นตอนมากเกินไปหรือกระบวนการไม่สะดวก ผู้ซื้ออาจละทิ้งรถเข็นของตนเอง

• บังคับการสร้างบัญชี
  การบังคับลูกค้าให้สร้างบัญชีก่อนซื้ออาจเป็นอุปสรรคในการชำระเงินได้ แม้ว่าการรวบรวมข้อมูลลูกค้าจะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ แต่ผู้ซื้อบางรายอาจไม่มีความอดทนหรืออาจระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัวมากเกินกว่าที่จำเป็น

• ตัวเลือกการชําระเงินแบบจํากัด
  ลูกค้าสมัยใหม่คาดหวังถึงวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) การโอนเงินผ่านธนาคาร และตัวเลือกบัตรเครดิตต่างๆ หากธุรกิจนําเสนอเพียงไม่กี่แบบ ธุรกิจอาจไม่รองรับความต้องการทั้งหมดของลูกค้า

• ข้อกังวลด้านความปลอดภัย
  การรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์เป็นข้อกังวลยอดนิยมสําหรับลูกค้า และลูกค้ามักจะออกจากประสบการณ์การชอปปิงหากมีสิ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หากเว็บไซต์ไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของวิธีการชำระเงินที่ปลอดภัย ลูกค้าอาจลังเลที่จะให้รายละเอียดการชำระเงินของตน

• ปัญหาด้านประสิทธิภาพของเว็บไซต์
  เวลาในการโหลดที่ช้า การขัดข้อง หรือข้อผิดพลาดอื่นๆ ในระหว่างขั้นตอนการชำระเงินอาจทำให้ลูกค้าละทิ้งรถเข็นของตนด้วยความหงุดหงิด

• นโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน
  หากลูกค้าไม่แน่ใจว่าจะคืนสินค้าหรือขอเงินคืนได้อย่างไร พวกเขาอาจลังเลที่จะสรุปการซื้อสินค้า นโยบายการคืนสินค้าที่น่าพึงพอใจอาจหมายถึงความมั่นใจได้

• สินค้าหมด
  บางครั้งลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าแล้วพบภายหลังว่าสินค้าดังกล่าวไม่มีจำหน่าย การดําเนินการนี้อาจทําให้เกิดการละทิ้งรถเข็นทันที

ธุรกิจควรรับมือกับปัจจัยเหล่านี้อย่างมีกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า มอบความโปร่งใส และเส้นทางการชอปปิงที่ปลอดภัยและง่ายดายในขั้นตอนการชําระเงิน

การละทิ้งรถเข็นสามารถบ่งบอกถึงธุรกิจได้อย่างไร

การละทิ้งรถเข็นไม่ได้หมายความถึงยอดขายที่หายไปเท่านั้น แต่ยังอาจบ่งบอกถึงแง่มุมทางธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องได้จัดการอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้อาจประกอบด้วย

• ความไม่เพียงพอของประสบการณ์ลูกค้า
  อัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าที่สูงอาจบ่งบอกถึงความยุ่งยากในขั้นตอนการชำระเงิน บางทีขั้นตอนอาจยุ่งยากเกินไป เว็บไซต์โหลดช้า หรือการบังคับให้สร้างบัญชีอาจทำให้ผู้ซื้อที่สนใจไม่ต้องการซื้อ

• ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของค่าบริการ
  หากลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถสรุปการสั่งซื้อได้ อาจเป็นการดีที่จะวิเคราะห์ว่าราคาสามารถแข่งขันได้หรือไม่ ค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่ ค่าจัดส่งที่สูง หรือการรับรู้ว่าไม่มีมูลค่าอาจทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อสินค้า

• ปัญหาคอขวดในกระบวนการชําระเงิน
  ตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายและมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการชําระเงิน หรือช่องป้อนข้อมูลการชําระเงินที่น่าเบื่อหน่ายสามารถยับยั้งการชำระเงินได้ ธุรกิจจําเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความน่าเชื่อถือและความสะดวกในขั้นตอนสําคัญนี้

• ข้อกังวลด้านความน่าเชื่อถือ
  การไม่มีสัญญาณความน่าเชื่อถือ เช่น บทวิจารณ์ที่ตรวจสอบได้ ตราความปลอดภัย หรือ นโยบายการคืนสินค้าที่ชัดเจน อาจทำให้เกิดความสงสัยได้ การสร้างความเชื่อมั่นคือกุญแจสําคัญในระหว่างประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ซื้อมีโอกาสไม่พอใจ

• ไม่มีองค์ประกอบที่โน้มน้าว
  องค์ประกอบต่างๆ เช่น ตัวบ่งชี้ความขาดแคลน ข้อเสนอคุณค่าที่ชัดเจน หรือข้อเสนอที่มีระยะเวลาจำกัด สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจได้ หากไม่มีองค์ประกอบของการโน้มน้าวใจเหล่านี้ ลูกค้า โดยเฉพาะผู้เยี่ยมชมใหม่ อาจลังเลที่จะซื้อ

• ปัญหาด้านประสิทธิภาพของเว็บไซต์
  ความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด ข้อความแสดงข้อผิดพลาด หรือความเข้ากันไม่ได้ของอุปกรณ์พกพา ถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับลูกค้าทันที ซึ่งอาจทําให้เกิดการละทิ้งรถเข็นและอาจทำให้ลูกค้าไม่อยากกลับมาอีก

• ข้อความทางการตลาดที่ไม่ตรงกัน
  หากเนื้อหาส่งเสริมการขายสัญญาอะไรบางอย่างที่เว็บไซต์ไม่ได้ให้ ลูกค้าอาจรู้สึกถูกหลอกลวงและละทิ้งรถเข็นสินค้าของตน ความสอดคล้องกันในการสื่อสารเป็นกุญแจสําคัญในการรักษาความไว้วางใจตลอดกระบวนการซื้อ

• ข้อบกพร่องในการนําเสนอผลิตภัณฑ์
  รายละเอียดผลิตภัณฑ์ไม่เพียงพอ รูปภาพที่มีคุณภาพต่ํา หรือการไม่มีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาจทําให้ลูกค้าลังเลใจ องค์ประกอบเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการจำลองประสบการณ์ในร้านค้าทางออนไลน์

• ปัญหาสินค้าคงคลัง
  การแจ้งเตือนว่าสินค้าหมดหลังจากที่ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นอาจทำให้ลูกค้าเกิดความหงุดหงิดได้ สิ่งนี้จะเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีอัลกอริทึมการคาดการณ์สินค้าคงคลังที่ดีขึ้นหรือการติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์

การละทิ้งรถเข็นเป็นเครื่องมือการวินิจฉัยที่แสดงตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าจะทําการปรับปรุงเชิงกลยุทธ์ที่จุดไหน ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ ปรารถนาที่จะปรับปรุงการดำเนินงาน การทำความเข้าใจความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ทําไมการละทิ้งรถเข็นจึงเป็นข้อกังวลที่สําคัญสําหรับธุรกิจ

การละทิ้งรถเข็นมีผลกระทบสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ การตลาด และการเงิน:

• การสูญเสียรายรับโดยตรง
  รถเข็นที่ถูกละทิ้งแต่ละรายการแสดงถึงรายได้ที่สูญเสียไป สำหรับธุรกิจที่ดำเนินการในอัตรากำไรน้อย การลดอัตราการละทิ้งแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถแปลงเป็นรายได้ที่สำคัญได้

• ต้นทุนการตลาดที่สูงเกินจริง
  พิจารณาทรัพยากรที่ใช้ไปเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่เว็บไซต์ กล่าวคือ งบประมาณโฆษณา ความพยายามในการทำ SEO การตลาดเนื้อหา และอื่นๆ เมื่อรถเข็นถูกละทิ้ง ผลตอบแทนจากการลงทุนเหล่านี้จะลดลง ทำให้การหาลูกค้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

• พลาดโอกาสในการทำธุรกิจซ้ำ
  การทำการซื้อให้เสร็จสมบูรณ์มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้า รถเข็นที่ถูกละทิ้งอาจทำให้พลาดการซื้อในอนาคตและมูลค่าตลอดอายุลูกค้าที่เป็นไปได้

• ความท้าทายด้านการจัดการสินค้าคงคลัง
  รถเข็นที่ถูกละทิ้งอาจทำให้การพยากรณ์สินค้าคงคลังเบี่ยงเบนไป ธุรกิจอาจคาดการณ์ความต้องการตามสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และอาจจัดสรรสต็อกสินค้าตามนั้น การละทิ้งอาจนำไปสู่การประเมินค่าเกินจริง ส่งผลให้มีต้นทุนการถือครองที่ไม่จำเป็นหรืออาจถึงขั้นล้าสมัยได้

• ช่องว่างด้านข้อเสนอแนะ
  การซื้อที่เสร็จสมบูรณ์มักจะนำไปสู่การรีวิวหรือข้อเสนอแนะจากลูกค้า รถเข็นที่ถูกละทิ้งทำให้เกิดช่องว่างในการทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและด้านสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการ

• ข้อเสียในการแข่งขัน
  ในตลาดทั่วโลกที่สามารถแข่งขันได้ ลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย ปัญหาการละทิ้งรถเข็นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจสร้างข้อได้เปรียบให้กับคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาได้ปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นหรือแก้ไขปัจจัยที่ทำให้เกิดการละทิ้งรถเข็นเรียบร้อยแล้ว

• การรับรู้แบรนด์ที่ได้รับผลกระทบ
  การละทิ้งเป็นประจําอาจบ่งชี้ว่าเกิดปัญหากับลูกค้าในปริมาณมาก เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการรับรู้ว่าแบรนด์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความพึงพอใจของลูกค้า

การจัดการเกี่ยวกับการละทิ้งรถเข็นไม่ใช่แค่หักล้างยอดขายที่สูญเสียไป แต่ยังเกี่ยวกับการปรับแต่งประสบการณ์การชอปปิงที่กว้างขึ้นด้วย ธุรกิจสามารถใช้ความคิดเห็นของลูกค้าแม้แต่ความคิดเห็นในเชิงลบ เช่น การละทิ้งรถเข็น เพื่อปรับปรุงการดําเนินงานและสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

วิธีลดการละทิ้งรถเข็น

การลดการละทิ้งรถเข็นเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องที่ต้องมีการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการดำเนินการอย่างรอบคอบและสม่ำเสมอ ด้านล่างนี้เป็นกลยุทธ์ที่แนะนำซึ่งจัดการกับเหตุผลที่พบบ่อยที่สุดที่ผู้ซื้อละทิ้งรถเข็นสินค้าโดยตรง:

จัดการค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

• ความโปร่งใสคือกุญแจสําคัญ: แสดงค่าธรรมเนียมทั้งหมดอย่างชัดเจน รวมถึงการเรียกเก็บเงินค่าจัดส่งและภาษี ตั้งแต่ช่วงต้นขั้นตอนการชําระเงิน

• ข้อเสนอการจัดส่งฟรี: พิจารณาให้บริการจัดส่งฟรีเพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดซึ่งนับเป็นการลดจํานวนลูกค้า

• ค่าบริการรวมทั้งหมด: รวมค่าใช้จ่ายไว้ด้วยกันและเสนอราคาเดียวแบบรวมทุกอย่าง

ทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น

• ลดขั้นตอนลง: ลดจํานวนขั้นตอนในการซื้อให้เหลือน้อยที่สุด

• ตัวชี้วัดความคืบหน้า: ใช้แถบแสดงความคืบหน้าเพื่อแสดงว่าลูกค้ามาได้ไกลแค่ไหน และสิ่งที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการชําระเงิน

• กรอกข้อมูลอัตโนมัติและแก้ไขง่าย: ใช้ตัวเลือกการป้อนข้อมูลแบบอัตโนมัติและช่วยให้ลูกค้าทําการแก้ไขอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเริ่มกระบวนการใหม่

• เสนอการชําระเงินในคลิกเดียว: การชําระเงินในคลิกเดียวออกแบบมาเพื่อลดการละทิ้งรถเข็น มันง่ายเหมือนขั้นตอนการชําระเงิน

จัดการกับการสร้างบัญชีบังคับ

• ตัวเลือกการชําระเงินของผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบ: เสนอฟีเจอร์การชําระเงินสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบบัญชี เพื่อให้ลูกค้าทําการซื้อได้โดยไม่ต้องสร้างบัญชี

• การสร้างบัญชีด่วน: หากจําเป็นต้องสร้างบัญชี ทำให้กระบวนการง่ายขึ้น

• การสร้างบัญชีหลังการซื้อ: อนุญาตให้ลูกค้าสร้างบัญชีหลังจากการซื้อเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ขยายตัวเลือกการชําระเงิน

• วิธีการชําระเงินที่หลากหลาย: รวมตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง และบัตรเครดิตหลากหลายประเภท

• สกุลเงินท้องถิ่น: มอบตัวเลือกการแลกเปลี่ยนสกุลเงินสําหรับลูกค้าต่างประเทศ

• แพ็กเกจการชําระเงิน: ติดตั้งใช้งานตัวเลือกการชําระเงินแบบผ่อนชําระสําหรับสินค้าที่มีค่าใช้จ่ายสูง

ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย

• สัญญาณความน่าเชื่อถือที่มองเห็นได้: แสดงการรับรองและป้ายความปลอดภัยของบุคคลที่สาม

• การเข้ารหัสข้อมูล: ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสระดับสูงเพื่อการโอนข้อมูลที่ปลอดภัย

• การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย: นําเสนอตัวเลือกการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามา

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์

• เร่งเวลาในการโหลด: เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพและสคริปต์เพื่อปรับปรุงเวลาในการโหลด

• การทดสอบเป็นประจํา: ทําการตรวจสอบประสิทธิภาพเป็นประจําเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจทําให้เกิดปัญหาขัดข้อง

ชี้แจงนโยบายการคืนสินค้า

• ข้อมูลที่เข้าถึงได้: ทําให้นโยบายการคืนสินค้าของคุณเข้าถึงได้ง่ายจากหน้ารถเข็น

• ส่วนคําถามที่พบบ่อย: รวมส่วนคําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคืนสินค้าและการคืนเงินเพื่อตอบข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่พบบ่อยไว้ล่วงหน้า

จัดการสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ

• การอัปเดตสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์: แสดงระดับสต็อกแบบเรียลไทม์ในหน้าผลิตภัณฑ์

• การแจ้งเตือนทางอีเมล: ให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อรับการแจ้งเตือนหากมีสินค้าในสต็อกอีกครั้ง

• คําแนะนําทางเลือก: แนะนําผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันเมื่อสินค้าที่ต้องการหมด

สําหรับธุรกิจส่วนใหญ่ การลดจํานวนการละทิ้งรถเข็นนั้นซับซ้อน แต่ทําได้

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

การลดการละทิ้งรถเข็นเป็นปัญหาสําคัญและเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากสําหรับธุรกิจที่ต้องการปรับแต่งกระบวนการขายออนไลน์ Stripe จัดการความท้าทายนี้ผ่านฟีเจอร์ที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อทําให้การชําระเงินของลูกค้าง่ายขึ้นและปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินให้ดียิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการชําระเงินในคลิกเดียวและการเพิ่มประสิทธิภาพบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ไปจนถึงการรองรับวิธีการชําระเงินในท้องถิ่น Stripe มุ่งเน้นไปที่การสร้างการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทํางานได้อย่างง่ายดายทั้งสําหรับธุรกิจและลูกค้า ต่อไปนี้คือภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับการทํางานของ Stripe

• การชําระเงินในคลิกเดียว
  เมื่อลูกค้าตัดสินใจที่จะซื้อสินค้า บ่อยครั้งลูกค้ามักรู้สึกท้อแท้เพราะต้องผ่านขั้นตอนการชำระเงินที่ยาวนานและหลายขั้นตอน การชําระเงินในคลิกเดียวของ Stripe อย่าง Link ช่วยลดปัญหานี้ หลังจากทําธุรกรรมครั้งแรก แล้ว Stripe จัดเก็บข้อมูลลูกค้าไว้อย่างปลอดภัย ทําให้ชําระเงินได้อย่างปลอดภัยในอนาคตได้ในคลิกเดียว วิธีนี้ช่วยลดภาระผูกพันที่จําเป็นจากลูกค้า ทําให้สามารถสรุปธุรกรรมได้

• การเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
  เนื่องจากปัจจุบันการชอปปิงออนไลน์ส่วนใหญ่ดำเนินการผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงมีความจำเป็น ความสามารถที่รองรับการใช้งานบนมือถือของ Stripe ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายในทุกที่ทุกเวลา อินเทอร์เฟซได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายบนสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ประสบการณ์บนมือถือที่ยุ่งยากจะนำไปสู่การละทิ้งรถเข็น

• วิธีการชําระเงินในท้องถิ่น
  Stripe รองรับมากกว่า 135 สกุลเงินและวิธีการชําระเงินในท้องถิ่น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการแก่ลูกค้าในวงกว้างได้ การเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่คุ้นเคยจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อสินค้าและกระตุ้นให้ผู้ซื้อทําธุรกรรมได้ ซึ่งช่วยลดโอกาสในการละทิ้งรถเข็น

• ระบบตรวจจับการฉ้อโกง
  ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะละทิ้งรถเข็นของตนหากพบคำเตือนด้านความปลอดภัยหรือปัญหาอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาสงสัยในความปลอดภัยของธุรกรรมดังกล่าว Stripe ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงในแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับการฉ้อโกง ทําให้ธุรกรรมมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและมีโอกาสถูกละทิ้งน้อยลง

• ขั้นตอนการชําระเงินแบบไดนามิก
  API ของ Stripe ช่วยให้ธุรกิจสร้างขั้นตอนการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะของฐานลูกค้า ตัวเลือกการปรับแต่ง ตั้งแต่การแบ่งการชําระเงินไปจนถึงการเสนอโมเดลการชําระเงินตามรอบบิล ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าพบว่ากระบวนการชำระเงินได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขาแล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่จะละทิ้งรถเข็นสินค้าน้อยลง

• การวิเคราะห์ประสิทธิภาพ
  การเข้าใจว่าทำไมลูกค้าจึงละทิ้งรถเข็นนับเป็นการต่อสู่ครึ่งทางแล้ว Stripe นําเสนอเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะช่วยให้ธุรกิจระบุจุดอ่อนในกระบวนการชําระเงินและทําการปรับเปลี่ยนที่จําเป็นได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างหน้าชำระเงินที่ปรับแต่งได้สูงซึ่งป้องกันการละทิ้งรถเข็น