มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B เป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจใช้เพื่อซื้อและขายสินค้าและบริการกับธุรกิจอื่นๆ ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังเติบโตเป็นอย่างมากในประเทศสเปน
แนวโน้มนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงวิธีซื้อและขายสินค้าทางออนไลน์ของธุรกิจ การที่สามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นซัพพลายเออร์ได้หลากหลายขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นและช่วยลดต้นทุน ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ข้อดีของการทำงานกับมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B, ระเบียบข้อบังคับของสเปนสำหรับอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ และแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
เนื้อหาหลักในบทความ
- มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คืออะไร
- ข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
- ข้อกำหนดในการขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
- ประเภทของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
- วิธีเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
- มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในสเปน
- วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเองในสเปน
- Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คืออะไร
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทต่างๆ ผ่านมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ บริษัทสามารถค้นหาผู้ที่อาจเป็นพาร์ทเนอร์รายใหม่ เปรียบเทียบข้อเสนอ และปิดดีลได้มีประสิทธิภาพกว่าการใช้ช่องทางแบบเดิมๆ
แพลตฟอร์มเหล่านี้มีการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยบริษัทจะต้องลงทะเบียนและระบุสินค้าหรือบริการที่ต้องการเสนอขาย จากนั้นมาร์เก็ตเพลสจะโพสต์ข้อเสนอนั้นบนแพลตฟอร์ม และเปิดให้บริษัทที่กำลังมองหาข้อเสนอที่คล้ายคลึงกันเข้ามาสำรวจตัวเลือกที่มี สุดท้าย เมื่อมีลูกค้าเลือกข้อเสนอใดข้อเสนอหนึ่ง มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จะประมวลผลธุรกรรมนั้น
ข้อดีของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
รายงานจาก ICEX España ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรกิจสาธารณะในสังกัดกระทรวงการค้าของสเปน ระบุว่าในปี 2022 มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของสเปนที่ขายสินค้าทางออนไลน์ประมาณ 33% ซึ่งในปีต่อมาสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 45% ตามรายงานของมูลนิธิ Banco Bilbao Vizcaya Argentaria (BBVA) จากแนวโน้มการเติบโตนี้ มีความเป็นไปได้ที่สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลายบริษัทหันมาใช้มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย
ข้อดีของการขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
การเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น
หากคุณตัดสินใจขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B คุณจะสามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของ Amazon ที่รู้จักกันในชื่อ Amazon Business มีลูกค้าธุรกิจมากกว่า 6 ล้านรายทั่วโลก และสามารถคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการส่งออกจากสเปนโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทำได้ง่ายขึ้นค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาต่ำลง
ความแข็งแกร่งทางการเงินของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ขนาดใหญ่ทำให้มาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ลงทุนด้านโฆษณาออนไลน์ได้ต่อเนื่องกว่า ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่นำเสนอบริการผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถเพิ่มการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนในแคมเปญการตลาดเอง นอกจากนี้ มาร์เก็ตเพลสหลายแห่งยังมีตัวเลือกให้เพิ่มการมองเห็นภายในแพลตฟอร์มโดยแลกกับการจ่ายค่าธรรมเนียมแบบคงที่เล็กน้อยหรือค่าคอมมิชชันเพิ่มเติม ซึ่งในสเปนมีมูลค่าการลงทุนด้านโฆษณาดิจิทัลเกิน 4.9 พันล้านยูโรในปี 2023 ธุรกิจสามารถปรับกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญการตลาดได้ละเอียดมากขึ้นผ่านระบบโฆษณาในมาร์เก็ตเพลสภายในภาระด้านโลจิสติกส์ลดลง
โดยปกติแล้วธุรกิจจะต้องรับผิดชอบในการจัดการสินค้าคงคลังเอง แต่ในบางกรณี มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จะจัดเตรียมและจัดส่งพัสดุในนามของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Amazon Business มีศูนย์โลจิสติกส์ 40 แห่งในสเปน ซึ่งให้บริการโมเดล "จัดส่งโดย Amazon แต่ขายโดยบริษัทบุคคลที่สาม" นอกจากนี้ เนื่องจากปริมาณการจัดส่งที่แพลตฟอร์มเหล่านี้จัดการมีมากกว่าธุรกิจ SME หลายเท่า ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถทำข้อตกลงกับพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์เพื่อให้ได้รับอัตราค่าบริการที่ถูกลง และบริษัทที่ขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสก็สามารถใช้ประโยชน์จากอัตราค่าบริการเหล่านี้ได้เช่นกันภาระด้านบริการลูกค้าลดลง
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มักเสนอบริการลูกค้าของตนเองและจัดการคำขอรับการสนับสนุนส่วนใหญ่ ในกรณีเหล่านี้ บริษัทที่เสนอบริการผ่านแพลตฟอร์มจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ที่ต้องมีการแทรกแซงโดยตรงเท่านั้นความซับซ้อนทางเทคนิคต่ำ
แม้ว่าฟังก์ชันการใช้งานในมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B แต่ละแห่งจะแตกต่างกัน แต่โดยปกติแล้วแพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้งานได้ง่ายและช่วยให้การขายออนไลน์จากสเปนทำได้ง่ายขึ้น รายงานประจำปีฉบับที่ 11 จาก Observatory of Overseas Brands ของแคว้นบาเลนเซีย ระบุว่าระยะเวลาในการเรียนรู้วิธีใช้มาร์เก็ตเพลส เป็นปัจจัยที่สร้างอุปสรรคน้อยที่สุดต่อการขายสินค้าทางออนไลน์ของธุรกิจแบบ B2B ในบาเลนเซียที่จัดการการส่งออกและธุรกรรมระหว่างรัฐสมาชิก
ข้อดีของการซื้อสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
ขั้นตอนการซื้อที่รวดเร็วขึ้น
ความง่ายในการใช้งานมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วย รายงานจาก National Observatory of Technology and Society (ONTSI) ของสเปน ระบุว่าความง่ายในขั้นตอนการซื้อเป็นปัจจัยที่ลูกค้าให้คุณค่ามากที่สุดในการช้อปปิ้งออนไลน์ ความง่ายนี้เกิดจากการมีตัวกรองที่ลูกค้าสามารถใช้ค้นหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วมีซัพพลายเออร์ให้เลือกหลากหลาย
ข้อดีที่มาร์เก็ตเพลสมอบให้กับซัพพลายเออร์ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วย ประโยชน์เหล่านี้ช่วยให้มาร์เก็ตเพลสสามารถนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายได้ความคิดเห็นที่ได้รับการยืนยัน
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B บางแห่งมีระบบภายในที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าโพสต์รีวิวหลังจากได้รับสินค้าหรือบริการแล้ว ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นว่าซัพพลายเออร์มีความน่าเชื่อถือและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้หรือไม่
ข้อเสียของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
แม้ว่ามาร์เก็ตเพลสจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ควรพิจารณาข้อเสียต่อไปนี้ด้วยเช่นกัน
ค่าธรรมเนียมจากคนกลาง
แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปรากฏในรายชื่อในอัตราคงที่ หรือคิดค่าคอมมิชชันสำหรับธุรกรรมแต่ละรายการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ขายเพราะต้องยอมสละกำไรสุทธิไปส่วนหนึ่ง แต่ในบางกรณี ลูกค้าอาจเป็นฝ่ายที่ต้องจ่ายแพงขึ้น หากผู้ขายบวกค่าคอมมิชชันในราคาขายด้วยความท้าทายในการรักษาลูกค้า
โดยส่วนใหญ่แล้ว กลยุทธ์การรักษาลูกค้าต้องอาศัยการสร้างความสัมพันธ์โดยตรง แต่ในบริการแบบเฉพาะบุคคลจะทำได้ยากเมื่อมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ทำหน้าที่เป็นคนกลาง นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังมีซัพพลายเออร์รายอื่นๆ อีกมาก ทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปใช้บริการซัพพลายเออร์รายใหม่ได้ หากพบว่ามีเงื่อนไข ราคา หรือระยะเวลาส่งมอบที่ดีกว่ากระแสเงินสด
แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะไม่จ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ทันทีหลังจากประมวลผลคำสั่งซื้อ แต่จะถือเงินไว้จนกว่าบริษัทผู้ซื้อจะยืนยันว่าได้รับการส่งมอบแล้ว ในบางกรณี ลูกค้าได้รับอนุญาตให้จัดหาเงินทุนสำหรับการชำระเงินแบบผ่อนชำระ ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินล่าช้าออกไปอีก ความล่าช้าในการชำระเงินจากมาร์เก็ตเพลสอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของธุรกิจ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลโดยเฉพาะในสเปน ซึ่งในปี 2024 SME เกือบ 50% จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจากธนาคาร
ข้อกำหนดในการขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
ก่อนที่จะขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในการขายสินค้าออนไลน์จากสเปนให้กับบริษัทอื่นๆ ซึ่งข้อกำหนดมีดังนี้
การจดทะเบียนบุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระหรือการจดทะเบียนบริษัท
มีข้อยกเว้นบางประการที่อนุญาตให้ขายสินค้าทางออนไลน์ในประเทศสเปนโดยไม่ต้องประกอบอาชีพอิสระได้เป็นบางครั้ง แต่ถ้าหากคุณต้องการขายสินค้าทางออนไลน์เป็นอาชีพหลัก คุณสามารถทำได้โดยกรอกแบบฟอร์ม 036 จากสำนักงานสรรพากรของประเทศสเปน หากคุณต้องการจัดตั้งบริษัทจำกัดความรับผิด (SL) คุณต้องจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนพาณิชย์ด้วยการลงทะเบียนในมาร์เก็ตเพลสและการยืนยันธุรกิจ
หากคุณประกอบอาชีพอิสระอยู่แล้วหรือมี SL ข้อกำหนดต่อไปคือการลงทะเบียนในมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และยืนยันธุรกิจ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มจะขอเอกสารไม่เหมือนกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะขอเอกสารดังต่อไปนี้- เอกสารประจำตัวประชาชน (DNI)
- ชื่อและที่อยู่สำหรับเสียภาษี
- หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (NIF) หรือหากคุณต้องการขายสินค้าให้กับบริษัทในสหภาพยุโรป ก็จะต้องแสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีระหว่างรัฐสมาชิก (NIF-IVA)
- บัญชีธนาคารของธุรกิจที่จะรับการชำระเงิน
- เอกสารประจำตัวประชาชน (DNI)
การออกใบแจ้งหนี้พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการขายทุกครั้งบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ คุณต้องออกใบแจ้งหนี้พร้อมระบุอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งอัตรานี้ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าหรือบริการที่คุณเสนอขาย มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B บางแห่งจะดำเนินการให้โดยอัตโนมัติ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องระบุรหัสภาษีสำหรับสินค้าแต่ละรายการเพื่อใช้ฟีเจอร์นี้
ประเภทของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในสเปน
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามปัจจัยต่างๆ เช่น หมวดหมู่ของสินค้าหรือบริการ ตัวอย่างประเภทที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้
มาร์เก็ตเพลสบริการแบบ B2B
แพลตฟอร์มเหล่านี้รองรับผู้เชี่ยวชาญที่เสนอบริการให้กับบริษัทอื่น ตัวอย่างเช่น Malt เป็นแพลตฟอร์มจากฝรั่งเศสที่มีสำนักงานในมาดริดและบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นช่องทางที่ให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระเสนอขายบริการแบบพบหน้าหรือบริการออนไลน์ เช่น การสร้างเว็บไซต์การพัฒนาร้านค้าออนไลน์ และการจัดเตรียมการวิเคราะห์ทางการเงินเพื่อช่วยในการตัดสินใจมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในแนวดิ่ง
แพลตฟอร์มประเภทนี้เชี่ยวชาญด้านสินค้าหรือบริการเฉพาะหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น Spainery เป็นช่องทางที่ให้บริษัทในสเปนที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์อาหารขายสินค้าให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ เช่น ร้านขายอาหาร หรือร้านอาหารมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ในแนวระนาบ
แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำงานร่วมกับบริษัทในทุกอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น Ankorstore มีสินค้าหลากหลายประเภทในแค็ตตาล็อก เช่น อาหาร แฟชั่น และของใช้ในบ้านมาร์เก็ตเพลสแบบไฮบริด
แพลตฟอร์มประเภทนี้รวมมาร์เก็ตเพลสหลายประเภทไว้ด้วยกัน ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ Booking.com ซึ่งในสภาพแวดล้อมแบบ B2C Booking.com เป็นระบบการจองที่พักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในสเปน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าการจองโรงแรมโดยตรง Booking.com for Business ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในส่วนที่มีไว้สำหรับภาค B2B โดยเฉพาะ ช่วยให้สามารถรวมค่าใช้จ่ายจากการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งอาจมีทั้งค่าเช่ารถ ค่าจองตั๋วเครื่องบิน และค่าที่พัก
วิธีเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B
ต่อไปนี้บางแง่มุมที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B สำหรับขายสินค้าหรือบริการของคุณ
กลุ่มเป้าหมาย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มีกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับบริษัทของคุณ นอกจากนี้ คุณจะต้องตรวจสอบจำนวนธุรกิจที่ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งควรมีจำนวนมากพอที่จะทำให้การลงทุนขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสนี้คุ้มค่าการผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของคุณ
หากบริษัทของคุณใช้โซลูชันเทคโนโลยีเป็นประจำ เช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือซอฟต์แวร์การทำบัญชีและการจัดการสินค้าคงคลัง ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B รองรับและอนุญาตให้การผสานการทำงานได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและข้อผิดพลาดจากการดำเนินการด้วยตนเองได้การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ในสเปน มีระเบียบข้อบังคับหลายข้อที่ควบคุมกิจกรรมบนแพลตฟอร์มประเภทนี้ ซึ่งรวมถึงกฎหมายว่าด้วยบริการสังคมสารสนเทศและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (LSSI) และกฎหมายทั่วไปว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ใช้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับบางฉบับของยุโรป เช่น ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR)การลดความซับซ้อนของการจัดการภาษี
การขายสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B จำเป็นต้องปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางภาษีหลายประการ เช่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส โชคดีที่บางแพลตฟอร์มมีเครื่องมือที่ช่วยให้งานจัดการภาษีเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบของ Amazon สามารถออกใบแจ้งหนี้ B2B แบบอัตโนมัติได้เงื่อนไขการชำระเงิน
ก่อนลงทะเบียน ควรศึกษานโยบายของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B และทำความเข้าใจนโยบายการชำระเงินให้ถี่ถ้วน เนื่องจากมาร์เก็ตเพลสทำหน้าที่เป็นคนกลาง จึงมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินเอง ซึ่งอาจทำให้การรับเงินล่าช้ากว่าการขายโดยตรง มาร์เก็ตเพลสที่ใช้ผู้ให้บริการชำระเงินที่ทันสมัยอาจมีตัวเลือกให้เข้าถึงเงินทุนของคุณได้ทันที ตัวอย่างเช่น Instant Payouts สามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ใช้แพลตฟอร์มภายใน 30 นาทีได้ตลอดเวลาค่าคอมมิชชัน
ตรวจสอบค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียมคงที่ที่มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B เรียกเก็บ เพื่อเลือกมาร์เก็ตเพลสที่เหมาะกับเป้าหมายด้านกำไรของคุณมากที่สุด ตัวอย่างเช่น Amazon Business จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนและหักเปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชันจากการขายแต่ละครั้ง ในทางกลับกัน Ankorstore จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชันสำหรับแต่ละคำสั่งซื้อที่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้น
มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจในสเปน
ข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งชาติสเปน (INE) ระบุว่า ในปี 2023 มีบริษัทในสเปนเพียง 30% เท่านั้นที่ขายสินค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ภาคอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตด้านรายรับเพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B มีบทบาทสำคัญในการเติบโตนี้ ด้านล่างนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับมาร์เก็ตเพลสยอดนิยมบางส่วนในสเปน
Europages: แพลตฟอร์มนี้เชื่อมโยงบริษัทต่างๆ กับซัพพลายเออร์ผู้เชี่ยวชาญจากกว่า 100 อุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเหล่านี้อ้างอิงจากความต้องการที่ธุรกิจส่งผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ บริษัทสามารถขอใบเสนอราคาจาก Europages ได้ฟรี และในปี 2024 สเปนเป็นประเทศที่ขอใบเสนอราคามากเป็นอันดับที่ 5 เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในยุโรป
Ankorstore: มาร์เก็ตเพลสแบบ B2B นี้เชี่ยวชาญด้านการขายให้กับร้านค้าค้าปลีกอิสระ Ankorstore เริ่มดำเนินงานในสเปนเมื่อปี 2020 และปัจจุบันมีแบรนด์ที่เข้าร่วมมากกว่า 30,000 แบรนด์
Refurbed: มาร์เก็ตเพลสแบบไฮบริดนี้รวมการขายแบบ B2C และ B2B เข้าด้วยกันเพื่อเสนอขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มือสองหลากหลายประเภทที่ผ่านการซ่อมเหมือนใหม่ให้กับบุคคลทั่วไปและบริษัท
Malt: เครือข่ายบุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพอิสระนี้ให้บริการเฉพาะทางแก่ธุรกิจทุกประเภท บริษัทต่างๆ เช่น Mahou และ Decathlon ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อหาฟรีแลนซ์มาทำงานในโปรเจ็กต์ของตน
Booking.com for Business: บริการจองนี้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ โดย Bookings Hispánica ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสเปนมีรายได้เพิ่มขึ้น 60% ในปี 2022 ซึ่งมากกว่ารายรับของเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด 3 แห่งในสเปนรวมกันเกือบสองเท่า
Makro: แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งขึ้นในเยอรมนี แต่ก็มีหน้าร้าน 37 แห่งในสเปนด้วย Makro มีแค็ตตาล็อกสินค้าจำนวนมากสำหรับบริษัทด้านการบริการและการต้อนรับ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สมาคมผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแห่งสเปน (AECOC) ระบุว่ามีรายได้คิดเป็น 7.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสเปน ความหลากหลาย นวัตกรรม และบริการเฉพาะบุคคล ทำให้ Makro มีรายได้มากกว่า 1.6 พันล้านยูโรในปีงบประมาณ 2022-2023
Amazon Business: แพลตฟอร์มของ Amazon ที่มีไว้สำหรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโดยเฉพาะ ธุรกิจสามารถขายและซื้อสินค้า พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับ B2B เช่น ส่วนลดตามปริมาณการซื้อ
Alibaba: แพลตฟอร์มนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งออกสินค้าขายส่งจากประเทศจีน บริษัทในเครือในสเปน โดย Alibaba E-Commerce Spain ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสเปนมีรายรับ 21.3 ล้านยูโร ในปีงบประมาณ 2023-2024 นอกจากนี้ กลุ่ม Alibaba ยังเป็นเจ้าของมาร์เก็ตเพลสแบบ B2C ชื่อดังอย่าง AliExpress และยังสร้างวิธีการชำระเงินผ่าน Alipay ขึ้นมา ซึ่งการซื้อสินค้าทางออนไลน์ในประเทศจีนกว่าครึ่งหนึ่งเลือกใช้การชำระเงินด้วยวิธีนี้
วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเองในสเปน
เนื่องจากโมเดลธุรกิจนี้เป็นที่ต้องการสูงและทำกำไรได้ดี การสร้างมาร์เก็ตเพลสจึงกลายเป็นเทรนด์ โดยจะเห็นได้จากจำนวนแพลตฟอร์ม B2B ที่เพิ่มขึ้นในสเปน ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญบางส่วน หากคุณต้องการพัฒนามาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ของคุณเอง
กำหนดโมเดลของมาร์เก็ตเพลส
ทำการวิจัยตลาด เพื่อให้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการสินค้าและบริการใดมากที่สุด วิเคราะห์ว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ นำเสนออะไร และตัดสินใจว่าจะสร้างมูลค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้าของคุณอย่างไร ขั้นสุดท้ายคือการเลือกโมเดลค่าธรรมเนียม ตัวอย่างเช่น คุณอาจคิดค่าคอมมิชชันแบบคงที่หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อการขาย เรียกเก็บการชำระเงินตามรอบบิลตามแบบแผนล่วงหน้า หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่สำหรับสินค้าหรือบริการที่ซัพพลายเออร์ต้องการลงขายในมาร์เก็ตเพลสของคุณออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์ม
พัฒนาเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับมาร์เก็ตเพลสแบบ B2B ได้แก่ กระบวนการเริ่มต้นใช้งานสำหรับผู้ขายรายใหม่ วิธีเพิ่มสินค้าและบริการที่ใช้งานง่าย ระบบค้นหาที่มีตัวกรองหลายประเภท ระบบรีวิว และระบบส่งข้อความระหว่างซัพพลายเออร์กับลูกค้าผสานการทำงานระบบการชำระเงิน
อำนวยความสะดวกในการชำระเงินของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มของคุณด้วยระบบการชำระเงินแบบหลายฝ่าย ที่คุณสามารถหักยอดการชำะเงิน หักค่าคอมมิชชัน และโอนเงินให้กับผู้ขายแต่ละรายเมื่อครบกำหนดชำระ ตัวอย่างเช่น Stripe Connect ที่ลูกค้าธุรกิจสามารถใช้วิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสภาพแวดล้อม B2B เช่น การโอนเงินในเขตพื้นที่เพื่อการชำระเงินในยุโรป (Single Euro Payments Area - SEPA) และซัพพลายเออร์สามารถรับเงินทุนได้ทันที นอกจากนี้ Connect ยังผสานการทำงานกับสแต็กการชำระเงินทั้งหมดของ Stripe จึงมั่นใจได้ถึงการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่สร้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ดึงดูดผู้ขาย
ออกแบบสิ่งจูงใจที่จะดึงดูดให้ผู้ขายเข้ามาใช้มาร์เก็ตเพลสของคุณตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวอย่างเช่น คุณอาจลดค่าคอมมิชชัน และเพิ่มการมองเห็นภายในแพลตฟอร์มให้กับลูกค้าใหม่เป็นการชั่วคราว
Stripe Connect จะช่วยได้อย่างไร
Stripe Connect จะจัดการในการรับส่งเงินระหว่างหลายฝ่ายสำหรับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์และมาร์เก็ตเพลส โดยมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็ว มีองค์ประกอบแบบผสานรวม มีการเบิกจ่ายทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย
Connect สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
- เปิดตัวได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ใช้ฟังก์ชันที่จัดการอัตโนมัติโดย Stripe หรือแบบผสานรวมเพื่อให้เริ่มให้บริการได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าหรือเสียเวลาไปกับการพัฒนาระบบที่มักต้องใช้สำหรับการให้บริการสนับสนุนด้านการชำระเงิน
- จัดการการชำระเงินจำนวนมาก: ใช้เครื่องมือและบริการจาก Stripe แล้วไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรเพิ่มเติมไปกับการรายงานส่วนต่างกำไร แบบฟอร์มภาษี ความเสี่ยง วิธีการชำระเงินทั่วโลก หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน
- ขยายธุรกิจไปทั่วโลก: ช่วยให้ผู้ใช้ของคุณเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกได้มากขึ้นด้วยวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นและความสามารถในการคำนวณภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST ได้อย่างง่ายดาย
- สร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ: เพิ่มประสิทธิภาพให้รายรับจากการชำระเงินด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการ สร้างรายได้จากความสามารถของ Stripe ด้วยการเปิดใช้การชำระเงินที่จุดขาย การเบิกจ่ายทันที การเรียกเก็บภาษีการขาย การจัดหาเงินทุน บัตรชำระค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกมากมายบนแพลตฟอร์มของคุณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Connect หรือเริ่มใช้งานวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ