Zip คือโซลูชันที่สำคัญระดับโลกแบบซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) โดยนําเสนอโซลูชันการชําระเงินที่ยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าและธุรกิจหลากหลายประเภท Zip ได้ขยายธุรกิจเพื่อให้บริการในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากมีความพร้อมรองรับฐานลูกค้าที่หลากหลายซึ่งมองหาทางเลือกที่นอกเหนือจากเครดิตแบบเดิม โดยสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่กําลังเติบโตในหมู่ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและการเข้าถึงตัวเลือกการชําระเงิน
Zip ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการได้ทันทีพร้อมกับแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นการชําระเงินหลายงวด ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีดอกเบี้ย วิธีการนี้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตแบบเดิม หรือกําลังมองหาแพ็กเกจการชําระเงินคืนที่จัดการได้มากขึ้น สําหรับธุรกิจ การเป็นพาร์ทเนอร์กับ Zip อาจช่วยให้อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินสูงขึ้น และมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจมีแนวโน้มที่จะทําการซื้อด้วยตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น
กลยุทธ์ระหว่างประเทศของ Zip ประกอบไปด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาดท้องถิ่นและความต้องการของลูกค้า ในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย Zip ต่างต่างจากผู้ให้บริการ BNPL รายอื่น ด้วยการให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือการจัดการงบประมาณและโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส ในภูมิภาคที่มีการใช้ธนาคารแบบเดิมไม่ค่อยแพร่หลาย Zip ก็นำเสนอโซลูชันการเงินทางเลือกสําหรับลูกค้าที่ไม่สามารถรับเครดิตได้
ตลาด BNPL ทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 1.22 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยรวมต่อปีที่ 22% เนื่องจาก Zip มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ จึงจําเป็นต้องเข้าใจวิธีการทํางาน ประโยชน์ และกลไกของตลาด BNPL ที่กว้างขึ้น
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- Zip คืออะไร
- มีการใช้งาน Zip ในพื้นที่ใดบ้าง
- ใครคือผู้ที่ใช้ Zip
- วิธีการทํางานของ Zip
- ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการยอมรับ Zip
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip
- ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินผ่าน Zip
- ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Zip
Zip คืออะไร
Zip ก่อตั้งขึ้นในออสเตรเลียในปี 2013 และเป็นบริการทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลื่อนการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการที่ซื้อได้ Zip มอบความสะดวกให้ลูกค้าในการซื้อสินค้าทันทีด้วยความยืดหยุ่นในการแบ่งการชําระเงินในระยะยาว
ลูกค้าสามารถใช้ Zip เพื่อซื้อสินค้าแล้วชําระคืนยอดคงเหลือแบบผ่อนได้ ซึ่งปกติแล้วจะชำระทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยเป็นโมเดลที่เหมาะกับรอบการชําระเงินและการจัดการงบประมาณส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น สําหรับธุรกิจ การใช้ Zip อาจทําให้การซื้อรวมเพิ่มขึ้นและอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำสูงขึ้น
ในปี 2023 Zip ได้รายงานว่ามีบัญชีลูกค้าใช้งานอยู่ถึง 6.2 ล้านบัญชี Zip เชื่อมต่อการทํางานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และระบบระบบบันทึกการขาย (POS) เพื่อให้บริการในระบบการซื้อขายสินค้ารูปแบบต่างๆ การเติบโตของ Zip เป็นไปตามแนวโน้มของลูกค้าที่มองหาวิธีการชําระเงินทางเลือกซึ่งแพร่หลายมากขึ้น โดยสอดคล้องกับการวางแผนทางการเงินและพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า
มีการใช้งาน Zip ในพื้นที่ใดบ้าง
ความสามารถในการปรับตัวของ Zip ตามกลไกตลาดระดับภูมิภาคช่วยเสริมสร้างอัตราการใช้งานทั่วโลกได้
ออสเตรเลีย:
ออสเตรเลียมีฐานลูกค้าที่ใหญ่เนื่องจากเป็นแหล่งกำเนิดของ Zip ในช่วงแรกแพลตฟอร์มนี้มีแบรนด์เป็นบริการ 2 แบบ ได้แก่ ZipMoney และ ZipPay เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้างสหรัฐอเมริกา:
Zip ได้เข้าซื้อกิจการ QuadPay ในปี 2020 เพื่อขยายธุรกิจไปในสหรัฐฯ และพร้อมรองรับตลาดที่มีความสนใจในบริการ BNPL เพิ่มขึ้น การหาลูกค้าใหม่นี้ทําให้ Zip เข้าถึงธุรกิจค้าปลีกที่หลากหลายในสหรัฐฯ และปรับตัวตามพฤติกรรมการใช้จ่ายและพฤติกรรมด้านเครดิตของลูกค้าได้นิวซีแลนด์:
นิวซีแลนด์มีฐานลูกค้า Zip ที่เหนียวแน่น ซึ่งสนใจในบริการเนื่องจากมีความยืดหยุ่นทางการเงินแคนาดา:
แคนาดาคือตลาดเชิงกลยุทธ์อีกหนึ่งแห่งของ Zip โดยที่ธุรกิจนี้เจาะตลาดผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์และผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก
ใครคือผู้ที่ใช้ Zip
บุคคลทั่วไปและธุรกิจหลายประเภทใช้ Zip เนื่องจากมีความสะดวกและความยืดหยุ่น
ร้านค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: ร้านค้าปลีกตั้งแต่ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ไปจนถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ได้รวม Zip ไว้ในวิธีการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถให้บริการลูกค้าที่ต้องการจัดการการเงินของตัวเองได้โดยแบ่งชำระค่าสินค้าในระยะยาว
บ้านและไลฟ์สไตล์: ธุรกิจในอุตสาหกรรมในบ้านและไลฟ์สไตล์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านค้าวัสดุปรับปรุงบ้าน ต่างก็ใช้ Zip เพื่อเสนอวิธีให้ลูกค้าซื้อสินค้าราคาสูง ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้
บริการด้านสุขภาพและความงาม: คลินิกทันตกรรม ผู้ให้บริการความงาม และศูนย์ดูแลสุขภาพใช้ Zip เพื่อให้ผู้ป่วยและลูกค้ามีทางเลือกในการชําระเงินจากการรักษาและผลิตภัณฑ์แบบผ่อนชําระ ทําให้เข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
โรงแรมและการท่องเที่ยว: อุตสาหกรรมการบริการ ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและตัวแทนท่องเที่ยว นำเสนอ Zip สําหรับนักเดินทางที่ต้องการชําระค่าเดินทางและที่พักในระยะยาว ซึ่งถือว่าน่าดึงดูดสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการงบประมาณ
บริการรถยนต์: อู่ซ่อมรถยนต์และผู้ให้บริการรถยนต์เสนอ Zip เป็นตัวเลือกการชําระเงินสําหรับการซ่อมบำรุงและบริการต่างๆ ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่คาดไว้
ผู้ซื้อที่ต้องการประหยัดงบ: คนทั่วไปที่ต้องการควบคุมการเงินพบว่าการชําระเงินแบบผ่อนของ Zip สอดคล้องกับความต้องการด้านงบประมาณของตน
คนยุคมิลเลนเนียลและคนเจน Z: กลุ่มลูกค้าอายุน้อยที่มักไม่ต้องการเป็นหนี้ชื่นชอบการใช้ Zip เพราะช่วยให้เข้าถึงสินค้าได้ทันทีและชําระเงินได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น
ผู้ที่ทำอาชีพอิสระ: ผู้ที่มีปริมาณรายรับไม่แน่นอน เช่น ฟรีแลนซ์ และผู้ที่ทำอาชีพอิสระ ใช้ Zip เพื่อให้สอดคล้องกับรายรับที่ไม่คงที่ของตนเอง
ผู้ที่ไม่ชอบใช้เครดิต: ผู้ที่กังวลเรื่องเครดิตแบบเดิมเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยหรือกลัวว่าจะเป็นหนี้ มักมีแนวโน้มเลือกใช้ Zip เพราะเป็นทางเลือกที่โปร่งใสและไม่มีดอกเบี้ย
วิธีการทํางานของ Zip
การเริ่มต้นธุรกรรมและการกําหนดเส้นทาง
ธุรกรรม Zip จะเริ่มขึ้นเมื่อลูกค้าเลือก Zip เป็นวิธีการชําระเงินในขั้นตอนการชําระเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือที่ร้านค้า ข้อมูลของลูกค้าจะได้รับการเข้ารหัสและส่งไปยัง Zip เพื่อขออนุมัติ คําขอนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อและสถานะเครดิตของลูกค้า ลูกค้ามักจะได้รับการอนุมัติในทันที จากนั้น Zip จะชําระเงินให้ธุรกิจเต็มจํานวน โดยหักค่าธรรมเนียม และกําหนดเวลาชําระเงินคืนของลูกค้าการรักษาความปลอดภัยข้อมูล
ความปลอดภัยเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานของ Zip Zip ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสตลอดกระบวนการทําธุรกรรม เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและธุรกิจ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการฉ้อโกง Zip ใช้อัลกอริทึมการประเมินความเสี่ยงขั้นสูงที่จะตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่จะเกิดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงโครงสร้างค่าธรรมเนียม
โครงสร้างค่าธรรมเนียมของ Zip แตกต่างจากเครือข่ายการชําระเงินแบบเดิม ธุรกิจแต่ละแห่งจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสําหรับการซื้อแต่ละรายการที่ใช้บริการนี้ โดยที่ไม่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า นอกจากนี้ Zip ยังอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าสําหรับการชําระเงินที่ล่าช้าหรือเมื่อบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหว โดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงสําหรับผู้ใช้การเชื่อมต่อทํางานกับระบบการชําระเงินที่ธุรกิจใช้อยู่
สําหรับธุรกิจ การเชื่อมต่อการทํางานของ Zip เข้ากับตัวเลือกการชําระเงินมักต้องเพิ่มบริการไปยังเกตเวย์การชําระเงิน หรือระบบ POS โดย API และ SDK ของ Zip รองรับการเชื่อมต่อการทํางานนี้และช่วยให้เพิ่มวิธีนี้ลงในกระบวนการชําระเงินของธุรกิจได้อย่างราบรื่น การออกแบบของแพลตฟอร์มช่วยให้ใช้งานร่วมกันได้กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบในร้าน โดยนําเสนอโซลูชันที่ยืดหยุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้โมเดลธุรกิจแบบต่างๆการชําระเงินและการหักบัญชี
หลังจากการอนุมัติธุรกรรมแล้ว Zip จะจัดการกระบวนการชําระเงินร่วมกับธุรกิจ โดยธุรกิจจะได้รับการชําระเงินทันทีซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในระบบ BNPL ได้ ธุรกรรมการหักยอดจะได้รับการดําเนินการเป็นกลุ่ม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการลดหนี้และถูกหักบัญชีอย่างเหมาะสมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า
Zip มอบสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลธุรกรรมและการวิเคราะห์แก่ธุรกิจต่างๆ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและจัดการข้อมูลการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการยอมรับ Zip
มูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจที่ใช้ Zip จะได้รับมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าสะดวกใจที่จะชําระค่าสินค้าจํานวนมากขึ้นเมื่อแบ่งจ่ายในระยะยาวได้โดยไม่มีดอกเบี้ยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน
Zip สามารถลดการละทิ้งรถเข็นได้ การนําเสนอทางเลือก BNPL ช่วยลดอุปสรรคทั่วไปในการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยช่วยให้ลูกค้าเอื้อมถึงได้ในทันทีและมีโอกาสเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าแบบชำระเงินได้ชําระเงินให้ธุรกิจในทันที
แม้ลูกค้าจะชําระเงินตามแผนผ่อนชําระ แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ได้รับการชําระเงินเต็มจํานวนล่วงหน้าจาก Zip บริการในส่วนนี้สามารถปรับปรุงกระแสเงินสดของธุรกิจและลดความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการชําระเงินได้อีกด้วยเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
Zip สามารถดึงดูดลูกค้าหลากหลายประเภท รวมถึงผู้ที่ไม่ชอบหรือไม่มีสิทธิ์รับเครดิตแบบเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดของธุรกิจได้เพิ่มความภักดีของลูกค้า
ความสะดวกของการชําระเงินแบบผ่อนสามารถเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้าได้ ลูกค้ามีแนวโน้มสูงกว่าในการกลับมาใช้บริการจากธุรกิจซึ่งนำเสนอวิธีการชำระเงินที่ตนต้องการข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียด
Zip มอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแนวโน้มการซื้อและพฤติกรรมลูกค้าให้ธุรกิจ ข้อมูลนี้สามารถใช้ประกอบการสร้างกลยุทธ์ด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดการสินค้าคงคลังได้การเชื่อมต่อระบบที่ไม่ต้องลงแรงมาก
เทคโนโลยีของ Zip ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ธุรกิจใช้อยู่ ทำให้กระบวนการติดตั้งใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นการสนับสนุนด้านการตลาด
ธุรกิจที่ใช้งาน Zip อาจได้รับโอกาสเข้าถึงลูกค้าเพิ่มเติมจากช่องทางการตลาดของ Zip ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการเข้าชมร้านค้าหรือเว็บไซต์ได้ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
Zip รักษามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในระดับสูง ซึ่งจะเป็นการลดภาระที่มาจากความซับซ้อนเหล่านี้ให้แก่ธุรกิจ
มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip
Zip ให้บริการแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสําหรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการรักษาความปลอดภัยที่ปกป้องธุรกรรม ขณะเดียวกันก็สร้างความไว้วางใจแก่ลูกค้าและช่วยสร้างความสำเร็จในระยะยาวของบริการ มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip มีดังนี้
การเข้ารหัส
Zip ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลในทุกจุดของกระบวนการทําธุรกรรม ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่อยู่ระหว่างส่ง เช่น ระหว่างการซื้อและข้อมูลในระบบ เช่น ข้อมูลบัญชีที่จัดเก็บไว้ การเข้ารหัสเหล่านี้มีการอัปเดตอยู่เป็นประจําเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นการประเมินความเสี่ยงและตรวจจับการฉ้อโกง
แพลตฟอร์มมีอัลกอริทึมและเทคนิคของแมชชีนเลิร์นนิงที่ซับซ้อนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ระบบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อระบุและรายงานกิจกรรมที่ผิดปกติซึ่งอาจบ่งบอกถึงการฉ้อโกงได้ โดยการตรวจสอบธุรกรรมอย่างต่อเนื่องช่วยให้ Zip รับมือกับปัญหาด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า
Zip ใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าเพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยมักจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย ซึ่งลูกค้าจะต้องทําการยืนยันเพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้แค่รหัสผ่าน เช่น รหัสที่ไม่ซ้ำกันซึ่งส่งไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่การแปลงเป็นโทเค็น
Zip ใช้การแปลงเป็นโทเค็นเช่นเดียวกับผู้ประมวลผลการชําระเงินชั้นนำรายอื่นๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ธุรกรรม วิธีนี้จะใช้การแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงหมายเลขบัตรเครดิต ด้วยรหัสระบุที่ไม่ซ้ำกัน (หรือโทเค็น) ซึ่งไม่ระบุค่าที่นำไปใช้โดยมิชอบได้ โดยวิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลและการฉ้อโกงได้อย่างมากการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
Zip ปฏิบัติตามข้อบังคับทางการเงินที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศที่ดําเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการคุ้มครองข้อมูลและการประมวลผลการชําระเงิน เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจํา
Zip จะตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยเป็นประจําเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยให้อยู่ในระดับสูง การตรวจสอบเหล่านี้ช่วยระบุช่องโหว่ที่มีและปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพและเป็นปัจจุบันการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
Zip ลงทุนในการวิจัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที
ข้อกําหนดสําหรับการรับชําระเงินด้วย Zip
การสร้างบัญชีผู้ค้า:
ธุรกิจที่ต้องการเริ่มรับการชําระเงินด้วย Zip ต้องสร้างบัญชีผู้ค้าเพื่อประมวลผลการชําระเงิน โดยต้องทำสัญญากับ Zip หรือสถาบันทางการเงินที่ได้รับมอบหมายให้จัดการธุรกรรมของ Zip ซึ่งข้อตกลงมักจะระบุข้อกําหนด เงื่อนไข สิทธิ์ และหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายการเชื่อมต่อกับระบบการชําระเงิน:
ธุรกิจจะต้องเชื่อมต่อการทํางานระบบการชําระเงินของ Zip เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อยู่ ซึ่งอาจต้องรวม API และ SDK ที่ของ Zip ด้วย ประเภทของการเชื่อมต่อการทํางานอาจแตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ร้านค้าปลีกอาจต้องมีระบบ POS ที่จุดขาย ในขณะที่ธุรกิจออนไลน์จําเป็นต้องเชื่อมต่อการทํางานของ Zip เข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ:
ธุรกิจต้องปฏิบัติตามข้อบังคับทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินและการคุ้มครองลูกค้า รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และข้อกําหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) ด้วย นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคที่ดําเนินธุรกิจ เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในสหภาพยุโรปความพร้อมด้านเทคนิคและการรักษาความปลอดภัย:
ธุรกิจควรมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่จําเป็นเพื่อรองรับการประมวลผลการชําระเงินผ่าน Zip รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและฮาร์ดแวร์ที่เข้ากันได้สําหรับระบบ POS (ถ้ามี) นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าด้วยสุขภาพและเสถียรภาพทางการเงิน:
Zip อาจประเมินสุขภาพและเสถียรภาพทางการเงินของธุรกิจ ซึ่งอาจต้องมีการตรวจสอบประวัติเครดิต ผลการดําเนินงานของธุรกิจ และงบการเงินการทําความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและการเรียกเก็บเงิน
ธุรกิจควรเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Zip รวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรม การเรียกเก็บเงินรายเดือนหรือรายปี และค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืนที่อาจเกิดขึ้น
ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Zip
บริการ BNPL แต่ละประเภทมีฟีเจอร์และโมเดลการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันซึ่งปรับให้เข้ากับตลาดแต่ละแห่ง ความแพร่หลายและการนําไปใช้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ความนิยมในภูมิภาค ความต้องการของลูกค้า และการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจ
Afterpay:
Afterpay เป็นที่รู้จักในแง่ของความสะดวกในการใช้งาน และแผนการชำระเงินที่ปลอดดอกเบี้ย ช่วยให้ลูกค้าชําระเงินจากการซื้อได้ 4 งวด บริการนี้มีการเชื่อมต่อการทํางานที่ราบรื่นสําหรับการซื้อสินค้าและบริการทั้งที่ร้านออนไลน์และหน้าร้าน และเป็นตัวเลือกยอดนิยมในร้านค้าปลีกKlarna:
Klarna มอบตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ซึ่งรวมถึง "Pay in 30" ที่ให้บริการผ่อนชําระ รวมถึงบริการเครดิตแบบเดิม บริการนี้โดดเด่นจากแอปที่ครอบคลุม ซึ่งมีฟีเจอร์อย่างรายการสินค้าที่ชื่นชอบและการแจ้งเตือนเมื่อราคาลดลงAffirm:
Affirm นําเสนอระยะเวลาการชําระคืนหลากหลายแบบ ตั้งแต่ตัวเลือกระยะสั้นไปจนถึงการสนับสนุนทางการเงินระยะยาว ซึ่งบางครั้งอาจมีดอกเบี้ย บริการนี้เป็นที่รู้จักในแง่ของความโปร่งใส การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมล่วงหน้าSezzle:
Sezzle เน้นการผ่อนชําระจำนวนน้อยที่จัดการได้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายอย่างรับผิดชอบ บริการนี้ให้ความสําคัญกับการสร้างคะแนนเครดิตของลูกค้าผ่านการชําระเงินตรงเวลาPayPal Credit:
บริการนี้เป็นส่วนขยายของPayPal โดยมีตัวเลือกการสนับสนุนทางการเงินระยะสั้น ซึ่งมักมีข้อเสนอส่งเสริมการขาย เช่น รอบการชำระเงินแบบปลอดดอกเบี้ย PayPal Credit เชื่อมต่อการทํางานกับเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ที่รองรับ PayPal ทําให้เป็นตัวเลือกที่สะดวกสําหรับลูกค้า PayPal
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ