ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ (CAU) คืออะไร สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติมีการทํางานอย่างไร
  3. ประโยชน์ในการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ
  4. ความท้าทายในการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ
  5. วิธีเลือกและนำระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติไปใช้

ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ (CAU) เป็นบริการจากบริษัทบัตรเครดิตและเกตเวย์การชําระเงิน เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เมื่อข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าเปลี่ยนแปลงเนื่องจากบัตรกําลังจะหมดอายุหรือมีการเปลี่ยนบัตรใหม่ CAU จะอัปเดตรายละเอียดบัตรในระบบของธุรกิจโดยอัตโนมัติ CAU ช่วยลดการหยุดชะงักในการชําระเงินเนื่องจากข้อมูลบัตรไม่เป็นปัจจุบัน และมีประโยชน์สําหรับธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจด้วยการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า หรือ การชําระเงินตามรอบบิล

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับการใช้บริการนี้ ซึ่งได้แก่ วิธีการทํางานของ CAU, ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น และวิธีที่ระบบเหล่านี้จะทำงานร่วมกับระบบการชำระเงินโดยรวม

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติมีการทํางานอย่างไร
  • ประโยชน์ของการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ
  • ความท้าทายของการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ
  • วิธีเลือกและนำระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติไปใช้

ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติมีการทํางานอย่างไร

ธุรกิจจะใช้ CAU เมื่อทราบว่าข้อมูลบัตรของลูกค้าไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากบัตรหมดอายุ ออกบัตรใหม่ การปิดบัญชี หรือการอัปเกรดบัตร คุณสมบัติหลักของบริการ CAU คือลูกค้าและธุรกิจแทบไม่ต้องทำอะไรเลยหรือทำเพียงเล็กน้อยในการรับรายละเอียดของบัตรใหม่ โดยบริการจะใช้เครือข่ายบัตรเครดิต ผู้ประมวลผลการชําระเงิน และธนาคารที่ออกบัตรแทน เนื่องจากบริการนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลการเงินที่ละเอียดอ่อน กระบวนการนี้จึงอยู่ภายใต้ระเบียบการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เข้มงวด เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) โปรโตคอลเหล่านี้มีความจําเป็นต่อการปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร

CAU ให้บริการโดยบัตรเครดิต และแม้ว่าระบบเหล่านี้จะทํางานด้วยวิธีที่คล้ายกัน แต่ก็ยังมีระบบและขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจงสําหรับบริการของแต่ละบริษัท ตัวอย่างเช่น CAU ระบบอัปเดตข้อมูลบัญชีอัตโนมัติของ Visa และ CAU ระบบอัปเดตการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติของ Mastercard จะใช้ระเบียบวิธีที่แตกต่างกันในการอัปเดตข้อมูลบัตร โดย Mastercard ใช้โมเดลแบบพุช/พูล ขณะที่ Visa ได้รับการอัปเดตโดยตรงผ่านสถาบันที่เข้าร่วม

ด้านล่างนี้เป็นการแสดงขั้นตอนทั่วไปในการดําเนินการของ CAU

  • คําขอจากธุรกิจ: เมื่อธุรกิจตรวจพบความจําเป็นที่จะต้องอัปเดตข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้า ธุรกิจจะเริ่มส่งคําขอไปที่ผู้ประมวลผลการชําระเงิน โดยระบุรายละเอียดบัตรที่มีอยู่ของลูกค้า ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะดําเนินการในฐานะคนกลาง โดยส่งต่อคําขอนี้ไปยังเครือข่ายบัตรเครดิตที่เหมาะสม (เช่น Visa, Mastercard, American Express) เมื่อได้รับ รายละเอียดเฉพาะที่จะต้องระบุไว้ในคําขอเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามเครือข่าย และผู้ประมวลผลการชําระเงินมีหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคําขอที่ส่งต่ออยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมและประกอบด้วยข้อมูลที่จําเป็นทั้งหมด

  • คําขอเครือข่ายบัตรเครดิต: เมื่อได้รับคําขอจากผู้ประมวลผลการชําระเงิน เครือข่ายบัตรเครดิตจะติดต่อสถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตของลูกค้าหรือที่เรียกว่า ธนาคารที่ออกบัตร ธนาคารจะยืนยันคําขอ ตรวจสอบบันทึกของธนาคาร และดึงรายละเอียดของบัตรที่เป็นปัจจุบันที่สุด รวมถึงหมายเลขบัญชีและวันหมดอายุ จากนั้นธนาคารจะส่งข้อมูลนี้กลับไปยังเครือข่ายบัตรเครดิต

  • การส่งข้อมูลที่ปลอดภัย: หลังจากได้รับข้อมูลบัตรใหม่จากธนาคารที่ออกบัตรแล้ว เครือข่ายบัตรเครดิตจะส่งข้อมูลนี้ต่อไปให้ผู้ประมวลผลการชําระเงินผ่านช่องทางที่ปลอดภัยซึ่งปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า

  • การอัปเดตบันทึกของธุรกิจ: หลังจากได้รับข้อมูลบัตรที่อัปเดตแล้ว ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะอัปเดตบันทึกของธุรกิจให้สอดคล้องกัน ซึ่งทําให้ธุรกิจสามารถประมวลผลธุรกรรมในอนาคตด้วยรายละเอียดบัตรที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันของลูกค้า ผู้ประมวลผลการชําระเงินบางรายมีกลไกการอัปเดตอัตโนมัติที่จะทริกเกอร์การอัปเดตบันทึกของธุรกิจแบบทันที ธุรกิจจะได้รับแจ้งเมื่อเพิ่มรายละเอียดบัตรใหม่แล้ว และอาจได้รับรายงานที่สรุปข้อมูลเกี่ยวกับบัตรของลูกค้าที่มีการอัปเดต และสาเหตุของการอัปเดตเหล่านี้ด้วย

  • การอัปเดตฐานข้อมูล: เครือข่ายบัตรเครดิตและผู้ประมวลผลการชําระเงินยังดูแลฐานข้อมูลที่เก็บข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าด้วย ฐานข้อมูลเหล่านี้จะอัปเดตโดยใช้รายละเอียดของบัตรใหม่เมื่อได้รับจากธนาคารที่ออกบัตรแล้ว

ประโยชน์ในการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ

ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติมีความสําคัญกับธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น บริการแบบสมัครสมาชิกหรือแพ็กเกจผ่อนชําระ ฟีเจอร์สำคัญของ CAU คือการช่วยป้องกันธุรกรรมที่ไม่สําเร็จเนื่องจากข้อมูลบัตรไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งช่วยมอบกระแสรายรับที่เสถียรสําหรับธุรกิจและมอบบริการที่ไม่หยุดชะงักให้กับลูกค้าของธุรกิจ บัตรเครดิตจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในวงจรการที่ต่อเนื่อง ได้แก่ การหมดอายุ การออกบัตรใหม่เนื่องจากเกิดทำหายหรือถูกขโมย การปิดบัญชี และการอัปเกรด ธุรกิจที่จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลบัตรที่ถูกต้องเป็นเวลานานจึงต้องมีระบบสําหรับติดตามเหตุการณ์เหล่านี้ เช่น CAU

ธุรกิจที่ใช้ CAU อาจได้รับประโยชน์ด้านการปฏิบัติงานดังต่อไปนี้

  • ธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธการชําระเงินน้อยลง: บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะหมดอายุทุกๆ 3-5 ปี ทําให้ธุรกิจเสียรายได้เมื่อลูกค้าลืมอัปเดตรายละเอียดบัตร การเก็บรักษารายละเอียดของบัตรในปัจจุบันจะทําให้ CAU เพิ่มอัตราความสําเร็จของธุรกรรม ช่วยป้องกันการรั่วไหลของรายได้ และส่งเสริมกระแสเงินสดและรายรับที่สม่ำเสมอ ซึ่งช่วยยกระดับสถานะทางการเงินโดยรวม และช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีการคาดการณ์และการวางแผนทางการเงินที่ถูกต้องมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Postmates มีการเพิ่มขึ้น 1.72% จาก CAU ทําให้มีรายรับเพิ่มขึ้น 60 ล้านดอลลาร์ภายใน 1 ปี

  • การส่งมอบบริการอย่างต่อเนื่อง: สําหรับธุรกิจที่ดําเนินงานในรูปแบบการสมัครใช้บริการหรือผ่านแพ็กเกจผ่อนชําระ ความต่อเนื่องในการให้บริการคือกุญแจสําคัญ CAU ช่วยรักษาความต่อเนื่องนี้โดยทำให้แน่ใจว่าบริการจะไม่หยุดชะงักเนื่องจากข้อมูลบัตรเครดิตไม่เป็นปัจจุบัน

  • ภาระด้านธุรการลดลง: การติดตามและการอัปเดตข้อมูลบัตรเครดิตด้วยตนเองเป็นงานที่ใช้ทรัพยากรมาก ระบบอัปเดตจะลดภาระงานที่ยุ่งยากซึ่งต้องดําเนินการด้วยตนเอง เป็นการเพิ่มทรัพยากรที่มีคุณค่าให้กับกิจกรรมที่สร้างรายรับ นอกจากนี้ ระบบอัปเดตยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านธุรการ ประหยัดเงินให้กับธุรกิจในการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง การสอบถามข้อมูลจากฝ่ายสนับสนุนลูกค้า และค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืน

  • การรักษาลูกค้าที่ดีขึ้น: ขั้นตอนการเรียกเก็บเงินที่ราบรื่นคือปัจจัยสําคัญในการรักษาลูกค้าในโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกหรือการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และปัญหาการชําระเงินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจทําให้ลูกค้าไม่พอใจ และเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าในท้ายที่สุด ครึ่งของการเลิกใช้บริการเกิดจากการชําระเงินที่ไม่สําเร็จที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น บัตรหมดอายุ และตัวอัปเดตข้อมูลสามารถลดอัตราการเลิกใช้บริการลงได้โดยการรักษาอัตราการสมัครใช้บริการให้คงที่ และสร้างความเสถียรให้กับกระแสรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า นอกจากนี้ CAU ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าโดยการลดการหยุดชะงักของการชําระเงินให้น้อยที่สุด และการจัดการอัปเดตบัญชีโดยไม่ต้องติดต่อลูกค้า ซึ่งบางครั้งลูกค้าอาจมองว่าเป็นการรบกวนหรือทำให้ไม่สะดวก

  • การความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูง: การจัดเก็บและการอัปเดตบัตรด้วยตัวเองทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงที่จะเกิดการละเมิดข้อมูลสูงยิ่งขึ้น ระบบอัปเดตจะจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างปลอดภัย ลดการโจมตี และดูแลการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ PCI DSS ระบบอัปเดตจะระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยในเชิงรุกด้วย ซึ่งช่วยการลดการฉ้อโกง ความสูญเสีย และช่วยปกป้องธุรกิจได้มากขึ้นด้วยการแทนที่รายละเอียดบัญชีของบัตรที่ไม่เป็นปัจจุบันโดยทันที ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกง

  • ความสามารถในการขยายที่สูงขึ้น: เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ปริมาณธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าที่ต้องจัดการก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ CAU จะขยายไปพร้อมธุรกิจ โดยจะจัดการธุรกรรมจํานวนมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเพิ่มการประมวลผลด้วยตัวเอง

  • โอกาสในการทําการตลาดที่ดีขึ้น: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการอัปเดตบัตรของระบบอัปเดตจะให้ข้อมูลสําคัญเกี่ยวกับลูกค้ากลุ่มลูกค้า รูปแบบการเลิกใช้บริการ และพฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งช่วยให้บริษัทปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้เหมาะกับลูกค้าและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้

ความท้าทายในการใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ

แม้ CAU จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็อาจมาพร้อมกับความท้าทาย ต่อไปนี้คือด้านสําคัญๆ ที่อาจเกิดความท้าทายขึ้นกับ CAU

  • การผสานการทํางาน: การผสานการทํางาน CAU เข้ากับระบบการชําระเงินที่มีอยู่อาจมีความซับซ้อนทางเทคนิค โดยเฉพาะสําหรับธุรกิจที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพ การตรวจสอบว่า CAU ที่เลือกนั้นใช้ได้กับแพลตฟอร์มการประมวลผลการชําระเงิน อาจต้องใช้ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรทางเทคนิคอย่างมาก

  • ค่าใช้จ่าย: การนําบริการ CAU มาใช้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การสมัครใช้บริการ ค่าใช้จ่ายด้านการเชื่อมต่อระบบและการบํารุงรักษา รวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่เป็นไปได้ สําหรับธุรกิจบางแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรเป็นข้อควรพิจารณาที่สําคัญ

  • การรักษาความปลอดภัย: ธุรกิจจะต้องประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของบริการ CAU เมื่อต้องจัดการข้อมูลการชําระเงินที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า การจัดการข้อกําหนดด้านการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ

  • ความน่าเชื่อถือ: การใช้บริการ CAU ของบริษัทอื่นทำให้เกิดความจำเป็นในการพึ่งพา หากผู้ให้บริการประสบปัญหาระบบหยุดทํางาน ปัญหาทางเทคนิค หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดการให้บริการ อาจส่งผลต่อความสามารถในการประมวลผลการชําระเงินของธุรกิจได้

  • ความยืดหยุ่น: ธุรกิจที่มีความต้องการด้านการปฏิบัติงานอย่างเฉพาะเจาะจงอาจต้องหา CAU ที่เหมาะสม CAU บางอย่างมีตัวเลือกในการปรับแต่งที่จํากัดเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ประเภทของธุรกรรมที่ครอบคลุม เครือข่ายบัตรที่รองรับ และความถี่ในการอัปเดตระเบียน

  • ข้อผิดพลาดทางเทคนิค: เช่นเดียวกับโซลูชั่นทางเทคโนโลยีใดๆ CAU ก็มีโอกาสที่จะพบข้อบกพร่องทางเทคนิคหรือข้อผิดพลาดของระบบ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการอัปเดตที่ไม่ถูกต้องหรือพลาดการอัปเดต ซึ่งทําให้ธุรกรรมถูกปฏิเสธและลูกค้าไม่พอใจ

วิธีเลือกและนำระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติไปใช้

Visa, Mastercard, American Express และ Discover ต่างก็มีบริการระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติในเวอร์ชันของตน American Express และ Discover มีแนวโน้มที่จะมีเส้นทางที่ตรงกว่าในการลงทะเบียนใช้บริการ CAU ขณะที่ Visa และ Mastercard กําหนดให้ต้องลงทะเบียนผ่านสถาบันผู้รับบัตร ผู้ออกบัตร หรือผู้ประมวลผลการชําระเงินเพื่อยืนยันว่าระบบใช้งานร่วมกันได้กับบริการของตน

การลงทะเบียนใช้บริการ CAU ผ่านผู้ประมวลผลการชําระเงินมีประโยชน์มากมาย เกตเวย์การชําระเงิน เช่น Stripe มักรวมบริการอัปเดตข้อมูลบัญชีแบบในตัวไว้เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันการประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งจะจัดการด้านทางเทคนิคของการผสานการทํางานและการบํารุงรักษา นี่อาจเป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่นสําหรับธุรกิจที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือทรัพยากรในการจัดการกระบวนการเหล่านี้ในบริษัทตัวเอง โดยทั่วไป เกตเวย์การชําระเงินยังมักรองรับการอัปเดตข้ามเครือข่ายบัตรเครดิตหลายเครือข่ายอีกด้วย โดยนําเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมครอบคลุมฐานลูกค้าในวงกว้าง

ด้านล่างนี้ระบุขั้นตอนการลงทะเบียนในบริการ CAU ผ่าน Stripe เป็นตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดขึ้น

  • ติดต่อ Stripe: ธุรกิจที่สนใจใช้บริการ CAU ผ่าน Stripe ควรติดต่อ Stripe โดยตรง Stripe จะให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับบริการอัปเดตข้อมูลบัญชีอัตโนมัติ และวิธีลงทะเบียนใช้บริการ โดยพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ และวิธีที่บริการ CAU ของ Stripe จะตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ธุรกิจควรสอบถามความถี่ที่บริการอัปเดตข้อมูลอัตโนมัติของ Stripe จะรีเฟรชข้อมูล และประเมินว่าตนอาจต้องการการอัปเดตบ่อยกว่านี้หรือไม่ นอกจากนี้ ธุรกิจยังควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการ CAU ของ Stripe ครอบคลุมถึงประเภทธุรกรรมที่ตนเสนอ (เช่น การสมัครใช้บริการที่มีการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าหรือการชําระเงินแบบครั้งเดียว)

  • ตรวจสอบโปรโตคอลความปลอดภัย: ธุรกิจควรพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าในระหว่างกระบวนการอัปเดต ตัวอย่างเช่น บริการของ Stripe เป็นไปตามข้อกําหนดของ PCI DSS และธุรกิจควรยืนยันข้อมูลนี้และทําความเข้าใจว่าบริการสอดคล้องกับข้อกําหนดในการปฏิบัติตามข้อกําหนดของตนอย่างไรก่อนที่จะดําเนินต่อไป

  • เชื่อมต่อการทํางานกับ Stripe: Stripe มักจะนําเสนออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) สําหรับบริการต่างๆ ธุรกิจจะต้องผสานการทํางานกับ API ของ Stripe ในระบบการชําระเงิน ซึ่งอาจต้องมีการเขียนโปรแกรมงานเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างระบบของตนกับบริการอัปเดตข้อมูลบัญชีของ Stripe ในบางกรณี Stripe อาจรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบใช้ไฟล์ด้วย ซึ่งอาจต้องมีการส่งและรับไฟล์ข้อมูลที่มีข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อให้ระบบของ Stripe ประมวลผล

  • ทดสอบฟังก์ชันการทำงาน: หลังจากผสานการทํางาน ธุรกิจควรทําการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อยืนยันว่าการผสานการทํางานทํางานอย่างถูกต้อง กรณีนี้ควรมีการทดสอบสถานการณ์ต่างๆ เช่น การหมดอายุของบัตร การออกบัตรใหม่ และการเปลี่ยนแปลงบัญชี เพื่อยืนยันว่าบริการระบบอัปเดตข้อมูลอัตโนมัติมีการอัปเดตข้อมูลนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การฝึกอบรมทีม: ธุรกิจควรให้การฝึกอบรมแก่สมาชิกทีมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีทํางานของ CAU ของ Stripe และวิธีจัดการกับคําถามของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้แก่ทีมเกี่ยวกับผลกระทบของ CAU ที่มีต่อกระบวนการทางธุรกิจ และวิธีใช้ประโยชน์จากบริการในการดําเนินธุรกิจในแต่ละวัน

  • การติดตามประสิทธิภาพ: ธุรกิจควรติดตามผลการทำงานของบริการ CAU ของ Stripe ในระบบอยู่เป็นประจํา โดยมองหาเมตริก เช่น ธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธและการอนุมัติการชําระเงิน หากบริการ CAU ของ Stripe ไม่ตรงตามความคาดหวังและข้อกําหนดทางธุรกิจ คุณสามารถปรับและเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ตามความจําเป็น

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ CAU ของ Stripe ซึ่งเรียกว่า "การอัปเดตบัตรอัตโนมัติ" ด้านล่าง

  • การอัปเดตอัตโนมัติแบบเรียลไทม์: ลูกค้าที่จัดเก็บรายละเอียดบัตรของตนไว้กับธุรกิจที่ใช้ Stripe จะได้รับการอัปเดตข้อมูลโดยอัตโนมัติเมื่อได้บัตรใหม่โดยไม่จําเป็นต้องป้อนรายละเอียดอีกครั้ง เมื่อเร็วๆ นี้ Stripe ได้เปิดตัวการอัปเดตแบบเรียลไทม์ซึ่งพร้อมให้บริการสําหรับ Visa ในสหราชอาณาจักรและยุโรป และสําหรับ Mastercard ทั่วโลก โดยมีแผนที่จะขยายไปยังการอัปเดต American Express ในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม หากการเรียกเก็บเงินถูกปฏิเสธ เราอาจส่งคําขออัปเดตแบบเรียลไทม์และลองชําระเงินอีกครั้งทันทีด้วยรายละเอียดที่อัปเดต (หากมี) ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์เป็นพิเศษในกรณีที่รายละเอียดบัตรมีการเปลี่ยนแปลง ณ ขณะทําธุรกรรม

  • รองรับเครือข่ายบัตรมากมาย: บริการนี้รองรับบัตรที่ออกในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จากเครือข่ายชั้นนำ เช่น American Express, Visa, Mastercard และ Discover การรองรับในระดับสากลของการอัปเดตบัตรอัตโนมัติอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศและการเข้าร่วมเครือข่ายของบริษัทผู้ออกบัตร

  • การจัดการการเรียกเก็บเงินและการชําระเงินตามรอบบิล: CAU ของ Stripe เชื่อมต่อการทํางานกับการเรียกเก็บเงินและการจัดการการชําระเงินตามรอบบิล ทําให้เป็นโซลูชันที่ครอบคลุมสําหรับธุรกิจที่ต้องการกระบวนการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่สม่ำเสมอ

  • ค่าบริการ: Stripe อัปเดตค่าบริการสําหรับบริการอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติในเดือนตุลาคม 2023

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe