การชําระเงินในญี่ปุ่น: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานการณ์ในตลาด
  3. วิธีการชําระเงิน
    1. การใช้งานในปัจจุบัน
    2. แนวโน้มใหม่
  4. ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
    1. ภาษี
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน
    3. การชําระเงินระหว่างประเทศ
    4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  5. ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสําเร็จ
  6. ประเด็นสำคัญ
    1. สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและประเพณี
    2. เสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย
    3. สร้างความเชื่อมั่นในหมู่ลูกค้าท้องถิ่น

การขยายธุรกิจเข้าสู่ญี่ปุ่นหมายถึงการเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตลาดการค้าแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) มีมูลค่ากว่า 420 ล้านล้านเยน และตลาดแบบธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) มีมูลค่ากว่า 22.7 ล้านล้านเยนในปี 2022 อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในญี่ปุ่นจําเป็นต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับความนิยมด้านการชําระเงินท้องถิ่น ค่านิยมทางวัฒนธรรม รวมถึงระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์และการคุ้มครองข้อมูล

เราสามารถช่วยให้ธุรกิจที่สนใจในตลาดของญี่ปุ่นพิจารณาเกี่ยวกับปัจจัยสําคัญต่างๆ ด้านล่างนี้

  • สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและประเพณี
  • เสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในท้องถิ่น

สถานการณ์ในตลาด

แม้ว่าญี่ปุ่นจะใช้วิธีการชําระเงินระหว่างประเทศหลายวิธี เช่น Apple Pay และ Google Pay แต่วิธีการชําระเงินในท้องถิ่นยังเป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าและธุรกิจในญี่ปุ่น แม้จะมีการผสมผสานวิธีการทางธนาคารแบบเดิมๆ เข้ากับโซลูชันการชําระเงินดิจิทัล และลูกค้าในญี่ปุ่นยังใช้เงินสดกันเป็นจำนวนมาก แต่การใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัล ก็เพิ่มขึ้นด้วย การผสมผสานนี้ในญี่ปุ่นทําให้เกิดโอกาสและความท้าทายเฉพาะตัวสําหรับธุรกิจที่กําลังคิดจะขยายไปสู่ภูมิภาคนี้

บริบททางกฎหมายของญี่ปุ่นก็เป็นลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมการชําระเงินอีกอย่างหนึ่ง โดยมีหลายองค์กรที่ดูแลภาคธุรกิจการเงินของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น Financial Services Agency (FSA) ที่ดูแลบริการทางการเงิน ตั้งแต่ภาคการธนาคาร หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนภาคธุรกิจประกันภัย และกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ที่กำกับดูแลการชําระเงินด้วยบัตร

วิธีการชําระเงิน

ระบบการชําระเงินในญี่ปุ่นมีวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงเครือข่ายบัตรเครดิตที่มีมาอย่างยาวนานและแพลตฟอร์มรหัส QR ที่ล้ำหน้า เรามาดูวิธีการชําระเงินยอดนิยม 5 วิธีในญี่ปุ่นกัน

การใช้งานในปัจจุบัน

เงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่ใช้กันอย่างเป็นกิจวัตรในสังคมญี่ปุ่น โดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นรายงานว่ามีเพียง 36% ของการชําระเงินเท่านั้นที่เป็นแบบไร้เงินสดในปี 2022 วิธีการชําระเงินต่างๆ เช่น Konbini มอบบริการที่ครบวงจรสําหรับผู้ที่ซื้อสินค้าทางออนไลน์แต่ชอบจ่ายเป็นเงินสด โดยให้ลูกค้าชําระเงินจากการซื้ออีคอมเมิร์ซด้วยเงินสดที่ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งเสริมการชําระเงินแบบไร้เงินสดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจํานวนมากขึ้น ถึงแม้ประชากรผู้สูงอายุยังคงใช้เงินสดเป็นหลัก แต่ไม่ใช่แค่คนยุคมิลเลนเนียลเท่านั้นที่เลือกใช้วิธีการชําระเงินแบบไร้เงินสด จากแบบสํารวจปี 2022 ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น 39% ใน 50 คน ใช้การชําระเงินแบบไร้เงินสดทุกครั้งที่ทําได้ ในขณะที่ 13% ใช้เงินสดเพียงอย่างเดียว

แม้มักจะมีการใช้เงินสดทําธุรกรรมในแต่ละวัน แต่การใช้บัตรเครดิตก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจต่างๆ อย่างการช็อปปิ้งออนไลน์ การเดินทาง และร้านอาหาร ธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นเกือบ 13% ตั้งแต่ปี2022 ถึง 2023 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการด้านการชำระเงินของผู้บริโภค การชําระเงินแบบไร้สัมผัสก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในแอปการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ของท้องถิ่น อย่าง LINE Pay และ Rakuten Pay โดยในช่วงปี 2024 ถึง 2025 คาดว่าทั้งสองวิธีนี้จะมีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้น 8% ถึง 6% ตามลำดับ

วิธีการชําระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น

วิธีการชําระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น

  • การโอนเงินผ่านธนาคาร (เช่น Furikomi)
  • การหักบัญชีอัตโนมัติ
  • บัตรเครดิต

แนวโน้มใหม่

แพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง PayPay กำลังนําการชําระเงินด้วยรหัส QR เข้าสู่กระแสหลักในญี่ปุ่น โดยจะช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการได้ด้วยการโอนเงินที่รวดเร็ว จํานวนผู้ใช้บริการชําระเงินด้วยรหัส QR ที่ใช้งานอยู่เพิ่มขึ้นเกือบ 15 ล้านคนจากปี 2022 ถึง 2023 โดยมีจำนวนรวมทั้งหมดประมาณ 75.6 ล้านคน การชําระเงินด้วยรหัส QR มีอัตราการใช้งานสูงกว่าวิธีการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเติมเงินล่วงหน้า เช่น บัตรสําหรับเดินทาง เป็นครั้งแรกในปี 2022

ในปี 2017 ญี่ปุ่นยอมรับบิตคอยน์เป็นรูปแบบการชำระเงินที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ทำเช่นนี้ ทำให้มีการใช้คริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายในปี 2022 มีบัญชีสินทรัพย์คริปโตที่ใช้งานอยู่ประมาณ 3.7 ล้านบัญชีในญี่ปุ่น ถึงแม้จะยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในฐานะรูปแบบการชําระเงินก็ตาม FSA กำหนดให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีต้องได้รับการจดทะเบียนและรักษามาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด รวมถึงยังกำหนดเกณฑ์สูงสุดสำหรับเลเวเรจในการทำผลกำไรคริปโตเคอร์เรนซีด้วย

ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด

การเข้าสู่ตลาดในญี่ปุ่นต้องใช้กลยุทธ์ในการจัดการทุกอย่างตั้งแต่การเก็บภาษี ไปจนถึงการรับการชําระเงินระหว่างประเทศ เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยด้านการชําระเงิน ต่อไปนี้คือปัจจัยสําคัญที่ควรพิจารณา

ภาษี

ธุรกิจในญี่ปุ่นจะต้องเสียภาษีการบริโภคซึ่งคล้ายกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในหลายๆ ประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2019 เป็นต้นไป อัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% สําหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ โดยมีข้อยกเว้นบางประการ เช่น อาหาร ที่คิดภาษี 8% แม้ผู้บริโภคจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายภาษีประเภทนี้ทันที แต่ธุรกิจต่างๆ ต้องเรียกเก็บและนําส่งภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งระบบใบแจ้งหนี้ของญี่ปุ่น จะช่วยให้ธุรกิจที่จ่ายภาษีการบริโภคได้รับเครดิตภาษีการซื้อที่เหมาะสม และ Stripe Invoicing จะช่วยให้กระบวนการออกใบแจ้งหนี้นี้ง่ายขึ้น ธุรกิจอาจถูกปรับได้หากไม่เรียกเก็บและรายงานจํานวนภาษีดังกล่าวอย่างถูกต้อง

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน

กระบวนการการดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงินของญี่ปุ่นนั้นมีผลมาจากข้อพิจารณาทางวัฒนธรรมและมาตรการทางกฎหมายที่เฉพาะเจาะจง กฎหมายสัญญาผู้บริโภคเป็นตัวกำหนดมาตรการป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและไม่ได้รับอนุญาต หากผู้บริโภคพบการเรียกเก็บเงินที่ไม่ได้รับอนุญาตในบัญชีของตัวเอง ผู้บริโภคสามารถโต้แย้งการชําระเงินได้ และธุรกิจจะต้องส่งหลักฐานที่แสดงว่าธุรกรรมนั้นถูกต้องโดยทันที

ญี่ปุ่นมีโมเดลที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางซึ่งคล้ายกับหลายประเทศในยุโรป ธุรกิจที่ดําเนินงานในญี่ปุ่นควรเตรียมพร้อมสําหรับกลไกนี้ และตระหนักถึงความสําคัญของการยืนยันธุรกรรม การทําบันทึกข้อมูลที่ละเอียดรอบคอบ และการรับมือกับการโต้แย้งการชําระเงินที่รวดเร็ว แม้ว่าบริษัทบัตรเครดิตจะมีหน้าที่จัดการการดึงเงินคืน แต่ญี่ปุ่นยังมีหน่วยงานอิสระชื่อว่า Japan Consumer Credit Association ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึง Consumer Affairs Agency ด้วย โดยทั่วไปแล้ว บริษัทผู้ออกบัตรในญี่ปุ่นจะออกการดึงเงินคืนช้ากว่าเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ออกบัตรในประเทศอื่นๆ ทำให้จัดการได้ละเอียดกว่าแม้มักจะมีการดึงเงินคืนน้อย

การชําระเงินระหว่างประเทศ

ความสามารถในการรับชําระเงินข้ามพรมแดนมีความสําคัญมากขึ้นทั้งสําหรับการขายแบบ B2B และ B2C ในญี่ปุ่น เนื่องจากมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แข็งแรงและเชื่อมโยงกับตลาดระหว่างประเทศอย่างมาก ต่อไปนี้คือปัจจัยสําคัญที่ควรพิจารณาสําหรับการชําระเงินระหว่างประเทศ

  • มาตรฐานระดับโลก
    ในด้านธุรกรรมระหว่างประเทศ ญี่ปุ่นปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น กรอบ Basel III สําหรับการกํากับดูแลการธนาคาร และปฏิบัติตามคําแนะนําจากหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น Financial Action Task Force (FATF) เพื่อต่อต้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

  • การแปลงสกุลเงิน
    การแปลงสกุลเงินในญี่ปุ่นเกิดขึ้นในหลายสถานการณ์ ตั้งแต่ธุรกรรม B2B ขนาดใหญ่ ไปจนถึงการซื้อแบบรายบุคคลจากนักท่องเที่ยว ธนาคารและสถาบันการเงินในญี่ปุ่นใช้ Tokyo Interbank Offered Rate (TIBOR) เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงธุรกรรมระหว่างธนาคาร บริการแปลงสกุลเงินอื่นๆ จะใช้ TIBOR เป็นมาตรฐาน แต่อัตราการแลกเปลี่ยนที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคมักจะเป็นราคารวมส่วนเพิ่มจากผู้ให้บริการแล้ว โดยธนาคารและสถาบันการเงินต่อไปนี้คือผู้ให้บริการแปลงสกุลเงินรายใหญ่ในญี่ปุ่น Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG), Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC) และ Nomura

  • แพลตฟอร์มจากตลาดเกิดใหม่
    สําหรับธุรกิจที่จําหน่ายสินค้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหรือลูกค้าอีคอมเมิร์ซ ในประเทศอื่นๆ การรับวิธีการชําระเงินยอดนิยมจากตลาดภายนอก เช่น WeChat Pay ก็จะช่วยลดอุปสรรคในขั้นตอนการชําระเงินได้

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

การชําระเงินในญี่ปุ่นมีระเบียบข้อบังคับและระเบียบการทางกฎหมายจำนวนมาก แม้มาตรการเหล่านี้อาจเพิ่มอุปสรรคให้แก่ธุรกิจของคุณ แต่การมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดด้านการชําระเงินจะเป็นตัวเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อบริษัทของคุณได้ ต่อไปนี้คือระเบียบข้อบังคับและแนวทางอุตสาหกรรมที่ควรพิจารณา

ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสําเร็จ

การผสมผสานระหว่างประเพณี นวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภค และการควบคุมดูแลทางกฎหมายคือตัวหนดทิศทางของระบบการชําระเงินในญี่ปุ่น ซึ่งแม้จะมีความทันสมัยในหลายๆ แง่มุม แต่การเปิดรับเทคโนโลยีที่ช้านั้นก่อให้เกิดความท้าทายในหลายๆ ภาคส่วน การสร้างธุรกิจที่ประสบความสําเร็จในญี่ปุ่นได้นั้นต้องใช้การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก่อน โดยมีหลายวิธีการ ดังนี้

  • มอบตัวเลือกการชําระเงินที่เน้นเงินสด
    แม้ทั่วโลกมีแนวโน้มการใช้ธุรกรรมแบบไร้เงินสด แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงใช้เงินสดอยู่ ธุรกรรมที่ใช้เงินสดยังคงมีอัตราส่วนประมาณ 64% ของการชำระเงินทั้งหมดในปี 2022 การรับเงินสดสําหรับการซื้อที่จุดขายและการชําระเงินผ่าน Konbini สําหรับธุรกรรมออนไลน์จะช่วยให้ธุรกิจปิดการขายกับลูกค้าที่ไม่ชอบใช้วิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลได้

  • สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
    วัฒนธรรมของญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อความเชื่อมั่นและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก การแสดงคำแปลภาษาญี่ปุ่นคุณภาพสูงบนเว็บไซต์ การจัดการกับการโต้แย้งการชําระเงินอย่างรวดเร็ว และการเสนอบริการลูกค้าที่เยี่ยมยอดจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงของธุรกิจ และช่วยให้คุณได้รับความภักดีจากลูกค้าในระยะยาว

  • ปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เข้มงวด
    ธุรกิจที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเฉพาะของญี่ปุ่น เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางการค้าเฉพาะกลุ่ม ถือเป็นธุรกิจที่มุ่งมั่นต่อการดำเนินงานที่ถูกกฎหมาย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วย

  • ใช้แนวทางปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
    การละเมิดการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดจำนวนมากส่งผลกระทบต่อระบบการชําระเงินของญี่ปุ่น และสํานักงานตํารวจแห่งชาติรายงานว่าอาชญากรไซเบอร์มีอัตราสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ในปี 2022 โดยเฉพาะการโจมตีผ่านแรนซัมแวร์ ดังนั้น การใช้ระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่เป็นปัจจุบันอย่างต่อเนื่องสามารถลดการฉ้อโกงและความเสี่ยงจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้

ประเด็นสำคัญ

การรองรับวิธีการชําระเงินแบบเดิมที่เน้นระเบียบการรักษาความปลอดภัยด้านการชําระเงินและข้อมูล รวมถึงการปรับระบบการชําระเงินแต่ละด้านให้เข้ากับลูกค้าท้องถิ่นถือเป็นแง่มุมที่สําคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อต้องการขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่น วิธีกําหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในญี่ปุ่นสรุปได้ดังนี้

สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและประเพณี

  • รองรับฐานลูกค้าที่ใช้เงินสด
    แม้ทั่วโลกจะเปลี่ยนมาใช้การชําระเงินแบบดิจิทัล แต่ผู้บริโภคในญี่ปุ่นหลายรายก็ยังต้องการใช้เงินสดอยู่ และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้ คุณควรรวมตัวเลือก Konbini สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
    เมื่อปริมาณการซื้อผ่านสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นในญี่ปุ่น คุณควรปรับประสบการณ์การชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ให้เหมาะกับการขายบนอีคอมเมิร์ซ และรวมการชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เป็นตัวเลือกในขั้นตอนการชําระเงิน

  • ใช้รหัส QR
    ใช้รหัส QR เพื่อการชําระเงินที่รวดเร็วและไร้สัมผัสผ่านแพลตฟอร์มการชําระเงินยอดนิยมอย่าง PayPay

เสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย

  • ให้ความสําคัญกับการคุ้มครองข้อมูลเป็นอันดับแรก
    ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในญี่ปุ่น เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ใช้เกตเวย์การชําระเงิน และปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)

  • ใช้มาตรการป้องกันแรนซัมแวร์
    สํารองข้อมูลในไฟล์ที่สําคัญอยู่เป็นประจํา เชื่อมต่องานเกตเวย์ความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต และเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยในระดับบริษัท

  • ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงด้านการชําระเงินให้มากที่สุด
    ใช้เครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกง ใช้การยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure กับธุรกรรมออนไลน์ และจัดทําช่องทางการรายงานที่ชัดเจนสําหรับกิจกรรมที่น่าสงสัย

สร้างความเชื่อมั่นในหมู่ลูกค้าท้องถิ่น

  • เชื่อมต่อกับวิธีการชําระเงินในประเทศ
    เป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มการชําระเงินรายใหญ่ในประเทศอย่าง PayPay และ LINE Pay เพื่อช่วยให้การทําธุรกรรมสะดวกสําหรับลูกค้าในประเทศมากขึ้น

  • สร้างอินเทอร์เฟซออนไลน์แปลเป็นภาษาท้องถิ่น
    สร้างความเชื่อมั่นและมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ง่ายดายให้กับลูกค้าในญี่ปุ่นโดยใช้อินเทอร์เฟซการชําระเงินเป็นภาษาญี่ปุ่น

  • มุ่งเน้นที่การสนับสนุนลูกค้า
    ญี่ปุ่นให้ความสําคัญต่อการบริการเป็นพิเศษ ทำให้จำเป็นต้องมอบบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมมากกว่าปกติ คุณจึงควรเสนอความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในกระบวนการชําระเงิน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินงานในเขตอํานาจศาลของคุณเพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับสถานการณ์เฉพาะ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe