The top eight reasons for cart abandonment—and what they can tell you about your business

Checkout
Checkout

Stripe Checkout เป็นแบบฟอร์มการชำระเงินสำเร็จรูปที่คุณสามารถปรับแต่งให้เหมาะสำหรับเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้คุณยังผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การละทิ้งรถเข็นคืออะไร
  3. สาเหตุหลัก 8 ข้อที่ทําให้มีการละทิ้งรถเข็น
    1. 1. ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในขั้นตอนการชําระเงิน
    2. 2. ขั้นตอนการชําระเงินที่ยุ่งยาก
    3. 3. ปัญหาด้านประสิทธิภาพของเว็บไซต์
    4. 4. ไม่มีองค์ประกอบที่แสดงความน่าเชื่อถือ
    5. 5. ตัวเลือกการชําระเงินที่จํากัด
    6. 6. บังคับการสร้างบัญชี
    7. 7. นโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน
    8. 8. ไม่มีสินค้าในสต็อก
  4. เพราะเหตุใดการทราบสาเหตุของการละทิ้งรถเข็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
    1. การหักยอดรายรับ
    2. การปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้
    3. รับข้อมูลเชิงลึกด้านการดำเนินงาน
  5. Stripe จะช่วยได้อย่างไร

ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าอาจออกจากขั้นตอนการชําระเงินก่อนที่จะทําการซื้อได้เนื่องจากหลายสาเหตุ การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด กระบวนการชำระเงินที่ซับซ้อน หรือข้อกังวลด้านความปลอดภัยจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของการดำเนินการทางออนไลน์ และช่วยให้สามารถสร้างกลยุทธ์เพื่อลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชำระเงินได้

บทความนี้จะอธิบายสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสําหรับการละทิ้งรถเข็นในอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจจะลดการละทิ้งรถเข็นและปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินออนไลน์ได้โดยการทําความเข้าใจความท้าทายเหล่านี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การละทิ้งรถเข็นคืออะไร
  • สาเหตุหลัก 8 ข้อที่ทําให้มีการละทิ้งรถเข็น
  • เพราะเหตุใดการทราบสาเหตุของการละทิ้งรถเข็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง

การละทิ้งรถเข็นคืออะไร

การละทิ้งรถเข็นคือเมื่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเริ่มซื้อสินค้าทางออนไลน์ เช่น การเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นช็อปปิ้งหรือเริ่มลงทะเบียนสมัครใช้บริการ แต่ออกจากเว็บไซต์กลางคันโดยไม่ได้ทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น เทียบเท่ากับสถานการณ์การขายปลีกแบบปกติที่ลูกค้าเดินไปเดินมาพร้อมกับสินค้าในตะกร้า แต่ก็ทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ชำระเงินและออกจากร้านไปโดยไม่ซื้ออะไรสักอย่าง

สาเหตุหลัก 8 ข้อที่ทําให้มีการละทิ้งรถเข็น

การป้องกันการละทิ้งรถเข็นเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่าทำไมจึงเกิดขึ้น การรับรู้ถึงความท้าทายที่ลูกค้าเผชิญระหว่างการซื้อของช่วยให้ธุรกิจสามารถนำโซลูชันเชิงรุกมาใช้และปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้

ต่อไปนี้คือภาพรวมของเหตุผลที่ลูกค้าละทิ้งรถเข็นของพวกเขาเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์

1. ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในขั้นตอนการชําระเงิน

  • สิ่งนี้คืออะไร: ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ลูกค้าค้นพบในขั้นตอนการชำระเงิน เช่น ค่าจัดส่ง ภาษี หรือค่าธรรมเนียมการจัดการ
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ธุรกิจอาจเลือกที่จะแสดงค่าใช้จ่ายเหล่านี้เฉพาะในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น เนื่องจากคิดว่าอาจทำให้ลูกค้ามีความสนใจในระดับที่สูงขึ้น
  • การป้องกัน: ความโปร่งใสและการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นกุญแจสําคัญ ตรวจสอบว่าได้แสดงค่าธรรมเนียมที่เป็นไปได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้น หรืออย่างน้อยก็ระบุเครื่องมือประมาณการณ์ไว้อย่างชัดแจ้งตั้งแต่เนิ่นๆ ในกระบวนการซื้อสินค้า

2. ขั้นตอนการชําระเงินที่ยุ่งยาก

  • สิ่งนี้คืออะไร: ขั้นตอนการชําระเงินที่มีหลายขั้น ทําให้เกิดความสับสน หรือใช้เวลานาน เป็นอุปสรรคไม่ให้ลูกค้าทําการซื้อจนเสร็จสมบูรณ์
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ในบางครั้งธุรกิจต่างๆ อาจให้ความสําคัญกับการรวบรวมข้อมูลมากกว่าประสบการณ์ของผู้ใช้ หรือไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพของหน้าการชําระเงิน
  • การป้องกัน: ทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น โดยเลือกใช้การชําระเงินในหน้าเดียว (หากทําได้) และกําหนดให้ลูกค้าระบุเฉพาะข้อมูลที่จําเป็นจริงๆ เท่านั้น

3. ปัญหาด้านประสิทธิภาพของเว็บไซต์

  • สิ่งนี้คืออะไร: หน้าเว็บที่โหลดช้า เกิดการขัดข้อง หรือข้อผิดพลาดที่ลูกค้าประสบระหว่างการจับจ่าย
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์ไม่เพียงพอ การขาดการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ หรือปริมาณการใช้งานสูงอาจทําให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้
  • การป้องกัน: ตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์เป็นประจําและลงทุนกับโซลูชันโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานเครือข่ายส่งมอบเนื้อหา รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพให้รูปภาพและสคริปต์เพื่อให้โหลดได้เร็วขึ้น

4. ไม่มีองค์ประกอบที่แสดงความน่าเชื่อถือ

  • สิ่งนี้คืออะไร: การไม่มีป้ายความปลอดภัย รีวิวของลูกค้า หรือเงื่อนไขการคืนสินค้าที่ชัดเจน จึงอาจทำให้ลูกค้าเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการซื้อสินค้า
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ธุรกิจใหม่หรือขนาดเล็กอาจมองข้ามองค์ประกอบเหล่านี้ไป โดยคิดว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์นั้นจะเป็นตัวพิสูจน์เอง
  • การป้องกัน: แสดงป้ายความปลอดภัยไว้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งรวมถึงคำรับรองจากลูกค้า นโยบายการคืนสินค้าที่โปร่งใส และวิธีการติดต่ออันหลากหลาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

5. ตัวเลือกการชําระเงินที่จํากัด

  • สิ่งนี้คืออะไร: มีวิธีการชำระเงิน ให้เลือกไม่มาก ซึ่งอาจไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าทั้งหมด
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ธุรกิจอาจเริ่มต้นด้วยวิธีการชำระเงินเพียงไม่กี่วิธีเนื่องจากความสะดวกหรือความคุ้นเคยโดยไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย หรือมอบวิธีการชำระเงินที่เป็นที่นิยมในแต่ละภูมิภาคสำหรับตลาดเฉพาะ
  • การป้องกัน: เสนอวิธีการชำระเงินหลากหลาย รวมถึงการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต การโอนเงินผ่านธนาคาร กระเป๋าเงินดิจิทัล และซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL)

6. บังคับการสร้างบัญชี

  • สิ่งนี้คืออะไร: การบังคับให้ผู้ใช้สร้างบัญชีก่อนทําการซื้อจนเสร็จสมบูรณ์
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: แม้ว่าธุรกิจจะอยากรวบรวมข้อมูลลูกค้าเพื่อการดําเนินการทางการตลาด แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นตอนอีกขั้นสำหรับลูกค้า
  • การป้องกัน: นําเสนอตัวเลือกการชําระเงินของผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบ แม้ว่าการกระตุ้นให้สร้างบัญชีจะมีประโยชน์ แต่การบังคับให้ทำอาจทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเปลี่ยนใจ

7. นโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน

  • สิ่งนี้คืออะไร: ข้อมูลเกี่ยวกับการคืนหรือการเปลี่ยนสินค้าที่ไม่ชัดเจนหรือเข้าถึงได้ยาก
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ธุรกิจบางแห่งฝังนโยบายการคืนสินค้าไว้ลึกจนหายากในเว็บไซต์ของตน หรือใช้ภาษาที่ซับซ้อน ทำให้ลูกค้าเข้าใจสิทธิ์ต่างๆ ได้ยาก
  • การป้องกัน: แสดงนโยบายการคืนสินค้าอย่างชัดเจนในหน้าผลิตภัณฑ์และในขั้นตอนการชําระเงิน ใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมาและควรไฮไลต์จุดสําคัญ เช่น ระยะเวลาส่งคืนสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

8. ไม่มีสินค้าในสต็อก

  • สิ่งนี้คืออะไร: ผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนว่าจะพร้อมจำหน่ายเมื่อลูกค้าเพิ่มสินค้าลงในรถเข็น แต่กลับไม่พร้อมจำหน่ายจริงๆ ที่ขั้นตอนการซื้อ
  • ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น: ปัญหาการจัดการสินค้าคงคลังและความล่าช้าในการอัปเดตเว็บไซต์อาจส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อนระหว่างสินค้าจริงในคลังกับสิ่งที่แสดงทางออนไลน์
  • การป้องกัน: เชื่อมต่อระบบการจัดการสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์แสดงระดับสินค้าในปัจจุบัน แจ้งให้ลูกค้าทราบทันทีหากสินค้าไม่มีจำหน่าย โดยควรทำก่อนจะถึงขั้นตอนการชำระเงิน

เพราะเหตุใดการทราบสาเหตุของการละทิ้งรถเข็นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

สำหรับธุรกิจที่ยอมรับการชำระเงินทางออนไลน์ รถเข็นที่ถูกละทิ้งแต่ละคันหมายถึงรายได้ที่สูญเสียไป แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายในประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย อัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักและเป็นตัวชี้วัดที่จับต้องได้ซึ่งติดตามประสิทธิผลของช่องทางการขายออนไลน์ของธุรกิจ

แนวโน้มการละทิ้งรถเข็นสามารถสะท้องถึงโอกาสทางธุรกิจในด้านหลักๆ ดังต่อไปนี้

การหักยอดรายรับ

รถเข็นที่ถูกละทิ้งแต่ละคันแสดงถึงรายได้ที่มีโอกาสได้รับแต่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง การได้คืนมาแม้เพียงเศษเสี้ยวของการสูญเสียเหล่านี้ก็อาจมีมูลค่ามหาศาลในระยะยาว

ธุรกรรมรายการเดียว เมื่อมองแยกเดี่ยวๆ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การรักษาลูกค้ารายนั้นไว้และกระตุ้นให้ซื้อซ้ำจะช่วยเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้บริการได้อย่างมาก นอกจากนี้ การละทิ้งรถเข็นอาจทําให้อัตราการรักษาลูกค้าสูงขึ้นและส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

การปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้

การละทิ้งรถเข็นแต่ละครั้งจะสะท้องถึงประสบการณ์ของผู้ใช้ บางทีกระบวนการชําระเงินอาจยุ่งยากหรือลูกค้าพบว่ามีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในช่วงสุดท้าย การเพิ่มประสิทธิภาพให้การชําระเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะทําให้เกิดประสบการณ์ที่ราบรื่นมากขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมยอดขายและการกลับมาซื้อซ้ำ

ความเชื่อใจมีบทบาทสําคัญในธุรกรรมออนไลน์ด้วย ลูกค้าที่ละทิ้งรถเข็นเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับนโยบายการรักษาความปลอดภัยการชําระเงินหรือนโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจนบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ไม่เพียงพอ การจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้โดยตรงสามารถสร้างชื่อเสียงให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ

รับข้อมูลเชิงลึกด้านการดำเนินงาน

การละทิ้งเนื่องจากสินค้าหมดสต็อกจะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดการสินค้าคงคลังและการคาดการณ์ความต้องการ โดยสามารถส่งสัญญาณว่าสินค้าใดมีความต้องการสูงและสมควรได้รับการจัดสต็อกใหม่หรือใช้กลยุทธ์จัดซื้อที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

นอกจากนี้อัตราการละทิ้งยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด หากโปรโมชันทำให้มีการเข้าชมสูงแต่มีการละทิ้งมากขึ้น ก็อาจเป็นเพราะการขาดความเชื่อมโยงระหว่างข้อความโฆษณาและประสบการณ์การจับจ่าย

ผลกระทบของการละทิ้งรถเข็นนั้นไม่ใช่แค่การสูญเสียยอดขาย การทำความเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังการละทิ้งตะกร้าสินค้าทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ ปรับปรุงเส้นทางของลูกค้า เพิ่มการรักษาลูกค้า และมูลค่าตลอดอายุการใช้งานได้ การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ การเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ผู้ใช้ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อเปลี่ยนเหตุการณ์เกือบพลาดเหล่านี้ให้กลายเป็นยอดขายที่ได้รับการยืนยัน

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

การละทิ้งรถเข็นเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจํานวนมากต้องเผชิญ เนื่องจากกระบวนการชําระเงินใช้เวลานานหรือซับซ้อนเกินไป Stripe นำเสนอวิธีต่างๆ มากมายเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงิน จึงดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าได้ดีขึ้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีการที่ Stripe จะช่วยลดการละทิ้งรถเข็น

  • การชําระเงินในคลิกเดียว
    ขั้นตอนการชําระเงินด้วย Stripe Checkout หรือการชําระเงินในคลิกเดียวของ Link นั้นใช้งานง่ายและรวดเร็ว เมื่อลูกค้าเลือกใช้การชําระเงินในคลิกเดียวและจัดเก็บข้อมูล ระบบจะป้อนรายละเอียดการชําระเงินและข้อมูลการจัดส่งของลูกค้าโดยอัตโนมัติสําหรับการซื้อในอนาคต ฟีเจอร์นี้ช่วยเร่งความเร็วกระบวนการชำระเงินและลดความน่าเบื่อในการป้อนรายละเอียดด้วยตนเอง จึงส่งเสริมให้ลูกค้าซื้อสินค้าจนเสร็จสมบูรณ์

  • ประสบการณ์การใช้งานที่เพิ่มประสิทธิภาพสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
    Stripe มอบประสบการณ์การชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งปรับให้เหมาะกับหน้าจอทุกขนาด อินเทอร์เฟซผู้ใช้นั้นสะอาด เรียบง่าย และออกแบบมาเพื่อลดการพิมพ์ สิ่งนี้อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้า เนื่องจากผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่มักให้ความสำคัญกับความสะดวกในการใช้งานเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์

  • ความสามารถในการปรับแต่ง
    Stripe ช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งขั้นตอนการชําระเงินได้ เมื่อใช้อินเทอร์เฟซสําหรับการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) และชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ธุรกิจจะสามารถปรับแต่งประสบการณ์ของผู้ใช้ให้เหมาะกับความต้องการและความชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ การปรับแต่งจะสามารถขยายรูปลักษณ์ของหน้าการชําระเงิน ประเภทของการชําระเงินที่ยอมรับ และตัวเลือกภาษาและสกุลเงิน ประสบการณ์ที่ตรงไปตรงมามากขึ้นมักจะนําไปสู่อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่สูงขึ้น

  • ความยืดหยุ่นในการชําระเงิน
    Stripe รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย ตั้งแต่บัตรเครดิตไปจนถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay ความหลากหลายนี้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันและเพิ่มโอกาสในการทําธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์

  • มาตรการรักษาความปลอดภัย
    ความปลอดภัยเป็นจุดเน้นของ Stripe โดยมีระบบตรวจจับการฉ้อโกงและจัดการความเสี่ยงในตัว ซึ่งออกแบบมาเพื่อปลูกฝังความมั่นใจให้กับลูกค้า ทําให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะทําการซื้อจนเสร็จสิ้นได้มากขึ้น

  • เวลาในการโหลดที่ลดลง
    ความเร็วของ Checkout คืออีกส่วนที่ Stripe ทำได้ยอดเยี่ยม แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาให้โหลดได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำให้ลูกค้ายังคงความสนใจจนถึงหน้ายืนยันการซื้อ

แนวทางอันหลากหลายของ Stripe จะช่วยจัดการกับองค์ประกอบต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการละทิ้งตะกร้าสินค้า การชำระเงินในคลิกเดียวเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญ และเมื่อใช้ควบคู่ไปกับการปรับแต่ง ความยืดหยุ่นในการชำระเงิน และประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Checkout ให้ไปที่นี่

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Checkout

Checkout

ผสานรวม Checkout เข้ากับเว็บไซต์โดยตรงหรือนำลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่จัดการโดย Stripe เพื่อให้รับการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือการชำระเงินตามรอบบิลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Checkout

สร้างแบบฟอร์มการชำระเงินที่เขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยและผสานรวมกับเว็บไซต์ของคุณหรือโฮสต์ไว้ในระบบของ Stripe