Merchant fraud 101: What businesses need to know

Radar
Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การฉ้อโกงผู้ค้าคืออะไร
  3. วิธีการทํางานของการฉ้อโกงผู้ค้า
  4. ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจากการฉ้อโกงผู้ค้า
  5. การฉ้อโกงผู้ค้าส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร
  6. วิธีป้องกันการฉ้อโกงผู้ค้า
  7. Stripe จะช่วยได้อย่างไร

การเปิดตัวธุรกิจผู้ค้าใหม่จะเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าที่เคย ผู้ประกอบการดิจิทัลสามารถสร้างหน้าร้านและเกตเวย์การชําระเงิน แล้วเริ่มรับการชําระเงินจากลูกค้าได้ภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการขายปลีกอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 56% เป็นมากกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ยังสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับผู้ฉ้อโกงในการแสวงหาประโยชน์จากช่องโหว่ในระบบการชำระเงิน ซึ่งถือเป็นภาระทั้งต่อผู้บริโภคและธุรกิจ

ปริมาณเฉลี่ยของการโจมตีฉ้อโกงในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้น 9% สำหรับผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่จำนวนเฉลี่ยของความพยายามฉ้อโกงที่ประสบความสำเร็จในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเกือบ 45% สำหรับผู้ค้าปลีกขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ และ 27% สำหรับผู้ค้าปลีกธุรกิจขนาดเล็ก

การฉ้อโกงผู้ค้าส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกขนาดและทุกประเภท ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจรุนแรง ซึ่งรวมถึงความสูญเสียทางการเงิน อันตรายต่อชื่อเสียง และบทลงโทษทางกฎหมาย เราจะอธิบายสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับการฉ้อโกงผู้ค้า วิธีการทํางาน ความเสียหายที่เกิดขึ้น และวิธีที่ธุรกิจแห่งต่างๆ สามารถปกป้องตัวเองได้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การฉ้อโกงผู้ค้าคืออะไร
  • การฉ้อโกงผู้ค้าทํางานอย่างไร
  • ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจากการฉ้อโกงผู้ค้า
  • การฉ้อโกงผู้ค้าส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร
  • วิธีป้องกันการฉ้อโกงผู้ค้า
  • Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง

การฉ้อโกงผู้ค้าคืออะไร

การฉ้อโกงผู้ค้าคือการฉ้อโกงประเภทหนึ่งซึ่งมีการแอบอ้างตัวเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายเพื่อหลอกลวงผู้บริโภคและแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมาย

โดยพื้นฐานแล้ว การฉ้อโกงผู้ค้าเป็นกิจกรรมทางอาญาประเภทหนึ่งที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาประโยชน์จากระบบการชำระเงินและกระบวนการต่างๆ ที่รองรับโลกแห่งการค้า เพื่อขโมยเงินจากธุรกิจและผู้บริโภคที่รู้ไม่เท่าทัน

การฉ้อโกงผู้ค้าอาจเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ดังนี้

  • การฉ้อโกงบัตรเครดิต
    การฉ้อโกงผู้ค้าประเภทหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดคือการฉ้อโกงบัตรเครดิต ซึ่งมิจฉาชีพใช้บัตรเครดิตที่ขโมยมาหรือปลอมแปลงมาซื้อสินค้า ในกรณีของการฉ้อโกงผู้ค้า หมายเลขบัตรเครดิตที่ถูกขโมยไปอาจถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมกับธุรกิจปลอมเพื่อฉ้อโกงบริษัทบัตรเครดิต การฉ้อโกงบัตรเครดิตที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้เห็นถึงความจำเป็นที่ธุรกิจต่างๆ จะต้องมีโปรโตคอลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด พร้อมทั้งสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อธุรกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

  • การฉ้อโกงด้วยการเข้าควบคุมบัญชี
    การฉ้อโกงด้วยการเข้าควบคุมบัญชีเกิดขึ้นเมื่อผู้กระทำการฉ้อโกงเข้าถึงข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีของลูกค้า เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เพื่อทำการซื้อแบบฉ้อโกง การฉ้อโกงประเภทนี้อาจตรวจจับได้ยากกว่า เนื่องจากมักดูเหมือนว่าเจ้าของบัญชีที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นผู้ซื้อสินค้า

  • การหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
    การหลอกลวงแบบฟิชชิ่งเกี่ยวข้องกับผู้หลอกลวงที่ส่งอีเมลหรือข้อความถึงบุคคล โดยส่วนใหญ่มักพยายามขอข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รายละเอียดการเข้าสู่ระบบหรือหมายเลขบัตรเครดิต การหลอกลวงเหล่านี้อาจมีความซับซ้อนมากและสามารถหลอกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ฉลาดที่สุดได้ ทำให้การฟิชชิ่งกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อธุรกิจและลูกค้า

  • การขโมยตัวตน
    การขโมยตัวตนเกิดขึ้นเมื่อผู้ฉ้อโกงได้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขประกันสังคม เพื่อทำการซื้อของแบบฉ้อโกงหรือเปิดบัญชีสินเชื่อใหม่ในนามของบุคคลนั้น การขโมยตัวตนอาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อทั้งบุคคลและธุรกิจ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวที่เข้มแข็ง

วิธีการทํางานของการฉ้อโกงผู้ค้า

การฉ้อโกงผู้ค้าซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้หลอกลวงแอบอ้างตัวเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ในบางกรณี ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจสร้างหน้าร้านออนไลน์ปลอมหรือบัญชีโซเชียลมีเดียที่ดูเหมือนธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเป้าหมายที่หลอกให้ลูกค้าทําการซื้อ หน้าร้านที่มีเจตนาฉ้อโกงเหล่านี้อาจเสนอสินค้าในราคาที่ต่ํามากหรือโฆษณาสินค้าที่หาได้ยากเพื่อดึงดูดลูกค้าที่รู้ไม่เท่าทัน

ในบางกรณี เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าแล้ว มิจฉาชีพอาจจะส่งสินค้าลอกเลียนแบบหรือคุณภาพต่ำ หรืออาจหายไปโดยไม่ได้จัดส่งผลิตภัณฑ์เลย ในกรณีอื่น ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมเพื่อฉ้อโกง ซึ่งนําไปสู่ผลกระทบทางการเงินที่มากขึ้น

ตัวอย่างอีกประการหนึ่งของการฉ้อโกงผู้ค้าเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าปลอมผ่านทางมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจสร้างรายการสินค้าปลอมและใช้ภาพถ่ายสต็อกเพื่อให้ดูเหมือนว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของจริง ลูกค้าที่ซื้อสินค้าลอกเลียนแบบเหล่านี้อาจได้รับสินค้าที่มีคุณภาพต่ําหรืออันตราย เช่น ของเล่นที่มีโครงสร้างไม่ดี

ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับผลกระทบจากการฉ้อโกงผู้ค้า

การฉ้อโกงของผู้ค้าเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นและส่งผลต่อธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาด แม้ว่าธุรกิจทั้งหมดจะมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงผู้ค้า แต่ก็มีอุตสาหกรรมและประเภทธุรกิจบางประเภทที่มีแนวโน้มว่าจะมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นสูงที่สุด

  • อีคอมเมิร์ซ
    โดยทั่วไปธุรกิจอีคอมเมิร์ซมักพบการฉ้อโกงผู้ค้าบ่อยๆ เนื่องจากธุรกรรมทางออนไลน์นั้นตรวจสอบได้ยากกว่าธุรกรรมแบบที่จุดขาย มิจฉาชีพสามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในระบบประมวลผลการชําระเงินเพื่อขโมยจากธุรกิจและลูกค้า ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น ซอฟต์แวร์หรือหลักสูตรออนไลน์ มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้กระทำการฉ้อโกงซึ่งแอบอ้างเป็นลูกค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถอ้างว่าไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ

  • การท่องเที่ยวและงานบริการ
    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการยังมีความเสี่ยงสูงต่อการฉ้อโกงผู้ค้า เนื่องจากมักเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงและระบบการประมวลผลการชำระเงินที่ซับซ้อน ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้หมายเลขบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อจองห้องพักในโรงแรม เที่ยวบิน หรือรถยนต์เช่า ตัวอย่างเช่น ในปี 2018 นั้น Marriott International ประสบกับการละเมิดข้อมูลที่แสดงข้อมูลทางการเงินของลูกค้ากว่า 500 ล้านราย ต่อมาการละเมิดดังกล่าวเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน

  • ร้านค้าปลีก
    ธุรกิจค้าปลีกยังมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงผู้ค้า เนื่องจากมักขายสินค้าที่มีมูลค่าสูงและดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้การตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์เป็นเรื่องท้าทายยิ่งขึ้น ผู้กระทำการฉ้อโกงอาจใช้หมายเลขบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อซื้อสินค้าราคาสูง เช่น เครื่องประดับหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจทำ "การฉ้อโกงการคืนสินค้า" โดยอ้างว่าได้ส่งคืนสินค้าเพื่อรับเงินคืนแล้ว แต่ไม่ได้ส่งคืนสินค้าจริงๆ

  • สินค้าและบริการดิจิทัล
    ธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการดิจิทัล เช่น ซอฟต์แวร์หรือหลักสูตรออนไลน์ก็มีความเสี่ยงสูงต่อการฉ้อโกงผู้ค้า ในกรณีเหล่านี้ ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้หมายเลขบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล หรืออาจโต้แย้งการเรียกเก็บเงินหลังจากที่ได้รับผลิตภัณฑ์และได้รับประโยชน์ดังกล่าวแล้ว

การฉ้อโกงผู้ค้าส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร

การฉ้อโกงผู้ค้าสามารถมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่มุ่งเป้าไปที่ธุรกิจที่ถูกกฎหมายโดยเฉพาะ หรืออาจเกี่ยวข้องกับการเจาะระบบและการแสวงประโยชน์จากธุรกิจที่ถูกกฎหมาย การหลอกลวงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินต่อลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถทำลายชื่อเสียงของธุรกิจที่ถูกกฎหมายซึ่งเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้อีกด้วย ต่อไปนี้คือส่วนที่มักจะได้รับผลกระทบ

  • ชื่อเสียงของธุรกิจ
    การฉ้อโกงผู้ค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดที่แอบอ้างเป็นธุรกิจถูกกฎหมายอาจสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจของผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายและรายได้ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่การฉ้อโกงผู้ค้าเป็นเรื่องที่แพร่หลายมากขึ้น หากธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมฉ้อโกง แม้แต่ธุรกิจที่ถูกกฎหมายก็อาจประสบปัญหาในการได้รับและรักษาความไว้วางใจจากผู้บริโภค

  • ความสูญเสียและการดึงเงินคืน
    ธุรกิจที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงทางการค้าอาจถูกดึงเงินคืนและมีภาระผูกพันทางการเงินอื่นๆ ส่งผลให้สูญเสียรายได้ และต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าปรับเพิ่มเติม

  • ผลกระทบทางกฎหมายที่ตามมา
    ธุรกิจที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงผู้ค้าอาจต้องเผชิญกับผลกระทบทางกฎหมาย เช่น ค่าปรับหรือคดีความ หากพบว่าพวกเขาประมาทเลินเล่อในการป้องกันการฉ้อโกง

  • ค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชําระเงินที่สูงขึ้น
    ความถี่ของการฉ้อโกงผู้ค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในบางอุตสาหกรรมหรือบางภาคส่วนอาจส่งผลให้ค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงินสำหรับธุรกิจที่ถูกกฎหมายสูงขึ้น ผู้ประมวลผลการชำระเงินอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจากธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงหรือจากธุรกิจที่มีอัตราการดึงเงินคืนสูงเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น อ่านเพิ่มเติมที่นี่เกี่ยวกับวิธีที่ Stripe กำหนดและจัดการกับผู้ค้าที่มีความเสี่ยงสูง

วิธีป้องกันการฉ้อโกงผู้ค้า

การฉ้อโกงของผู้ค้าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีหลายแง่มุมซึ่งต้องใช้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและแนวทางเชิงรุกในการป้องกัน สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจคือการเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการฉ้อโกงของผู้ค้า ดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องตนเอง และสร้างคู่มือสำหรับจัดการกับการฉ้อโกงของผู้ค้าอย่างจริงจัง ธุรกิจต่างๆ จะสามารถปกป้องตนเองและลูกค้าได้ โดยการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการฉ้อโกงผู้ค้าประเภทต่างๆ และการนำมาตรการป้องกันการฉ้อโกงที่เข้มงวดมาใช้

ต่อไปนี้คือมาตรการบางอย่างที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อป้องกัน ตรวจจับ และต่อสู้กับการฉ้อโกงผู้ค้า

  • นําเครื่องมือป้องกันการฉ้อโกงไปใช้งาน
    เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง เช่น ซอฟต์แวร์ตรวจจับการฉ้อโกง ระบบตรวจสอบที่อยู่ และการพิมพ์ลายนิ้วมืออุปกรณ์ สามารถช่วยให้ธุรกิจป้องกันธุรกรรมฉ้อโกงได้ เครื่องมือเหล่านี้ใช้อัลกอริธึมในการตรวจจับและทำเครื่องหมายธุรกรรมที่น่าสงสัย เช่น การซื้อที่ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ถูกขโมยหรือจากตำแหน่งที่ตั้งที่มีความเสี่ยงสูง

  • ใช้การยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure
    3D Secure คือระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งที่ลูกค้าต้องป้อนรหัสผ่านหรือรหัสเพื่อยืนยันตัวตนเมื่อทําการซื้อทางออนไลน์ วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันการทำธุรกรรมฉ้อโกงและปกป้องธุรกิจจากการดึงเงินคืน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าโต้แย้งเรื่องค่าใช้จ่ายและเรียกร้องขอเงินคืนจากธุรกิจ

  • ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการป้องกันการฉ้อโกง
    ธุรกิจควรฝึกอบรมพนักงานให้สามารถจดจำสัญญาณของการฉ้อโกงได้ เช่น พฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกค้าหรือธุรกรรมที่น่าสงสัย พนักงานยังควรทราบวิธีการรายงานและตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉ้อโกงที่น่าสงสัย ซึ่งรวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมและการประมวลผลการชําระเงินที่ปลอดภัย

  • ตรวจสอบธุรกรรมเพื่อหารูปแบบที่ผิดปกติ
    กฎที่ดีในการตรวจจับการฉ้อโกงคือ หากมีสิ่งใดที่ดูผิดปกติ แสดงว่าควรตรวจสอบให้ลึกยิ่งขึ้น ธุรกิจควรตรวจสอบธุรกรรมเพื่อหารูปแบบที่ผิดปกติ เช่น ธุรกรรมหลายรายการจากที่อยู่ IP เดียวกันหรือธุรกรรมหลายรายการจากบัตรต่างรายการที่มีที่อยู่เรียกเก็บเงินเดียวกัน เนื่องจากรูปแบบเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงกิจกรรมฉ้อโกงได้ ธุรกิจสามารถป้องกันการฉ้อโกงก่อนที่จะเกิดขึ้นได้โดยการระบุและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย

  • ทําการตรวจสอบประวัติ
    ส่วนสำคัญของการป้องกันการฉ้อโกงผู้ค้าคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีใครอยู่ในทีมของคุณบ้าง ธุรกิจควรทำการตรวจสอบประวัติพนักงานและผู้ขายเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาไม่มีประวัติการฉ้อโกง สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงโดยบุคคลภายใน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพนักงานหรือผู้ขายกระทำการฉ้อโกงโดยเจตนา

  • จัดทํานโยบายและระเบียบขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพ
    ธุรกิจควรกำหนดนโยบายและขั้นตอนในการป้องกันและตรวจจับการฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงแนวทางสำหรับการยอมรับบัตรเครดิต การยืนยันตัวตน และการจัดการการดึงเงินคืน นอกจากนี้ ควรมีการทบทวนและปรับปรุงนโยบายและขั้นตอนเป็นประจำตามความจำเป็นเพื่อให้ทันกับแนวโน้มการฉ้อโกงใหม่ๆ โซลูชันการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง เช่น Stripe Radar ซึ่งใช้ประโยชน์จากข้อมูลนับล้านจุดจากธุรกิจทั่วโลกเพื่อปรับปรุงและอัปเดตแนวทางในการต่อสู้กับการฉ้อโกง สามารถทำให้กระบวนการนี้ง่ายดายขึ้นสำหรับธุรกิจต่างๆ ด้วยการทำให้เป็นอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรภายในจำนวนมาก

  • ใช้การเข้ารหัสและการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย
    ธุรกิจควรใช้การเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลทางกายภาพและดิจิทัล ธุรกิจต่างๆ สามารถช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลและปกป้องชื่อเสียงของตนเองกับลูกค้าได้ด้วยการรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า

  • คอยติดตามแนวโน้มการฉ้อโกง
    ธุรกิจควรคอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการฉ้อโกงล่าสุดและอัปเดตมาตรการป้องกันการฉ้อโกงของตน ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมงานอุตสาหกรรม การสมัครรับจดหมายข่าวและสิ่งพิมพ์อื่นๆ และการสร้างเครือข่ายกับเจ้าของธุรกิจรายอื่นๆ

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

สำหรับธุรกิจยุคใหม่ การป้องกันตนเองจากการฉ้อโกงหมายถึงการใช้โปรโตคอลการดำเนินงานและโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ถูกต้อง ทั้งภายในองค์กรและโดยใช้ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ตัวอย่างเช่น Stripe นําเสนอฟีเจอร์และเครื่องมือที่หลากหลายซึ่งจะช่วยธุรกิจป้องกันการฉ้อโกงของผู้ค้าได้

  • Stripe Radar
    Stripe Radar เป็นโซลูชันตรวจจับการฉ้อโกงที่ครอบคลุมและทรงประสิทธิภาพซึ่งใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการระบุและบล็อกธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง โดยจะวิเคราะห์จุดข้อมูลต่างๆ เช่น ตําแหน่งที่ตั้งของลูกค้า ข้อมูลอุปกรณ์ และประวัติการซื้อ เพื่อระบุความเป็นไปได้ที่ธุรกรรมจะเป็นการฉ้อโกง หากธุรกรรมถูกระบุว่ามีความเสี่ยงสูง Stripe สามารถบล็อกธุรกรรมหรือกําหนดขั้นตอนการยืนยันเพิ่มเติมเช่น การยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure ได้

  • Chargeback Protection
    การดึงเงินคืนอาจสร้างความรำคาญให้กับธุรกิจได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดจากธุรกรรมฉ้อโกง Stripe เสนอการป้องกันการดึงเงินคืน ซึ่งคุ้มครองธุรกิจจากการถูกดึงเงินคืนอันเป็นการฉ้อโกง หากเกิดการดึงเงินคืน Stripe จะโต้แย้งการชําระเงินนี้ในนามของธุรกิจโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงิน

  • การติดตามตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์
    Stripe Radar ให้บริการการตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ซึ่งใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อระบุและรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยจะเกิดขึ้น เช่น ธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงหรือธุรกรรมที่ดําเนินการจากตําแหน่งที่ตั้งที่มีความเสี่ยงสูง วิธีนี้ช่วยลดระยะเวลาตั้งแต่ที่พยายามทำธุรกรรมฉ้อโกงจนถึงเวลาที่ตรวจพบธุรกรรมดังกล่าว

  • 3D Secure 2
    Stripe รองรับ 3D Secure 2 (3DS2) กับ API การชําระเงินและ Checkout ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ใช้ 3D Secure กับการชําระเงินที่มีความเสี่ยงสูงได้ 3DS2 เป็นวิธีการยืนยันตัวตนบัตรหลักที่ใช้เพื่อตอบสนองข้อกำหนดการยืนยันตัวตนลูกค้าที่เข้มงวด (SCA) ในยุโรป และอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ สามารถร้องขอการยกเว้น SCA ได้

  • การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าที่ทันสมัย
    สำหรับธุรกิจที่ดำเนินกิจการในยุโรป การยืนยันตัวตนของลูกค้าถือเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ Stripe ให้ความสำคัญ SCA เป็นข้อกำหนดของ Payment Services Directive 2 (PSD2) ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้ลูกค้าต้องระบุการพิสูจน์ตัวตนแบบสองขั้นตอน เช่น รหัสผ่านหรือรหัส เมื่อทำการชำระเงินออนไลน์บางประเภท โซลูชัน Stripe รองรับการปฏิบัติตาม SCA ซึ่งจะช่วยธุรกิจในการป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและลดความเสี่ยงที่จะถูกดึงเงินคืน

  • กฎการฉ้อโกงที่ปรับแต่งได้
    Stripe ช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งกฎการป้องกันการฉ้อโกงให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตนได้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถตั้งกฎตามตําแหน่งที่ตั้งของลูกค้า ที่อยู่ IP หรือประวัติการซื้อ การทําเช่นนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับมาตรการป้องกันการฉ้อโกงให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจและโปรไฟล์ความเสี่ยงของตนได้

ในโซลูชันการป้องกันการฉ้อโกงแบบเชื่อมโยงที่ Stripe นำเสนอ กลยุทธ์และพารามิเตอร์ในการป้องกันและตรวจจับการฉ้อโกงเหล่านี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เท่าทันกับแนวโน้มการฉ้อโกงใหม่ๆ และช่วยให้ธุรกิจต่างๆ อยู่เหนือผู้กระทำผิดที่อาจฉ้อโกงหนึ่งก้าว การเป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงกลยุทธ์ป้องกันการฉ้อโกงที่ดีที่สุดซึ่งใช้งานได้ทั่วทั้งระบบนิเวศการค้า โดยไม่จําเป็นต้องทุ่มเททรัพยากรที่สําคัญภายในเพื่อจัดการเรื่องนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Radar

Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

Stripe Docs เกี่ยวกับ Radar

ใช้ Stripe Radar เพื่อปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกง