การชําระเงินในสหรัฐอเมริกา: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานการณ์ในตลาด
  3. วิธีการชําระเงิน
    1. การใช้งานในปัจจุบัน
    2. แนวโน้มใหม่
  4. ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
    1. ภาษี
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน
    3. การชําระเงินระหว่างประเทศ
    4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  5. ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสําเร็จ
  6. ประเด็นสำคัญ
    1. ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
    2. เปิดรับวิธีการชําระเงินใหม่ๆ
    3. ทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น

การขยายธุรกิจเข้าสู่สหรัฐอเมริกาจะช่วยเปิดตลาดที่กว้างได้ ในฐานะแหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐฯ มีรายรับจากอีคอมเมิร์ซรวมกันเป็นมูลค่า 905 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 อย่างไรก็ตาม มีตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายในสหรัฐอเมริกาให้พิจารณา รวมถึงข้อกังวลด้านความปลอดภัย การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และความซับซ้อนในการจัดการการชําระเงินระหว่างประเทศ แต่ความท้าทายเหล่านี้ก็ยังมอบโอกาสให้ธุรกิจปรับปรุงประสบการณ์และแข่งขันได้สูง ซึ่งตรงตามวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ

ในคู่มือนี้ เราจะสํารวจข้อมูลของระบบการชําระเงินในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย

  • การลงทุนกับระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม
  • เปิดรับวิธีการชําระเงินใหม่ๆ
  • ทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น

สถานการณ์ในตลาด

ในสหรัฐอเมริกา สกุลเงินหลักคือดอลลาร์สหรัฐ (USD) และมีการรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ มาหลายสิบปีแล้ว แต่วิธีการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็แพร่หลายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กระเป๋าเงินดิจิทัลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ อย่าง Apple Pay และ Google Pay ซึ่งช่วยให้ผู้คนซื้อสินค้าได้โดยใช้เพียงโทรศัพท์ ก็ได้รับความสนใจมากขึ้น ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เช่น Open Banking กำลังพลิกสถานการณ์ของสถาบันการเงินและธุรกิจฟินเทครุ่นใหม่ไฟแรงในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งกรอบการกํากับดูแลที่ควบคุมอุตสาหกรรมนี้กําลังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

หน่วยงานกํากับดูแลของรัฐและหน่วยงานของรัฐบาลกลางหลายรายที่ดูแลภาคธุรกิจการเงิน ประกอบไปด้วย กระทรวงการคลัง, ธนาคารกลาง, สำนักงานควบคุมเงินตราของสหรัฐฯ (OCC), สถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) และหน่วยงานคุ้มครองการเงินสำหรับผู้บริโภค (CFPB) หน่วยงานเหล่านี้ได้จัดทําแนวทางและระเบียบข้อบังคับในการรักษากิจกรรมทางการเงินที่โปร่งใสและปลอดภัย ความปลอดภัยและมั่นคง การคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และนโยบาย "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) กฎหมาย AML และนโยบาย KYC มีไว้สำหรับป้องกันการฉ้อโกง และกิจกรรมที่มิชอบด้วยกฎหมาย

วิธีการชําระเงิน

การชําระเงินด้วยเงินสดมีประวัติอันยาวนานในสหรัฐอเมริกา แต่เทคโนโลยีการชําระเงินแบบดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์เพิ่งมาแทนที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การซื้อสินค้าออนไลน์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโตอย่างมากในช่วงโรคระบาด ซึ่งเป็นการย้ำว่าลูกค้าจำนวนมากชอบใช้การชําระเงินดิจิทัล ภาพรวมของวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา

การใช้งานในปัจจุบัน

นับตั้งแต่มีการเริ่มใช้ในตลาดสหรัฐฯ ในปี 1958 บัตรเครดิตก็กลายเป็นวิธีการชําระเงินที่ครองตลาดสำหรับลูกค้าและธุรกิจเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2023 ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเกือบ 1 ใน 3 คนใช้บัตรเครดิตเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ และโดยประมาณแล้วมีการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลในอัตราที่เท่ากัน

ลูกค้าส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัส อเมริกาเหนือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก สําหรับธุรกรรมแบบไร้สัมผัสในปี 2022 โดยมีส่วนแบ่งรายรับ 30% การชําระเงินแบบไร้สัมผัสนั้นน่าดึงดูดสำหรับลูกค้า เนื่องจากรวดเร็ว สะดวก และเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีการชําระเงินยอดนิยมอื่นๆ อย่างกระเป๋าเงินดิจิทัลได้ Apple Pay และ Google Pay เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมกระเป๋าเงินดิจิทัล แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้จํากัดเพียงบัตรเครดิตเท่านั้น แต่ยังมีตัวเลือกแบบบัตรเดบิตและแบบเติมเงินอีกด้วย

วิธีการชําระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา

วิธีการชําระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา

แนวโน้มใหม่

รหัส QRกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นวิธีการชำระเงินที่สะดวก มีการประมาณว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟน 89 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาสแกนรหัส QR บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในปี 2022 โดยเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 2020 มีการคาดการณ์ว่าตลาดการชําระเงินด้วยรหัส QR ทั่วโลกจะเติบโตจาก 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2022 เป็นเกือบ 5.16 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ภายในปี 2032 โดยอเมริกาเหนือเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุด

เมื่อสแกนรหัสด้วยสมาร์ทโฟน ลูกค้าก็สามารถชําระเงินได้โดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริงหรือเงินสด นอกจากนี้ รหัส QR ยังช่วยให้การชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยลูกค้าสามารถสแกนรหัสเพื่อโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของธุรกิจได้โดยตรง

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ยังสนใจการชําระเงินแบบ "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" (BNPL) ผ่านผู้ให้บริการเช่น Affirm, Afterpay และ Klarna อีกด้วย ตลาด BNPL ของสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2022 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นปีจากปี 2023 ถึง 2030 เพิ่มขึ้น 24%

ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด

แม้การรับชําระเงินในสหรัฐฯ จะง่ายกว่าในตลาดเกิดใหม่ แต่การเข้าสู่ตลาดที่ซับซ้อนอย่างในสหรัฐฯ นั้นตามมาด้วยความท้าทายด้านภาษีเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นภาษี การดึงเงินคืน การชําระเงินระหว่างประเทศ และความปลอดภัยด้านการชําระเงิน ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับการขยายตลาดเข้าสู่สหรัฐอเมริกามีดังนี้

ภาษี

ระบบภาษีในสหรัฐฯ มีหลายระดับ ซึ่งมีผลมาจากกรอบด้านระเบียบข้อบังคับหลายอย่าง ธุรกิจด้านภาษีหลายแห่งต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านการชําระเงินดังนี้

  • ภาษีของรัฐบาลกลาง: ภาษีเงินได้และภาษีเงินได้นิติบุคคลถือเป็นข้อควรพิจารณาหลักด้านภาษีในระดับรัฐบาล
  • ภาษีของรัฐ: อาจรวมถึงภาษีแฟรนไชส์หรือภาษีสรรพสามิต ซึ่งแตกต่างกันไปตามรัฐ
  • ภาษีการขาย: ภาระหน้าที่ในภาษีการขายจะแตกต่างกันไปตามรัฐและบางครั้งอาจแตกต่างกันไปในเทศบาล

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน

สหรัฐฯ ไม่มีหน่วยงานกํากับดูแลส่วนกลางสําหรับการดึงเงินคืนแต่กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคโดยทั่วไปจะมีผลบังคับใช้แทน การดึงเงินคืนไม่ได้เป็นเพียงการสูญเสียยอดขายครั้งเดียว เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดค่าธรรมเนียมและการปิดบัญชีธุรกิจของคุณหากการดึงเงินคืนมีจํานวนเกินกว่าที่กําหนด

การชําระเงินระหว่างประเทศ

หากธุรกิจของคุณจําเป็นต้องรับชําระเงินจากนอกสหรัฐอเมริกาหรือในสกุลเงินอื่น โปรดพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

  • การแปลงสกุลเงิน
    การแปลงสกุลเงินจําเป็นสําหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ ในสหรัฐฯ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่จะกำหนดโดยอัตราลอยตัว ซึ่งอุปสงค์และอุปทานในตลาดเป็นตัวกำหนดมูลค่าของสกุลเงิน ธุรกิจต่างๆ สามารถแปลงสกุลเงินผ่านธนาคารแบบดั้งเดิม แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ก็ได้ ซึ่งแต่ละองค์กรก็มีข้อดีข้อเสียในตัว เช่น ค่าธรรมเนียมที่สูงจากธนาคาร และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มออนไลน์

  • แพลตฟอร์มที่เข้ากับแต่ละท้องถิ่น
    ตลาดแต่ละแห่งมีวิธีการชําระเงินที่ลูกค้าต้องการแตกต่างกัน ทําให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของลูกค้า ตัวอย่างเช่น iDEAL เป็นวิธีการชําระเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในเนเธอร์แลนด์ที่ช่วยให้ลูกค้าชาวดัตช์ชําระเงินได้ง่ายขึ้น

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมาย
    การปฏิบัติตามข้อกําหนดประกอบด้วยการเก็บบันทึกและการรายงานข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ รายรับจากสกุลเงินอาจนำไปคิดภาษีด้วย ซึ่งธุรกิจจําเป็นต้องทราบเมื่อจัดการสกุลเงินต่างๆ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ปัจจัยด้านการกํากับดูแล การปฏิบัติตามข้อกำหนด และความปลอดภัยในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจด้านการชําระเงินเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้มักมีความซับซ้อนและความเสี่ยงสูง เรามาพิจารณาประเด็นกันทีละข้อ

  • การป้องกันการฉ้อโกง
    ธุรกิจหลายแห่งกำลังนําแมชชีนเลิร์นนิงและโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปใช้งานเพื่อลดความเสี่ยงด้านกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง โซลูชันเหล่านี้รวมถึงระบบอัตโนมัติเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และอัลกอริทึมที่สแกนหากิจกรรมการชําระเงินที่น่าสงสัยเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติ

  • การคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัว
    กฎหมายที่เข้มงวดนี้ช่วยกํากับดูแลการคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัว ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า รัฐต่างๆ กำลังใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลในวงกว้าง แม้ว่าธุรกิจจะดําเนินงานในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก แต่การปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น กฎระเบียบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ของสหภาพยุโรปก็มีความสำคัญเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานลูกค้า

  • การป้องกันการฟอกเงิน (AML)
    AML คือชุดขั้นตอน กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งการสร้างรายได้ที่ผิดกฎหมายและส่งผ่านรายได้นั้นผ่านระบบการเงินเสมือนว่าบริษัทได้รับเงินนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมาย AML เป็นกฎที่เข้มงวดและต้องมีการสอบทานธุรกิจจากบริษัท หลักพื้นฐานบางประการที่ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปฏิบัติตามประกอบไปด้วย การยืนยันตัวตนของลูกค้าและการเก็บบันทึกข้อมูลธุรกรรมอย่างละเอียด ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยหน่วยงานกํากับดูแล

  • การรักษาความปลอดภัยทางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค
    หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาหลายแห่งมีหน้าที่ดูแลการปฏิบัติตามข้อกําหนดและระเบียบข้อบังคับ หนึ่งในนั้นคือ CFPB และคณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ซึ่งควบคุมหลักปฏิบัติทางธุรกิจในทางมิชอบ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งเน้นการซื้อขายหลักทรัพย์และหุ้น

ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสําเร็จ

ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการเกี่ยวกับการชําระเงินที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน กลยุทธ์ที่รอบด้านจะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสําเร็จในตลาดนี้ได้

  • มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เหมาะสม
    ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจที่รับชําระเงินออนไลน์ ในปี 2023 การรายงานความเสียหายทางการเงินที่เกิดจากอาชญากรรมไซเบอร์ไปยังศูนย์ร้องเรียนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของสหรัฐฯ มีจํานวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่มูลค่า 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ การรวมมาตรการป้องกันการฉ้อโกง เช่น 3D Secure และอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิง รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเจ้าของบัตรสามารถช่วยธุรกิจยกระดับความสามารถในการตรวจจับการฉ้อโกงได้

  • ระบบดึงเงินคืนที่มีประสิทธิภาพ
    ธุรกิจต่างๆ มีหน้าที่รับผิดชอบส่วนมากในด้านการจัดการการดึงเงินคืน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน การสร้างระบบที่โปร่งใสสําหรับจัดการกับการโต้แย้งการชําระเงินอย่างรวดเร็วจะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงได้

  • การเน้นการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
    ลูกค้าในสหรัฐฯ จํานวนมากเลือกซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน ดังนั้น การใช้เกตเวย์การชําระเงินที่สะดวกบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงทวีความสําคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และสําหรับธุรกิจที่มีแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ วิธีการชําระเงินในแอปจะทําให้ธุรกรรมง่ายขึ้น

  • ประสบการณ์การชําระเงินที่ยกระดับขึ้น
    การปรับหน้าชําระเงินของธุรกิจให้เรียบง่ายโดยมีวิธีการที่ชัดเจนและขั้นตอนที่น้อยที่สุด จะกระตุ้นให้ลูกค้าทําการชําระเงินให้เสร็จสิ้นได้มากขึ้น การช่วยให้ลูกค้าทําธุรกรรมให้เสร็จสิ้นโดยไม่ต้องสร้างบัญชีก็สามารถเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นได้ด้วย

ประเด็นสำคัญ

ธุรกิจที่รับชําระเงินในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีแนวทางที่ครอบคลุมหลายด้านเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า รวมถึงการเสริมสร้างระเบียบการรักษาความปลอดภัย การเปิดรับเทรนด์การชําระเงินใหม่ๆ และการทําให้ขั้นตอนการชําระเงินดําเนินไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อไปนี้เป็นข้อมูลสรุปสั้นๆ พร้อมเคล็ดลับการสร้างกลยุทธ์การชําระเงินของคุณ

ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

  • ตรวจสอบข้อมูลระบุตัวตนของลูกค้าในหลายๆ วิธี
    ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยโดยการยืนยันตัวตนของลูกค้าแต่ละรายผ่านวิธีต่างๆ เช่น การยืนยันรหัสผ่านและไบโอเมตริก

  • ให้ความสําคัญกับการคุ้มครองข้อมูล
    ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของแต่ละรัฐและข้อกําหนด PCI DSS เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและมอบความอุ่นใจให้ลูกค้า

  • ลดความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง
    เมื่ออีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น ความเสี่ยงในการฉ้อโกงจากวิธีการชำระเงินแบบ CNP ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ไม่ต้องแสดงบัตรจริงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ใช้เครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกงกับการซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure และอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิง

เปิดรับวิธีการชําระเงินใหม่ๆ

  • ขยายตัวเลือกการชําระเงินด้วยบัตร
    เนื่องจากบัตรเครดิตและเดบิตมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย ธุรกิจควรรองรับวิธีการชําระเงินเหล่านี้ แต่ควรพิจารณาให้ครอบคลุมกว่าบัตรใบจริง โดยรับชําระเงินผ่านบัตรแบบไร้สัมผัส

  • ปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
    กระเป๋าเงินดิจิทัลและรหัส QR เป็นวิธีที่กำลังได้รับความสนใจ ตัวเลือกเหล่านี้จึงช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า

  • ปรับตัวเลือกการชําระเงินให้ตรงกับลูกค้า
    ไม่ว่าจะรับการชําระเงินจากบุคคลทั่วไปหรือบริษัท คุณก็ควรพิจารณาว่าตัวเลือกการชําระเงินแบบใดเหมาะกับกลุ่มลูกค้าของคุณที่สุด พิจารณาตัวเลือกการชําระเงินทางเลือกอื่นนอกเหนือจากบัตรเครดิต เช่น การชําระเงินแบบ BNPL

ทําให้กระบวนการชําระเงินง่ายขึ้น

  • ชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว
    การใช้วิธีการชําระเงินในคลิกเดียวหรือในหน้าเดียวช่วยประหยัดเวลาและลดการทิ้งรถเข็นกลางคันลงได้

  • แสดงข้อมูลเกี่ยวกับภาษีหรือค่าธรรมเนียมอย่างโปร่งใส
    การแสดงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น ภาษี ค่าธรรมเนียมบริการ หรือค่าธรรมเนียมการจัดส่งตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ของการชําระเงินจะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกค้าออกจากขั้นตอนเนื่องจากราคารวมสูงกว่าที่คาดไว้ ลูกค้าให้ความสำคัญกับความโปร่งใสเป็นหลัก และความโปร่งใสนี้จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการในระยะยาวได้

  • รองรับหลายสกุลเงิน
    สําหรับนักท่องเที่ยวและลูกค้าต่างประเทศ การยอมรับการชําระเงินในสกุลเงินอื่นอาจทําให้เข้าถึงการซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ลูกค้าบางรายในต่างประเทศอาจนิยมใช้ตัวเลือกการชําระเงินในท้องถิ่นมากกว่า ดังนั้น การมีตัวเลือกเหล่านี้จะสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe