Complying with the Revised Installment Sales Act

A guide for Stripe users in Japan

Radar
Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ภูมิหลัง
  3. การจัดการข้อมูลบัตรเครดิตอย่างเหมาะสม
  4. ผลที่ตามมาสำหรับผู้ใช้ Stripe
  5. เมื่อคุณมีข้อกำหนดด้านธุรกิจในการจัดการข้อมูลดิบ
  6. ใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง
  7. ผลที่ตามมาสำหรับผู้ใช้ Stripe
  8. บทสรุป
  9. ข้อมูลอ้างอิง

กฎหมายว่าด้วยการขายแบบผ่อนชำระเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคหลักของญี่ปุ่นที่บังคับใช้กับธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในญี่ปุ่นที่ยอมรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยในปี 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการขายแบบผ่อนชำระเพื่อให้ธุรกิจออนไลน์สามารถจัดการข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัย และเพื่อลดการฉ้อโกงทางออนไลน์

คู่มือนี้จะแนะนำข้อกำหนดหลักต่างๆ ของกฎระเบียบใหม่ และวิธีการที่ธุรกิจ Stripe ในญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ตลอด

ภูมิหลัง

รายงานเดือนมีนาคม 2018 (ภาษาญี่ปุ่น) ที่ได้รับคำสั่งจากสมาคมเครดิตผู้บริโภคแห่งประเทศญี่ปุ่น (JCA) ระบุว่าปี 2017 เป็นปีที่อุตสาหกรรมประสบความสูญเสียจากการทุจริตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีมูลค่าความเสียหายจากการฉ้อโกงออนไลน์มากกว่า 2.36 หมื่นล้านเยน (มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 65% จากปีก่อนหน้า

เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ คณะกรรมการด้านความปลอดภัยของธุรกรรมเครดิตของ JCA ได้ประกาศแผนการดำเนินงานประจำปี 2018 (ภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงนโยบายด้านความปลอดภัยและการป้องกันฉ้อโกงสำหรับธุรกิจที่ยอมรับการชำระเงินด้วยบัตรผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการขายแบบผ่อนชำระฉบับปรับปรุง (改正割賦販売法) มีผลบังคับใช้ ธุรกิจออนไลน์จึงมีหน้าที่ต้องจัดการข้อมูลบัตรเครดิตอย่างเหมาะสม และปรับใช้มาตรการการป้องกันการฉ้อโกง

การจัดการข้อมูลบัตรเครดิตอย่างเหมาะสม

PCI-DSS (มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน) เป็นมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลระดับโลกสำหรับธุรกิจที่รับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต แผนการดำเนินงานของ JCA ปี 2018 มีการระบุใช้มาตรฐานระดับโลกนี้ในแนวทางดำเนินการ ดังนั้น การปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI จึงถือเป็นวิธีหลักที่ธุรกิจสามารถรับรองว่าตนได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการขายแบบผ่อนชำระฉบับปรับปรุง

ธุรกรรมออนไลน์เป็นตัวก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อความปลอดภัยของข้อมูลเจ้าของบัตร ดังนั้นแผนการดำเนินงานของ JCA จึงเป็นตัวกระตุ้นให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงการจัดการข้อมูลบัตรแบบดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจไม่ควร ส่ง จัดเก็บ หรือ ดำเนินการข้อมูล เจ้าของบัตรบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่ายของตน

เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดนี้ ธุรกิจต่างๆ สามารถแปลงข้อมูลบัตรเป็นโทเค็นได้ ซึ่งการแปลงเป็นโทเค็นจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถ เก็บรายละเอียดของบัตรที่ละเอียดอ่อนจากลูกค้าได้อย่างปลอดภัย ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะไม่ไหลเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ของคุณ แต่จะส่งโทเค็นที่แสดงถึงข้อมูลนี้กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้นำไปใช้ได้ การใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ PCI อย่าง Stripe จะช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่ต้องดำเนินการชำระเงินกับเครือข่ายบัตรโดยตรงได้

ผลที่ตามมาสำหรับผู้ใช้ Stripe

ผู้ใช้ Stripe ควรใช้ Stripe Elements, Stripe Checkout หรือ SDK สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อรับชำระเงิน หากใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้และหากมีการรับรองแนวทางธุรกิจที่ดีเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ก็จะช่วยให้ธุรกิจไม่จำเป็นต้องจัดการข้อมูลบัตรแบบดิบเพื่อรับชำระเงินออนไลน์

เมื่อคุณมีข้อกำหนดด้านธุรกิจในการจัดการข้อมูลดิบ

ระเบียบข้อบังคับใหม่กำหนดให้ธุรกิจที่จัดการข้อมูลบัตรแบบดิบต้องผ่านการรับรองของ PCI-DSS ก่อน หากธุรกิจของคุณจำเป็นต้องจัดการข้อมูลบัตรแบบดิบ โปรดทราบด้วยว่ากระบวนการรับรองอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน โดยระบบจะมีการสนับสนุนผ่านขั้นตอนแนะนำในแดชบอร์ด Stripe และคุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในคู่มือการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI-DSS ของเรา

ข้อกำหนดของ JCA
แนวทางที่เป็นไปได้
ค่าใช้จ่าย

ไม่มีการส่ง เก็บ หรือประมวลผลข้อมูลบัตรหรือการรับรองมาตรฐาน PCI-DSS

Stripe Elements, Stripe Checkout หรือ SDK สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของการชำระเงินทั้งหมด ฟรี
ขอรับการรับรองมาตรฐาน PCI-DSS และรายงานสถานะการรับรองของคุณผ่านแดชบอร์ด Stripe (ดูคู่มือการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI ของเรา.) แตกต่างกันไปตามขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจ (ดูได้ที่เว็บไซต์ของสภามาตรฐานความปลอดภัย PCI))

ใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง

แผนการดำเนินการของ JCA แนะนำวิธีการป้องกันการฉ้อโกงสำหรับธุรกิจออนไลน์ดังต่อไปนี้:

1. การตรวจสอบสิทธิ์ส่วนบุคคล: เจ้าของบัตรจะตรวจสอบสิทธิ์ธุรกรรมโดยการป้อนรหัสผ่านที่ลงทะเบียนกับบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต (เช่น 3D Secure)

2. รหัสความปลอดภัย: เจ้าของบัตรต้องป้อนหมายเลข 3 หรือ 4 หลักที่อยู่ด้านหลังของบัตรในระหว่างที่ทำธุรกรรมออนไลน์ (เช่น การตรวจสอบ CVC)

3. การวิเคราะห์แอตทริบิวต์และรูปแบบพฤติกรรม สามารถระบุธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้โดยการจับคู่แอตทริบิวต์ของธุรกรรมและรูปแบบพฤติกรรมเข้ากับข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจากธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงในอดีต ส่วนข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ที่อยู่ IP และกิจกรรมของลูกค้า จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของผลลัพธ์ได้

4. ข้อมูลที่อยู่สำหรับจัดส่ง: บางครั้งเราสามารถระบุการชำระเงินที่เป็นการฉ้อโกงได้โดยการนำที่อยู่สำหรับจัดส่งไปตรวจสอบเทียบกับรายการที่อยู่ที่ทราบว่าเคยถูกใช้ในการทำธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงในอดีต ฐานข้อมูลเหล่านี้อาจมาจากบุคคลที่สามหรือได้รับการจัดการดูแลจากธุรกิจเองโดยตรง

แหล่งที่มา (ภาษาญี่ปุ่น)

ผลที่ตามมาสำหรับผู้ใช้ Stripe

Stripe มอบช่องทางที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

คำแนะนำของ JCA
คำแนะนำของ Stripe
การตรวจสอบสิทธิ์ส่วนบุคคล 3D Secure
รหัสความปลอดภัย การตรวจสอบ CVC ผ่าน Radar
การวิเคราะห์ลักษณะและพฤติกรรม Stripe Radar
ข้อมูลที่อยู่สำหรับจัดส่ง รายการ Stripe Radar

บทสรุป

แพลตฟอร์ม Stripe ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ของเราสามารถคอยติดตามฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับได้ตลอด เราหวังว่าคู่มือฉบับนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดใหม่ๆ ที่กฎหมายว่าด้วยการขายแบบผ่อนชำระฉบับปรับปรุง (และแผนการดำเนินงานของ JCA) ได้นำมาใช้ รวมทั้งวิธีที่ Stripe สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ตลอด หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Radar

Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

Stripe Docs เกี่ยวกับ Radar

ใช้ Stripe Radar เพื่อปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกง