แม้การชําระเงินแบบดิจิทัลจะได้รับความสนใจมากขึ้น การชําระเงินแบบ MOTO ซึ่งดําเนินการทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ก็ยังคงมีบทบาทสําคัญในระบบนิเวศของการชําระเงิน ธุรกิจที่จัดการคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ หรือกําลังพิจารณาการเพิ่มตัวเลือกเหล่านี้ จะต้องเข้าใจวิธีติดตั้งใช้งานการชำระเงินแบบ MOTO อย่างปลอดภัยและมีกลยุทธ์ ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการจัดการการชําระเงินแบบ MOTO ในบริบทของการชำระเงินแบบดิจิทัล
เนื้อหาหลักในบทความนี้
- การชําระเงินแบบ MOTO คืออะไร
- การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
- ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
- ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
- วิธีรับการชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ
- การชำระเงินแบบ MOTO มีค่าใช้จ่ายเท่าใด
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
- Stripe Terminal ช่วยได้อย่างไรบ้าง
การชำระเงินแบบ MOTO คืออะไร
การชำระเงินแบบ MOTO คือธุรกรรมที่ลูกค้าให้ข้อมูลบัตรชําระเงินแก่ธุรกิจทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์ ไม่ใช่ที่จุดขายหรือทางออนไลน์ คำว่า MOTO ย่อมาจากคำว่า “Mail Order/Telephone Order” หรือคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์/โทรศัพท์ ธุรกิจใช้ธุรกรรมเหล่านี้เพื่อประมวลผลการชำระเงินเมื่อไม่มีบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตตัวจริงของลูกค้า การชําระเงินแบบ MOTO พบเห็นได้บ่อยกว่านี้ก่อนที่อีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นที่นิยม แต่ธุรกิจบางแห่งก็ยังคงใช้การชำระเงินประเภทนี้อยู่
เมื่อดำเนินการชําระเงินแบบ MOTO ลูกค้าจะให้รายละเอียดของบัตร ซึ่งธุรกิจจะป้อนเข้าสู่ระบบการชําระเงินเพื่อทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น กระบวนการนี้ต้องใช้ระเบียบวิธีเฉพาะเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลการชําระเงินที่ได้รับมา
การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
การค้าออนไลน์ทำให้เกิดวิธีการชําระเงินที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากกว่าการชำระเงินแบบ MOTO อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีการใช้ธุรกรรมแบบ MOTO อยู่ในหมู่ธุรกิจและลูกค้าบางประเภท แม้วิธีการชำระเงินนี้จะเรียบง่าย แต่ก็จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดและปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงและมอบตัวเลือกการชําระเงินที่น่าเชื่อถือ
การชำระเงินแบบ MOTO เกิดขึ้นเมื่อธุรกิจประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตโดยไม่มีบัตรจริง โดยมีกระบวนการทั่วไปดังนี้
ลูกค้าตัดสินใจทําการซื้อทางโทรศัพท์หรือผ่านแบบฟอร์มคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์ โดยให้ข้อมูลบัตรแบบพูดปากเปล่าหรือกรอกแบบฟอร์ม โดยข้อมูลรวมถึงหมายเลขบัตร วันหมดอายุ ตลอดจนรหัส CVV ด้วยในบางครั้ง
ธุรกิจจะป้อนข้อมูลนี้ในเทอร์มินัลการชำระเงินหรือเทอร์มินัลเสมือน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินบนเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
สำหรับการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ธุรกิจอาจใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติด้วยเสียง (IVR) ที่แจ้งให้ลูกค้าป้อนรายละเอียดของบัตรโดยการกดปุ่มโทรศัพท์ วิธีนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เนื่องจากธุรกิจไม่ได้จัดการกับข้อมูลบัตรโดยตรง
หลังจากป้อนรายละเอียดแล้ว ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะสื่อสารกับเครือข่ายบัตรและธนาคารที่ออกบัตรเพื่ออนุมัติธุรกรรม ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของบัตร ตรวจสอบว่ามีเงินเพียงพอในบัตรหรือไม่ และใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง
หลังการอนุมัติ ธุรกรรมจะอยู่ในคิวเพื่อรอการชําระเงิน และเงินในบัตรจะได้รับการกันไว้สำหรับการโอน อย่างไรก็ดี จะไม่มีการโอนเงินเหล่านั้นจนกว่าจะสิ้นสุดเวลาทำการของวัน โดยหลังสิ้นสุดเวลาทำการ ธุรกิจจะส่งธุรกรรมทั้งหมดของวันนั้นไปให้ผู้ประมวลผลเพื่อดำเนินการชําระเงิน
ในระหว่างการชําระเงิน เงินจะโอนออกจากธนาคารที่ออกไปยังบัญชีผู้ค้า โดยหักค่าธรรมเนียมของผู้ประมวลผลการชําระเงินออกก่อน ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายวัน โดยขึ้นอยู่กับผู้ประมวลผลการชําระเงินและธนาคารที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ การชำระเงินแบบ MOTO ยังอาจใช้วิธีการชําระเงินแบบอื่นด้วย เช่น ลูกค้าส่งเช็คกระดาษ การให้ข้อมูลบัญชีธนาคารสําหรับการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแม้แต่การชําระเงินปลายทางหรือการออกใบแจ้งหนี้หลังการซื้อ
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะใช้วิธีการชําระเงินแบบใดก็ตาม คุณควรเก็บรักษาเอกสารของธุรกรรมแบบ MOTO ไว้ให้ครบถ้วนเพื่อใช้ในการเก็บบันทึกและแก้ไขข้อพิพาท ข้อมูลเหล่านี้ประกอบไปด้วยวันที่ จํานวนเงิน คําอธิบายสินค้าหรือบริการ และข้อมูลระบุตัวตนของลูกค้า
ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
แม้การชำระเงินแบบ MOTO จะไม่จําเป็นสําหรับธุรกิจทุกประเภท แต่ก็เป็นวิธีการที่บางธุรกิจยังคงใช้งานอยู่ พิจารณาว่าการนำการชำระเงินแบบ MOTO มาใช้ในธุรกิจของคุณสมเหตุสมผลหรือไม่ หากมีความเหมาะสม การชําระเงินประเภทนี้อาจมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของการเข้าถึงตลาดและความสะดวกในการใช้บริการ ดูภาพรวมประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO ได้ทางด้านล่างนี้
ไม่จําเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การชําระเงินแบบ MOTO ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำกัดหรือไม่มีเลย หรือการเข้าถึงกลุ่มประชากรสูงอายุที่อาจไม่ค่อยซื้อของทางออนไลน์ การมอบตัวเลือกการชำระเงินทางโทรศัพท์หรือไปรษณีย์ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรที่ไม่อยู่ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้ฐานลูกค้ากว้างขึ้น
การรองรับความต้องการด้านการชําระเงินที่หลากหลายช่วยให้ธุรกิจมอบทางเลือกให้ลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งอาจช่วยดึงดูดลูกค้าที่ลังเลที่จะป้อนรายละเอียดของบัตรทางออนไลน์เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย หรือลูกค้าที่ต้องการพูดคุยกับตัวแทนทางโทรศัพท์มากกว่าได้ได้สื่อสารเป็นการส่วนตัวกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า
สำหรับโมเดลธุรกิจบางประเภท เช่น สินค้าราคาสูงหรือบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการซึ่งการบริการลูกค้าแบบเจาะลึกถือเป็นหัวใจสำคัญ การชำระเงินแบบ MOTO จะทำให้ธุรกรรมมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ พนักงานสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะกับลูกค้า ขายสินค้าหรือบริการเพิ่ม และสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งจะช่วยส่งเสริมความภักดีของลูกค้าได้ไม่ต้องพึ่งพาเว็บไซต์หรือขั้นตอนการชําระเงินแบบมีโครงสร้าง
ธุรกิจสามารถจัดการคําสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่มีปริมาณการใช้งานสูงหรือมีจํานวนผู้เข้าชมสูง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องรอให้หน้าเว็บโหลด ซึ่งจะช่วยลดการทิ้งรถเข็นและการสูญเสียยอดขาย
การชำระเงินแบบ MOTO ยังคงต้องอาศัยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ธุรกิจต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น บริการยืนยันที่อยู่ (AVS) และการยืนยัน CVV ซึ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อทำธุรกรรม
การชําระเงินแบบ MOTO ช่วยเสริมระบบการชําระเงินแบบดิจิทัล จึงช่วยให้ธุรกิจให้บริการลูกค้าได้ทั้งในแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ และแสดงให้เห็นว่าธุรกิจทุ่มเทให้กับความสะดวกสบายของลูกค้า และต้องการให้บริการลูกค้าทุกคนโดยไม่แบ่งแยก
ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
ธุรกิจควรคํานึงถึงความเสี่ยงและความท้าทายของการชําระเงินแบบ MOTO ดังต่อไปนี้
โอกาสในการฉ้อโกงเพิ่มขึ้น
เมื่อไม่มีบัตรจริง ก็ยืนยันได้ยากว่าผู้ที่ใช้บัตรนั้นชำระเงินเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ หรือไม่ มิจฉาชีพอาจพยายามใช้รายละเอียดของบัตรที่ขโมยมาเพราะรู้ว่าไม่จําเป็นต้องแสดงบัตรจริง
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเช่น AVS และกําหนดให้ต้องใช้รหัส CVV ของบัตร นอกจากนี้ ให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยทุกครั้งที่ทำได้ เช่น การส่งรหัสยืนยันไปยังโทรศัพท์ของเจ้าของบัตร
การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
การชำระเงินแบบ MOTO มีแนวโน้มที่จะเกิดการดึงเงินคืนมากกว่า เนื่องจากลูกค้าอาจจำรายการเรียกเก็บเงินบนรายการเดินบัญชีธนาคารไม่ได้หรืออ้างว่าไม่เคยอนุมัติธุรกรรมนั้น
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เก็บบันทึกธุรกรรมและการโต้ตอบของลูกค้าไว้อย่างละเอียด การบันทึกการโทร (โดยได้รับความยินยอม) และการใช้แบบฟอร์มการสั่งซื้อที่ลงนามแล้วสามารถเป็นหลักฐานในการแก้ไขข้อโต้แย้งได้
ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
การจัดการข้อมูลการชำระเงินที่ละเอียดอ่อนผ่านทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์เสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล และตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ จะได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและทำลายอย่างเหมาะสมเมื่อไม่จำเป็นอีกต่อไป
ค่าธรรมเนียมการประมวลผลสูงกว่า
ผู้ประมวลผลการชำระเงินมักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม MOTO มากกว่าเพราะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: หาผู้ประมวลผลการชําระเงินที่คิดค่าธรรมเนียมในอัตราที่แข่งขันได้ และเจรจาค่าธรรมเนียมตามปริมาณธุรกรรมและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่คุณมี
ความท้าทายในการปฏิบัติงาน
พนักงานอาจต้องใช้ความพยายามในการประมวลผลคำสั่งซื้อมากขึ้นเมื่อธุรกิจยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO และอาจทำให้การปฏิบัติงานล่าช้า โดยเฉพาะหากคุณมีลูกค้าโทรเข้ามามาก
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการนี้ด้วยระบบการรับคําสั่งซื้อที่มีประสิทธิภาพ (อาจใช้ IVR สําหรับการโทร) และฝึกอบรมพนักงานให้จัดการธุรกรรมได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
ขั้นตอนการยืนยันลูกค้ามีจํากัด
ทำการตรวจสอบบางอย่างที่สามารถทำได้ที่จุดขายหรือเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้ยาก
กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้กระบวนการตรวจสอบยืนยันอื่นๆ ที่ออกแบบมาสําหรับการชำระเงินแบบ MOTO โดยเฉพาะ และฝึกอบรมพนักงานให้มองหาสัญญาณอันตรายหรือข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันในคําสั่งซื้อที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง
ธุรกิจที่ใช้การชำระเงินแบบ MOTO จะต้องเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจังและใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงเหล่านี้อย่างเข้มงวด แม้ลูกค้าจะเข้าถึงการชำระเงินแบบ MOTO ได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังมากขึ้นและมีระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมขึ้นเพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้า
วิธีรับการชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ
การตั้งค่าการชำระเงินแบบ MOTO ต้องอาศัยความเข้าใจในบทบาทของเทอร์มินัลเสมือน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจป้อนข้อมูลการชําระเงินที่ได้รับทางโทรศัพท์หรือไปรษณีย์ด้วยตัวเองได้ เทอร์มินัลเสมือนคือเวอร์ชันเว็บไซต์ของเทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย (POS) แบบกายภาพที่ใช้ในร้านค้าปลีก และเป็นหัวใจสำคัญในการประมวลผลธุรกรรมประเภทนี้
เทอร์มินัลเสมือนช่วยอํานวยความสะดวกให้กับการชําระเงินแบบ MOTO โดยมอบวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้อนและประมวลผลการชําระเงินจากทางไกล เทอร์มินัลเหล่านี้มีความสําคัญสําหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้สําหรับการทําธุรกรรมแบบไม่มีบัตรจริง นอกจากนี้ เทอร์มินัลเสมือนยังเก็บประวัติธุรกรรมที่ธุรกิจสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ สำหรับการรายงาน การคืนเงิน หรือการจัดการการดึงเงินคืน
ธุรกิจที่สนใจรับการชำระเงินแบบ MOTO ควรพิจารณาเทอร์มินัลเสมือนในกลยุทธ์โดยรวมเพื่อเสนอโซลูชันการชําระเงินที่ครอบคลุมให้ลูกค้าด้วย ด้านล่างนี้คือวิธีการแบบทีละขั้นตอนในการรับการชําระเงินแบบ MOTO
ตั้งค่าบัญชีผู้ค้า: เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีผู้ค้าสําหรับธุรกรรม MOTO บัญชีนี้คือบัญชีธนาคารประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ธุรกิจรับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้
เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงิน: เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงินที่รองรับการชําระเงินแบบ MOTO โดยผู้ประมวลผลควรให้เทอร์มินัลเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของบริการด้วย
ตรวจสอบความปลอดภัย: ยืนยันว่าเทอร์มินัลเสมือนเป็นไปตามข้อกําหนดของ PCI DSS และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบ AVS และการยืนยันด้วย CVV เพื่อลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงในการทําธุรกรรมแบบไม่แสดงบัตรจริง
ผสานการใช้งานเทอร์มินัลเสมือน: ผสานการใช้งานเทอร์มินัลเสมือนเข้ากับการดําเนินธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจต้องตั้งค่าบนเวิร์กสเตชันหลายเครื่องและ/หรือดูแลให้ทีมที่ทำงานจากระยะไกลสามารถเข้าถึงได้
ฝึกอบรมพนักงาน: ฝึกอบรมทีมให้ใช้เทอร์มินัลเสมือน พนักงานควรเข้าใจวิธีการประมวลผลการชําระเงินและรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า
ประมวลผลธุรกรรม: หากต้องการประมวลผลการชําระเงินแบบ MOTO ให้ป้อนรายละเอียดการชําระเงินของลูกค้าในเทอร์มินัลเสมือน ตรวจสอบยืนยันข้อมูล และส่งข้อมูลนั้นเพื่อขอการอนุมัติ
อนุมัติธุรกรรม: เทอร์มินัลเสมือนจะสื่อสารกับผู้ประมวลผลการชําระเงินเพื่ออนุมัติธุรกรรม โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัตรนั้นใช้ได้จริงและมีเงินเพียงพอ
ทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น: หากการอนุมัติสำเร็จ ให้จบการดำเนินธุรกรรมโดยการชำระเงินให้เสร็จ ซึ่งจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ค้าของคุณ
Stripe ขับเคลื่อนปฏิสัมพันธ์ทางการเงินสำหรับธุรกิจทุกขนาด และเทอร์มินัลเสมือนของ Stripe ก็ได้รับการตั้งค่าให้ยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO โดยมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้เมื่อจัดการธุรกรรมเหล่านี้ด้วย Stripe
สร้าง Payment Intent: การสร้าง Payment Intent เป็นการแจ้งระบบของ Stripe ว่าคุณตั้งใจจะเรียกเก็บเงินจากบัตรของลูกค้า เมื่อตั้งค่า Payment Intent สําหรับการชําระเงินแบบ MOTO คุณต้องระบุบัตรเป็นวิธีการชําระเงิน
__ ประมวลผลการชําระเงิน:__ ใช้ Stripe Terminal หรืออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ประมวลผลการชําระเงินโดยการทําเครื่องหมายว่าเป็นธุรกรรม MOTO โดยเฉพาะ โดยคุณจะต้องป้อนหมายเลขบัตร, CVC, วันหมดอายุ และรหัสไปรษณีย์ของเจ้าของบัตรในระบบ
ยืนยันสถานะเครื่องอ่านบัตร: หากใช้ฮาร์ดแวร์ คุณจะต้องยืนยันว่าเทอร์มินัลดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น ไม่ได้ใช้งาน รอป้อนข้อมูล กำลังประมวลผลธุรกรรม หรืออยู่ในโหมดข้อผิดพลาด เพื่อประมวลผลการชําระเงิน
หักยอดการชําระเงิน: หักยอดการชําระเงินเพื่อจบการทำธุรกรรม หากสถานะ Payment Intent คือ
requires_captureคุณจะต้องยืนยันการหักยอดเพื่อย้ายเงิน
How much do MOTO payments cost?
Accepting MOTO payments typically costs slightly more than other card payments. Card processing fees include a percentage of the transaction amount, plus a fixed fee, and many providers charge a higher percentage for MOTO payments because of the increased fraud risk. You can learn more about Stripe’s pricing for MOTO payments here.
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
พิจารณาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดดังต่อไปนี้เมื่อใช้การชำระเงินแบบ MOTO
การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง: นําเทคโนโลยีการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียงมาใช้งาน เมื่อได้รับความยินยอม คุณสามารถใช้พิมพ์เสียง (voice print) ของลูกค้าเป็นเครื่องมือยืนยันเฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมทางโทรศัพท์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย
การระบุสายผู้โทร: ใช้ฟีเจอร์ระบุสายผู้โทรเพื่อเปรียบเทียบสายเรียกเข้ากับฐานข้อมูลความเสี่ยงเพื่อตรวจหาการฉ้อโกงที่ทราบหรือธุรกรรมฉ้อโกงที่เคยเกิดขึ้น เพื่อแจ้งเตือนทันทีสำหรับสายที่อาจมีความเสี่ยง
การแปลงสกุลเงินแบบไดนามิก: ให้บริการแปลงสกุลเงินแบบไดนามิกแก่ลูกค้าต่างประเทศเพื่อให้ลูกค้าฟังหรือเห็นค่าใช้จ่ายในการซื้อเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของตน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเกิดความไว้วางใจมากขึ้น
บัญชี MOTO โดยเฉพาะ: สร้างบัญชีผู้ค้าแบบสําหรับธุรกรรม MOTO แยกจากช่องทางการขายอื่นโดยเฉพาะ วิธีนี้ช่วยให้สามารถติดตามและจัดการการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การแปลงเป็นโทเค็นสําหรับลูกค้าประจํา: ใช้การแปลงเป็นโทเค็นเพื่อจัดเก็บข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าสําหรับการซื้อซ้ำไว้อย่างปลอดภัย แต่โทเค็นจะไม่มีประโยชน์หากถูกดักจับโดยมิจฉาชีพ
การให้คะแนนการฉ้อโกงที่กําหนดเอง: พัฒนาระบบการให้คะแนนการฉ้อโกงที่เหมาะกับโปรไฟล์ธุรกรรม MOTO โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดการซื้อ ความถี่ และความผิดปกติใดๆ ก็ตามในรูปแบบการสั่งซื้อ
การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะ: การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะจะกำหนดเส้นทางลูกค้าเก่าไปยังเจ้าหน้าที่ที่เคยพูดคุยด้วย ซึ่งจะช่วยตรวจจับได้หากมีบางสิ่งที่แปลกไปจากธุรกรรมตามปกติของลูกค้า
การวิเคราะห์หลังทําธุรกรรม: ดำเนินการวิเคราะห์หลังธุรกรรมโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุรูปแบบที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง ซึ่งอาจรวมถึงการวิเคราะห์เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อ ความลังเลใจในการให้ข้อมูล หรือความไม่สอดคล้องกันในรายละเอียดการสั่งซื้อ
ตัวเลือกการชําระเงินแบบ IVR: ให้บริการระบบ IVR สําหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการแจ้งรายละเอียดของบัตรให้เจ้าหน้าที่โดยตรง วิธีนี้จะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์และการเปิดเผยข้อมูลได้
การให้ความรู้แก่ลูกค้า: ให้ข้อมูลลูกค้าในเชิงรุกเกี่ยวกับวิธีดำเนินการธุรกรรม MOTO, ข้อมูลที่ต้องให้ และวิธีตรวจสอบว่าบริษัทที่โทรเข้ามาเป็นบริษัทจริงหากลูกค้าไม่แน่ใจ
การติดตามเพื่อยืนยัน: สำหรับธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่หรือผิดปกติ ให้ใช้การโทรยืนยันหรือส่งข้อความแบบใช้ครั้งเดียวไปทางข้อความ SMS ที่ลูกค้าต้องระบุเพื่อจบการขาย
การประเมินพนักงานเป็นประจํา: ประเมินพนักงานที่จัดการการชำระเงินแบบ MOTO เป็นประจํา เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้อง
การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI: ธุรกิจที่รับการชําระเงินแบบ MOTO จะต้องปฏิบัติตาม PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร มาตรฐานเหล่านี้ประกอบไปด้วยการจัดเก็บบันทึกธุรกรรมไว้อย่างปลอดภัยและไม่เก็บข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ละเอียดอ่อนไว้หลังการอนุมัติ
Stripe Terminal ช่วยได้อย่างไรบ้าง
Stripe Terminal ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มรายรับด้วยการชำระเงินแบบรวมเป็นหนึ่งได้ ทั้งการชำระเงินที่จุดขายและช่องทางออนไลน์ โดย Stripe Terminal รองรับวิธีการชําระเงินใหม่ๆ โลจิสติกส์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานง่าย ความครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงการผสานการทํางาน POS และการค้าหลายร้อยแบบเพื่อให้คุณออกแบบชุดเครื่องมือการชําระเงินที่ตรงใจที่สุด คุณสามารถประมวลผลการชำระเงินแบบ MOTO โดยใช้ Stripe Terminal ได้โดยการป้อนข้อมูลบัตรบนเครื่องอ่านบัตรแทนการแตะหรือเสียบบัตรจริง
Stripe ขับเคลื่อนการค้าแบบแพลตฟอร์มรวมให้แบรนด์มากมาย เช่น Hertz, URBN, Lands’ End, Shopify, Lightspeed และ Mindbody
Stripe Terminal สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
รวมแพลตฟอร์มการค้า: จัดการการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายบนแพลตฟอร์มทั่วโลกด้วยข้อมูลการชำระเงินที่รวมเป็นหนึ่งเดียว
ขยายไปทั่วโลก: ขยายไปยัง 24 ประเทศด้วยการผสานการทำงานเพียงชุดเดียวและวิธีการชำระเงินยอดนิยม
ผสานการทำงานในแบบของคุณ: พัฒนาแอป POS แบบกำหนดเองของคุณเอง หรือเชื่อมต่อกับสแต็กเทคโนโลยีที่มีอยู่โดยใช้การผสานการทำงานกับระบบ POS และแพลตฟอร์มการค้าของบริษัทอื่น
ลดความซับซ้อนของโลจิสติกส์ฮาร์ดแวร์: สั่งซื้อ จัดการ และติดตามตรวจสอบเครื่องอ่านบัตรที่รองรับ Stripe ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Terminal หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ