มูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการชําระเงินแบบ MOTO: วิธีการรับคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์อย่างมีกลยุทธ์และปลอดภัย

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
  3. ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
  4. ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
    1. โอกาสในการฉ้อโกงเพิ่มขึ้น
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน
    3. ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    4. ค่าธรรมเนียมการประมวลผลที่สูงขึ้น
    5. ความท้าทายในการปฏิบัติงาน
    6. การยืนยันลูกค้าที่จํากัด
  5. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
  6. วิธีรับชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ

การชําระเงินแบบ MOTO คือธุรกรรมที่ลูกค้ามอบข้อมูลบัตรชําระเงินให้แก่ธุรกิจทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์ ไม่ใช่ธุรกรรมที่จุดขายหรือทางออนไลน์ ตัวย่อหมายถึง "การสั่งซื้อทางไปรษณีย์/โทรศัพท์" (Mail Order/Telephone Order) ธุรกิจต่างๆ ใช้ธุรกรรมเหล่านี้เพื่อประมวลผลการชําระเงินเมื่อไม่มีบัตรจริงของลูกค้า การชำระเงินแบบ MOTO เป็นเรื่องทั่วไปก่อนที่อีคอมเมิร์ซจะได้รับความนิยม แม้ว่าธุรกิจบางแห่งจะยังคงใช้อยู่ก็ตาม

ลูกค้าจะต้องให้รายละเอียดบัตร ซึ่งธุรกิจจะป้อนเข้าสู่ระบบการชําระเงินเพื่อทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น กระบวนการนี้ต้องใช้โปรโตคอลเฉพาะเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลการชําระเงินที่ระบุ

แม้ว่าการชำระเงินแบบดิจิทัลอาจได้รับความสนใจมากขึ้น แต่การศึกษาระบบการชำระเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ พบว่ามีการชำระเงินแบบ MOTO จำนวน 2.6 พันล้านครั้งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี 2020 ธุรกิจใดก็ตามที่จัดการกับการสั่งซื้อทางไปรษณีย์และทางโทรศัพท์ หรือกำลังพิจารณาการเพิ่มตัวเลือกเหล่านั้น จำเป็นต้องเข้าใจวิธีการใช้งานการชำระเงินแบบ MOTO อย่างปลอดภัยและมีกลยุทธ์ สิ่งนี้จะดูเป็นอย่างไรในบริบทสมัยใหม่ของการชำระเงินแบบดิจิทัล ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
  • ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
  • ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
  • วิธีรับชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ

การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร

การค้าออนไลน์ทำให้มีการนำวิธีการชำระเงินที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้มากขึ้นซึ่งมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ธุรกรรม MOTO ยังคงมีการใช้งานในหมู่ธุรกิจและลูกค้าบางประเภท แม้ว่าจะมีความเรียบง่าย แต่ก็ต้องใส่ใจในรายละเอียดและปฏิบัติตามโปรโตคอลความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงและมอบตัวเลือกการชำระเงินที่เชื่อถือได้

การชําระเงินแบบ MOTO เกิดขึ้นเมื่อธุรกิจประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตโดยไม่ต้องมีบัตรใบจริง ปกติแล้วกระบวนการจะมีลักษณะดังนี้

  • ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าทางโทรศัพท์หรือทางแบบฟอร์มสั่งซื้อทางไปรษณีย์ พวกเขาให้ข้อมูลบัตรของตนด้วยวาจาหรือผ่านแบบฟอร์ม รวมถึงหมายเลขบัตร วันหมดอายุ และบางครั้งอาจต้องแจ้งรหัส CVV ด้วย

  • จากนั้นธุรกิจจะป้อนข้อมูลนี้ลงในเทอร์มินัลการชําระเงินหรือเทอร์มินัลเสมือน (แพลตฟอร์มการชําระเงินบนเว็บที่เข้าถึงได้บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต)

  • สำหรับการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ธุรกิจอาจใช้ระบบตอบรับด้วยเสียงแบบโต้ตอบ (IVR) ที่แจ้งลูกค้าให้ป้อนข้อมูลบัตรโดยใช้แป้นโทรศัพท์ วิธีนี้อาจช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เนื่องจากธุรกิจไม่จัดการกับข้อมูลบัตรโดยตรง

  • เมื่อป้อนรายละเอียดแล้ว ผู้ประมวลผลการชำระเงินจะสื่อสารกับเครือข่ายบัตรและธนาคารผู้ออกบัตรเพื่ออนุมัติธุรกรรม ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความถูกต้องของบัตร การตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินเพียงพอ และใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง

  • หลังจากการอนุมัติ ธุรกรรมจะอยู่ในคิวสำหรับการชำระเงิน และเงินจะถูกจัดสรรไว้สำหรับการโอน อย่างไรก็ตาม ระบบจะไม่โอนเงินจนกว่าจะสิ้นสุดวันทําการ เมื่อธุรกิจส่งธุรกรรมของวันนั้นๆ ไปยังผู้ประมวลผลการชําระเงิน

  • ในระหว่างการชำระเงิน เงินจะถูกโอนจากธนาคารผู้ออกบัตรไปยังบัญชีผู้ค้า และหักค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยผู้ประมวลผลการชำระเงิน ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา 2-3 วัน โดยขึ้นอยู่กับผู้ประมวลผลการชําระเงินและธนาคารที่เกี่ยวข้อง

การชำระเงินแบบ MOTO ยังเกี่ยวข้องกับวิธีการชำระเงินอื่นๆ เช่น ลูกค้าที่ส่งเช็คทางกระดาษ โดยให้ข้อมูลบัญชีธนาคารของตนสำหรับการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแม้กระทั่งการชำระเงินด้วยเงินสดเมื่อจัดส่งหรือการออกใบแจ้งหนี้หลังการซื้อ

สำหรับการบันทึกข้อมูลและการแก้ไขการโต้แย้ง ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะใช้วิธีการชำระเงินใดก็ตาม คุณจะต้องเก็บรักษาเอกสารธุรกรรมแบบ MOTO ให้ครบถ้วน ข้อมูลต่างๆ ประกอบด้วยวันที่ จํานวนเงิน คําอธิบายสินค้าหรือบริการ และรหัสระบุของลูกค้า

MOTO payment collection flow - In-app process for collecting MOTO payments

ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO

การชำระเงิน MOTO ไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจทุกประเภท แต่ในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นโปรดพิจารณาว่าวิธีนี้เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศการชำระเงินของคุณหรือไม่ การรวมวิธีการชําระเงินแบบ MOTO เข้าไว้ด้วยอาจมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของการเข้าถึงและการเข้าถึงตลาด ต่อไปนี้คือภาพรวม

  • ไม่จําเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    การชําระเงินแบบ MOTO ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำกัดหรือไม่มีเลย หรือกลุ่มประชากรสูงอายุที่อาจไม่ค่อยมีแนวโน้มที่จะซื้อของออนไลน์ การให้บริการตัวเลือกการชำระเงินทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถให้บริการแก่ประชากรกลุ่มต่างๆ ที่ไม่อยู่ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้

  • ฐานลูกค้าในวงกว้าง
    ผู้คนมีความชอบที่แตกต่างกันในวิธีการชำระเงิน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความสะดวก ความไว้วางใจ และนิสัย การรองรับความต้องการเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้าที่ลังเลในการกรอกข้อมูลบัตรทางออนไลน์เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย หรือลูกค้าที่ต้องการเพียงการติดต่อส่วนตัวผ่านการสนทนาทางโทรศัพท์ นี่คือการมอบทางเลือกให้ลูกค้าและตอบสนองความสะดวกสบายของลูกค้า

  • การสื่อสารกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า
    สำหรับรูปแบบธุรกิจบางประเภท เช่น สินค้าราคาสูงหรือบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการซึ่งการบริการลูกค้าแบบเจาะลึกถือเป็นหัวใจสำคัญ การชำระเงินแบบ MOTO จะทำให้ธุรกรรมมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ พนักงานสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะกับลูกค้า ขายสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม และสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งจะช่วยส่งเสริมความภักดีของลูกค้า

  • ไม่พึ่งพาเว็บไซต์หรือขั้นตอนการชําระเงินแบบมีโครงสร้าง
    ในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมสูง ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดการคำสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องให้ลูกค้าต้องรอให้หน้าเว็บไซต์โหลดเสร็จ จึงลดจำนวนการละทิ้งรถเข็นและการสูญเสียยอดขาย

แม้การชําระเงินแบบ MOTO อาจดูล้าสมัย แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ธุรกิจต่างๆ จะต้องยึดมั่นตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า โดยใช้เครื่องมือ เช่น บริการยืนยันที่อยู่ (AVS)และการยืนยัน CVV ซึ่งสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในการทำธุรกรรม

การชำระเงินแบบ MOTO ช่วยเสริมระบบการชำระเงินดิจิทัล จึงช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการลูกค้าแบบผสมผสานระหว่างรูปแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อความสะดวกสบายของลูกค้าและความครอบคลุม

ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO

ธุรกิจควรคํานึงถึงความเสี่ยงและความท้าทายในการชําระเงินแบบ MOTO ดังต่อไปนี้

โอกาสในการฉ้อโกงเพิ่มขึ้น

หากไม่มีบัตรใบจริง คุณจะยืนยันได้ยากว่าบุคคลที่ใช้บัตรนั้นเป็นเจ้าของบัตรจริงหรือไม่ มิจฉาชีพที่อาจพยายามใช้รายละเอียดของบัตรที่ขโมยมา เนื่องจากทราบว่าไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรดังกล่าว

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเช่น AVS และกําหนดให้ต้องใช้รหัส CVV ของบัตร นอกจากนี้ ให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยทุกเมื่อที่เป็นไปได้ เช่น การส่งรหัสยืนยันไปยังโทรศัพท์ของเจ้าของบัตร

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน

มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการดีงเงินคืนกับการชำระเงินแบบ MOTO เนื่องจากลูกค้าอาจจำยอดนั้นไม่ได้บนใบแจ้งยอดหรืออ้างว่าตนไม่เคยอนุญาตให้ทำธุรกรรมดังกล่าว

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เก็บบันทึกธุรกรรมและการโต้ตอบของลูกค้าอย่างละเอียด การบันทึกการโทร (โดยได้รับความยินยอม) และการใช้แบบฟอร์มการสั่งซื้อที่ลงนามแล้วสามารถเป็นหลักฐานในการแก้ไขข้อโต้แย้งได้

ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

การจัดการข้อมูลการชำระเงินที่ละเอียดอ่อนผ่านทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์มีความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล และตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ จะได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและทำลายอย่างเหมาะสมเมื่อไม่จำเป็นอีกต่อไป

ค่าธรรมเนียมการประมวลผลที่สูงขึ้น

ผู้ประมวลผลการชําระเงินมักจะเรียกค่าบริการสูงขึ้นจากธุรกรรมแบบ MOTO เนื่องจากมีความเสี่ยงกว่า

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เสาะหาผู้ประมวลผลการชำระเงินซึ่งมอบอัตราที่ดี และเจรจาต่อรองค่าธรรมเนียมตามปริมาณธุรกรรมของคุณและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่คุณมี

ความท้าทายในการปฏิบัติงาน

การยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO อาจต้องใช้ความพยายามจากพนักงานในการประมวลผลคำสั่งซื้อมากขึ้นและอาจทำให้การดำเนินการล่าช้า โดยเฉพาะหากคุณได้รับปริมาณการโทรที่สูง

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการด้วยระบบการรับคําสั่งซื้อที่มีประสิทธิภาพ (อาจหมายถึง IVR สําหรับการโทร) และฝึกอบรมพนักงานเพื่อจัดการธุรกรรมอย่างรวดเร็วและถูกต้อง

การยืนยันลูกค้าที่จํากัด

เป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการตรวจสอบบางอย่างที่สามารถทำได้แบบพบหน้าหรือด้วยธุรกรรมดิจิทัล

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้กระบวนการยืนยันอื่นๆ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการชำระเงินแบบ MOTO และฝึกอบรมพนักงานให้มองหาสัญญาณเตือน หรือความไม่สอดคล้องกันในคำสั่งซื้อที่อาจบ่งบอกถึงกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

ธุรกิจที่ใช้การชำระเงินแบบ MOTO จะต้องเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจังและใช้กลยุทธ์อย่างจริงจังเพื่อบรรเทาความเสี่ยงเหล่านั้น แม้ว่าการชำระเงินแบบ MOTO จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังที่เพิ่มมากขึ้นและมีโปรโตคอลความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้า

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO

สำหรับการชำระเงินแบบ MOTO โปรดพิจารณาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดดังต่อไปนี้

  • การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง: นําเทคโนโลยีการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียงไปใช้งาน เมื่อได้รับความยินยอม ระบบจะสามารถใช้พิมพ์เสียงของลูกค้าเป็นเครื่องมือยืนยันเฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมทางโทรศัพท์ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย

  • การระบุสายผู้โทร: ใช้ฟีเจอร์ระบุสายผู้โทรเพื่อเปรียบเทียบสายเรียกเข้ากับฐานข้อมูลความเสี่ยงการฉ้อโกงที่ทราบหรือธุรกรรมฉ้อโกงก่อนหน้านี้ โดยให้การแจ้งเตือนทันทีสำหรับสายที่อาจมีความเสี่ยง

  • การแปลงสกุลเงินแบบไดนามิก: ให้บริการการแปลงสกุลเงินแบบไดนามิกแก่ลูกค้าต่างประเทศ วิธีนี้ช่วยให้พวกเขาได้ยินหรือเห็นต้นทุนการซื้อในสกุลเงินภายในประเทศของตน ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความไว้วางใจและประสบการณ์ของลูกค้าได้

  • บัญชี MOTO เฉพาะ: ตั้งค่าบัญชีผู้ค้าสําหรับธุรกรรม MOTO โดยเฉพาะ เพื่อแยกจากช่องทางการขายอื่นๆ วิธีนี้ช่วยให้คุณติดตามและจัดการการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  • การแปลงเป็นโทเค็นสําหรับลูกค้าที่กลับมาใช้บริการซ้ํา: ใช้การแปลงเป็นโทเค็นเพื่อจัดเก็บข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยสําหรับการกลับมาซื้อในอนาคต โทเค็นจะไม่มีประโยชน์หากถูกดักจับโดยมิจฉาชีพ

  • การให้คะแนนการฉ้อโกงที่กําหนดเอง: พัฒนาระบบการให้คะแนนการฉ้อโกงที่เหมาะกับโปรไฟล์ธุรกรรม MOTO โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดการซื้อ ความถี่ และความผิดปกติใดๆ ในรูปแบบการสั่งซื้อ

  • การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะ: การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะจะกำหนดเส้นทางลูกค้าเก่าไปยังเจ้าหน้าที่ที่เคยพูดคุยด้วย ซึ่งจะช่วยตรวจจับได้หากมีบางสิ่งที่แปลกไปจากธุรกรรมตามปกติของลูกค้า

  • การวิเคราะห์หลังทําธุรกรรม: ดำเนินการวิเคราะห์หลังธุรกรรมโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุรูปแบบที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง ซึ่งอาจรวมถึงการวิเคราะห์เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อ ความลังเลใจในการให้ข้อมูล หรือความไม่สอดคล้องกันในรายละเอียดการสั่งซื้อ

  • ตัวเลือกการชําระเงินแบบ IVR: ให้บริการระบบ IVR สําหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการแจ้งรายละเอียดของบัตรให้เจ้าหน้าที่โดยตรง วิธีนี้จะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์และการเปิดเผยข้อมูลได้

  • การให้ความรู้แก่ลูกค้า: ให้ข้อมูลลูกค้าในเชิงรุกเกี่ยวกับวิธีดำเนินการธุรกรรม MOTO ข้อมูลที่ต้องให้ และวิธีตรวจสอบความถูกต้องของการโทร หากไม่แน่ใจ

  • การติดตามเพื่อยืนยัน: สำหรับธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่หรือผิดปกติ ให้ใช้การโทรติดตามเพื่อยืนยันหรือส่งข้อความที่มีรหัสครั้งเดียวที่ไม่ซ้ำกันที่ลูกค้าต้องระบุเพื่อสรุปการขาย

  • การประเมินพนักงานเป็นประจำ: ประเมินพนักงานที่จัดการการชำระเงินแบบ MOTO อย่างสม่ำเสมอเพื่อยืนยันว่าพวกเขาปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ และไม่ทำพฤติกรรมที่ผ่อนปรนในระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัย

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI: ธุรกิจที่รับชําระเงินแบบ MOTO จะต้องปฏิบัติตาม PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร มาตรฐานเหล่านี้ประกอบด้วยการจัดเก็บบันทึกธุรกรรมไว้อย่างปลอดภัยและไม่เก็บข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ละเอียดอ่อนหลังการอนุมัติ

วิธีรับชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ

การตั้งค่าการชำระเงินแบบ MOTO เกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจบทบาทของเทอร์มินัลเสมือน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ป้อนรายละเอียดการชำระเงินที่ได้รับทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์ด้วยตนเอง เครื่องอ่านบัตรเหล่านี้เป็นเวอร์ชันบนเว็บที่ปลอดภัยของเทอร์มินัลชำระเงินที่จุดขาย (POS) เครื่องจริงที่ใช้ในร้านค้าปลีก และถือเป็นปัจจัยสำคัญในการประมวลผลธุรกรรมเหล่านี้

เทอร์มินัลเสมือนช่วยอํานวยความสะดวกในการชําระเงินแบบ MOTO ด้วยการมอบวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้อนและประมวลผลข้อมูลการชําระเงินจากทางไกล สิ่งเหล่านี้มีความสําคัญสําหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้สําหรับการทําธุรกรรมแบบไม่ต้องแสดงบัตร นอกจากนี้ ยังเก็บบันทึกธุรกรรมที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับการรายงาน การคืนเงิน หรือ การจัดการการดึงเงินคืน

ธุรกิจที่สนใจยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO ควรพิจารณาการชำระเงินนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมเพื่อเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ครอบคลุมให้กับลูกค้าของตน ต่อไปนี้คือวิธีเริ่มรับชําระเงินแบบ MOTO แบบทีละขั้นตอน

  • ตั้งค่าบัญชีผู้ค้า เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีผู้ค้าที่เปิดให้ทำธุรกรรม MOTO ได้ นี่เป็นประเภทของบัญชีธนาคารที่อนุญาตให้ธุรกิจรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต

  • เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงิน: เป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ประมวลผลการชําระเงินที่รองรับการชําระเงินแบบ MOTO ผู้ประมวลผลควรมอบเทอร์มินัลเสมือนให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของบริการ

  • ทําการตรวจสอบความปลอดภัย: ยืนยันว่าเทอร์มินัลเสมือนเป็นไปตามข้อกําหนด PCI DSS กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบ AVS และการยืนยัน CVV เพื่อลดความเสี่ยงของธุรกรรมฉ้อโกงแบบไม่ใช้บัตรจริง

  • ผสานรวมเทอร์มินัลเสมือน: ผสานรวมเทอร์มินัลเสมือนเข้ากับการดําเนินธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจต้องตั้งค่าบนเวิร์กสเตชันหลายเครื่องหรือให้ทีมงานระยะไกลสามารถเข้าถึงได้

  • ฝึกอบรมพนักงาน: ฝึกอบรมทีมของคุณเพื่อใช้เทอร์มินัลเสมือน พวกเขาควรเข้าใจถึงวิธีการประมวลผลการชําระเงิน และรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า

  • ประมวลผลธุรกรรม: หากต้องการประมวลผลการชําระเงินแบบ MOTO ให้ป้อนรายละเอียดการชําระเงินของลูกค้าในเทอร์มินัลเสมือน ยืนยันข้อมูล และส่งข้อมูลนั้นเพื่อขอการอนุมัติ

  • อนุมัติธุรกรรม: เทอร์มินัลเสมือนจะสื่อสารกับผู้ประมวลผลการชําระเงินเพื่ออนุมัติธุรกรรม โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัตรนั้นใช้ได้และมีเงินทุนพร้อมใช้งาน

  • ทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น: หากการอนุมัติสำเร็จ ให้ดำเนินการธุรกรรมให้เสร็จสิ้นโดยชำระเงิน จากนั้นระบบจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้ค้าของคุณ

Stripe ขับเคลื่อนปฏิสัมพันธ์ทางการเงินสำหรับธุรกิจทุกขนาด และเทอร์มินัลเสมือนจะได้รับการตั้งค่าให้ยอมรับการชำระเงิน MOTO เมื่อจัดการธุรกรรมเหล่านี้กับ Stripe จะมีขั้นตอนสําคัญๆ อยู่ 2-3 ขั้นตอนดังนี้

  • สร้าง Payment Intent: นี่คือการประกาศต่อระบบของ Stripe ว่าคุณตั้งใจจะเรียกเก็บเงินจากบัตรของลูกค้า เมื่อตั้งค่า Payment Intent สําหรับการชําระเงิน MOTO คุณต้องระบุว่าวิธีการชําระเงินนี้เป็นบัตร

  • ประมวลผลการชําระเงิน: การใช้ Stripe Terminal หรืออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ซึ่งประมวลผลการชําระเงินโดยทําเครื่องหมายว่าเป็นธุรกรรม MOTO โดยเฉพาะ ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการป้อนหมายเลขบัตร, CVC, วันหมดอายุ และรหัสไปรษณีย์ของเจ้าของบัตรเข้าสู่ระบบ

  • ยืนยันสถานะเครื่องอ่านบัตร: หากกําลังใช้ฮาร์ดแวร์ คุณจะต้องยืนยันว่าเทอร์มินัลดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น ไม่ได้ใช้งาน รอให้ป้อนข้อมูล ประมวลผลธุรกรรม หรือในโหมดข้อผิดพลาด เพื่อประมวลผลการชําระเงิน

  • หักยอดการชําระเงิน: หักยอดการชําระเงินเพื่อสรุปธุรกรรม หากสถานะ Payment Intent คือ "requires_capture" คุณจะต้องยืนยันการหักยอดเพื่อเคลื่อยย้ายเงินทุน

เทอร์มินัลเสมือนของ Stripe มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสําหรับการป้อนรายละเอียดการชําระเงินด้วยตนเองอย่างปลอดภัย โดยจะจัดการธุรกรรม MOTO อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดให้เป็นไปตามมาตรฐานของ PCI

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เทอร์มินัลดิจิทัลของ Stripe

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe