PayNow คือบริการชําระเงินดิจิทัล ที่สมาคมธนาคารในสิงคโปร์เปิดตัวในปี 2017 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชําระเงิน บริการนี้เปิดให้ลูกค้าโอนเงินได้ทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลขประจําตัวประชาชนของสิงคโปร์ (NRIC) / หมายเลขประจําตัวคนต่างชาติ (FIN) ทําให้ไม่จําเป็นต้องระบุรายละเอียดบัญชีธนาคารของผู้รับ เมื่อผู้ใช้ลิงก์หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN เข้ากับบัญชีธนาคารแล้ว คนอื่นๆ จะส่งเงินไปยังบัญชีของผู้ใช้ได้โดยตรงเพียงรหัสระบุดังกล่าว
PayNow คือวิธีที่ครบวงจรสําหรับการชําระเงินแบบดิจิทัลในสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อต่อทํางานกับระบบของธนาคารหลากหลายแห่ง ได้แก่ DBS/POSB, OCBC Bank, UOB, HSBC, Maybank, Standard Chartered และ Citibank เจ้าของบัญชีธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศจะเข้าถึง PayNow ได้ และเงินจะถูกส่งและรับผ่านเว็บไซต์ธนาคารออนไลน์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของธนาคาร
Monetary Authority of Singapore (MAS) รองรับบริการนี้ตามการขยายเป้าหมายเพื่อก้าวสู่สังคมแบบไร้เงินสด PayNow ดำเนินงานการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้โอนเงินได้ทันทีและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของธนาคารที่เข้าร่วมเพื่อปกป้องธุรกรรมให้ปลอดภัย
ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายข้อมูลที่ธุรกิจควรทราบเกี่ยวกับการทํางานร่วมกับ PayNow เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ด้านการชําระเงินในสิงคโปร์
หัวข้อในบทความนี้
- PayNow ทํางานอย่างไร
- วิธีที่ลูกค้าใช้ PayNow
- ประโยชน์ของการยอมรับ PayNow
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของ PayNow
- การยอมรับ PayNow เป็นวิธีการชําระเงิน
- ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก PayNow
PayNow ทํางานอย่างไร
PayNow คือบริการโอนเงินแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ในสิงคโปร์ส่งและรับเงินได้ทันที นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการประมวลผลการชําระเงินผ่าน PayNow
การลงทะเบียน: ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนกับธนาคารเพื่อใช้ PayNow โดยลิงก์หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN ของสิงคโปร์เข้ากับบัญชีธนาคารออนไลน์หรือแอปธนาคารบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เมื่อลงทะเบียนแล้ว หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN จะทําหน้าที่เป็นตัวระบุสําหรับบุคคลอื่นที่ส่งเงินไปยังบัญชี
การส่งเงิน: หากต้องการส่งเงิน ผู้ใช้จะต้องเข้าสู่ระบบแอปธนาคารบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จากนั้นเลือก PayNow เป็นวิธีการโอนเงิน ผู้ส่งสามารถป้อนหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN ของผู้รับได้ หรือสแกนรหัส QRที่เชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารของผู้รับ หลังจากที่ผู้ส่งป้อนจํานวนเงินและยืนยันธุรกรรมแล้ว ก็จะสามารถโอนเงินได้ทันที ผู้ส่งต้องยืนยันชื่อผู้รับก่อนจึงจะประมวลผลธุรกรรมได้ เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
การรับเงิน: ผู้รับจะได้รับเงินในบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงไว้ การโอนเงินจะดำเนินไปแบบอัตโนมัติและทันที โดยผู้รับไม่ต้องดำเนินการใดๆ ซึ่งปกติจะได้รับการแจ้งเตือนจากธนาคารที่ยืนยันธุรกรรมนั้น
การชําระเงินทางธุรกิจ: ธุรกิจต่างๆ ใช้ PayNow ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป โดยต้องลงทะเบียนโดยใช้เลขทะเบียนนิติบุคคล (UEN) ลูกค้าสามารถชําระเงินให้กับธุรกิจต่างๆ ได้โดยการป้อน UEN หรือสแกนคิวอาร์ดโค้ดของ PayNow ที่ธุรกิจเตรียมไว้ให้
วงเงินธุรกรรม: แม้ว่า PayNow จะพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชม. รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ธุรกรรม PayNow มีวงเงินที่จำกัดตามธนาคารของผู้ใช้ โดยอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร
วิธีที่ลูกค้าใช้ PayNow
PayNow มีการใช้ในสิงคโปร์เป็นหลัก และกลายมาเป็นวิธียอดนิยมสําหรับการทำธุรกรรมดิจิทัล ธุรกรรมในแต่ละเดือนของ PayNow มีมูลค่าเกิน 7.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ในปี 2021 การใช้งานที่ง่ายดาย ความรวดเร็ว และการเชื่อมต่อการทํางานกับธนาคารหลักทำให้ PayNow เป็นเครื่องมือที่รอบด้านสําหรับการทําธุรกรรมส่วนบุคคล ธุรกิจ และรัฐบาล สถานการณ์การใช้งานทั่วไปของ PayNow มีดังนี้
ธุรกรรมส่วนบุคคล: คนมักใช้ PayNow ในการโอนเงินแบบบุคคลถึงบุคคล เนื่องจากสะดวกในการแยกชำระบิล การโอนเงินเป็นของขวัญ หรือการส่งเงินให้เพื่อนและครอบครัว ขั้นตอนการโอนเงินก็ง่ายดาย แค่ใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN เพื่อส่งเงิน
การทำธุรกรรมกับธุรกิจ: ธุรกิจต่างๆ ยังใช้ PayNow อย่างกว้างขวาง ธุรกิจแบบมีหน้าร้านสามารถรับการชําระเงินจากลูกค้าได้โดยใช้รหัส QR ของ PayNow วิธีนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ค้าปลีก และผู้ให้บริการที่ต้องการรับชําระเงินอย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องจัดการเงินสดหรือประมวลผลการชําระเงินผ่านบัตร ธุรกิจและผู้ให้บริการออนไลน์มักจะเสนอ PayNow เป็นทางเลือกในการชําระเงิน ลูกค้าสามารถชําระเงินจากการซื้อออนไลน์ด้วยการสแกนรหัส QR, ป้อน UEN ของธุรกิจ หรือระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ธุรกิจนั้นเชื่อมโยงไว้ได้
การชําระเงินให้กับรัฐบาล:มีการใช้ PayNow กับธุรกรรมที่เกี่ยวกับบริการของรัฐบาลสิงคโปร์ด้วย เงินคืนจากรัฐบาล เงินสนับสนุน หรือการคืนเงินบางรายการจะเบิกจ่ายผ่าน PayNow ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการชําระเงินจากรัฐบาลได้
เงินบริจาคเพื่อการกุศล: องค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรการกุศลในสิงคโปร์ใช้ PayNow เพื่อรับเงินบริจาค ผู้บริจาคสามารถโอนเงินโดยใช้ UEN หรือรหัส QR ขององค์กรได้
การชําระเงินให้กับผู้ทำงานอิสระและผู้รับเหมา: ผู้ทำงานอิสระและผู้รับเหมาะมักจะรับชําระเงินผ่าน PayNow ซึ่งเป็นตัวเลือกการโอนเงินที่รวดเร็วและไม่ต้องออกใบแจ้งหนี้ผ่านวิธีการชําระเงินแบบเดิมๆ
การชําระเงินด้านการศึกษา: สถาบันการศึกษาบางแห่งในสิงคโปร์นำเสนอ PayNow สําหรับให้นักเรียนชำระค่าใช้จ่ายในโรงเรียนหรือบริจาคเงิน
ประโยชน์ของการรับชําระเงินด้วย PayNow
ธุรกิจที่รับชําระเงินผ่าน PayNow จะได้รับประโยชน์เหล่านี้ในการดําเนินงานและแนวทางจัดการทางการเงิน
ธุรกรรมที่ง่ายดาย: PayNow ปรับขั้นตอนการชําระเงินให้ง่ายขึ้นด้วยรหัส QR และ UEN ความง่ายนี้ช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าด้วย
การชําระเงินแบบทันที: เมื่อใช้ PayNow ธุรกิจจะได้รับการชําระเงินทันที ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสดและความสามารถในการวางแผนทางการเงิน
ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: ค่าธรรมเนียมธุรกรรมสําหรับ PayNow มักจะต่ำกว่าค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต แต่จะแตกต่างกันตามธนาคารและประเภทของบัญชีธุรกิจ ธนาคารบางแห่งให้บริการ PayNow โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือคิดค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยต่อธุรกรรม นอกจากนี้ PayNow ยังช่วยลดการจัดการเงินสดหรือการประมวลผลเช็ค ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมเหล่านี้ได้
ความเสี่ยงต่ำ: ธุรกรรม PayNow ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของระบบธนาคารออนไลน์และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการชําระเงินด้วยเงินสดหรือเช็คซึ่งมีอัตราการโจรกรรม ความสูญเสีย และการฉ้อโกงมากกว่า
การกระทบยอดการชําระเงินที่เรียบง่าย: สําหรับธุรกิจแล้ว การกระทบยอดการชําระเงินอาจใช้เวลานานและเกิดข้อผิดพลาดได้ PayNow ทําให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นโดยการบันทึกธุรกรรมแต่ละรายการทันทีเพื่อให้ติดตามธุรกรรมผ่านระบบธนาคารได้อย่างง่ายดาย
ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น: เนื่องจาก PayNow พร้อมให้บริการแก่ทุกคนที่มีบัญชีธนาคารในสิงคโปร์ จึงช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อธุรกิจขนาดเล็กที่พยายามขยายการเข้าถึงตลาด
การทำงานระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B): PayNow ช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมแบบ B2B ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ด้วยการช่วยให้ธุรกิจจ่ายเงินให้แก่ซัพพลายเออร์หรือผู้ให้บริการได้ทันที เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการซัพพลายเชน และช่วยให้ข้อกำหนดในการทำงานร่วมกันเป็นที่พึงพอใจมากขึ้น
การเชื่อมต่อการทํางานด้านการทําบัญชีดิจิทัล: ธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมต่อธุรกรรม PayNow เข้ากับระบบการทําบัญชีดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการทางการเงินได้
การชําระเงินอัตโนมัติ: เมื่อใช้ PayNow ธุรกิจจะใช้ระบบอัตโนมัติกับการดําเนินงานด้านการเงินต่างๆ เช่น การชําระเงินตามรอบได้
มาตรการรักษาความปลอดภัยของ PayNow
PayNow ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยหลายอย่างเพื่อรักษาความปลอดภัยของธุรกรรมสําหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลอธิบายมาตรการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการฉ้อโกง
มาตรรักษาความปลอดภัยของธนาคาร: PayNow ใช้เฟรมเวิร์กความปลอดภัยของธนาคารที่เข้าร่วมโดยการประมวลผลธุรกรรมทั้งหมดผ่านพอร์ทัลธนาคารออนไลน์ มาตรการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้มีการการเข้ารหัสและใช้ช่องทางที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลระหว่างการส่ง PayNow ใช้มาตรการเหล่านี้ในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียนบัญชี และขณะเดียวกันก็ช่วยอํานวยความสะดวกให้กับธุรกรรมด้วย เมื่อผู้ใช้ลิงก์หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN กับบัญชีธนาคารของตัวเองเพื่อใช้ PayNow แพลตฟอร์มของธนาคารจะรักษาความปลอดภัยในกระบวนการนี้
การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA): 2FA คือแนวทางปฏิบัติมาตรฐานในการดำเนินงานด้านธนาคาร เมื่อทําธุรกรรมโดยใช้ PayNow คุณมักจะต้องตรวจสอบสิทธิ์ธุรกรรมโดยใช้ 2FA ซึ่งอาจต้องใช้รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) ที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณ หรือสร้างขึ้นผ่านโทเค็นฮาร์ดแวร์ หรือการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก เช่น ลายนิ้วมือหรือการจดจําใบหน้า
การยืนยันการชําระเงิน: ก่อนธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ PayNow จะแสดงชื่อที่ลงทะเบียนไว้กับหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC/FIN ของผู้รับ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ส่งยืนยันว่าตนส่งเงินให้บุคคลที่ถูกต้อง
การติดตามตรวจสอบธุรกรรม: ธนาคารตรวจสอบธุรกรรม PayNow อย่างต่อเนื่องเพื่อหากิจกรรมที่ผิดปกติหรือน่าสงสัย
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: ธนาคารที่เข้าร่วม PayNow ต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดซึ่งหน่วยงานด้านการเงินกําหนด เช่น MAS โดยข้อกําหนดเหล่านี้จะรวมการประเมินและอัปเดตความปลอดภัยเป็นประจํา เพื่อให้ระบบปลอดภัยจากภัยคุกคามที่เกิดใหม่
วงเงินธุรกรรม: ธนาคารจะกําหนดวงเงินให้กับยอดธุรกรรม PayNow แต่ละรายการ วงเงินเหล่านี้จะช่วยป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ตัวอย่างเช่น OCBC Bank มีวงเงินธุรกรรม PayNow รายวันที่ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ผู้ใช้ UOB Bank สามารถโอนเงินผ่าน PayNowโดยมีวงเงินรวมต่อวันสูงสุดที่ 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วน DBS Bank มีวงเงินธุรกรรมของ PayNowรวมรายวันที่ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงกว่านี้จะต้องใช้โทเค็นธนาคารดิจิทัลเพื่อรับการตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติม
การสื่อสารกับลูกค้า: ธนาคารมักจะจัดทําสื่อให้ความรู้และแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับวิธีรักษาความปลอดภัยบัญชีและเฝ้าระวังการหลอกลวง
การยอมรับ PayNow เป็นวิธีการชําระเงิน
ธุรกิจในสิงคโปร์ที่สนใจรับชําระเงินผ่าน PayNow จะต้องดําเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้และตรงตามข้อกําหนดดังนี้
การจดทะเบียนในสิงคโปร์: หากต้องการรับชําระเงินด้วย PayNow ธุรกิจจะต้องจดทะเบียนในสิงคโปร์ด้วย UEN ที่ถูกต้อง ข้อมูลนี้มีผลกับธุรกิจในสิงคโปร์และธุรกิจต่างประเทศที่ดําเนินงานในสิงคโปร์ โดยธุรกิจต่างประเทศที่ดำเนินงานในสิงคโปร์ต้องใช้ UEN ที่ถูกต้องเพื่อลงทะเบียนและรับชําระเงินผ่าน PayNow
บัญชีธนาคารที่ถูกต้อง: ธุรกิจจะต้องเปิดบัญชีธนาคารของธุรกิจกับธนาคารในระบบของ PayNow ธุรกิจต่างชาติจะต้องมีบัญชีธุรกิจในสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์จึงจะใช้ PayNow ได้
การลงทะเบียน: ธุรกิจต่างๆ จะต้องลงทะเบียน PayNow Corporate กับธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ ที่เข้าร่วม ปกติแล้วขั้นตอนนี้จะดําเนินการผ่านพอร์ทัลธนาคารของธุรกิจออนไลน์หรือแอปธนาคารสําหรับธุรกิจบนมือถือ
รหัสระบุการชําระเงิน: ในระหว่างการลงทะเบียน ธุรกิจจะต้องเชื่อมโยง UEN ของตนกับบัญชีธนาคาร ระบบจะใช้ UEN นี้เป็นรหัสระบุเพื่อให้ลูกค้าทําการชําระเงิน นอกจากนี้ ธุรกิจยังเลือกสร้างรหัส QR ของ PayNow ที่แสดงในระบบบันทึกการขาย หรือจะรวมไว้ในใบแจ้งหนี้ก็ได้ ลูกค้าสามารถชําระเงินได้ด้วยการสแกนรหัส QR นี้ด้วยแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของธนาคาร
ข้อกําหนดและเงื่อนไข: ธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขที่ธนาคารกําหนดไว้สําหรับการใช้ PayNow Corporate และอาจรวมถึงวงเงินหรือค่าธรรมเนียมธุรกรรมด้วย
มาตรการความปลอดภัย: ธุรกิจที่รับชําระเงินผ่าน PayNow จะต้องปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ในสิงคโปร์
ธุรกิจที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในสิงคโปร์อาจเลือกรับชําระเงิน PayNow ผ่านบริการต่างๆ เช่น Stripe การใช้บริการชําระเงินใดๆ จะต้องเป็นไปตามข้อกําหนดการให้บริการและนโยบายภายในทั้งหมด สำหรับ Stripe แล้วจะรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) และระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้รายละเอียดธุรกิจ โครงสร้างการเป็นเจ้าของ และข้อมูลบัญชีธนาคาร บริการแต่ละอย่างจะมีการตั้งค่าเป็นของตนเอง ซึ่งขั้นตอนการตั้งค่า PayNow ผ่าน Stripe มีดังนี้
การลงทะเบียนบัญชี: ธุรกิจจะต้องลงทะเบียนใช้งานบัญชี Stripe และยืนยันว่า Stripe รองรับประเทศของตน
การเชื่อมต่อระบบกับ Stripe: ธุรกิจจะต้องเชื่อมต่อการทํางานระบบการประมวลผลการชําระเงิน ของ Stripe เข้ากับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Stripe มีอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) และเครื่องมืออื่นๆ สําหรับการเชื่อมต่อการทํางานนี้
การตั้งค่าวิธีการชําระเงิน: ธุรกิจสามารถกําหนดค่าวิธีการชําระเงินที่ยอมรับภายในแดชบอร์ด Stripe การรวม PayNow ในระบบจะทําให้ลูกค้าในสิงคโปร์เลือก PayNow ได้ในขั้นตอนการชําระเงิน ซึ่งจะแสดงเป็นรหัส QR ที่สร้างขึ้นจาก Stripe ที่สามารถสแกนด้วยแอปธนาคารได้ หรือลูกค้าจะใช้ UEN ที่ระบุเพื่อชําระเงินก็ได้
การประมวลผลธุรกรรม: เมื่อลูกค้าชําระเงินผ่านอินเทอร์เฟซ PayNow ของธนาคารเสร็จแล้ว Stripe จะประมวลผลธุรกรรมแล้วโอนเงินจํานวนดังกล่าวไปยังบัญชี Stripe ของธุรกิจ จากนั้น Stripe จะชําระยอดเงินเข้าสู่บัญชีธนาคารที่กําหนดไว้ของธุรกิจ ซึ่งไม่จําเป็นต้องเป็นธนาคารสิงคโปร์ก็ได้ ธุรกิจที่ใช้ Stripe เพื่อรับชําระเงินผ่าน PayNow ในสิงคโปร์จะเสียค่าธรรมเนียมการประมวลผลที่ 1.3% ของมูลค่าธุรกรรม
การแปลงสกุลเงิน: Stripe แปลงการชําระเงินเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของคุณได้ ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน ธุรกิจต่างๆ ต้องพิจารณาสกุลเงินที่ใช้ในการรับการชําระเงินและค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนอย่างละเอียด
ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก PayNow
ธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในสิงคโปร์มีตัวเลือกสําหรับ PayNow ให้เลือกหลายรูปแบบ โดยแต่ละตัวเลือกจะมีฟีเจอร์และกรณีการใช้งานหลักที่แตกต่างกัน ทางเลือกอื่นๆ ได้แก่
Network for Electronic Transfers (NETS): NETS เป็นวิธีการชําระเงินที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในสิงคโปร์ที่ช่วยให้โอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที NETS ได้รับความนิยมสูงสุดสําหรับธุรกรรมระบบบันทึกการขาย (POS) ที่ใช้บัตร NETS ในขณะที่ PayNow ใช้สําหรับการโอนเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และออนไลน์โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC
Fast and Secure Transfers (FAST): FAST ให้บริการโอนเงินระหว่างธนาคารทันทีในสิงคโปร์ แม้ว่า PayNow จะใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือหมายเลข NRIC ในการโอนเงินได้ แต่ FAST กำหนดให้ผู้ใช้ระบุรายละเอียดธนาคาร
SGQR: SGQR คือระบบการชําระเงินที่สร้างคิวอาร์ดโค้ดสำหรับการชำระเงินที่รวมเป็นระบบเดียว ลูกค้าสามารถชําระเงินด้วยวิธีต่างๆ รวมถึง PayNow โดยใช้โค้ดนี้
การชําระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต: การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและเดบิตเป็นวิธีการชําระเงินอิเล็กทรอนิกส์อีกวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสิงคโปร์ การชําระเงินด้วยบัตรมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าสําหรับธุรกิจ และต้องใช้รายละเอียดบัตรจริงหรือบัตรดิจิทัล แทนที่จะใช้รหัสระบุพร็อกซี (เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ) แบบที่ใช้ใน PayNow
กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น GrabPay, Singtel Dash): กระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น GrabPay และ Singtel Dash คืออีกหนึ่งตัวเลือกในการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ กระเป๋าเงินดิจิทัลเหล่านี้เป็นระบบปิดซึ่งต่างจาก PayNow ที่เชื่อมต่อการทํางานกับธนาคารหลายแห่งและไม่ต้องใช้แอป ส่วนกระเป๋าเงินดิจิทัลเหล่านี้เป็นระบบปิดและกําหนดให้ทั้งผู้รับและผู้ส่งเงินต้องใช้แอปเพื่อทําธุรกรรม
การโอนเงินผ่านธนาคาร: การโอนเงินผ่านธนาคารเป็นอีกวิธีหนึ่งในการย้ายเงินโดยตรงระหว่างบัญชีธนาคารเหมือนกับ PayNow การโอนเงินเหล่านี้อาจช้ากว่ากระบวนการเบิกจ่ายทันทีของ PayNow และต้องใช้รายละเอียดบัญชีธนาคารของผู้รับเพื่อให้กระบวนการเสร็จสมบูรณ์
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ