Zip: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. Zip คืออะไร
  3. มีการใช้งาน Zip ในพื้นที่ใดบ้าง
  4. ใครคือผู้ที่ใช้ Zip
  5. วิธีการทํางานของ Zip
  6. ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการยอมรับ Zip
  7. มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip
  8. ข้อกําหนดสําหรับการรับชําระเงินด้วย Zip
  9. ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Zip

Zip คือโซลูชันที่สำคัญระดับโลกแบบซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) โดยนําเสนอโซลูชันการชําระเงินที่ยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าและธุรกิจหลากหลายประเภท Zip ได้ขยายธุรกิจเพื่อให้บริการในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากมีความพร้อมรองรับฐานลูกค้าที่หลากหลายซึ่งมองหาทางเลือกที่นอกเหนือจากเครดิตแบบเดิม โดยสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่กําลังเติบโตในหมู่ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและการเข้าถึงตัวเลือกการชําระเงิน

Zip ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการได้ทันทีพร้อมกับแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นการชําระเงินหลายงวด ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีดอกเบี้ย วิธีการนี้ดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตแบบเดิม หรือกําลังมองหาแพ็กเกจการชําระเงินคืนที่จัดการได้มากขึ้น สําหรับธุรกิจ การเป็นพาร์ทเนอร์กับ Zip อาจช่วยให้อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินสูงขึ้น และมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจมีแนวโน้มที่จะทําการซื้อด้วยตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น

กลยุทธ์ระหว่างประเทศของ Zip ประกอบไปด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาดท้องถิ่นและความต้องการของลูกค้า ในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย Zip ต่างต่างจากผู้ให้บริการ BNPL รายอื่น ด้วยการให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือการจัดการงบประมาณและโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส ในภูมิภาคที่มีการใช้ธนาคารแบบเดิมไม่ค่อยแพร่หลาย Zip ก็นำเสนอโซลูชันการเงินทางเลือกสําหรับลูกค้าที่ไม่สามารถรับเครดิตได้

ตลาด BNPL ทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 1.22 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยรวมต่อปีที่ 22% เนื่องจาก Zip มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ จึงจําเป็นต้องเข้าใจวิธีการทํางาน ประโยชน์ และกลไกของตลาด BNPL ที่กว้างขึ้น

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • Zip คืออะไร
  • มีการใช้งาน Zip ในพื้นที่ใดบ้าง
  • ใครคือผู้ที่ใช้ Zip
  • วิธีการทํางานของ Zip
  • ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการยอมรับ Zip
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip
  • ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชําระเงินผ่าน Zip
  • ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Zip

Zip คืออะไร

Zip ก่อตั้งขึ้นในออสเตรเลียในปี 2013 และเป็นบริการทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลื่อนการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการที่ซื้อได้ Zip มอบความสะดวกให้ลูกค้าในการซื้อสินค้าทันทีด้วยความยืดหยุ่นในการแบ่งการชําระเงินในระยะยาว

ลูกค้าสามารถใช้ Zip เพื่อซื้อสินค้าแล้วชําระคืนยอดคงเหลือแบบผ่อนได้ ซึ่งปกติแล้วจะชำระทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยเป็นโมเดลที่เหมาะกับรอบการชําระเงินและการจัดการงบประมาณส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น สําหรับธุรกิจ การใช้ Zip อาจทําให้การซื้อรวมเพิ่มขึ้นและอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำสูงขึ้น

ในปี 2023 Zip ได้รายงานว่ามีบัญชีลูกค้าใช้งานอยู่ถึง 6.2 ล้านบัญชี Zip เชื่อมต่อการทํางานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และระบบระบบบันทึกการขาย (POS) เพื่อให้บริการในระบบการซื้อขายสินค้ารูปแบบต่างๆ การเติบโตของ Zip เป็นไปตามแนวโน้มของลูกค้าที่มองหาวิธีการชําระเงินทางเลือกซึ่งแพร่หลายมากขึ้น โดยสอดคล้องกับการวางแผนทางการเงินและพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า

มีการใช้งาน Zip ในพื้นที่ใดบ้าง

ความสามารถในการปรับตัวของ Zip ตามกลไกตลาดระดับภูมิภาคช่วยเสริมสร้างอัตราการใช้งานทั่วโลกได้

  • ออสเตรเลีย:
    ออสเตรเลียมีฐานลูกค้าที่ใหญ่เนื่องจากเป็นแหล่งกำเนิดของ Zip ในช่วงแรกแพลตฟอร์มนี้มีแบรนด์เป็นบริการ 2 แบบ ได้แก่ ZipMoney และ ZipPay เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง

  • สหรัฐอเมริกา:
    Zip ได้เข้าซื้อกิจการ QuadPay ในปี 2020 เพื่อขยายธุรกิจไปในสหรัฐฯ และพร้อมรองรับตลาดที่มีความสนใจในบริการ BNPL เพิ่มขึ้น การหาลูกค้าใหม่นี้ทําให้ Zip เข้าถึงธุรกิจค้าปลีกที่หลากหลายในสหรัฐฯ และปรับตัวตามพฤติกรรมการใช้จ่ายและพฤติกรรมด้านเครดิตของลูกค้าได้

  • นิวซีแลนด์:
    นิวซีแลนด์มีฐานลูกค้า Zip ที่เหนียวแน่น ซึ่งสนใจในบริการเนื่องจากมีความยืดหยุ่นทางการเงิน

  • แคนาดา:
    แคนาดาคือตลาดเชิงกลยุทธ์อีกหนึ่งแห่งของ Zip โดยที่ธุรกิจนี้เจาะตลาดผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์และผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก

ใครคือผู้ที่ใช้ Zip

บุคคลทั่วไปและธุรกิจหลายประเภทใช้ Zip เนื่องจากมีความสะดวกและความยืดหยุ่น

  • ร้านค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: ร้านค้าปลีกตั้งแต่ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก ไปจนถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ได้รวม Zip ไว้ในวิธีการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถให้บริการลูกค้าที่ต้องการจัดการการเงินของตัวเองได้โดยแบ่งชำระค่าสินค้าในระยะยาว

  • บ้านและไลฟ์สไตล์: ธุรกิจในอุตสาหกรรมในบ้านและไลฟ์สไตล์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านค้าวัสดุปรับปรุงบ้าน ต่างก็ใช้ Zip เพื่อเสนอวิธีให้ลูกค้าซื้อสินค้าราคาสูง ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้

  • บริการด้านสุขภาพและความงาม: คลินิกทันตกรรม ผู้ให้บริการความงาม และศูนย์ดูแลสุขภาพใช้ Zip เพื่อให้ผู้ป่วยและลูกค้ามีทางเลือกในการชําระเงินจากการรักษาและผลิตภัณฑ์แบบผ่อนชําระ ทําให้เข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

  • โรงแรมและการท่องเที่ยว: อุตสาหกรรมการบริการ ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและตัวแทนท่องเที่ยว นำเสนอ Zip สําหรับนักเดินทางที่ต้องการชําระค่าเดินทางและที่พักในระยะยาว ซึ่งถือว่าน่าดึงดูดสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการงบประมาณ

  • บริการรถยนต์: อู่ซ่อมรถยนต์และผู้ให้บริการรถยนต์เสนอ Zip เป็นตัวเลือกการชําระเงินสําหรับการซ่อมบำรุงและบริการต่างๆ ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่คาดไว้

  • ผู้ซื้อที่ต้องการประหยัดงบ: คนทั่วไปที่ต้องการควบคุมการเงินพบว่าการชําระเงินแบบผ่อนของ Zip สอดคล้องกับความต้องการด้านงบประมาณของตน

  • คนยุคมิลเลนเนียลและคนเจน Z: กลุ่มลูกค้าอายุน้อยที่มักไม่ต้องการเป็นหนี้ชื่นชอบการใช้ Zip เพราะช่วยให้เข้าถึงสินค้าได้ทันทีและชําระเงินได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น

  • ผู้ที่ทำอาชีพอิสระ: ผู้ที่มีปริมาณรายรับไม่แน่นอน เช่น ฟรีแลนซ์ และผู้ที่ทำอาชีพอิสระ ใช้ Zip เพื่อให้สอดคล้องกับรายรับที่ไม่คงที่ของตนเอง

  • ผู้ที่ไม่ชอบใช้เครดิต: ผู้ที่กังวลเรื่องเครดิตแบบเดิมเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยหรือกลัวว่าจะเป็นหนี้ มักมีแนวโน้มเลือกใช้ Zip เพราะเป็นทางเลือกที่โปร่งใสและไม่มีดอกเบี้ย

วิธีการทํางานของ Zip

  • การเริ่มต้นธุรกรรมและการกําหนดเส้นทาง
    ธุรกรรม Zip จะเริ่มขึ้นเมื่อลูกค้าเลือก Zip เป็นวิธีการชําระเงินในขั้นตอนการชําระเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือที่ร้านค้า ข้อมูลของลูกค้าจะได้รับการเข้ารหัสและส่งไปยัง Zip เพื่อขออนุมัติ คําขอนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อและสถานะเครดิตของลูกค้า ลูกค้ามักจะได้รับการอนุมัติในทันที จากนั้น Zip จะชําระเงินให้ธุรกิจเต็มจํานวน โดยหักค่าธรรมเนียม และกําหนดเวลาชําระเงินคืนของลูกค้า

  • การรักษาความปลอดภัยข้อมูล
    ความปลอดภัยเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานของ Zip Zip ใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสตลอดกระบวนการทําธุรกรรม เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและธุรกิจ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการฉ้อโกง Zip ใช้อัลกอริทึมการประเมินความเสี่ยงขั้นสูงที่จะตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่จะเกิดธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • โครงสร้างค่าธรรมเนียม
    โครงสร้างค่าธรรมเนียมของ Zip แตกต่างจากเครือข่ายการชําระเงินแบบเดิม ธุรกิจแต่ละแห่งจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสําหรับการซื้อแต่ละรายการที่ใช้บริการนี้ โดยที่ไม่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า นอกจากนี้ Zip ยังอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าสําหรับการชําระเงินที่ล่าช้าหรือเมื่อบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหว โดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงสําหรับผู้ใช้

  • การเชื่อมต่อทํางานกับระบบการชําระเงินที่ธุรกิจใช้อยู่
    สําหรับธุรกิจ การเชื่อมต่อการทํางานของ Zip เข้ากับตัวเลือกการชําระเงินมักต้องเพิ่มบริการไปยังเกตเวย์การชําระเงิน หรือระบบ POS โดย API และ SDK ของ Zip รองรับการเชื่อมต่อการทํางานนี้และช่วยให้เพิ่มวิธีนี้ลงในกระบวนการชําระเงินของธุรกิจได้อย่างราบรื่น การออกแบบของแพลตฟอร์มช่วยให้ใช้งานร่วมกันได้กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบในร้าน โดยนําเสนอโซลูชันที่ยืดหยุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้โมเดลธุรกิจแบบต่างๆ

  • การชําระเงินและการหักบัญชี
    หลังจากการอนุมัติธุรกรรมแล้ว Zip จะจัดการกระบวนการชําระเงินร่วมกับธุรกิจ โดยธุรกิจจะได้รับการชําระเงินทันทีซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในระบบ BNPL ได้ ธุรกรรมการหักยอดจะได้รับการดําเนินการเป็นกลุ่ม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับการลดหนี้และถูกหักบัญชีอย่างเหมาะสม

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า
    Zip มอบสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลธุรกรรมและการวิเคราะห์แก่ธุรกิจต่างๆ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและจัดการข้อมูลการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการยอมรับ Zip

  • มูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
    ธุรกิจที่ใช้ Zip จะได้รับมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าสะดวกใจที่จะชําระค่าสินค้าจํานวนมากขึ้นเมื่อแบ่งจ่ายในระยะยาวได้โดยไม่มีดอกเบี้ย

  • เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน
    Zip สามารถลดการละทิ้งรถเข็นได้ การนําเสนอทางเลือก BNPL ช่วยลดอุปสรรคทั่วไปในการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยช่วยให้ลูกค้าเอื้อมถึงได้ในทันทีและมีโอกาสเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าแบบชำระเงินได้

  • ชําระเงินให้ธุรกิจในทันที
    แม้ลูกค้าจะชําระเงินตามแผนผ่อนชําระ แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ได้รับการชําระเงินเต็มจํานวนล่วงหน้าจาก Zip บริการในส่วนนี้สามารถปรับปรุงกระแสเงินสดของธุรกิจและลดความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการชําระเงินได้อีกด้วย

  • เข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น
    Zip สามารถดึงดูดลูกค้าหลากหลายประเภท รวมถึงผู้ที่ไม่ชอบหรือไม่มีสิทธิ์รับเครดิตแบบเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดของธุรกิจได้

  • เพิ่มความภักดีของลูกค้า
    ความสะดวกของการชําระเงินแบบผ่อนสามารถเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้าได้ ลูกค้ามีแนวโน้มสูงกว่าในการกลับมาใช้บริการจากธุรกิจซึ่งนำเสนอวิธีการชำระเงินที่ตนต้องการ

  • ข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียด
    Zip มอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแนวโน้มการซื้อและพฤติกรรมลูกค้าให้ธุรกิจ ข้อมูลนี้สามารถใช้ประกอบการสร้างกลยุทธ์ด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดการสินค้าคงคลังได้

  • การเชื่อมต่อระบบที่ไม่ต้องลงแรงมาก
    เทคโนโลยีของ Zip ออกแบบมาเพื่อการเชื่อมต่อการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ธุรกิจใช้อยู่ ทำให้กระบวนการติดตั้งใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น

  • การสนับสนุนด้านการตลาด
    ธุรกิจที่ใช้งาน Zip อาจได้รับโอกาสเข้าถึงลูกค้าเพิ่มเติมจากช่องทางการตลาดของ Zip ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการเข้าชมร้านค้าหรือเว็บไซต์ได้

  • ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    Zip รักษามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในระดับสูง ซึ่งจะเป็นการลดภาระที่มาจากความซับซ้อนเหล่านี้ให้แก่ธุรกิจ

มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip

Zip ให้บริการแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสําหรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการรักษาความปลอดภัยที่ปกป้องธุรกรรม ขณะเดียวกันก็สร้างความไว้วางใจแก่ลูกค้าและช่วยสร้างความสำเร็จในระยะยาวของบริการ มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Zip มีดังนี้

  • การเข้ารหัส
    Zip ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลในทุกจุดของกระบวนการทําธุรกรรม ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่อยู่ระหว่างส่ง เช่น ระหว่างการซื้อและข้อมูลในระบบ เช่น ข้อมูลบัญชีที่จัดเก็บไว้ การเข้ารหัสเหล่านี้มีการอัปเดตอยู่เป็นประจําเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น

  • การประเมินความเสี่ยงและตรวจจับการฉ้อโกง
    แพลตฟอร์มมีอัลกอริทึมและเทคนิคของแมชชีนเลิร์นนิงที่ซับซ้อนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ระบบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อระบุและรายงานกิจกรรมที่ผิดปกติซึ่งอาจบ่งบอกถึงการฉ้อโกงได้ โดยการตรวจสอบธุรกรรมอย่างต่อเนื่องช่วยให้ Zip รับมือกับปัญหาด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว

  • การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า
    Zip ใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าเพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยมักจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย ซึ่งลูกค้าจะต้องทําการยืนยันเพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้แค่รหัสผ่าน เช่น รหัสที่ไม่ซ้ำกันซึ่งส่งไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • การแปลงเป็นโทเค็น
    Zip ใช้การแปลงเป็นโทเค็นเช่นเดียวกับผู้ประมวลผลการชําระเงินชั้นนำรายอื่นๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ธุรกรรม วิธีนี้จะใช้การแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงหมายเลขบัตรเครดิต ด้วยรหัสระบุที่ไม่ซ้ำกัน (หรือโทเค็น) ซึ่งไม่ระบุค่าที่นำไปใช้โดยมิชอบได้ โดยวิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลและการฉ้อโกงได้อย่างมาก

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    Zip ปฏิบัติตามข้อบังคับทางการเงินที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศที่ดําเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการคุ้มครองข้อมูลและการประมวลผลการชําระเงิน เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)

  • การตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจํา
    Zip จะตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยเป็นประจําเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยให้อยู่ในระดับสูง การตรวจสอบเหล่านี้ช่วยระบุช่องโหว่ที่มีและปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพและเป็นปัจจุบัน

  • การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
    Zip ลงทุนในการวิจัยและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที

ข้อกําหนดสําหรับการรับชําระเงินด้วย Zip

  • การสร้างบัญชีผู้ค้า:
    ธุรกิจที่ต้องการเริ่มรับการชําระเงินด้วย Zip ต้องสร้างบัญชีผู้ค้าเพื่อประมวลผลการชําระเงิน โดยต้องทำสัญญากับ Zip หรือสถาบันทางการเงินที่ได้รับมอบหมายให้จัดการธุรกรรมของ Zip ซึ่งข้อตกลงมักจะระบุข้อกําหนด เงื่อนไข สิทธิ์ และหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย

  • การเชื่อมต่อกับระบบการชําระเงิน:
    ธุรกิจจะต้องเชื่อมต่อการทํางานระบบการชําระเงินของ Zip เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อยู่ ซึ่งอาจต้องรวม API และ SDK ที่ของ Zip ด้วย ประเภทของการเชื่อมต่อการทํางานอาจแตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ร้านค้าปลีกอาจต้องมีระบบ POS ที่จุดขาย ในขณะที่ธุรกิจออนไลน์จําเป็นต้องเชื่อมต่อการทํางานของ Zip เข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

  • การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ:
    ธุรกิจต้องปฏิบัติตามข้อบังคับทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินและการคุ้มครองลูกค้า รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) และข้อกําหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) ด้วย นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคที่ดําเนินธุรกิจ เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในสหภาพยุโรป

  • ความพร้อมด้านเทคนิคและการรักษาความปลอดภัย:
    ธุรกิจควรมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคที่จําเป็นเพื่อรองรับการประมวลผลการชําระเงินผ่าน Zip รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและฮาร์ดแวร์ที่เข้ากันได้สําหรับระบบ POS (ถ้ามี) นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS เพื่อปกป้องข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าด้วย

  • สุขภาพและเสถียรภาพทางการเงิน:
    Zip อาจประเมินสุขภาพและเสถียรภาพทางการเงินของธุรกิจ ซึ่งอาจต้องมีการตรวจสอบประวัติเครดิต ผลการดําเนินงานของธุรกิจ และงบการเงิน

  • การทําความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและการเรียกเก็บเงิน
    ธุรกิจควรเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Zip รวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรม การเรียกเก็บเงินรายเดือนหรือรายปี และค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืนที่อาจเกิดขึ้น

ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Zip

บริการ BNPL แต่ละประเภทมีฟีเจอร์และโมเดลการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันซึ่งปรับให้เข้ากับตลาดแต่ละแห่ง ความแพร่หลายและการนําไปใช้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ความนิยมในภูมิภาค ความต้องการของลูกค้า และการเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจ

  • Afterpay:
    Afterpay เป็นที่รู้จักในแง่ของความสะดวกในการใช้งาน และแผนการชำระเงินที่ปลอดดอกเบี้ย ช่วยให้ลูกค้าชําระเงินจากการซื้อได้ 4 งวด บริการนี้มีการเชื่อมต่อการทํางานที่ราบรื่นสําหรับการซื้อสินค้าและบริการทั้งที่ร้านออนไลน์และหน้าร้าน และเป็นตัวเลือกยอดนิยมในร้านค้าปลีก

  • Klarna:
    Klarna มอบตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ซึ่งรวมถึง "Pay in 30" ที่ให้บริการผ่อนชําระ รวมถึงบริการเครดิตแบบเดิม บริการนี้โดดเด่นจากแอปที่ครอบคลุม ซึ่งมีฟีเจอร์อย่างรายการสินค้าที่ชื่นชอบและการแจ้งเตือนเมื่อราคาลดลง

  • Affirm:
    Affirm นําเสนอระยะเวลาการชําระคืนหลากหลายแบบ ตั้งแต่ตัวเลือกระยะสั้นไปจนถึงการสนับสนุนทางการเงินระยะยาว ซึ่งบางครั้งอาจมีดอกเบี้ย บริการนี้เป็นที่รู้จักในแง่ของความโปร่งใส การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมล่วงหน้า

  • Sezzle:
    Sezzle เน้นการผ่อนชําระจำนวนน้อยที่จัดการได้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายอย่างรับผิดชอบ บริการนี้ให้ความสําคัญกับการสร้างคะแนนเครดิตของลูกค้าผ่านการชําระเงินตรงเวลา

  • PayPal Credit:
    บริการนี้เป็นส่วนขยายของPayPal โดยมีตัวเลือกการสนับสนุนทางการเงินระยะสั้น ซึ่งมักมีข้อเสนอส่งเสริมการขาย เช่น รอบการชำระเงินแบบปลอดดอกเบี้ย PayPal Credit เชื่อมต่อการทํางานกับเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ที่รองรับ PayPal ทําให้เป็นตัวเลือกที่สะดวกสําหรับลูกค้า PayPal

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe