การชําระเงินในออสเตรเลีย: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. สถานะของตลาด
  3. วิธีการชําระเงิน
    1. การใช้งานในปัจจุบัน
    2. แนวโน้มที่กําลังเกิดขึ้น
  4. ความง่ายและความยุ่งยากในการเข้าสู่ตลาด
    1. ภาษี
    2. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน
    3. การชําระเงินระหว่างประเทศ
    4. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  5. ปัจจัยหลักเพื่อการประสบความสําเร็จ
  6. ประเด็นสำคัญ
    1. เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัส
    2. ส่งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย
    3. ยกระดับประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้า

ในฐานะตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่เป็นอันดับ 11 ในโลก ออสเตรเลียนำเสนอโอกาสอันดีสำหรับการขยายธุรกิจ แต่การเข้าสู่ตลาดนี้ต้องคำนึงถึงการรับมือกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับท้องถิ่น ความต้องการด้านการชําระเงินแบบไร้สัมผัสของลูกค้าในออสเตรเลีย และแง่มุมอื่นๆ ของการรับการชําระเงินในออสเตรเลีย

ด้านล่างนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับรูปแบบการชําระเงินของออสเตรเลียซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจแห่งต่างๆ สามารถใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และมีข้อมูลพร้อมต่อการให้บริการการชําระเงินในออสเตรเลีย ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้

  • การให้บริการการชําระเงินแบบไร้สัมผัส
  • การเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย
  • การปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้า

สถานะของตลาด

ภาคการชําระเงินของออสเตรเลียเป็นการผสมผสานอันสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งของธนาคารแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ การชําระเงินด้วยบัตรในออสเตรเลียที่จุดขายส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบไร้สัมผัส ในขณะที่กระเป๋าเงินดิจิทัลและการชําระเงินแบบเรียลไทม์เริ่มกลายเป็นสองวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างรวดเร็ว

สกุลเงินหลักของออสเตรเลียคือดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมักจะแสดงเป็นตัวย่อ AUD หรือแสดงด้วยสัญลักษณ์ A$ เพื่อแยกความแตกต่างจากสกุลเงินดอลลาร์อื่นๆ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ทําหน้าที่เป็นธนาคารกลางของประเทศและมีบทบาทสําคัญในนโยบายทางการเงิน ระบบการชําระเงิน และเสถียรภาพทางการเงินโดยรวม ในขณะที่หน่วยงานกํากับดูแล ซึ่งรวมถึงสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) และหน่วยงานกํากับดูแลหลักแห่งออสเตรเลีย (APRA) กํากับดูแลการปฏิบัติตามข้อกําหนดและความมั่นคงในตลาดการเงิน

วิธีการชําระเงิน

ในขณะที่บัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศ แต่การชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยม:

การใช้งานในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลต่อการชําระเงินในออสเตรเลีย เนื่องจากการชําระเงินแบบดิจิทัลมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นจึงช่วยให้ลูกค้าลดการใช้สกุลเงินตราได้ง่ายขึ้น แบบสํารวจการชําระเงินสําหรับผู้บริโภคของ RBA ระบุว่าการชําระเงินด้วยเงินสดในปี 2022 มีเพียง 13% ซึ่งลดลงจาก 69% ในปี 2007 ส่วนการชําระเงินผ่านบัตรคิดเป็น 76% ของธุรกรรมทั้งหมดในปี 2022

การชําระเงินแบบไร้สัมผัสยังได้รับความนิยมอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยคิดเป็น 95% จากการชำระเงินด้วยบัตรที่จุดขายของออสเตรเลียในปี 2022 ขณะที่การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นคิดเป็น 30% ของการชําระเงินผ่านบัตรที่จุดขาย แนวโน้มการนําไปใช้นี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและเปิดรับโซลูชันทางการเงินแบบดิจิทัลมากกว่า ด้วยการถือกำเนิดของกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่ เช่น สมาร์ทวอตช์ จึงถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสกลายเป็นวิธีการที่ใช้โดยทั่วไป

โซลูชันการชําระเงินแบบเรียลไทม์ เช่น PayTo และ Osko ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากความเร็วและค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า PayTo เป็นบริการจากธนาคาร สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการชําระเงินที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเริ่มการชําระเงินจากบัญชีธนาคารของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ วิธีนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยแพลตฟอร์มการชําระเงินใหม่ (NPP) ที่มีบัญชีกว่า 88 ล้านบัญชีในปี 2022 ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการชําระเงินในออสเตรเลียให้เป็นไปในแนวทางของการชําระเงินแบบเรียลไทม์และการโอนเงินผ่านธนาคาร

วิธีการชําระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในออสเตรเลีย

วิธีการชําระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในออสเตรเลีย

  • บัตรเครดิต
  • การโอนเงินระหว่างธนาคาร
  • การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น BPAY)

แนวโน้มที่กําลังเกิดขึ้น

การนําคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้ในออสเตรเลียมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลของ Statista ระบุว่าชาวออสเตรเลีย 1 ใน 4 เป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซีในปี 2022 ซิดนีย์และเมลเบิร์นได้กลายเป็นศูนย์กลางสําหรับกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งรวมถึงสถานประกอบการด้านการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีและธุรกิจสตาร์ทอัพที่เน้นบล็อกเชน รวมทั้งบริษัทอย่าง CanYa และ Powerledger ก็แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในภาคส่วนดังกล่าวของออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจัยหลายประการได้ช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคต่อคริปโตเคอร์เรนซีในออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงความไม่พอใจต่อสถาบันการเงินแบบเดิมๆ ที่นําไปสู่การสํารวจระบบการเงินทางเลือก แบบสํารวจเปรียบเทียบการโอนเงินในปี 2023 พบว่า 59% ของชาวออสเตรเลียเชื่อว่าค่าธรรมเนียมบัญชีธนาคารยังสูงเกินไป ปัจจัยสนับสนุนการใช้งานคริปโตอีกประการหนึ่งก็คือโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มองว่าคริปโตเป็นวิธีสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอของตน อย่างไรก็ตาม คริปโตยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเงินหรือสกุลเงินต่างประเทศในออสเตรเลีย

ความง่ายและความยุ่งยากในการเข้าสู่ตลาด

ธุรกิจที่ต้องการขยายกิจการไปยังออสเตรเลียต้องมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการดําเนินงาน ตั้งแต่การเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาความปลอดภัยของการชําระเงินจะอยู่ในระดับขั้นสูงสุด ตัวอย่างปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังนี้

ภาษี

ออสเตรเลียมีการคิดภาษีสินค้าและบริการ (GST) ในอัตรา 10% กับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ ธุรกิจที่เรียกเก็บการชําระเงินมีหน้าที่เรียกเก็บภาษีนี้และนําส่งให้กับสํานักงานภาษีของประเทศแห่งนี้ ความประมาทเลินเล่อในการจัดการ GST อาจทําให้เกิดบทลงโทษได้

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชําระเงิน

กฎของออสเตรเลียมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับระเบียบข้อบังคับของยุโรป ตัวอย่างเช่น กฎหมายของคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) กําหนดให้สถาบันการเงินต้องตรวจสอบธุรกรรมที่มีการโต้แย้งการชําระเงิน กฎหมายเช่น ประมวลกฎหมายด้านการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ยังมอบรากฐานในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แก่ทั้งธุรกิจและลูกค้า

โดยปกติลูกค้าจะมีเวลาระหว่าง 45 ถึง 120 วันในการอ้างสิทธิ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครือข่ายบัตร ภาระหน้าที่รับผิดชอบนั้นจะตกเป็นของธุรกิจต่างๆ ซึ่งต้องแสดงหลักฐานโดยละเอียดในการตอบโต้ต่อการอ้างสิทธิ์การดึงเงินคืนดังกล่าว ซึ่งอาจประกอบด้วยใบเสร็จจากการขาย การยืนยันการจัดส่ง และการโต้ตอบใดๆ กับลูกค้า

การชําระเงินระหว่างประเทศ

การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมข้ามพรมแดนได้รับการผลักดันโดยความแพร่หลายของการซื้อสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ หมายความว่าธุรกิจและผู้ให้บริการชําระเงินต้องรับมือกับการแปลงสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ซึ่งทําให้มีความซับซ้อนเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง

  • การแปลงสกุลเงิน
    สําหรับธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ใช้สกุลเงินอื่นนอกเหนือจากดอลลาร์ออสเตรเลีย ธุรกิจจะต้องจัดการกับการแปลงสกุลเงิน และตระหนักถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง แพลตฟอร์มของบริษัทอื่นหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Stripe จะช่วยอํานวยความสะดวกในการแปลงสกุลเงินในออสเตรเลีย

  • ข้อบังคับด้านความโปร่งใส
    คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลการแปลงสกุลเงิน สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลของ ASIC ซึ่งรวมถึงความชัดเจนด้านค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและการบวกราคาเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารต่างๆ ใช้

  • แพลตฟอร์มจากตลาดเกิดใหม่
    การยอมรับวิธีการชําระเงินยอดนิยมจากประเทศในแถบโอเชียเนียและเอเชีย เช่น WeChat Pay จากประเทศจีน สามารถช่วยเพิ่มยอดขายในหมู่ลูกค้าต่างประเทศ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

สภาพแวดล้อมทางกฎหมายในออสเตรเลียนั้นรวมกฎหมายคุ้มครองข้อมูลอันเข้มงวด เข้ากับข้อกําหนดเพื่อความถูกต้องซื่อสัตย์ทางการเงิน จึงช่วยสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและความต้องการของอุตสาหกรรมการเงิน ต่อไปนี้คือกฎระเบียบข้อบังคับและข้อกําหนดในอุตสาหกรรมที่ควรพิจารณา

  • กฎหมายคุ้มครองข้อมูล
    กฎหมายความเป็นส่วนตัวของปี 1988 ครอบคลุมภาคธุรกิจต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ โทรคมนาคม และการเงิน กฎหมายนี้กําหนดให้ผู้บริโภคต้องให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลและมีข้อกําหนดสําหรับการแจ้งเตือนเรื่องการละเมิดข้อมูล กฎหมายว่าด้วยสิทธิ์ข้อมูลผู้บริโภค (CDR) ช่วยให้ลูกค้าแชร์ข้อมูลของตนกับธุรกิจที่ได้รับการรับรองในภาคธุรกิจต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

  • ระเบียบข้อบังคับเพื่อการต่อต้านการฟอกเงิน
    การปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงินและการต่อต้านการจัดหาเงินทุนแก่การก่อการร้ายปี 2006 (AML/CTF) ถือเป็นภาระหน้าที่ของสถาบันการเงินและบริการที่กําหนด กฎหมายนี้กําหนดให้นิติบุคคลต้องจัดตั้งและดูแลโปรแกรม AML/CTF เพื่อระบุ บรรเทา และจัดการความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนแก่การก่อการร้าย ศูนย์รายงานและวิเคราะห์ธุรกรรมและของออสเตรเลีย (AUSTRAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านข้อมูลทางการเงินของรัฐบาลออสเตรเลีย มีหน้าที่กํากับดูแลการปฏิบัติตามข้อกําหนด และสามารถเรียกเก็บค่าปรับหากไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • มาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยสําหรับบัตรชําระเงิน
    ธุรกิจที่จัดเก็บ ประมวลผล หรือส่งข้อมูลบัตรเครดิต ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) โดยมาตรฐานนี้ระบุโปรโตคอลและนโยบายความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร ธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดอาจต้องชำระค่าปรับจำนวนมากหรือถูกระงับไม่ให้ดำเนินการประมวลผลการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

  • ระเบียบข้อบังคับด้านการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้บริการระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ (Open Banking)
    การแชร์ข้อมูลของผู้ใช้บริการระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ (Open Banking) ในออสเตรเลียช่วยให้ลูกค้าแชร์ข้อมูลทางการเงินของตัวเองได้อย่างปลอดภัยระหว่างผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองรายต่างๆ และกฎหมายว่าด้วยสิทธิ์ด้านข้อมูลผู้บริโภค (CDR) นั้นก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการแข่งขันในบริการทางการเงิน ไปพร้อมๆ กับการรักษามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล

  • กฎหมายเกี่ยวกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี
    ASIC ควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซี ถึงแม้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะไม่ได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายในออสเตรเลีย แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย AML/CTF นอกจากนี้ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองและการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้วย

ปัจจัยหลักเพื่อการประสบความสําเร็จ

แม้ระบบนิเวศการชําระเงินของออสเตรเลียจะพัฒนาไปในขั้นสูง แต่ก็ยังคงมีความท้าทายหลายประการอยู่ ซึ่งมีตั้งแต่การนําเทคโนโลยีมาปรับใช้ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไปจนถึงความต้องการด้านการกำกับดูแล และระบบการชําระเงินที่มีความเป็นท้องถิ่นสูง ปัญหาเหล่านี้ผสมผสานรวมกันจนทําให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยการเฝ้าระวังและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีการที่ธุรกิจรับมือกับความซับซ้อนเหล่านี้ในตลาดออสเตรเลีย

  • ตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย
    การชําระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลเริ่มกลายเป็นมาตรฐานในออสเตรเลียเนื่องด้วยอุปสรรคจากการใช้เงินสด การนําเสนอทางเลือกในการชําระเงินแบบดิจิทัลที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิตแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสําคัญต่อความสําเร็จในตลาดออสเตรเลีย

  • การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการลดการฉ้อโกง
    ออสเตรเลียเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากการฉ้อโกงการชําระเงินและความเสี่ยงต่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้ร ข้อมูลของเครือข่ายการชําระเงินในออสเตรเลียระบุว่า การฉ้อโกงผ่านบัตรออนไลน์เพิ่มขึ้น 3.8% ในปี 2020 จนเป็นจำนวนถึงเกือบ 419 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นด้านการลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อปกป้องธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • การยืนยันตัวตนของลูกค้า
    การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลได้กลายมาเป็นองค์ประกอบสําคัญของธุรกรรมออนไลน์ เพื่อปกป้องผู้ใช้และธุรกิจจากธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ผู้ให้บริการต้องหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความจําเป็นในการยืนยันที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้

  • การผสานการทํางานการชําระเงินแบบเรียลไทม์
    โครงสร้างพื้นฐานสําหรับการชําระเงินของออสเตรเลียมีการใช้วิธีการชําระเงินแบบเรียลไทม์ เช่น PayTo ซึ่งทำงานผ่านแพลตฟอร์มการชําระเงินใหม่ (NPP) และการยอมรับระบบเหล่านี้ก็ทําให้ธุรกิจสามารภปรับแต่งตัวเลือกการชําระเงินให้ตรงตามความต้องการของท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลของ RBA ระบุว่า ทาง NPP ได้ประมวลผลการชําระเงินไปแล้วประมาณ 1.3 พันล้านรายการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในช่วงปี 2022 ถึง 2023

ประเด็นสำคัญ

ธุรกิจที่ดําเนินกิจการในออสเตรเลียสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้าได้ด้วยกลยุทธ์ที่มีหลายปัจจัย เพื่อรับมือกับความคาดหวังของลูกค้าและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การรองรับความต้องการด้านการชําระเงินหลากหลายรูปแบบ การเสริมความแข็งแกร่งให้กับระเบียบการรักษาความปลอดภัย และการทําให้ประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้าราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทําได้ ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น ต่อไปนี้คือข้อมูลสรุป พร้อมด้วยเคล็ดลับที่จะช่วยให้กลยุทธ์ในออสเตรเลียของคุณประสบความสําเร็จ

เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัส

  • รับชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และกระเป๋าเงินดิจิทัล
    ผสานการชําระเงินผ่านบัตรแบบไร้สัมผัส การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ และกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay เพื่อการทําธุรกรรมที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก

  • นําธุรกรรมแบบเรียลไทม์ไปใช้งาน
    ใช้วิธีการชําระเงินในประเทศ เช่น PayTo สําหรับตัวเลือกการชําระเงินแบบเรียลไทม์ที่ลูกค้าในออสเตรเลียคุ้นเคย

  • ใช้ประโยชน์จากข้อดีด้านความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามา
    การแปลงเป็นโทเค็น ซึ่งเป็นกระบวนการแทนที่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยรหัสแบบใช้ครั้งเดียวจะมอบการป้องกันการฉ้อโกงอีกขั้นสําหรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ประโยชน์จากมาตรการรักษาความปลอดภัยในตัวนี้ด้วยการรับชําระเงินแบบไร้สัมผัส

ส่งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัย

  • รักษามาตรการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงให้มีความรัดกุม
    นํากลไกการป้องกันการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ซึ่งรวมถึงการยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure สําหรับธุรกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าและลดความสูญเสียทางการเงินจากธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • ปกป้องข้อมูลลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน
    ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในออสเตรเลีย เช่น สิทธิด้านข้อมูลของผู้บริโภค (CDR) และกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวปี 1988 รวมถึงมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น PCI DSS

  • ปรับตัวตามโซลูชันด้านข้อมูลประจําตัวดิจิทัลใหม่ๆ
    ยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยและไบโอเมตริกแบบพาสซีฟเพื่อการชําระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย

ยกระดับประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้า

  • มุ่งเน้นไปที่การทําธุรกรรมในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
    แม้ตัวเลือกหลายสกุลเงินอาจเป็นที่นิยมในตลาดอื่นๆ แต่จุดมุ่งเน้นในที่นี้คือการชำระเงินในท้องถิ่น โฆษณาราคาในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและยอมรับวิธีการชําระเงินในท้องถิ่น

  • ให้การสนับสนุนลูกค้าแบบเรียลไทม์
    นําเสนอการบริการลูกค้าในระดับดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแชทสดและตัวเลือกการสนับสนุนแบบเรียลไทม์สําหรับลูกค้าอีคอมเมิร์ซ

  • สื่อสารอย่างสม่ําเสมอและในเชิงรุก
    แจ้งลูกค้าเกี่ยวกับตัวเลือกการชําระเงินแบบใหม่ การอัปเดตด้านความปลอดภัย และการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้น ควรนําเสนอจดหมายข่าวหรือหน้าคําถามที่พบบ่อยที่ให้ข้อมูลเฉพาะเจาะจงสำหรับตลาดออสเตรเลีย

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

The content in this article is for general information and education purposes only and should not be construed as legal or tax advice. Stripe does not warrant or guarantee the accurateness, completeness, adequacy, or currency of the information in the article. You should seek the advice of a competent attorney or accountant licensed to practice in your jurisdiction for advice on your particular situation.

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ