การฉ้อโกงการชำระเงินเริ่มแพร่หลายและซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ตามรายงานของคณะกรรมการการค้าแห่งรัฐบาลกลาง (FTC) พบว่ามีรายงานเกี่ยวกับการฉ้อโกง 2.4 ล้านรายการในปี 2022 โดยมีมูลค่าของความสูญเสียประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลกําลังทำให้ธุรกิจออนไลน์มีหลายประเภทขึ้น ส่งผลให้ธุรกรรมทางการเงินมีขนาดและความหลากหลายมากขึ้น
เมื่อธุรกรรมทางการเงินเปลี่ยนจากวิธีที่ใช้กระดาษไปสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของธุรกรรมดิจิทัลก็จำเป็นต้องมีโปรโตคอลความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ตัวอย่างเช่น โลกาภิวัตน์ของการดำเนินธุรกิจหมายความว่าบริษัทต่างๆ มีส่วนร่วมในธุรกรรมข้ามพรมแดนมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเสี่ยงเนื่องจากสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและระบบการเงินที่หลากหลาย
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับใช้กลไกป้องกันการฉ้อโกงและการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าก็มีความคาดหวังที่จะทำธุรกรรมทางการเงินให้สำเร็จลุล่วงได้ทันทีและปราศจากข้อผิดพลาด การตอบสนองความคาดหวังเหล่านี้จำเป็นต้องใช้โซลูชันการชำระเงินที่เชื่อมโยงกันอย่างรอบคอบ ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย หนึ่งในโซลูชั่นเหล่านี้คือการยืนยันบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ของโปรโตคอลความปลอดภัยทางการเงิน
โดยต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการยืนยันบัญชีธนาคาร วิธีการทำงาน และผลกระทบต่อธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ก่อให้เกิดการชำระเงินสมัยใหม่
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การยืนยันบัญชีธนาคารคืออะไร
- วัตถุประสงค์ของการยืนยันบัญชีธนาคารคืออะไร
- การยืนยันบัญชีธนาคารทํางานอย่างไร
- เหตุใดการยืนยันบัญชีธนาคารจึงสําคัญ
การยืนยันบัญชีธนาคารคืออะไร
การยืนยันบัญชีธนาคารเป็นกระบวนการที่ยืนยันว่าบัญชีธนาคารถูกต้อง ซึ่งทําได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีใช้งานได้ โดยยืนยันว่าบัญชีเป็นของบุคคลที่อ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของ และยืนยันว่าธุรกรรมมีเงินเพียงพอ เช่น การฝากเงินโดยตรงหรือการชําระเงินอัตโนมัติ โดยทั่วไปแล้วการยืนยันบัญชีธนาคารใช้สําหรับการชําระเงินผ่านธนาคารออนไลน์เพื่อลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงหรือข้อผิดพลาด
วัตถุประสงค์ของการยืนยันบัญชีธนาคารคืออะไร
การยืนยันบัญชีธนาคารจะตรวจสอบสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของและความถูกต้องของบัญชีธนาคารที่ระบุ โดยเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของธุรกรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และการโอนอัตโนมัติภายผ่านสํานักหักบัญชี (ACH) รวมถึงกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีเป้าหมายคือการยืนยันรายละเอียดที่สําคัญ เช่น ชื่อเจ้าของบัญชี หมายเลขบัญชี และประเภทบัญชี (เช่น กระแสรายวันหรือออมทรัพย์) ช่วยป้องกันข้อผิดพลาด ลดการฉ้อโกง และปกป้องความถูกต้องของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
การยืนยันบัญชีธนาคารทํางานอย่างไร
การยืนยันมีหลายวิธีด้วยกัน วิธีการเหล่านี้อาจรวมอัลกอริทึมในการตรวจสอบโครงสร้างหมายเลขบัญชีตามประเทศหรือระเบียบการของสถาบันธนาคาร การฝากเงินจํานวนน้อยโดยตรงเพื่อยืนยันสถานะบัญชี หรือเทคนิคการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยเพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้า
การยืนยันทุกวิธีมีวัตถุประสงค์หลักคือการประเมินความถูกต้องของบัญชีและลดความเสี่ยงของมิจฉาชีพทางการเงินหรือกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง วิธีการยืนยันที่ใช้กันทั่วไปมีดังนี้

การยืนยันทันที
วิธีนี้ใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์ของตัวเองผ่านบริษัทอื่น เช่น Stripe Financial Connections
OAuth (การอนุมัติวงเงินแบบเปิด) เป็นวิธีการที่รวดเร็วและปลอดภัยที่สุดสําหรับการยืนยันทันที การเชื่อมต่อ OAuth ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยโทเค็นที่ให้ลูกค้าเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารออนไลน์ของตัวเองโดยตรงโดยไม่ต้องแชร์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ระบบจะใช้โทเค็นนี้เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยการนำโทเค็นสำหรับธุรกิจที่จะใช้ตรวจสอบข้อมูลประจําตัวของบัญชีมาใช้แทยข้อมูลดังกล่าว อินเทอร์เฟซนี้ทําให้รายละเอียดบัญชีพร้อมใช้งานทันทีและช่วยให้ยืนยันได้อย่างรวดเร็ว
โดยทั่วไปแล้ว การยืนยันทันทีจะใช้ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น
- มาร์เก็ตเพลสออนไลน์: ลูกค้าสามารถเชื่อมโยงบัญชีธนาคารสําหรับการชําระเงินหรือการฝากเงินได้อย่างรวดเร็วเพื่อการเริ่มต้นใช้งานที่เร็วขึ้น
- อีคอมเมิร์ซและการสมัครใช้บริการ: ธุรกิจต่างๆ สามารถยืนยันบัญชีของลูกค้าได้ในทันทีและเริ่มเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวหรือตามแบบแผนล่วงหน้าได้
- แอปการเงินส่วนบุคคล: แอปเหล่านี้นําเสนอคําแนะนําในการจัดทํางบประมาณโดยอิงตามประวัติธุรกรรม
- แพลตฟอร์มการลงทุน: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะจําเป็นต้องตรวจสอบประวัติทางการเงินโดยละเอียดเพื่อให้ทํางานได้
การตรวจสอบบัญชีธนาคารอัตโนมัติ
เมื่อใช้การตรวจสอบบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ABAV) ลูกค้าจะป้อนข้อมูลบัญชีธนาคารด้วยตนเอง และบุคคลที่สามจะตรวจสอบบัญชีและ Routing Number โดยเทียบกับฐานข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าบัญชีดังกล่าวถูกต้อง การยืนยันประเภทนี้มักจะพบในสถานการณ์ต่อไปนี้
- การชําระเงินออฟไลน์: ธุรกิจที่รับคําสั่งซื้อทางโทรศัพท์หรือทางไปรษณีย์
- การชําระเงินระหว่างองค์กร: ธุรกิจที่มียอดธุรกรรมจํานวนมากซึ่งต้องมีการทําสัญญาและชําระเงินด้วยตนเอง
การยืนยันการฝากเงินจำนวนเล็กน้อย
การยืนยันด้วยวิธีการฝากเงินจำนวนเล็กน้อยคือการโอนเงินจํานวนเล็กน้อยไปยังบัญชีที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบ โดยเมื่อได้รับเงินแล้ว เจ้าของบัญชีจะต้องยืนยันรหัสในชื่อผู้ค้าในรายการเดินบัญชีหรือจํานวนที่แน่นอน แม้วิธีนี้จะเชื่อถือได้ แต่ก็ดำเนินการได้ช้ากว่าวิธีอื่นๆ โดยอาจใช้เวลาถึง 2-3 วันทําการ การยืนยันประเภทนี้มักจะพบในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเงินแบบดั้งเดิม สถาบันที่ยอมรับได้กับการได้รับรายได้ที่ช้ากว่า เช่น ธนาคารและเครดิตยูเนียนแบบดั้งเดิม ใช้วิธีนี้อย่างกว้างขวางมาเป็นเวลานาน
การยืนยันด้วยเอกสาร
เมื่อทําการยืนยันด้วยเอกสาร เจ้าของบัญชีจะต้องส่งเอกสารที่เป็นกระดาษหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เช็คที่ถูกยกเลิกหรือใบแจ้งยอดจากธนาคาร เพื่อทดแทนสถานะบัญชีและกรรมสิทธิ์ของตน โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้เป็นทางเลือกที่ใช้แรงงานมากกว่าและอาจต้องมีการควบคุมดูแลด้วยตนเอง ซึ่งอาจทำให้กระบวนการตรวจสอบล่าช้าได้ ตัวอย่างของกรณีที่การยืนยันประเภทนี้อาจเหมาะสมมีดังนี้
- สินเชื่อจํานอง: สินเชื่อจํานองมีความเสี่ยงสูง และผู้ให้กู้ต้องการเอกสารที่ละเอียดในการยืนยันสถานะทางการเงินของผู้ขอกู้
- สินเชื่อรถยนต์: เช่นเดียวกับสินเชื่อจำนอง สินเชื่อรถยนต์มักกำหนดให้ยื่นเอกสารที่เชื่อถือได้เพื่อการตรวจสอบ

เหตุใดการยืนยันบัญชีธนาคารจึงสําคัญ
การยืนยันบัญชีธนาคารช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของระบบประมวลผลการชำระเงินโดยสนับสนุนความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความถูกต้องตามกฎหมายของธุรกรรมทางการเงิน การยืนยันบัญชีธนาคารบรรลุวัตถุประสงค์ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
การสร้างความถูกต้องตามกฎหมายของบัญชี
การสร้างความถูกต้องตามกฎหมายของบัญชีจะช่วยหลีกเลี่ยงธุรกรรมที่ฉ้อโกงหรือยับยั้งพฤติกรรมที่หลอกลวง ในกรณีของสถาบันการเงินและธุรกิจ การยืนยันบัญชีที่แม่นยำจะช่วยป้องกันความผิดปกติทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบที่มีค่าใช้จ่ายสูง
การอำนวยความสะดวกในการชำระเงินอัตโนมัติและดิจิทัล
การยืนยันช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลบัญชีถูกต้อง ช่วยให้การประมวลผลธุรกรรมต่างๆ เช่น การหักบัญชีธนาคาร การชำระบิลอัตโนมัติ และการซื้อออนไลน์ราบรื่นยิ่งขึ้น ข้อมูลที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในการทำธุรกรรม ก่อให้เกิดค่าธรรมเนียม และขัดขวางการดำเนินงานทางการเงินสำหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ
การสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันบางประการสำหรับสถาบันการเงินถูกกำหนดขึ้นโดยกรอบการกำกับดูแลต่างๆ เช่น กฎหมายความลับของธนาคารของสหรัฐอเมริกาและ PSD2 ของยุโรป การไม่ปฏิบัติตามอาจส่งผลให้ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กรที่กระทําผิด การยืนยันทำหน้าที่เป็นกลไกในตัวเพื่อตอบสนองข้อกำหนดด้านกฎระเบียบเหล่านี้ และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการภายในกฎหมาย
ปรับปรุงความแม่นยําของข้อมูล
ธุรกิจและสถาบันการเงินรวบรวมข้อมูลจำนวนมากเพื่อการวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการปรับปรุงบริการ การยืนยันจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนี้ ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจในอนาคตและการโต้ตอบกับลูกค้า
การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบัญชี
การยืนยันจะช่วยให้เจ้าของบัญชีมั่นใจว่ามีการใช้มาตรการเพื่อยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายของธุรกรรมและป้องกันอุบัติเหตุทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
แนวทางการป้องกันการฉ้อโกงของ Stripe ใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงแบบผสานการทํางานและการตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติมเพื่อช่วยแยกแยะลูกค้าจริงออกจากผู้ฉ้อโกง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีรับมือกับการฉ้อโกงกับ Stripe
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ