มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก อาทิ Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คืออะไร
  3. ข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
    1. ข้อดีของการขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
    2. ข้อดีของการซื้อสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
    3. ข้อเสียของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
  4. ข้อกำหนดในการขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
  5. ประเภทของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
  6. วิธีเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
  7. มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในสเปน
  8. วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเองในสเปน
  9. Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร

มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B เป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจใช้เพื่อซื้อและขายสินค้าและบริการกับธุรกิจอื่นๆ ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังเติบโตเป็นอย่างมากในประเทศสเปน

แนวโน้มนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงวิธีซื้อและขายสินค้าทางออนไลน์ของธุรกิจ การที่สามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นซัพพลายเออร์ได้หลากหลายขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นและช่วยลดต้นทุน ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ข้อดีของการทำงานกับมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B, ระเบียบข้อบังคับของสเปนสำหรับอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ และแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

เนื้อหาหลักในบทความ

  • มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คืออะไร
  • ข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
  • ข้อกำหนดในการขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
  • ประเภทของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
  • วิธีเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
  • มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในสเปน
  • วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเองในสเปน
  • Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร

มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คืออะไร

มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทต่างๆ ผ่านมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ บริษัทสามารถค้นหาผู้ที่อาจเป็นพาร์ทเนอร์รายใหม่ เปรียบเทียบข้อเสนอ และปิดดีลได้มีประสิทธิภาพกว่าการใช้ช่องทางแบบเดิมๆ

แพลตฟอร์มเหล่านี้มีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยบริษัทจะต้องลงทะเบียนและระบุสินค้าหรือบริการที่ต้องการเสนอขาย จากนั้นมาร์เก็ตเพลสจะโพสต์ข้อเสนอนั้นบนแพลตฟอร์ม และเปิดให้บริษัทที่กำลังมองหาข้อเสนอที่คล้ายคลึงกันเข้ามาสำรวจตัวเลือกที่มี สุดท้าย เมื่อมีลูกค้าเลือกข้อเสนอใดข้อเสนอหนึ่ง มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จะประมวลผลธุรกรรมนั้น

ข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B

รายงานจาก ICEX España ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรกิจสาธารณะในสังกัดกระทรวงการค้าของสเปน ระบุว่าในปี 2022 มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของสเปนที่ขายสินค้าทางออนไลน์ประมาณ 33% ซึ่งในปีต่อมาสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 45% ตามรายงานของมูลนิธิ Banco Bilbao Vizcaya Argentaria (BBVA) จากแนวโน้มการเติบโตนี้ มีความเป็นไปได้ที่สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลายบริษัทหันมาใช้มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย

ข้อดีของการขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B

  • การเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น
    หากคุณตัดสินใจขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คุณจะสามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของ Amazon ที่รู้จักกันในชื่อ Amazon Business มีลูกค้าธุรกิจมากกว่า 6 ล้านรายทั่วโลก และสามารถคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการส่งออกจากสเปนโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทำได้ง่ายขึ้น

  • ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาต่ำลง
    ความแข็งแกร่งทางการเงินของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ขนาดใหญ่ทำให้มาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ลงทุนด้านโฆษณาออนไลน์ได้ต่อเนื่องกว่า ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่นำเสนอบริการผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถเพิ่มการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนในแคมเปญการตลาดเอง นอกจากนี้ มาร์เก็ตเพลสหลายแห่งยังมีตัวเลือกให้เพิ่มการมองเห็นภายในแพลตฟอร์มโดยแลกกับการจ่ายค่าธรรมเนียมแบบคงที่เล็กน้อยหรือค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม ซึ่งในสเปนมีมูลค่าการลงทุนด้านโฆษณาดิจิทัลเกิน 4.9 พันล้านยูโรในปี 2023 ธุรกิจสามารถปรับกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญการตลาดได้ละเอียดมากขึ้นผ่านระบบโฆษณาในมาร์เก็ตเพลสภายใน

  • ภาระด้านโลจิสติกส์ลดลง
    โดยปกติแล้วธุรกิจจะต้องรับผิดชอบในการจัดการสินค้าคงคลังเอง แต่ในบางกรณี มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จะจัดเตรียมและจัดส่งพัสดุในนามของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Amazon Business มีศูนย์โลจิสติกส์ 40 แห่งในสเปน ซึ่งให้บริการโมเดล "จัดส่งโดย Amazon แต่ขายโดยบริษัทบุคคลที่สาม" นอกจากนี้ เนื่องจากปริมาณการจัดส่งที่แพลตฟอร์มเหล่านี้จัดการมีมากกว่าธุรกิจ SME หลายเท่า ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถทำข้อตกลงกับพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์เพื่อให้ได้รับอัตราค่าบริการที่ถูกลง และบริษัทที่ขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสก็สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราค่าบริการเหล่านี้ได้เช่นกัน

  • ภาระด้านบริการลูกค้าลดลง
    มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มักเสนอบริการลูกค้าของตนเองและจัดการคำขอรับการสนับสนุนส่วนใหญ่ ในกรณีเหล่านี้ บริษัทที่เสนอบริการผ่านแพลตฟอร์มจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ที่ต้องมีการแทรกแซงโดยตรงเท่านั้น

  • ความซับซ้อนทางเทคนิคต่ำ
    แม้ว่าฟังก์ชันการใช้งานในมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B แต่ละแห่งจะแตกต่างกัน แต่โดยปกติแล้วแพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้งานได้ง่ายและช่วยให้การขายออนไลน์จากสเปนทำได้ง่ายขึ้น รายงานประจำปีฉบับที่ 11 จาก Observatory of Overseas Brands ของแคว้นบาเลนเซีย ระบุว่าระยะเวลาในการเรียนรู้วิธีใช้มาร์เก็ตเพลส เป็นปัจจัยที่สร้างอุปสรรคน้อยที่สุดต่อการขายสินค้าทางออนไลน์ของธุรกิจแบบ B2B ในบาเลนเซียที่จัดการการส่งออกและธุรกรรมระหว่างรัฐสมาชิก

ข้อดีของการซื้อสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B

  • ขั้นตอนการซื้อที่รวดเร็วขึ้น
    ความง่ายในการใช้งานมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วย รายงานจาก National Observatory of Technology and Society (ONTSI) ของสเปน ระบุว่าความง่ายในขั้นตอนการซื้อเป็นปัจจัยที่ลูกค้าให้คุณค่ามากที่สุดในการช้อปปิ้งออนไลน์ ความง่ายนี้เกิดจากการมีตัวกรองที่ลูกค้าสามารถใช้ค้นหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว

  • มีซัพพลายเออร์ให้เลือกหลากหลาย
    ข้อดีที่มาร์เก็ตเพลสมอบให้กับซัพพลายเออร์ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วย ประโยชน์เหล่านี้ช่วยให้มาร์เก็ตเพลสสามารถนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายได้

  • ความคิดเห็นที่ได้รับการยืนยัน
    มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B บางแห่งมีระบบภายในที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าโพสต์รีวิวหลังจากได้รับสินค้าหรือบริการแล้ว ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่าซัพพลายเออร์มีความน่าเชื่อถือและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้หรือไม่

ข้อเสียของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B

แม้ว่ามาร์เก็ตเพลสจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ควรพิจารณาข้อเสียต่อไปนี้ด้วยเช่นกัน

  • ค่าธรรมเนียมจากคนกลาง
    แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปรากฏในรายชื่อในอัตราคงที่ หรือคิดค่าคอมมิชชันสำหรับธุรกรรมแต่ละรายการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ขายเพราะต้องยอมสละกำไรสุทธิไปส่วนหนึ่ง แต่ในบางกรณี ลูกค้าอาจเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายแพงขึ้น หากผู้ขายบวกค่าคอมมิชชันในราคาขายด้วย

  • ความท้าทายในการรักษาลูกค้า
    โดยส่วนใหญ่แล้ว กลยุทธ์การรักษาลูกค้าต้องอาศัยการสร้างความสัมพันธ์โดยตรง แต่ในบริการแบบเฉพาะบุคคลจะทำได้ยากเมื่อมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ทำหน้าที่เป็นคนกลาง นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังมีซัพพลายเออร์รายอื่นๆ อีกมาก ทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปใช้บริการซัพพลายเออร์รายใหม่ได้ หากพบว่ามีเงื่อนไข ราคา หรือระยะเวลาส่งมอบที่ดีกว่า

  • กระแสเงินสด
    แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะไม่จ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ทันทีหลังจากประมวลผลคำสั่งซื้อ แต่จะถือเงินไว้จนกว่าบริษัทผู้ซื้อจะยืนยันว่าได้รับการส่งมอบแล้ว ในบางกรณี ลูกค้าได้รับอนุญาตให้จัดหาเงินทุนสำหรับการชำระเงินแบบผ่อนชำระ ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินล่าช้าออกไปอีก ความล่าช้าในการชำระเงินจากมาร์เก็ตเพลสอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของธุรกิจ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลโดยเฉพาะในสเปน ซึ่งในปี 2024 SME เกือบ 50% จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากธนาคาร

ข้อกำหนดในการขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน

ก่อนที่จะขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในการขายสินค้าออนไลน์จากสเปนให้กับบริษัทอื่นๆ ซึ่งข้อกำหนดมีดังนี้

  • การจดทะเบียนบุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระหรือการจดทะเบียนบริษัท
    มีข้อยกเว้นบางประการที่อนุญาตให้ขายสินค้าทางออนไลน์ในประเทศสเปนโดยไม่ต้องประกอบอาชีพอิสระได้เป็นบางครั้ง แต่ถ้าหากคุณต้องการขายสินค้าทางออนไลน์เป็นอาชีพหลัก คุณสามารถทำได้โดยกรอกแบบฟอร์ม 036 จากสำนักงานสรรพากรของประเทศสเปน หากคุณต้องการจัดตั้งบริษัทจำกัดความรับผิด (SL) คุณต้องจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนพาณิชย์ด้วย

  • การลงทะเบียนในมาร์เก็ตเพลสและการยืนยันธุรกิจ
    หากคุณประกอบอาชีพอิสระอยู่แล้วหรือมี SL ข้อกำหนดต่อไปคือการลงทะเบียนในมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และยืนยันธุรกิจ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มจะขอเอกสารไม่เหมือนกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะขอเอกสารดังต่อไปนี้

  • การออกใบแจ้งหนี้พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง
    สำหรับการขายทุกครั้งบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ คุณต้องออกใบแจ้งหนี้พร้อมระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งอัตรานี้ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าหรือบริการที่คุณเสนอขาย มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B บางแห่งจะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องระบุรหัสภาษีสำหรับสินค้าแต่ละรายการเพื่อใช้ฟีเจอร์นี้

ประเภทของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน

มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามปัจจัยต่างๆ เช่น หมวดหมู่ของสินค้าหรือบริการ ตัวอย่างประเภทที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

  • มาร์เก็ตเพลสบริการแบบ B2B
    แพลตฟอร์มเหล่านี้รองรับผู้เชี่ยวชาญที่เสนอบริการให้กับบริษัทอื่น ตัวอย่างเช่น Malt เป็นแพลตฟอร์มจากฝรั่งเศสที่มีสำนักงานในมาดริดและบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นช่องทางที่ให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระเสนอขายบริการแบบพบหน้าหรือบริการออนไลน์ เช่น การสร้างเว็บไซต์การพัฒนาร้านค้าออนไลน์ และการจัดเตรียมการวิเคราะห์ทางการเงินเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

  • มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในแนวดิ่ง
    แพลตฟอร์มประเภทนี้เชี่ยวชาญด้านสินค้าหรือบริการเฉพาะหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น Spainery เป็นช่องทางที่ให้บริษัทในสเปนที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์อาหารขายสินค้าให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ เช่น ร้านขายอาหาร หรือร้านอาหาร

  • มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในแนวระนาบ
    แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำงานร่วมกับบริษัทในทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น Ankorstore มีสินค้าหลากหลายประเภทในแค็ตตาล็อก เช่น อาหาร แฟชั่น และของใช้ในบ้าน

  • มาร์เก็ตเพลสแบบไฮบริด
    แพลตฟอร์มประเภทนี้รวมมาร์เก็ตเพลสหลายประเภทไว้ด้วยกัน ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ Booking.com ซึ่งในสภาพแวดล้อมแบบ B2C Booking.com เป็นระบบการจองที่พักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในสเปน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าการจองโรงแรมโดยตรง Booking.com for Business ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในส่วนที่มีไว้สำหรับภาค B2B โดยเฉพาะ ช่วยให้สามารถรวมค่าใช้จ่ายจากการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งอาจมีทั้งค่าเช่ารถ ค่าจองตั๋วเครื่องบิน และค่าที่พัก

วิธีเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B

ต่อไปนี้บางแง่มุมที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B สำหรับขายสินค้าหรือบริการของคุณ

  • กลุ่มเป้าหมาย
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มีกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับบริษัทของคุณ นอกจากนี้ คุณจะต้องตรวจสอบจำนวนธุรกิจที่ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งควรมีจำนวนมากพอที่จะทำให้การลงทุนขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสนี้คุ้มค่า

  • การผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของคุณ
    หากบริษัทของคุณใช้โซลูชันเทคโนโลยีเป็นประจำ เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือซอฟต์แวร์การทำบัญชีและการจัดการสินค้าคงคลัง ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B รองรับและอนุญาตให้การผสานการทำงานได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและข้อผิดพลาดจากการดำเนินการด้วยตนเองได้

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ในสเปน มีระเบียบข้อบังคับหลายข้อที่ควบคุมกิจกรรมบนแพลตฟอร์มประเภทนี้ ซึ่งรวมถึงกฎหมายว่าด้วยบริการสังคมสารสนเทศและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (LSSI) และกฎหมายทั่วไปว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ใช้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับบางฉบับของยุโรป เช่น ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR)

  • การลดความซับซ้อนของการจัดการภาษี
    การขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จำเป็นต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางภาษีหลายประการ เช่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส โชคดีที่บางแพลตฟอร์มมีเครื่องมือที่ช่วยให้งานจัดการภาษีเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบของ Amazon สามารถออกใบแจ้งหนี้ B2B แบบอัตโนมัติได้

  • เงื่อนไขการชำระเงิน
    ก่อนลงทะเบียน ควรศึกษานโยบายของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และทำความเข้าใจนโยบายการชำระเงินให้ถี่ถ้วน เนื่องจากมาร์เก็ตเพลสทำหน้าที่เป็นคนกลาง จึงมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินเอง ซึ่งอาจทำให้การรับเงินล่าช้ากว่าการขายโดยตรง มาร์เก็ตเพลสที่ใช้ผู้ให้บริการชำระเงินที่ทันสมัยอาจมีตัวเลือกให้เข้าถึงเงินทุนของคุณได้ทันที ตัวอย่างเช่น Instant Payouts สามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ใช้แพลตฟอร์มภายใน 30 นาทีได้ตลอดเวลา

  • ค่าคอมมิชชัน
    ตรวจสอบค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียมคงที่ที่มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B เรียกเก็บ เพื่อเลือกมาร์เก็ตเพลสที่เหมาะกับเป้าหมายด้านกำไรของคุณมากที่สุด ตัวอย่างเช่น Amazon Business จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนและหักเปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชันจากการขายแต่ละครั้ง ในทางกลับกัน Ankorstore จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชันสำหรับแต่ละคำสั่งซื้อที่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้น

มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในสเปน

ข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งชาติสเปน (INE) ระบุว่า ในปี 2023 มีบริษัทในสเปนเพียง 30% เท่านั้นที่ขายสินค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ภาคอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตด้านรายรับเพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มีบทบาทสำคัญในการเติบโตนี้ ด้านล่างนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับมาร์เก็ตเพลสยอดนิยมบางส่วนในสเปน

  • Europages: แพลตฟอร์มนี้เชื่อมโยงบริษัทต่างๆ กับซัพพลายเออร์ผู้เชี่ยวชาญจากกว่า 100 อุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเหล่านี้อ้างอิงจากความต้องการที่ธุรกิจส่งผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ บริษัทสามารถขอใบเสนอราคาจาก Europages ได้ฟรี และในปี 2024 สเปนเป็นประเทศที่ขอใบเสนอราคามากเป็นอันดับที่ 5 เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในยุโรป

  • Ankorstore: มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B นี้เชี่ยวชาญด้านการขายให้กับร้านค้าค้าปลีกอิสระ Ankorstore เริ่มดำเนินงานในสเปนเมื่อปี 2020 และปัจจุบันมีแบรนด์ที่เข้าร่วมมากกว่า 30,000 แบรนด์

  • Refurbed: มาร์เก็ตเพลสแบบไฮบริดนี้รวมการขายแบบ B2C และ B2B เข้าด้วยกันเพื่อเสนอขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มือสองหลากหลายประเภทที่ผ่านการซ่อมเหมือนใหม่ให้กับบุคคลทั่วไปและบริษัท

  • Malt: เครือข่ายบุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระนี้ให้บริการเฉพาะทางแก่ธุรกิจทุกประเภท บริษัทต่างๆ เช่น Mahou และ Decathlon ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อหาฟรีแลนซ์มาทำงานในโปรเจ็กต์ของตน

  • Booking.com for Business: บริการจองนี้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ โดย Bookings Hispánica ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสเปนมีรายได้เพิ่มขึ้น 60% ในปี 2022 ซึ่งมากกว่ารายรับของเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด 3 แห่งในสเปนรวมกันเกือบสองเท่า

  • Makro: แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งขึ้นในเยอรมนี แต่ก็มีหน้าร้าน 37 แห่งในสเปนด้วย Makro มีแค็ตตาล็อกสินค้าจำนวนมากสำหรับบริษัทด้านการบริการและการต้อนรับ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สมาคมผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแห่งสเปน (AECOC) ระบุว่ามีรายได้คิดเป็น 7.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสเปน ความหลากหลาย นวัตกรรม และบริการเฉพาะบุคคล ทำให้ Makro มีรายได้มากกว่า 1.6 พันล้านยูโรในปีงบประมาณ 2022-2023

  • Amazon Business: แพลตฟอร์มของ Amazon ที่มีไว้สำหรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโดยเฉพาะ ธุรกิจสามารถขายและซื้อสินค้า พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับ B2B เช่น ส่วนลดตามปริมาณการซื้อ

  • Alibaba: แพลตฟอร์มนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งออกสินค้าขายส่งจากประเทศจีน บริษัทในเครือในสเปน โดย Alibaba E-Commerce Spain ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสเปนมีรายรับ 21.3 ล้านยูโร ในปีงบประมาณ 2023-2024 นอกจากนี้ กลุ่ม Alibaba ยังเป็นเจ้าของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2C ชื่อดังอย่าง AliExpress และยังสร้างวิธีการชำระเงินผ่าน Alipay ขึ้นมา ซึ่งการซื้อสินค้าทางออนไลน์ในประเทศจีนกว่าครึ่งหนึ่งเลือกใช้การชำระเงินด้วยวิธีนี้

วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเองในสเปน

เนื่องจากโมเดลธุรกิจนี้เป็นที่ต้องการสูงและทำกำไรได้ดี การสร้างมาร์เก็ตเพลสจึงกลายเป็นเทรนด์ โดยจะเห็นได้จากจำนวนแพลตฟอร์ม B2B ที่เพิ่มขึ้นในสเปน ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญบางส่วน หากคุณต้องการพัฒนามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเอง

  • กำหนดโมเดลของมาร์เก็ตเพลส
    ทำการวิจัยตลาด เพื่อให้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการสินค้าและบริการใดมากที่สุด วิเคราะห์ว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ นำเสนออะไร และตัดสินใจว่าจะสร้างมูลค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้าของคุณอย่างไร ขั้นสุดท้ายคือการเลือกโมเดลค่าธรรมเนียม ตัวอย่างเช่น คุณอาจคิดค่าคอมมิชชันแบบคงที่หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อการขาย เรียกเก็บการชำระเงินตามรอบบิลตามแบบแผนล่วงหน้า หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่สำหรับสินค้าหรือบริการที่ซัพพลายเออร์ต้องการลงขายในมาร์เก็ตเพลสของคุณ

  • ออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์ม
    พัฒนาเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ได้แก่ กระบวนการเริ่มต้นใช้งานสำหรับผู้ขายรายใหม่ วิธีเพิ่มสินค้าและบริการที่ใช้งานง่าย ระบบค้นหาที่มีตัวกรองหลายประเภท ระบบรีวิว และระบบส่งข้อความระหว่างซัพพลายเออร์กับลูกค้า

  • ผสานการทำงานระบบการชำระเงิน
    อำนวยความสะดวกในการชำระเงินของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มของคุณด้วยระบบการชำระเงินแบบหลายฝ่าย ที่คุณสามารถหักยอดการชำะเงิน หักค่าคอมมิชชัน และโอนเงินให้กับผู้ขายแต่ละรายเมื่อครบกำหนดชำระ ตัวอย่างเช่น Stripe Connect ที่ลูกค้าธุรกิจสามารถใช้วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสภาพแวดล้อม B2B เช่น การโอนเงินในเขตพื้นที่เพื่อการชำระเงินในยุโรป (Single Euro Payments Area - SEPA) และซัพพลายเออร์สามารถรับเงินทุนได้ทันที นอกจากนี้ Connect ยังผสานการทำงานกับสแต็กการชำระเงินทั้งหมดของ Stripe จึงมั่นใจได้ถึงการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่สร้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้

  • ดึงดูดผู้ขาย
    ออกแบบสิ่งจูงใจที่จะดึงดูดให้ผู้ขายเข้ามาใช้มาร์เก็ตเพลสของคุณตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวอย่างเช่น คุณอาจลดค่าคอมมิชชัน และเพิ่มการมองเห็นภายในแพลตฟอร์มให้กับลูกค้าใหม่เป็นการชั่วคราว

Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร

Stripe Connect จะจัดการในการรับส่งเงินระหว่างหลายฝ่ายสำหรับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์และมาร์เก็ตเพลส โดยมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็ว มีองค์ประกอบแบบผสานรวม มีการเบิกจ่ายทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย

Connect สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เปิดตัวได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ใช้ฟังก์ชันที่จัดการอัตโนมัติโดย Stripe หรือแบบผสานรวมเพื่อให้เริ่มให้บริการได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าหรือเสียเวลาไปกับการพัฒนาระบบที่มักต้องใช้สำหรับการให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงิน
  • จัดการการชำระเงินจำนวนมาก: ใช้เครื่องมือและบริการจาก Stripe แล้วไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรเพิ่มเติมไปกับการรายงานส่วนต่างกำไร แบบฟอร์มภาษี ความเสี่ยง วิธีการชำระเงินทั่วโลก หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน
  • ขยายธุรกิจไปทั่วโลก: ช่วยให้ผู้ใช้ของคุณเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้นด้วยวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นและความสามารถในการคำนวณภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST ได้อย่างง่ายดาย
  • สร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ: เพิ่มประสิทธิภาพให้รายรับจากการชำระเงินด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการ สร้างรายได้จากความสามารถของ Stripe ด้วยการเปิดใช้การชำระเงินที่จุดขาย การเบิกจ่ายทันที การเรียกเก็บภาษีการขาย การจัดหาเงินทุน บัตรชำระค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกมากมายบนแพลตฟอร์มของคุณ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Connect หรือเริ่มใช้งานวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย