สําหรับธุรกิจส่วนใหญ่ การรับชําระเงินด้วยบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่จําเป็น การรับบัตรเครดิตเปิดประตูสู่ฐานลูกค้าที่กว้างขวาง โดยมีบัตร Visa 4.3 พันล้านใบหมุนเวียนอยู่ทั่วโลกในปี 2023 ธุรกิจที่รับบัตรเครดิตสามารถเข้าถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากเครื่องมือตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงขั้นสูงที่ผู้ประมวลผลบัตรเครดิตมีให้
ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายรายละเอียดสําคัญของการรับชําระเงินด้วยบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงประเภทของการชําระเงินด้วยบัตรและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการจัดตั้งและดูแลระบบประมวลผลการชําระเงิน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ประเภทการชําระเงินด้วยบัตรเครดิต
- วิธีการทํางานของการประมวลผลบัตรเครดิต
- วิธีรับบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรับชําระเงินด้วยบัตรเครดิตสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ประเภทการชําระเงินด้วยบัตรเครดิต
การชําระเงินด้วยบัตรเครดิตทุกประเภทอาจมีกลไกการชําระเงินที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ลูกค้าก็มีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้บัตรเครดิต
ธุรกรรมแบบรูดบัตร (แถบแม่เหล็ก)
วิธีนี้ืคือการรูดบัตรผ่านเครื่องอ่านบัตร ที่อ่านแถบแม่เหล็กที่อยู่ด้านหลังของบัตร ธุรกรรมประเภทนี้ซึ่งใช้ในระบบบันทึกการขาย (POS) ได้รับความนิยมน้อยลงเนื่องด้วยข้อกังวลด้านความปลอดภัย
การส่งข้อมูล: แถบแม่เหล็กบรรจุข้อมูลที่ประกอบด้วยชื่อเจ้าของบัตร หมายเลขบัญชี วันหมดอายุของบัตร และรหัสความปลอดภัย เมื่อลูกค้ารูดบัตร เครื่องอ่านบัตรจะบันทึกข้อมูลนี้เพื่อเริ่มกระบวนการทําธุรกรรม
ด้านการรักษาความปลอดภัย: ธุรกรรมแบบรูดบัตรถือว่าปลอดภัยน้อยกว่าเนื่องจากข้อมูลในแถบแม่เล็กมีลักษณะแบบคงที่ ทําให้ง่ายต่อการโคลนและการฉ้อโกง
ธุรกรรมแบบเสียบ (ชิปการ์ด EMV)
บัตรติดชิป EMV (Europay, Mastercard และ Visa) จะใช้เสียบลงในเครื่องอ่านบัตร ตัวชิปจะสื่อสารกับเทอร์มินัลเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ธุรกรรม ธุรกรรมประเภทนี้เป็นมาตรฐานในหลายๆ ภูมิภาค โดยเฉพาะในกรณีที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดสําหรับธุรกรรมที่มีการแสดงบัตร
การส่งข้อมูล: ชิปจะสร้างรหัสธุรกรรมที่ไม่ซ้ำกันในการชําระเงินแต่ละครั้ง
ด้านการรักษาความปลอดภัย: การเข้ารหัสแบบไดนามิกทําให้มิจฉาชีพจําลองข้อมูลของบัตรได้ยาก ซึ่งช่วยลดการฉ้อโกงจากบัตรปลอมได้อย่างมาก
ธุรกรรมแบบแตะบัตร (แบบไร้สัมผัส)
ธุรกรรมแบบไร้สัมผัสใช้การสื่อสารระยะใกล้ (NFC) หรือเทคโนโลยีระบุตัวตนด้วยความถี่วิทยุ (RFID) ซึ่งทำให้สามารถแตะบัตรกับเครื่องอ่านบัตรได้โดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรง ธุรกรรมประเภทนี้เป็นที่นิยมในสภาพแวดล้อมที่เน้นความรวดเร็วและความสะดวกสบาย เช่น การค้าปลีกและการขนส่งสาธารณะ
การส่งข้อมูล: การชําระเงินแบบไร้สัมผัสจะส่งข้อมูลผ่านสัญญาณเข้ารหัส โดยออกรหัสที่ไม่ซ้ํากันสําหรับธุรกรรมแต่ละรายการเช่นเดียวกับธุรกรรม EMV
ด้านการรักษาความปลอดภัย: ธุรกรรมแบบไร้สัมผัสให้ความปลอดภัยในระดับสูงด้วยการเข้ารหัสและการสร้างรหัสที่ไม่ซ้ํากันสําหรับธุรกรรมแต่ละรายการ
ธุรกรรมกระเป๋าเงินดิจิทัล
กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Apple Pay, Google Wallet) จัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตไว้ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อให้ลูกค้าชําระเงินผ่านอุปกรณ์ได้โดยใช้เทคโนโลยี NFC ธุรกรรมประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในการทําธุรกรรมออนไลน์และหน้าร้านเนื่องจากใช้งานสะดวก
การส่งข้อมูล: เมื่อการชําระเงินเริ่มขึ้น กระเป๋าเงินดิจิทัลจะแปลงข้อมูลธุรกรรมเป็นโทเค็น ซึ่งเป็นการแทนที่รายละเอียดข้อมูลบัตรที่มีความละเอียดอ่อนด้วยรหัสดิจิทัลที่ไม่ซ้ำเพื่อระบุรายการธุรกรรม
ด้านการรักษาความปลอดภัย: ธุรกรรมกระเป๋าเงินดิจิทัลมีความปลอดภัยในระดับสูงด้วยเทคนิคการแปลงข้อมูลเป็นโทเค็นและการยืนยันด้วยไบโอเมตริก (เช่น ลายนิ้วมือ การจดจําใบหน้า) บนอุปกรณ์ของผู้ใช้
ธุรกรรมออนไลน์และธุรกรรมแบบไม่ต้องแสดงบัตร (CNP)
ธุรกรรมแบบไม่ต้องแสดงบัตร หมายถึงการซื้อทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ซึ่งไม่มีการแสดงตัวบัตรต่อธุรกิจ ธุรกรรมประเภทนี้ใช้สําหรับอีคอมเมิร์ซ คําสั่งซื้อทางโทรศัพท์ และกรณีการชําระเงินระยะไกลทั้งหมดที่ธุรกิจไม่สามารถยืนยันตัวบัตรหรือเจ้าของบัตรแบบพบหน้าได้
การส่งข้อมูล: ลูกค้าป้อนรายละเอียดบัตรด้วยตนเอง และระบบจะส่งรายละเอียดเหล่านี้ไปยังธุรกิจเพื่อดําเนินการ
ด้านการรักษาความปลอดภัย: ธุรกรรม CNP มีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงสูงเนื่องจากไม่มีบัตรและเจ้าของบัตรปรากฏตัวจริง แนะนําให้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยและการเข้ารหัส Secure Sockets Layer (SSL)
วิธีการทํางานของการประมวลผลบัตรเครดิต
การประมวลผลบัตรเครดิตดำเนินการโดยเครือข่ายกิจการด้านการเงินและเทคโนโลยีที่ทํางานร่วมกันเพื่ออนุมัติและทำการชำระเงิน โดยมีขั้นตอนดังที่ระบุไว้ด้านล่างนี้
การเริ่มต้น: เมื่อลูกค้าทำรายการซื้อด้วยบัตรเครดิต ระบบจะเริ่มทําธุรกรรมด้วยการรูด เสียบ หรือแตะตัวบัตรจริง หรือผ่านวิธีการทางดิจิทัล (เช่น ป้อนรายละเอียดบัตรทางออนไลน์) ระบบ POS ของธุรกิจหรือเกตเวย์การชําระเงินจะบันทึกรายละเอียดธุรกรรม รวมถึงข้อมูลบัตรและยอดซื้อ
การอนุมัติวงเงิน: ระบบจะส่งรายละเอียดธุรกรรมไปยังผู้ประมวลผลการชําระเงินของธุรกิจ ซึ่งจะส่งข้อมูลไปที่ธนาคารผู้ออกบัตรผ่านเครือข่ายบัตรที่เกี่ยวข้อง (เช่น Visa, Mastercard) ธนาคารผู้ออกบัตรจะได้รับคําขอทําธุรกรรมและทําการตรวจสอบหลายรายการ เช่น ยืนยันความถูกต้องของบัตร วงเงินที่ใช้ได้ และความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงต่างๆ หากธุรกรรมได้รับการอนุมัติ ธนาคารผู้ออกบัตรจะส่งรหัสการอนุมัติผ่านเครือข่ายกลับไปยังธุรกิจเพื่อแจ้งว่ามีวงเงินเพียงพอและได้กันเงินนั้นไว้สำหรับธุรกรรมนี้แล้ว
การจัดทำชุดข้อมูล: เมื่อสิ้นสุดวันทําการ ธุรกิจจะส่งรายการธุรกรรมที่ได้รับการอนุมัติทั้งหมดรวมเป็นชุดเดียวไปยังผู้ประมวลผลการชําระเงิน การจัดทำชุดข้อมูลคือขั้นตอนการรวบรวมธุรกรรมตลอดทั้งวันเพื่อนำไปประมวลผลพร้อมกัน
การหักยอดและการชําระเงิน: ผู้ประมวลผลการชําระเงินจะส่งต่อธุรกรรมที่จัดทำเป็นชุดแล้วไปยังเครือข่ายบัตร ซึ่งจะนําส่งไปยังธนาคารผู้ออกบัตรนั้นๆ เพื่อทําการชําระเงิน ขณะที่ชําระเงิน ธนาคารผู้ออกบัตรจะโอนเงินตามมูลค่าธุรกรรมไปยังธนาคารผู้รับบัตรของธุรกิจผู้ค้า แล้วธนาคารผู้รับบัตรจึงโอนเงินหลังหักค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องเข้าบัญชีของธุรกิจ โดยปกติขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 1-3 วันทําการ ซึ่งหลังจากนั้นธุรกิจจึงจะใช้เงินดังกล่าวได้
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย: ตลอดขั้นตอนดังกล่าว กิจการที่มีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกรรมจะทำการคิดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร (ชําระให้กับธนาคารที่ออกบัตร) ค่าธรรมเนียมเครือข่ายระบบชำระเงิน (ชําระให้กับเครือข่ายบัตร) และค่าธรรมเนียมการประมวลผล (จ่ายให้กับผู้ประมวลผลการชําระเงิน) โครงสร้างค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปตามข้อตกลงระหว่างธุรกิจกับผู้ประมวลผลการชําระเงิน ประเภทของบัตรที่ใช้ (เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรสะสมรคะแนน) และลักษณะของธุรกรรม (เช่น ที่จุดขาย ทางออนไลน์)
การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: ระบบจะนําโปรโตคอลความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็นมาใช้ตลอดขั้นตอนเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเจ้าของบัตร โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลธุรกรรมบัตรเครดิตจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)
การโต้แย้งการชําระเงินและการดึงเงินคืน: ในกรณีที่เจ้าของบัตรโต้แย้งธุรกรรมหรือธุรกรรมมีโอกาสเป็นการฉ้อโกง ขั้นตอนการดึงเงินคืนอาจเริ่มขึ้น ซึ่งจะต้องมีการกลับรายการธุรกรรมและหักเงินจํานวนดังกล่าวจากบัญชีของธุรกิจระหว่างที่มีการตรวจสอบการโต้แย้งการชําระเงิน ธุรกิจจะต้องโต้ตอบการดึงเงินคืนด้วยหลักฐานสนับสนุนความถูกต้องของธุรกรรม ไม่เช่นนั้นก็อาจเสี่ยงที่จะเสียเงินดังกล่าวและต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
วิธีรับบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
เลือกผู้ให้บริการชําระเงิน (PSP)
PSP ทำหน้าที่เชื่อมโยงธุรกิจ ลูกค้า สถาบันการเงิน และเครือข่ายบัตรเพื่อประมวลผลการชําระเงินออนไลน์ ธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เมื่อเลือกใช้ PSP:
แนวโน้มตลาด: สำรวจแนวโน้มเกี่ยวกับการประมวลผลการชําระเงิน รวมถึงเทคโนโลยีเกิดใหม่และความต้องการด้านการชําระเงินของลูกค้า
การสนับสนุนทางเทคนิค: ตรวจสอบระดับการให้บริการสนับสนุนทางเทคนิคของ PSP ทั้งนี้บริการสนับสนุนตลอด 24 ชม. ฝ่ายบริการลูกค้าที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และการเข้าถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและช่วยรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ
การปรับแต่งและการขยายขนาด: ประเมินว่า PSP อนุญาตให้ปรับแต่งบริการตามความต้องการของธุรกิจได้หรือไม่ และดูว่าสามารถรองรับการขยายไปพร้อมกับธุรกิจของคุณโดยรับมือกับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นและการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้หรือไม่
ความคิดเห็นจากลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญ: เข้าร่วมฟอรัม ติดต่อธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้ PSP เพื่อขอคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ
ฟีเจอร์ที่มีให้บริการ: ตรวจสอบฟีเจอร์ของ PSP แต่ละรายอย่างละเอียด ผู้ให้บริการรองรับธุรกรรมหลายสกุลเงินหรือมีเครื่องมือจัดทำรายงานหรือไม่ อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายหรือไม่ สามารถผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การบัญชีหรือระบบการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ของคุณได้หรือไม่
เมื่อคุณเลือก PSP ได้แล้ว ให้เจรจาต่อรองเงื่อนไข พูดคุยเรื่องการลดค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจของคุณมีการประมวลผลธุรกรรมจํานวนมาก และสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายแฝงหรือโอกาสในการลดค่าธรรมเนียมในอนาคต
จัดทำบัญชีผู้ค้า
บัญชีผู้ค้าเป็นบัญชีธนาคารเฉพาะทางที่เปิดให้ธุรกิจรับการชําระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้ โดยทําหน้าที่เป็นตัวกลางถือครองเงินจากธุรกรรมผ่านบัตรไว้ก่อนที่จะโอนไปยังบัญชีธนาคารของธุรกิจ PSP บางราย เช่น Stripe ผนวกบัญชีผู้ค้าเข้ากับกับบริการต่างๆ ของตน ทำให้ธุรกิจไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีผู้ค้าเอง ซึ่งทําให้ขั้นตอนง่ายขึ้นและช่วยลดภาระด้านการบริหารจัดการ หากต้องการใช้บัญชีผู้ค้า มีประเด็นที่ควรพิจารณาดังนี้:
ความสอดคล้องกับโมเดลธุรกิจ: มองหาผู้ให้บริการที่เข้าใจโมเดลธุรกิจของคุณ การได้ผู้ให้บริการที่เหมาะสมจะนําไปสู่เงื่อนไขน่าพึงพอใจมากขึ้นและทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมการสมัคร: เมื่อสมัครขอใช้บัญชีผู้ค้า ให้จัดทําข้อมูลวิเคราะห์ธุรกิจที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงแผนธุรกิจ สถานะทางการเงิน ปริมาณการขายที่คาดการณ์ และกลยุทธ์รับมือการฉ้อโกง เพื่อแสดงให้ผู้ให้บริการบัญชีผู้ค้าเห็นว่าคุณเป็นพันธมิตรธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยังช่วยให้คุณได้เงื่อนไขบริการที่ดีขึ้นอีกด้วย
ปัจจัยในการพิจารณาอนุมัติ: ควรรู้ว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการอนุมัติการสมัครใช้บริการของคุณ เช่น ประวัติสินเชื่อ ประเภทอุตสาหกรรม และปริมาณการขาย จัดการสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดขึ้นก่อนปัญหา
ความต้องการในอนาคต: พิจารณาดูว่าการเปลี่ยนแปลงขนาดหรือโมเดลธุรกิจคุณจะส่งผลต่อความต้องการด้านบัญชีผู้ค้าอย่างไร และให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการมีความยืดหยุ่นพอที่จะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ผสานการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงิน
เกตเวย์การชําระเงินคือเทคโนโลยีที่ธุรกิจใช้ในการรับชำระเงินจากการซื้อด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของลูกค้า โดยรับหน้าที่ในขั้นตอนการสื่อสารระหว่างเว็บไซต์ของธุรกิจกับธนาคารผู้รับบัตร และส่งข้อมูลการชําระเงินซึ่งเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างปลอดภัย เมื่อเลือกเกตเวย์การชําระเงิน ธุรกิจควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย: ประเมินฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยของเกตเวย์การชําระเงิน ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็น
ความสะดวกในการผสานการทํางาน: พิจารณาถึงความซับซ้อนของการผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินกับระบบของคุณ การผสานการทํางานที่เรียบง่ายจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการหยุดชะงักในการปฏิบัติงานของคุณให้เหลือน้อยที่สุด ทํางานร่วมกับทีมพัฒนาเว็บหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอกอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินการผสานการทํางานทางเทคนิค โดยมุ่งเน้นด้านต่างๆ เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) การเข้ารหัสข้อมูล และกลไกการจัดการข้อผิดพลาด
ประโยชน์จากการค้าแบบแพลตฟอร์มรวม: มองหา PSP ที่มีโซลูชันการค้าแบบแพลตฟอร์มรวมที่สามารถเชื่อมต่อช่องทางการขายภายในร้าน อุปกรณ์เคลื่อนที่ และช่องทางการขายออนไลน์ของคุณ ซึ่งจะสร้างมุมมองการโต้ตอบกับลูกค้าแบบองค์รวม และสามารถส่งมอบบริการและทำการตลาดแบบกําหนดเป้าหมายได้ดีขึ้น
ประสบการณ์ของผู้ใช้: มองหาขั้นตอนการชําระเงินที่เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา ซึ่งลดจํานวนขั้นตอนที่ต้องใช้ในการทําธุรกรรมให้เสร็จและทํางานบนแพลตฟอร์มมือถือกับเว็บได้ด้วย
ประสิทธิภาพการทํางาน: ทําการทดสอบอย่างละเอียดซึ่งรวมการทดสอบสถานการณ์ต่างๆ เช่น ธุรกรรมไม่สําเร็จ การคืนเงิน และการดึงเงินคืน เพื่อยืนยันว่าระบบสามารถทำงานได้ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ
ซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สําหรับธุรกรรมที่จุดขาย
เมื่อเลือกฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สําหรับธุรกรรมที่จุดขาย ให้ลองพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
ข้อพิจารณาเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์: เมื่อเลือกฮาร์ดแวร์สําหรับธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตที่จุดขาย ควรพิจารณาถึงความทนทาน ความง่ายในการใช้งาน ความเข้ากันได้กับบัตรประเภทต่างๆ (เช่น ชิป แถบแม่เหล็ก NFC) และอายุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์เคลื่อนที่
การผสานการทํางานกับระบบออนไลน์: ระบบธุรกรรมที่จุดขายควรจะสามารถผสานการทํางานกับระบบออนไลน์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์ โดยซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้และให้มุมมองกิจกรรมของลูกค้าที่รวมเป็นหนึ่งเดียว
การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง: ค้นหาผู้ให้บริการที่ให้การสนับสนุนและการฝึกอบรมเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดปัญหาและหยุดทํางานน้อยที่สุดและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
การประเมินโซลูชันอย่างครอบคลุม: พิจารณาสภาพแวดล้อมของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยพิจารณาว่าส่วนประกอบต่างๆ ผสานการทำงานเข้ากันได้ดีเพียงใด การอัปเดตซอฟต์แวร์ทำได้ง่ายหรือไม่ ตลอดจนพิจารณาว่ามีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การจัดการสินค้าคงคลังหรือโปรแกรมสะสมคะแนนของลูกค้าหรือไม่
การซิงโครไนซ์ข้อมูล: มองหาโซลูชันที่ซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ในทุกช่องทาง ซึ่งรวมถึงข้อมูลการขาย ระดับสินค้าคงคลัง และข้อมูลลูกค้า
การรองรับอนาคต: เลือกฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่รองรับอนาคต ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิธีการชําระเงินแบบใหม่ๆ รองรับการปฏิบัติตามข้อบังคับที่กําลังจะมีผลบังคับใช้ และผสานการทํางานกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นได้อย่างง่ายดาย
การปฏิบัติตามข้อกําหนดและข้อพิจารณาด้านความปลอดภัย
ปฏิบัติตามแนวทางที่ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนดดังต่อไปนี้ เพื่อให้เท่าทันข้อกําหนดทางกฎหมายและมาตรฐานอุตสาหกรรมอยู่เสมอ
การอัปเดตเรื่องการปฏิบัติตามข้อกําหนดเป็นประจํา: จัดทำกําหนดเวลาตรวจสอบและอัปเดตแนวทางการปฏิบัติตามข้อกําหนดเป็นประจํา ซึ่งรวมถึงการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของ PCI DSS และทำการเปลี่ยนแปลงตามจําเป็นในเวลาที่เหมาะสม
แผนรับมือกับเหตุการณ์: จัดทําแผนรับมือกับเหตุการณ์การละเมิดด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นอย่างครอบคลุม แผนนี้ควรประกอบด้วยขั้นตอนการควบคุม สืบสวน แจ้งเตือน และฟื้นฟู รวมถึงบทบาทและความรับผิดชอบของทีม
การให้ความรู้พนักงานอย่างต่อเนื่อง: จัดทําโปรแกรม่ให้ความรู้พนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเรื่องแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัย ภัยคุกคามใหม่ๆ และข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนด การฝึกอบรมเป็นประจําจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์และช่วยรักษาวัฒนธรรมการตระหนักถึงความปลอดภัย
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการชําระเงินด้วยบัตรเครดิตสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก
มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง (E2EE) และการแปลงเป็นโทเค็น: นอกจากการปฏิบัติตามข้อกําหนดพื้นฐานของ PCI DSS แล้ว เทคนิค E2EE และการแปลงเป็นโทเค็นยังทําให้ข้อมูลของเจ้าของบัตรได้รับการเข้ารหัสในทุกจุดของขั้นตอนการทําธุรกรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลได้
การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA) สำหรับธุรกรรม: นำ MFA มาใช้กับธุรกรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการซื้อมูลค่าสูงหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชี ซึ่งจะเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง และลดความเสี่ยงในการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยเป็นประจําและการทดสอบการเจาะระบบ: การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยอย่างละเอียดและจัดให้มีการทดสอบการเจาะระบบเป็นประจําจะช่วยระบุช่องโหว่ในระบบการประมวลผลการชําระเงินของคุณ และแก้ไขได้ก่อนที่มิจฉาชีพจะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านั้น
การประมวลผลการชําระเงิน
การแปลงสกุลเงินแบบไดนามิก (DCC): ให้บริการ DCC แก่ลูกค้าต่างประเทศเพื่อให้ลูกค้าดูราคาและชําระเงินเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของตนเองได้ วิธีนี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและอาจช่วยเพิ่มยอดขายจากตลาดต่างประเทศได้
ระบบกําหนดเส้นทางอัจฉริยะ: ใช้ระบบกําหนดเส้นทางอัจฉริยะเพื่อเลือกเกตเวย์การชําระเงินที่ดีที่สุดโดยอิงตามปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราความสําเร็จของธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการประมวลผล และธนาคารผู้ออกบัตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติและลดต้นทุนได้
กลไกการแก้ไขข้อขัดข้อง: ใช้กลไกการแก้ไขข้อขัดข้องที่เปลี่ยนเส้นทางธุรกรรมอัตโนมัติไปยังผู้ประมวลผลรองหากระบบของผู้ประมวลผลหลักไม่ทำงาน เพื่อให้สามารถบริการได้ต่อเนื่องและลดการสูญเสียยอดขาย
ประสบการณ์ของลูกค้า
การชำระเงิน: ยกระดับขั้นตอนการชําระเงิน โดยลดขั้นตอนและการติดขัดโดยเฉพาะบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ พิจารณาตัวเลือกการซื้อแบบคลิกเดียวและการจัดเก็บข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าสําหรับธุรกรรมในอนาคต
การปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล: ใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากขั้นตอนการชําระเงินเพื่อปรับแต่งประสบการณ์การซื้อที่เหมาะกับลูกค้าเฉพาะราย ซึ่งอาจรวมถึงข้อเสนอหรือคําแนะนําที่จัดให้เฉพาะโดยพิจารณาจากประวัติการซื้อ
การสื่อสาร: แจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับขั้นตอนการชําระเงินโดยระบุคําแนะนําที่ชัดเจนและให้ข้อมูลสถานะธุรกรรมในทันที การสื่อสารที่โปร่งใสจะช่วยลดการขอดึงเงินคืนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า
การจัดการทางการเงิน
ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร: ทําความรู้จักกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร และนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับอัตราค่าธรรมาเนียมที่ต่ําที่สุด
การดึงเงินคืน: จัดทํากลยุทธ์ที่ครอบคลุมสําหรับการจัดการและโต้แย้งการดึงเงินคืน ซึ่งควรจะประกอบด้วยการบันทึกรายการธุรกรรมอย่างละเอียด บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม และการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น บริการยืนยันที่อยู่ (AVS) และการตรวจสอบรหัสยืนยันบัตร (CVV)
กระแสเงินสด: ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการประมวลผลการชําระเงินเพื่อจัดการกระแสเงินสดของคุณให้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ช่วงเวลาการชําระรายการและการกระทบยอดการชําระเงินอย่างรวดเร็วจะช่วยให้คุณคาดการณ์และจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การปรับปรุงและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มอุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมการชําระเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุด การเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับ และความต้องการด้านการชําระเงินของลูกค้าเพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณให้สอดคล้องกัน
วงจรคำติชม: กําหนดกลไกเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายในเกี่ยวกับขั้นตอนการชําระเงิน ใช้คําติชมนี้เพื่อปรับปรุกลยุทธ์เกี่ยว่กับการชําระเงินของคุณอย่างต่อเนื่อง
การฝึกอบรมพนักงาน: ฝึกอบรมพนักงานของคุณเกี่ยวกับระเบียบปฏิบัติปัจจุบันด้านการรักษาความปลอดภัยการประมวลผลการชําระเงินและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ทีมที่มีข้อมูลเพียงพอจะสามารถมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าและช่วยบรรเทาความเสี่ยงได้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความเพียงพอ หรือสกุลเงินของข้อมูลในบทความนี้ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ