มูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการชําระเงินแบบ MOTO: วิธีการรับคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์อย่างมีกลยุทธ์และปลอดภัย

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชำระเงินแบบ MOTO คืออะไร
  3. การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
  4. ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
  5. ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
    1. โอกาสในการฉ้อโกงเพิ่มขึ้น
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
    3. ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    4. ค่าธรรมเนียมการประมวลผลสูงกว่า
    5. ความท้าทายในการปฏิบัติงาน
    6. ขั้นตอนการยืนยันลูกค้ามีจํากัด
  6. วิธีรับการชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ
  7. How much do MOTO payments cost?
  8. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
  9. Stripe Terminal ช่วยได้อย่างไรบ้าง

แม้การชําระเงินแบบดิจิทัลจะได้รับความสนใจมากขึ้น การชําระเงินแบบ MOTO ซึ่งดําเนินการทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ก็ยังคงมีบทบาทสําคัญในระบบนิเวศของการชําระเงิน ธุรกิจที่จัดการคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ หรือกําลังพิจารณาการเพิ่มตัวเลือกเหล่านี้ จะต้องเข้าใจวิธีติดตั้งใช้งานการชำระเงินแบบ MOTO อย่างปลอดภัยและมีกลยุทธ์ ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการจัดการการชําระเงินแบบ MOTO ในบริบทของการชำระเงินแบบดิจิทัล

เนื้อหาหลักในบทความนี้

  • การชําระเงินแบบ MOTO คืออะไร
  • การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร
  • ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO
  • ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO
  • วิธีรับการชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ
  • การชำระเงินแบบ MOTO มีค่าใช้จ่ายเท่าใด
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO
  • Stripe Terminal ช่วยได้อย่างไรบ้าง

การชำระเงินแบบ MOTO คืออะไร

การชำระเงินแบบ MOTO คือธุรกรรมที่ลูกค้าให้ข้อมูลบัตรชําระเงินแก่ธุรกิจทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์ ไม่ใช่ที่จุดขายหรือทางออนไลน์ คำว่า MOTO ย่อมาจากคำว่า “Mail Order/Telephone Order” หรือคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์/โทรศัพท์ ธุรกิจใช้ธุรกรรมเหล่านี้เพื่อประมวลผลการชำระเงินเมื่อไม่มีบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตตัวจริงของลูกค้า การชําระเงินแบบ MOTO พบเห็นได้บ่อยกว่านี้ก่อนที่อีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นที่นิยม แต่ธุรกิจบางแห่งก็ยังคงใช้การชำระเงินประเภทนี้อยู่

เมื่อดำเนินการชําระเงินแบบ MOTO ลูกค้าจะให้รายละเอียดของบัตร ซึ่งธุรกิจจะป้อนเข้าสู่ระบบการชําระเงินเพื่อทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น กระบวนการนี้ต้องใช้ระเบียบวิธีเฉพาะเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลการชําระเงินที่ได้รับมา

MOTO payment collection flow - In-app process for collecting MOTO payments

การชําระเงินแบบ MOTO ทํางานอย่างไร

การค้าออนไลน์ทำให้เกิดวิธีการชําระเงินที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากกว่าการชำระเงินแบบ MOTO อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีการใช้ธุรกรรมแบบ MOTO อยู่ในหมู่ธุรกิจและลูกค้าบางประเภท แม้วิธีการชำระเงินนี้จะเรียบง่าย แต่ก็จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดและปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงและมอบตัวเลือกการชําระเงินที่น่าเชื่อถือ

การชำระเงินแบบ MOTO เกิดขึ้นเมื่อธุรกิจประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตโดยไม่มีบัตรจริง โดยมีกระบวนการทั่วไปดังนี้

  1. ลูกค้าตัดสินใจทําการซื้อทางโทรศัพท์หรือผ่านแบบฟอร์มคําสั่งซื้อทางไปรษณีย์ โดยให้ข้อมูลบัตรแบบพูดปากเปล่าหรือกรอกแบบฟอร์ม โดยข้อมูลรวมถึงหมายเลขบัตร วันหมดอายุ ตลอดจนรหัส CVV ด้วยในบางครั้ง

  2. ธุรกิจจะป้อนข้อมูลนี้ในเทอร์มินัลการชำระเงินหรือเทอร์มินัลเสมือน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินบนเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้

  3. สำหรับการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ธุรกิจอาจใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติด้วยเสียง (IVR) ที่แจ้งให้ลูกค้าป้อนรายละเอียดของบัตรโดยการกดปุ่มโทรศัพท์ วิธีนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เนื่องจากธุรกิจไม่ได้จัดการกับข้อมูลบัตรโดยตรง

  4. หลังจากป้อนรายละเอียดแล้ว ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะสื่อสารกับเครือข่ายบัตรและธนาคารที่ออกบัตรเพื่ออนุมัติธุรกรรม ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของบัตร ตรวจสอบว่ามีเงินเพียงพอในบัตรหรือไม่ และใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกง

  5. หลังการอนุมัติ ธุรกรรมจะอยู่ในคิวเพื่อรอการชําระเงิน และเงินในบัตรจะได้รับการกันไว้สำหรับการโอน อย่างไรก็ดี จะไม่มีการโอนเงินเหล่านั้นจนกว่าจะสิ้นสุดเวลาทำการของวัน โดยหลังสิ้นสุดเวลาทำการ ธุรกิจจะส่งธุรกรรมทั้งหมดของวันนั้นไปให้ผู้ประมวลผลเพื่อดำเนินการชําระเงิน

  6. ในระหว่างการชําระเงิน เงินจะโอนออกจากธนาคารที่ออกไปยังบัญชีผู้ค้า โดยหักค่าธรรมเนียมของผู้ประมวลผลการชําระเงินออกก่อน ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายวัน โดยขึ้นอยู่กับผู้ประมวลผลการชําระเงินและธนาคารที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ การชำระเงินแบบ MOTO ยังอาจใช้วิธีการชําระเงินแบบอื่นด้วย เช่น ลูกค้าส่งเช็คกระดาษ การให้ข้อมูลบัญชีธนาคารสําหรับการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแม้แต่การชําระเงินปลายทางหรือการออกใบแจ้งหนี้หลังการซื้อ

ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะใช้วิธีการชําระเงินแบบใดก็ตาม คุณควรเก็บรักษาเอกสารของธุรกรรมแบบ MOTO ไว้ให้ครบถ้วนเพื่อใช้ในการเก็บบันทึกและแก้ไขข้อพิพาท ข้อมูลเหล่านี้ประกอบไปด้วยวันที่ จํานวนเงิน คําอธิบายสินค้าหรือบริการ และข้อมูลระบุตัวตนของลูกค้า

ประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO

แม้การชำระเงินแบบ MOTO จะไม่จําเป็นสําหรับธุรกิจทุกประเภท แต่ก็เป็นวิธีการที่บางธุรกิจยังคงใช้งานอยู่ พิจารณาว่าการนำการชำระเงินแบบ MOTO มาใช้ในธุรกิจของคุณสมเหตุสมผลหรือไม่ หากมีความเหมาะสม การชําระเงินประเภทนี้อาจมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของการเข้าถึงตลาดและความสะดวกในการใช้บริการ ดูภาพรวมประโยชน์ของการชําระเงินแบบ MOTO ได้ทางด้านล่างนี้

  • ไม่จําเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    การชําระเงินแบบ MOTO ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจำกัดหรือไม่มีเลย หรือการเข้าถึงกลุ่มประชากรสูงอายุที่อาจไม่ค่อยซื้อของทางออนไลน์ การมอบตัวเลือกการชำระเงินทางโทรศัพท์หรือไปรษณีย์ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มประชากรที่ไม่อยู่ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้

  • ฐานลูกค้ากว้างขึ้น
    การรองรับความต้องการด้านการชําระเงินที่หลากหลายช่วยให้ธุรกิจมอบทางเลือกให้ลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งอาจช่วยดึงดูดลูกค้าที่ลังเลที่จะป้อนรายละเอียดของบัตรทางออนไลน์เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย หรือลูกค้าที่ต้องการพูดคุยกับตัวแทนทางโทรศัพท์มากกว่าได้

  • ได้สื่อสารเป็นการส่วนตัวกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า
    สำหรับโมเดลธุรกิจบางประเภท เช่น สินค้าราคาสูงหรือบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการซึ่งการบริการลูกค้าแบบเจาะลึกถือเป็นหัวใจสำคัญ การชำระเงินแบบ MOTO จะทำให้ธุรกรรมมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ พนักงานสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะกับลูกค้า ขายสินค้าหรือบริการเพิ่ม และสร้างความสัมพันธ์อันดีซึ่งจะช่วยส่งเสริมความภักดีของลูกค้าได้

  • ไม่ต้องพึ่งพาเว็บไซต์หรือขั้นตอนการชําระเงินแบบมีโครงสร้าง
    ธุรกิจสามารถจัดการคําสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่มีปริมาณการใช้งานสูงหรือมีจํานวนผู้เข้าชมสูง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องรอให้หน้าเว็บโหลด ซึ่งจะช่วยลดการทิ้งรถเข็นและการสูญเสียยอดขาย

การชำระเงินแบบ MOTO ยังคงต้องอาศัยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ธุรกิจต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น บริการยืนยันที่อยู่ (AVS) และการยืนยัน CVV ซึ่งช่วยให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อทำธุรกรรม

การชําระเงินแบบ MOTO ช่วยเสริมระบบการชําระเงินแบบดิจิทัล จึงช่วยให้ธุรกิจให้บริการลูกค้าได้ทั้งในแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ และแสดงให้เห็นว่าธุรกิจทุ่มเทให้กับความสะดวกสบายของลูกค้า และต้องการให้บริการลูกค้าทุกคนโดยไม่แบ่งแยก

ข้อเสียของการชําระเงินแบบ MOTO

ธุรกิจควรคํานึงถึงความเสี่ยงและความท้าทายของการชําระเงินแบบ MOTO ดังต่อไปนี้

โอกาสในการฉ้อโกงเพิ่มขึ้น

เมื่อไม่มีบัตรจริง ก็ยืนยันได้ยากว่าผู้ที่ใช้บัตรนั้นชำระเงินเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ หรือไม่ มิจฉาชีพอาจพยายามใช้รายละเอียดของบัตรที่ขโมยมาเพราะรู้ว่าไม่จําเป็นต้องแสดงบัตรจริง

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเช่น AVS และกําหนดให้ต้องใช้รหัส CVV ของบัตร นอกจากนี้ ให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยทุกครั้งที่ทำได้ เช่น การส่งรหัสยืนยันไปยังโทรศัพท์ของเจ้าของบัตร

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน

การชำระเงินแบบ MOTO มีแนวโน้มที่จะเกิดการดึงเงินคืนมากกว่า เนื่องจากลูกค้าอาจจำรายการเรียกเก็บเงินบนรายการเดินบัญชีธนาคารไม่ได้หรืออ้างว่าไม่เคยอนุมัติธุรกรรมนั้น

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เก็บบันทึกธุรกรรมและการโต้ตอบของลูกค้าไว้อย่างละเอียด การบันทึกการโทร (โดยได้รับความยินยอม) และการใช้แบบฟอร์มการสั่งซื้อที่ลงนามแล้วสามารถเป็นหลักฐานในการแก้ไขข้อโต้แย้งได้

ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

การจัดการข้อมูลการชำระเงินที่ละเอียดอ่อนผ่านทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์เสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล และตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ จะได้รับการจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและทำลายอย่างเหมาะสมเมื่อไม่จำเป็นอีกต่อไป

ค่าธรรมเนียมการประมวลผลสูงกว่า

ผู้ประมวลผลการชำระเงินมักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม MOTO มากกว่าเพราะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: หาผู้ประมวลผลการชําระเงินที่คิดค่าธรรมเนียมในอัตราที่แข่งขันได้ และเจรจาค่าธรรมเนียมตามปริมาณธุรกรรมและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่คุณมี

ความท้าทายในการปฏิบัติงาน

พนักงานอาจต้องใช้ความพยายามในการประมวลผลคำสั่งซื้อมากขึ้นเมื่อธุรกิจยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO และอาจทำให้การปฏิบัติงานล่าช้า โดยเฉพาะหากคุณมีลูกค้าโทรเข้ามามาก

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการนี้ด้วยระบบการรับคําสั่งซื้อที่มีประสิทธิภาพ (อาจใช้ IVR สําหรับการโทร) และฝึกอบรมพนักงานให้จัดการธุรกรรมได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว

ขั้นตอนการยืนยันลูกค้ามีจํากัด

ทำการตรวจสอบบางอย่างที่สามารถทำได้ที่จุดขายหรือเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้ยาก

กลยุทธ์การลดผลกระทบ: ใช้กระบวนการตรวจสอบยืนยันอื่นๆ ที่ออกแบบมาสําหรับการชำระเงินแบบ MOTO โดยเฉพาะ และฝึกอบรมพนักงานให้มองหาสัญญาณอันตรายหรือข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันในคําสั่งซื้อที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง

ธุรกิจที่ใช้การชำระเงินแบบ MOTO จะต้องเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้อย่างจริงจังและใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงเหล่านี้อย่างเข้มงวด แม้ลูกค้าจะเข้าถึงการชำระเงินแบบ MOTO ได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังมากขึ้นและมีระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมขึ้นเพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้า

วิธีรับการชําระเงินแบบ MOTO ในฐานะธุรกิจ

การตั้งค่าการชำระเงินแบบ MOTO ต้องอาศัยความเข้าใจในบทบาทของเทอร์มินัลเสมือน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันออนไลน์ที่ช่วยให้ธุรกิจป้อนข้อมูลการชําระเงินที่ได้รับทางโทรศัพท์หรือไปรษณีย์ด้วยตัวเองได้ เทอร์มินัลเสมือนคือเวอร์ชันเว็บไซต์ของเทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย (POS) แบบกายภาพที่ใช้ในร้านค้าปลีก และเป็นหัวใจสำคัญในการประมวลผลธุรกรรมประเภทนี้

เทอร์มินัลเสมือนช่วยอํานวยความสะดวกให้กับการชําระเงินแบบ MOTO โดยมอบวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้อนและประมวลผลการชําระเงินจากทางไกล เทอร์มินัลเหล่านี้มีความสําคัญสําหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้สําหรับการทําธุรกรรมแบบไม่มีบัตรจริง นอกจากนี้ เทอร์มินัลเสมือนยังเก็บประวัติธุรกรรมที่ธุรกิจสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ สำหรับการรายงาน การคืนเงิน หรือการจัดการการดึงเงินคืน

ธุรกิจที่สนใจรับการชำระเงินแบบ MOTO ควรพิจารณาเทอร์มินัลเสมือนในกลยุทธ์โดยรวมเพื่อเสนอโซลูชันการชําระเงินที่ครอบคลุมให้ลูกค้าด้วย ด้านล่างนี้คือวิธีการแบบทีละขั้นตอนในการรับการชําระเงินแบบ MOTO

  1. ตั้งค่าบัญชีผู้ค้า: เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีผู้ค้าสําหรับธุรกรรม MOTO บัญชีนี้คือบัญชีธนาคารประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ธุรกิจรับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้

  2. เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงิน: เลือกผู้ประมวลผลการชําระเงินที่รองรับการชําระเงินแบบ MOTO โดยผู้ประมวลผลควรให้เทอร์มินัลเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของบริการด้วย

  3. ตรวจสอบความปลอดภัย: ยืนยันว่าเทอร์มินัลเสมือนเป็นไปตามข้อกําหนดของ PCI DSS และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจสอบ AVS และการยืนยันด้วย CVV เพื่อลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงในการทําธุรกรรมแบบไม่แสดงบัตรจริง

  4. ผสานการใช้งานเทอร์มินัลเสมือน: ผสานการใช้งานเทอร์มินัลเสมือนเข้ากับการดําเนินธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจต้องตั้งค่าบนเวิร์กสเตชันหลายเครื่องและ/หรือดูแลให้ทีมที่ทำงานจากระยะไกลสามารถเข้าถึงได้

  5. ฝึกอบรมพนักงาน: ฝึกอบรมทีมให้ใช้เทอร์มินัลเสมือน พนักงานควรเข้าใจวิธีการประมวลผลการชําระเงินและรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า

  6. ประมวลผลธุรกรรม: หากต้องการประมวลผลการชําระเงินแบบ MOTO ให้ป้อนรายละเอียดการชําระเงินของลูกค้าในเทอร์มินัลเสมือน ตรวจสอบยืนยันข้อมูล และส่งข้อมูลนั้นเพื่อขอการอนุมัติ

  7. อนุมัติธุรกรรม: เทอร์มินัลเสมือนจะสื่อสารกับผู้ประมวลผลการชําระเงินเพื่ออนุมัติธุรกรรม โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัตรนั้นใช้ได้จริงและมีเงินเพียงพอ

  8. ทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้น: หากการอนุมัติสำเร็จ ให้จบการดำเนินธุรกรรมโดยการชำระเงินให้เสร็จ ซึ่งจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ค้าของคุณ

Stripe ขับเคลื่อนปฏิสัมพันธ์ทางการเงินสำหรับธุรกิจทุกขนาด และเทอร์มินัลเสมือนของ Stripe ก็ได้รับการตั้งค่าให้ยอมรับการชำระเงินแบบ MOTO โดยมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้เมื่อจัดการธุรกรรมเหล่านี้ด้วย Stripe

  1. สร้าง Payment Intent: การสร้าง Payment Intent เป็นการแจ้งระบบของ Stripe ว่าคุณตั้งใจจะเรียกเก็บเงินจากบัตรของลูกค้า เมื่อตั้งค่า Payment Intent สําหรับการชําระเงินแบบ MOTO คุณต้องระบุบัตรเป็นวิธีการชําระเงิน

  2. __ ประมวลผลการชําระเงิน:__ ใช้ Stripe Terminal หรืออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ประมวลผลการชําระเงินโดยการทําเครื่องหมายว่าเป็นธุรกรรม MOTO โดยเฉพาะ โดยคุณจะต้องป้อนหมายเลขบัตร, CVC, วันหมดอายุ และรหัสไปรษณีย์ของเจ้าของบัตรในระบบ

  3. ยืนยันสถานะเครื่องอ่านบัตร: หากใช้ฮาร์ดแวร์ คุณจะต้องยืนยันว่าเทอร์มินัลดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น ไม่ได้ใช้งาน รอป้อนข้อมูล กำลังประมวลผลธุรกรรม หรืออยู่ในโหมดข้อผิดพลาด เพื่อประมวลผลการชําระเงิน

  4. หักยอดการชําระเงิน: หักยอดการชําระเงินเพื่อจบการทำธุรกรรม หากสถานะ Payment Intent คือ requires_capture คุณจะต้องยืนยันการหักยอดเพื่อย้ายเงิน

How much do MOTO payments cost?

Accepting MOTO payments typically costs slightly more than other card payments. Card processing fees include a percentage of the transaction amount, plus a fixed fee, and many providers charge a higher percentage for MOTO payments because of the increased fraud risk. You can learn more about Stripe’s pricing for MOTO payments here.

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการชําระเงินแบบ MOTO

พิจารณาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดดังต่อไปนี้เมื่อใช้การชำระเงินแบบ MOTO

  • การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียง: นําเทคโนโลยีการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยเสียงมาใช้งาน เมื่อได้รับความยินยอม คุณสามารถใช้พิมพ์เสียง (voice print) ของลูกค้าเป็นเครื่องมือยืนยันเฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมทางโทรศัพท์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย

  • การระบุสายผู้โทร: ใช้ฟีเจอร์ระบุสายผู้โทรเพื่อเปรียบเทียบสายเรียกเข้ากับฐานข้อมูลความเสี่ยงเพื่อตรวจหาการฉ้อโกงที่ทราบหรือธุรกรรมฉ้อโกงที่เคยเกิดขึ้น เพื่อแจ้งเตือนทันทีสำหรับสายที่อาจมีความเสี่ยง

  • การแปลงสกุลเงินแบบไดนามิก: ให้บริการแปลงสกุลเงินแบบไดนามิกแก่ลูกค้าต่างประเทศเพื่อให้ลูกค้าฟังหรือเห็นค่าใช้จ่ายในการซื้อเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของตน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเกิดความไว้วางใจมากขึ้น

  • บัญชี MOTO โดยเฉพาะ: สร้างบัญชีผู้ค้าแบบสําหรับธุรกรรม MOTO แยกจากช่องทางการขายอื่นโดยเฉพาะ วิธีนี้ช่วยให้สามารถติดตามและจัดการการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • การแปลงเป็นโทเค็นสําหรับลูกค้าประจํา: ใช้การแปลงเป็นโทเค็นเพื่อจัดเก็บข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าสําหรับการซื้อซ้ำไว้อย่างปลอดภัย แต่โทเค็นจะไม่มีประโยชน์หากถูกดักจับโดยมิจฉาชีพ

  • การให้คะแนนการฉ้อโกงที่กําหนดเอง: พัฒนาระบบการให้คะแนนการฉ้อโกงที่เหมาะกับโปรไฟล์ธุรกรรม MOTO โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดการซื้อ ความถี่ และความผิดปกติใดๆ ก็ตามในรูปแบบการสั่งซื้อ

  • การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะ: การกําหนดเส้นทางการโทรแบบอัจฉริยะจะกำหนดเส้นทางลูกค้าเก่าไปยังเจ้าหน้าที่ที่เคยพูดคุยด้วย ซึ่งจะช่วยตรวจจับได้หากมีบางสิ่งที่แปลกไปจากธุรกรรมตามปกติของลูกค้า

  • การวิเคราะห์หลังทําธุรกรรม: ดำเนินการวิเคราะห์หลังธุรกรรมโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุรูปแบบที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง ซึ่งอาจรวมถึงการวิเคราะห์เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อ ความลังเลใจในการให้ข้อมูล หรือความไม่สอดคล้องกันในรายละเอียดการสั่งซื้อ

  • ตัวเลือกการชําระเงินแบบ IVR: ให้บริการระบบ IVR สําหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการแจ้งรายละเอียดของบัตรให้เจ้าหน้าที่โดยตรง วิธีนี้จะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์และการเปิดเผยข้อมูลได้

  • การให้ความรู้แก่ลูกค้า: ให้ข้อมูลลูกค้าในเชิงรุกเกี่ยวกับวิธีดำเนินการธุรกรรม MOTO, ข้อมูลที่ต้องให้ และวิธีตรวจสอบว่าบริษัทที่โทรเข้ามาเป็นบริษัทจริงหากลูกค้าไม่แน่ใจ

  • การติดตามเพื่อยืนยัน: สำหรับธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่หรือผิดปกติ ให้ใช้การโทรยืนยันหรือส่งข้อความแบบใช้ครั้งเดียวไปทางข้อความ SMS ที่ลูกค้าต้องระบุเพื่อจบการขาย

  • การประเมินพนักงานเป็นประจํา: ประเมินพนักงานที่จัดการการชำระเงินแบบ MOTO เป็นประจํา เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานปฏิบัติตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้อง

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI: ธุรกิจที่รับการชําระเงินแบบ MOTO จะต้องปฏิบัติตาม PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร มาตรฐานเหล่านี้ประกอบไปด้วยการจัดเก็บบันทึกธุรกรรมไว้อย่างปลอดภัยและไม่เก็บข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ละเอียดอ่อนไว้หลังการอนุมัติ

Stripe Terminal ช่วยได้อย่างไรบ้าง

Stripe Terminal ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มรายรับด้วยการชำระเงินแบบรวมเป็นหนึ่งได้ ทั้งการชำระเงินที่จุดขายและช่องทางออนไลน์ โดย Stripe Terminal รองรับวิธีการชําระเงินใหม่ๆ โลจิสติกส์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานง่าย ความครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงการผสานการทํางาน POS และการค้าหลายร้อยแบบเพื่อให้คุณออกแบบชุดเครื่องมือการชําระเงินที่ตรงใจที่สุด คุณสามารถประมวลผลการชำระเงินแบบ MOTO โดยใช้ Stripe Terminal ได้โดยการป้อนข้อมูลบัตรบนเครื่องอ่านบัตรแทนการแตะหรือเสียบบัตรจริง

Stripe ขับเคลื่อนการค้าแบบแพลตฟอร์มรวมให้แบรนด์มากมาย เช่น Hertz, URBN, Lands’ End, Shopify, Lightspeed และ Mindbody

Stripe Terminal สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • รวมแพลตฟอร์มการค้า: จัดการการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายบนแพลตฟอร์มทั่วโลกด้วยข้อมูลการชำระเงินที่รวมเป็นหนึ่งเดียว

  • ขยายไปทั่วโลก: ขยายไปยัง 24 ประเทศด้วยการผสานการทำงานเพียงชุดเดียวและวิธีการชำระเงินยอดนิยม

  • ผสานการทำงานในแบบของคุณ: พัฒนาแอป POS แบบกำหนดเองของคุณเอง หรือเชื่อมต่อกับสแต็กเทคโนโลยีที่มีอยู่โดยใช้การผสานการทำงานกับระบบ POS และแพลตฟอร์มการค้าของบริษัทอื่น

  • ลดความซับซ้อนของโลจิสติกส์ฮาร์ดแวร์: สั่งซื้อ จัดการ และติดตามตรวจสอบเครื่องอ่านบัตรที่รองรับ Stripe ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Terminal หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe