ในฐานะตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 11 ในโลก ออสเตรเลียนำเสนอโอกาสอันดีสำหรับการขยายธุรกิจ แต่การเข้าสู่ตลาดนี้ต้องคำนึงถึงการรับมือกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับท้องถิ่น ความต้องการด้านการชําระเงินแบบไร้สัมผัสของลูกค้าในออสเตรเลีย และแง่มุมอื่นๆ ของการรับการชําระเงินในออสเตรเลีย
ด้านล่างนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับรูปแบบการชําระเงินของออสเตรเลียซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแห่งต่างๆ สามารถใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และมีข้อมูลพร้อมต่อการให้บริการการชําระเงินในออสเตรเลีย ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
- การให้บริการการชําระเงินแบบไร้สัมผัส
- การเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย
- การปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้า
สถานะของตลาด
ภาคการชําระเงินของออสเตรเลียเป็นการผสมผสานอันสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของธนาคารแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ การชําระเงินด้วยบัตรในออสเตรเลียที่จุดขายส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบไร้สัมผัส ในขณะที่กระเป๋าเงินดิจิทัลและการชําระเงินแบบเรียลไทม์เริ่มกลายเป็นสองวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างรวดเร็ว
สกุลเงินหลักของออสเตรเลียคือดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมักจะแสดงเป็นตัวย่อ AUD หรือแสดงด้วยสัญลักษณ์ A$ เพื่อแยกความแตกต่างจากสกุลเงินดอลลาร์อื่นๆ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ทําหน้าที่เป็นธนาคารกลางของประเทศและมีบทบาทสําคัญในนโยบายทางการเงิน ระบบการชําระเงิน และเสถียรภาพทางการเงินโดยรวม ในขณะที่หน่วยงานกํากับดูแล ซึ่งรวมถึงสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) และหน่วยงานกํากับดูแลหลักแห่งออสเตรเลีย (APRA) กํากับดูแลการปฏิบัติตามข้อกําหนดและความมั่นคงในตลาดการเงิน
วิธีการชําระเงิน
ในขณะที่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศ แต่การชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยม:
การใช้งานในปัจจุบัน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลต่อการชําระเงินในออสเตรเลีย เนื่องจากการชําระเงินแบบดิจิทัลมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นจึงช่วยให้ลูกค้าลดการใช้สกุลเงินตราได้ง่ายขึ้น แบบสํารวจการชําระเงินสําหรับผู้บริโภคของ RBA ระบุว่าการชําระเงินด้วยเงินสดในปี 2022 มีเพียง 13% ซึ่งลดลงจาก 69% ในปี 2007 ส่วนการชําระเงินผ่านบัตรคิดเป็น 76% ของธุรกรรมทั้งหมดในปี 2022
การชําระเงินแบบไร้สัมผัสยังได้รับความนิยมอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยคิดเป็น 95% จากการชำระเงินด้วยบัตรที่จุดขายของออสเตรเลียในปี 2022 ขณะที่การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นคิดเป็น 30% ของการชําระเงินผ่านบัตรที่จุดขาย แนวโน้มการนําไปใช้นี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและเปิดรับโซลูชันทางการเงินแบบดิจิทัลมากกว่า ด้วยการถือกำเนิดของกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอตช์ จึงถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสกลายเป็นวิธีการที่ใช้โดยทั่วไป
โซลูชันการชําระเงินแบบเรียลไทม์ เช่น PayTo และ Osko ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากความเร็วและค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า PayTo เป็นบริการจากธนาคาร สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการชําระเงินที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเริ่มการชําระเงินจากบัญชีธนาคารของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ วิธีนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยแพลตฟอร์มการชําระเงินใหม่ (NPP) ที่มีบัญชีกว่า 88 ล้านบัญชีในปี 2022 ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการชําระเงินในออสเตรเลียให้เป็นไปในแนวทางของการชําระเงินแบบเรียลไทม์และการโอนเงินผ่านธนาคาร
วิธีการชําระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในออสเตรเลีย
- บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
- กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Apple Pay)
- การชําระเงินแบบเรียลไทม์ (เช่น PayTo)
- BNPL (เช่น Afterpay)
วิธีการชําระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในออสเตรเลีย
- บัตรเครดิต
- การโอนเงินระหว่างธนาคาร
- การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น BPAY)
แนวโน้มที่กําลังเกิดขึ้น
การนําคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้ในออสเตรเลียมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลของ Statista ระบุว่าชาวออสเตรเลีย 1 ใน 4 เป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซีในปี 2022 ซิดนีย์และเมลเบิร์นได้กลายเป็นศูนย์กลางสําหรับกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งรวมถึงสถานประกอบการด้านการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีและธุรกิจสตาร์ทอัพที่เน้นบล็อกเชน รวมทั้งบริษัทอย่าง CanYa และ Powerledger ก็แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในภาคส่วนดังกล่าวของออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจัยหลายประการได้ช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคต่อคริปโตเคอร์เรนซีในออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงความไม่พอใจต่อสถาบันการเงินแบบเดิมๆ ที่นําไปสู่การสํารวจระบบการเงินทางเลือก แบบสํารวจเปรียบเทียบการโอนเงินในปี 2023 พบว่า 59% ของชาวออสเตรเลียเชื่อว่าค่าธรรมเนียมบัญชีธนาคารยังสูงเกินไป ปัจจัยสนับสนุนการใช้งานคริปโตอีกประการหนึ่งก็คือโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มองว่าคริปโตเป็นวิธีสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอของตน อย่างไรก็ตาม คริปโตยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเงินหรือสกุลเงินต่างประเทศในออสเตรเลีย
ความง่ายและความยุ่งยากในการเข้าสู่ตลาด
ธุรกิจที่ต้องการขยายกิจการไปยังออสเตรเลียต้องมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการดําเนินงาน ตั้งแต่การเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาความปลอดภัยของการชําระเงินจะอยู่ในระดับขั้นสูงสุด ตัวอย่างปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังนี้
ภาษี
ออสเตรเลียมีการคิดภาษีสินค้าและบริการ (GST) ในอัตรา 10% กับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ ธุรกิจที่เรียกเก็บการชําระเงินมีหน้าที่เรียกเก็บภาษีนี้และนําส่งให้กับสํานักงานภาษีของประเทศแห่งนี้ ความประมาทเลินเล่อในการจัดการ GST อาจทําให้เกิดบทลงโทษได้
การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน
กฎของออสเตรเลียมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับระเบียบข้อบังคับของยุโรป ตัวอย่างเช่น กฎหมายของคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) กําหนดให้สถาบันการเงินต้องตรวจสอบธุรกรรมที่มีการโต้แย้งการชําระเงิน กฎหมายเช่น ประมวลกฎหมายด้านการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ยังมอบรากฐานในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แก่ทั้งธุรกิจและลูกค้า
โดยปกติลูกค้าจะมีเวลาระหว่าง 45 ถึง 120 วันในการอ้างสิทธิ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครือข่ายบัตร ภาระหน้าที่รับผิดชอบนั้นจะตกเป็นของธุรกิจต่างๆ ซึ่งต้องแสดงหลักฐานโดยละเอียดในการตอบโต้ต่อการอ้างสิทธิ์การดึงเงินคืนดังกล่าว ซึ่งอาจประกอบด้วยใบเสร็จจากการขาย การยืนยันการจัดส่ง และการโต้ตอบใดๆ กับลูกค้า
การชําระเงินระหว่างประเทศ
การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมข้ามพรมแดนได้รับการผลักดันโดยความแพร่หลายของการซื้อสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ หมายความว่าธุรกิจและผู้ให้บริการชําระเงินต้องรับมือกับการแปลงสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ซึ่งทําให้มีความซับซ้อนเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
การแปลงสกุลเงิน
สําหรับธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกเหนือจากดอลลาร์ออสเตรเลีย ธุรกิจจะต้องจัดการกับการแปลงสกุลเงิน และตระหนักถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง แพลตฟอร์มของบริษัทอื่นหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Stripe จะช่วยอํานวยความสะดวกในการแปลงสกุลเงินในออสเตรเลียข้อบังคับด้านความโปร่งใส
คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลการแปลงสกุลเงิน สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลของ ASIC ซึ่งรวมถึงความชัดเจนด้านค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและการบวกราคาเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มจากตลาดเกิดใหม่
การยอมรับวิธีการชําระเงินยอดนิยมจากประเทศในแถบโอเชียเนียและเอเชีย เช่น WeChat Pay จากประเทศจีน สามารถช่วยเพิ่มยอดขายในหมู่ลูกค้าต่างประเทศ
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
สภาพแวดล้อมทางกฎหมายในออสเตรเลียนั้นรวมกฎหมายคุ้มครองข้อมูลอันเข้มงวด เข้ากับข้อกําหนดเพื่อความถูกต้องซื่อสัตย์ทางการเงิน จึงช่วยสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและความต้องการของอุตสาหกรรมการเงิน ต่อไปนี้คือกฎระเบียบข้อบังคับและข้อกําหนดในอุตสาหกรรมที่ควรพิจารณา
กฎหมายคุ้มครองข้อมูล
กฎหมายความเป็นส่วนตัวของปี 1988 ครอบคลุมภาคธุรกิจต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ โทรคมนาคม และการเงิน กฎหมายนี้กําหนดให้ผู้บริโภคต้องให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลและมีข้อกําหนดสําหรับการแจ้งเตือนเรื่องการละเมิดข้อมูล กฎหมายว่าด้วยสิทธิ์ข้อมูลผู้บริโภค (CDR) ช่วยให้ลูกค้าแชร์ข้อมูลของตนกับธุรกิจที่ได้รับการรับรองในภาคธุรกิจต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยระเบียบข้อบังคับเพื่อการต่อต้านการฟอกเงิน
การปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงินและการต่อต้านการจัดหาเงินทุนแก่การก่อการร้ายปี 2006 (AML/CTF) ถือเป็นภาระหน้าที่ของสถาบันการเงินและบริการที่กําหนด กฎหมายนี้กําหนดให้นิติบุคคลต้องจัดตั้งและดูแลโปรแกรม AML/CTF เพื่อระบุ บรรเทา และจัดการความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนแก่การก่อการร้าย ศูนย์รายงานและวิเคราะห์ธุรกรรมและของออสเตรเลีย (AUSTRAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านข้อมูลทางการเงินของรัฐบาลออสเตรเลีย มีหน้าที่กํากับดูแลการปฏิบัติตามข้อกําหนด และสามารถเรียกเก็บค่าปรับหากไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยสําหรับบัตรชําระเงิน
ธุรกิจที่จัดเก็บ ประมวลผล หรือส่งข้อมูลบัตรเครดิต ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) โดยมาตรฐานนี้ระบุโปรโตคอลและนโยบายความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร ธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดอาจต้องชำระค่าปรับจำนวนมากหรือถูกระงับไม่ให้ดำเนินการประมวลผลการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตระเบียบข้อบังคับด้านการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้บริการระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ (Open Banking)
การแชร์ข้อมูลของผู้ใช้บริการระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ (Open Banking) ในออสเตรเลียช่วยให้ลูกค้าแชร์ข้อมูลทางการเงินของตัวเองได้อย่างปลอดภัยระหว่างผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองรายต่างๆ และกฎหมายว่าด้วยสิทธิ์ด้านข้อมูลผู้บริโภค (CDR) นั้นก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการแข่งขันในบริการทางการเงิน ไปพร้อมๆ กับการรักษามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลกฎหมายเกี่ยวกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี
ASIC ควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซี ถึงแม้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะไม่ได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายในออสเตรเลีย แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย AML/CTF นอกจากนี้ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองและการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้วย
ปัจจัยหลักเพื่อการประสบความสําเร็จ
แม้ระบบนิเวศการชําระเงินของออสเตรเลียจะพัฒนาไปในขั้นสูง แต่ก็ยังคงมีความท้าทายหลายประการอยู่ ซึ่งมีตั้งแต่การนําเทคโนโลยีมาปรับใช้ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไปจนถึงความต้องการด้านการกำกับดูแล และระบบการชําระเงินที่มีความเป็นท้องถิ่นสูง ปัญหาเหล่านี้ผสมผสานรวมกันจนทําให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยการเฝ้าระวังและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีการที่ธุรกิจรับมือกับความซับซ้อนเหล่านี้ในตลาดออสเตรเลีย
ตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย
การชําระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลเริ่มกลายเป็นมาตรฐานในออสเตรเลียเนื่องด้วยอุปสรรคจากการใช้เงินสด การนําเสนอทางเลือกในการชําระเงินแบบดิจิทัลที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิตแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสําคัญต่อความสําเร็จในตลาดออสเตรเลียการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการลดการฉ้อโกง
ออสเตรเลียเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากการฉ้อโกงการชําระเงินและความเสี่ยงต่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้ร ข้อมูลของเครือข่ายการชําระเงินในออสเตรเลียระบุว่า การฉ้อโกงผ่านบัตรออนไลน์เพิ่มขึ้น 3.8% ในปี 2020 จนเป็นจำนวนถึงเกือบ 419 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นด้านการลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อปกป้องธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงการยืนยันตัวตนของลูกค้า
การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลได้กลายมาเป็นองค์ประกอบสําคัญของธุรกรรมออนไลน์ เพื่อปกป้องผู้ใช้และธุรกิจจากธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ผู้ให้บริการต้องหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความจําเป็นในการยืนยันที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้การผสานการทํางานการชําระเงินแบบเรียลไทม์
โครงสร้างพื้นฐานสําหรับการชําระเงินของออสเตรเลียมีการใช้วิธีการชําระเงินแบบเรียลไทม์ เช่น PayTo ซึ่งทำงานผ่านแพลตฟอร์มการชําระเงินใหม่ (NPP) และการยอมรับระบบเหล่านี้ก็ทําให้ธุรกิจสามารภปรับแต่งตัวเลือกการชําระเงินให้ตรงตามความต้องการของท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลของ RBA ระบุว่า ทาง NPP ได้ประมวลผลการชําระเงินไปแล้วประมาณ 1.3 พันล้านรายการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในช่วงปี 2022 ถึง 2023
ประเด็นสำคัญ
ธุรกิจที่ดําเนินกิจการในออสเตรเลียสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้าได้ด้วยกลยุทธ์ที่มีหลายปัจจัย เพื่อรับมือกับความคาดหวังของลูกค้าและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การรองรับความต้องการด้านการชําระเงินหลากหลายรูปแบบ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับระเบียบการรักษาความปลอดภัย และการทําให้ประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้าราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทําได้ ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น ต่อไปนี้คือข้อมูลสรุป พร้อมด้วยเคล็ดลับที่จะช่วยให้กลยุทธ์ในออสเตรเลียของคุณประสบความสําเร็จ
เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัส
รับชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และกระเป๋าเงินดิจิทัล
ผสานการชําระเงินผ่านบัตรแบบไร้สัมผัส การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ และกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay เพื่อการทําธุรกรรมที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยากนําธุรกรรมแบบเรียลไทม์ไปใช้งาน
ใช้วิธีการชําระเงินในประเทศ เช่น PayTo สําหรับตัวเลือกการชําระเงินแบบเรียลไทม์ที่ลูกค้าในออสเตรเลียคุ้นเคยใช้ประโยชน์จากข้อดีด้านความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามา
การแปลงเป็นโทเค็น ซึ่งเป็นกระบวนการแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยรหัสแบบใช้ครั้งเดียวจะมอบการป้องกันการฉ้อโกงอีกขั้นสําหรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ประโยชน์จากมาตรการรักษาความปลอดภัยในตัวนี้ด้วยการรับชําระเงินแบบไร้สัมผัส
ส่งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย
รักษามาตรการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงให้มีความรัดกุม
นํากลไกการป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ซึ่งรวมถึงการยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure สําหรับธุรกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าและลดความสูญเสียทางการเงินจากธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงปกป้องข้อมูลลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน
ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในออสเตรเลีย เช่น สิทธิด้านข้อมูลของผู้บริโภค (CDR) และกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวปี 1988 รวมถึงมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น PCI DSSปรับตัวตามโซลูชันด้านข้อมูลประจําตัวดิจิทัลใหม่ๆ
ยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยและไบโอเมตริกแบบพาสซีฟเพื่อการชําระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย
ยกระดับประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้า
มุ่งเน้นไปที่การทําธุรกรรมในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
แม้ตัวเลือกหลายสกุลเงินอาจเป็นที่นิยมในตลาดอื่นๆ แต่จุดมุ่งเน้นในที่นี้คือการชำระเงินในท้องถิ่น โฆษณาราคาในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและยอมรับวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นให้การสนับสนุนลูกค้าแบบเรียลไทม์
นําเสนอการบริการลูกค้าในระดับดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแชทสดและตัวเลือกการสนับสนุนแบบเรียลไทม์สําหรับลูกค้าอีคอมเมิร์ซสื่อสารอย่างสม่ําเสมอและในเชิงรุก
แจ้งลูกค้าเกี่ยวกับตัวเลือกการชําระเงินแบบใหม่ การอัปเดตด้านความปลอดภัย และการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้น ควรนําเสนอจดหมายข่าวหรือหน้าคําถามที่พบบ่อยที่ให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดออสเตรเลีย
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ