How to build a marketplace: A quick-start guide

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. มาร์เก็ตเพลสคืออะไร
  3. มาร์เก็ตเพลสแตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างไร
  4. ประเภทของมาร์เก็ตเพลสออนไลน์และโมเดลธุรกิจ
  5. การประมวลผลการชําระเงินสําหรับมาร์เก็ตเพลส: วิธีการเลือกผู้ให้บริการ
  6. วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลส

เมื่อการค้าดิจิทัลเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจึงมองหาวิธีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเข้าถึงช่องทางรายได้ใหม่ๆ โอกาสหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเร็วๆ นี้คือโมเดลมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ ตามรายงานของ Grand View Research คาดการณ์ว่ารายรับจากมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ทั่วโลกจะถึง $27.1 ล้านล้านภายในปี 2027 มาร์เก็ตเพลสออนไลน์อย่าง Amazon, Airbnb และ Uber ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาดของโมเดลธุรกิจนี้

การสร้างมาร์เก็ตเพลสออนไลน์นั้นต้องอาศัยการวางแผนอย่างระมัดระวัง การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการดําเนินการที่พิถีพิถัน กระบวนการนี้ประกอบด้วยการกำหนดแนวคิด การดำเนินการวิจัยตลาด การพัฒนาโมเดลทางธุรกิจ การออกแบบแพลตฟอร์ม การดึงดูดผู้ใช้ และการปรับแต่งตามข้อเสนอแนะ แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ผลตอบแทนจากการสร้างมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จก็มีความสำคัญ โดยมอบโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ ได้อำนวยความสะดวกในการค้าในระดับที่ใหญ่ขึ้น สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และสร้างตัวตนในโลกดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ต่อไปนี้คือคําแนะนําฉบับย่อเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาที่สําคัญเมื่อคุณเริ่มกําหนดขอบเขต วางแผน และเปิดตัวมาร์เก็ตเพลสออนไลน์แห่งใหม่

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • มาร์เก็ตเพลสคืออะไร
  • มาร์เก็ตเพลสแตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างไร
  • ประเภทของมาร์เก็ตเพลสออนไลน์และโมเดลธุรกิจ
  • การประมวลผลการชําระเงินสําหรับมาร์เก็ตเพลส: วิธีการเลือกผู้ให้บริการ
  • วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลส

มาร์เก็ตเพลสคืออะไร

มาร์เก็ตเพลสคือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ให้บริการบุคคลที่สามหลายรายนําเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะประมวลผลธุรกรรม มาร์เก็ตเพลสเป็นตลาดดิจิทัลที่เทียบเท่ากับตลาดจริงหรือศูนย์การค้าซึ่งมีผู้ค้าหลายรายมารวมตัวกันเพื่อขายผลิตภัณฑ์ของตน

แพลตฟอร์มเหล่านี้อาจเป็นแบบ B2B (ธุรกิจกับธุรกิจ), B2C (ธุรกิจกับผู้บริโภค) หรือ C2C (ผู้บริโภคกับผู้บริโภค) โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกรรมที่เกิดขึ้น ตัวอย่างของมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ Amazon, eBay และ Etsy

มาร์เก็ตเพลสแตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่างไร

แม้ทั้งมาร์เก็ตเพลสและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบทั่วไปจะดําเนินงานทางออนไลน์และอํานวยความสะดวกในการซื้อและขายสินค้าหรือบริการ แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็มีข้อแตกต่างที่สำคัญหลายประการ

  • ผู้ขายที่หลากหลาย
    มาร์เก็ตเพลสรวมผลิตภัณฑ์หรือบริการจากผู้ขายบุคคลที่สามหลายราย โดยนําเสนอตัวเลือกที่หลากหลายและกว้างขวางสําหรับลูกค้า ในทางกลับกัน เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมโดยทั่วไปจะขายผลิตภัณฑ์หรือบริการจากธุรกิจแห่งเดียว

  • การจัดการสินค้าคงคลัง
    ในมาร์เก็ตเพลส ผู้ขายแต่ละรายจะจัดการสินค้าคงคลังและแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสเองไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าคงคลังแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมมักจะจัดการสินค้าคงคลังและซัพพลายเชนของตัวเอง ข้อยกเว้นอย่างหนึ่งคือโมเดลดร็อปชิป ซึ่งเป็นวิธีการจัดส่งสินค้าแบบปลีก โดยร้านค้าจะขายสินค้าโดยไม่ต้องเก็บสินค้าไว้ในคลัง แต่จะซื้อสินค้าจากบุคคลที่สามแล้วให้จัดส่งไปยังลูกค้าโดยตรง

  • การแข่งขันทางราคา
    เนื่องจากมาร์เก็ตเพลสมีผู้ขายหลายราย จึงมักจะมีการแข่งขันทางราคาโดยตรงสําหรับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ราคาจะตั้งโดยธุรกิจและไม่มีการแข่งขันโดยตรงบนแพลตฟอร์มเดียวกัน

  • โมเดลรายรับ
    โดยปกติ มาร์เก็ตเพลสจะสร้างรายรับโดยการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการที่ดําเนินการผ่านแพลตฟอร์ม ขณะที่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซตามปกติจะได้รับรายรับโดยตรงจากการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน

  • ความรับผิดชอบในการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ
    ในมาร์เก็ตเพลส ผู้ขายมักจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้า แม้ว่ามาร์เก็ตเพลสบางแห่งอาจเสนอบริการดําเนินการตามคําสั่งซื้อแบบรวมศูนย์ ในอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ธุรกิจที่ดูแลจัดการเว็บไซต์มีหน้าที่ดําเนินการตามคําสั่งซื้อ

  • ความสัมพันธ์กับลูกค้า
    ในมาร์เก็ตเพลส ลูกค้ามักจะมีความสัมพันธ์กับมาร์เก็ตเพลสและผู้ขายแต่ละราย สําหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแบบเดิม ลูกค้าจะมีความสัมพันธ์กับบริษัทที่ดูแลจัดการเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว

  • รีวิวและคะแนน
    มาร์เก็ตเพลสส่วนใหญ่มีระบบที่ให้ลูกค้าให้คะแนนและรีวิวผู้ขายแต่ละราย เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นและให้ข้อมูลแก่ลูกค้าในอนาคต แม้ว่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีระบบรีวิวและคะแนนเช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ผู้ขาย

ธุรกิจต้องเข้าใจถึงความแตกต่างเหล่านี้ก่อนตัดสินใจว่าการขายในมาร์เก็ตเพลสนั้นเหมาะสมที่สุดสําหรับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวหรือไม่ หากมาร์เก็ตเพลสเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ขั้นตอนต่อไปก็คือทําความเข้าใจมาร์เก็ตเพลสประเภทต่างๆ และโมเดลธุรกิจที่รองรับ

ประเภทของมาร์เก็ตเพลสออนไลน์และโมเดลธุรกิจ

มาร์เก็ตเพลสออนไลน์มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีลักษณะเฉพาะและโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือรูปแบบของมาร์เก็ตเพลสประเภทต่างๆ

  • มาร์เก็ตเพลสสำหรับธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C)
    แพลตฟอร์มเหล่านี้คือแพลตฟอร์มที่ธุรกิจทำการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เป็นบุคคลทั่วไป ตัวอย่างของโมเดลนี้คือ Amazon ซึ่งธุรกิจหลายรายขายผลิตภัณฑ์ของตนให้กับลูกค้า และ Amazon จะคิดค่าคอมมิชชันเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายแต่ละรายการ

  • มาร์เก็ตเพลสสําหรับผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C)
    แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าขายสินค้าให้กันและกันได้ ตัวอย่างเช่น eBay ซึ่งช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถขายสินค้าให้ผู้ที่ประมูลราคาสูงสุด โดยทั่วไป มาร์เก็ตเพลสเหล่านี้สร้างรายได้ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมการแสดงสินค้าหรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยจากธุรกรรมแต่ละรายการ

  • มาร์เก็ตเพลสสําหรับธุรกิจกับธุรกิจ (B2B)
    แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมระหว่างธุรกิจต่างๆ ตัวอย่างคือ Alibaba ซึ่งผู้ผลิตและผู้ค้าส่งขายสินค้าเป็นกลุ่มให้กับธุรกิจทั่วโลก โดยปกติแล้ว ผู้ใช้จะสร้างรายรับจากการเรียกเก็บเงินค่าสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมธุรกรรม

  • มาร์เก็ตเพลสด้านบริการ
    แพลตฟอร์มเหล่านี้เชื่อมโยงผู้ให้บริการกับลูกค้าที่จําเป็นต้องใช้บริการเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น Uber ซึ่งเชื่อมต่อผู้ขับกับผู้โดยสารและ Upwork ซึ่งเชื่อมโยงผู้ทํางานอิสระกับลูกค้า แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากธุรกรรมแต่ละรายการ

  • ตลาดแนวตั้ง
    แพลตฟอร์มเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทเดียว ตัวอย่างเช่น Etsy เน้นไปที่งานฝีมือและของเก่า ส่วน Zillow เน้นที่อสังหาริมทรัพย์ โมเดลรายรับอาจแตกต่างกัน แต่มักเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือการแสดงสินค้า

  • ตลาดแนวนอน
    แพลตฟอร์มเหล่านี้ขายผลิตภัณฑ์และบริการหลายประเภทในอุตสาหกรรมต่างๆ Amazon และ eBay เป็นตัวอย่างที่ดี เนื่องจากมีหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปกติแล้วผู้ขายจะสร้างรายรับโดยการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากผู้ขายในการขายแต่ละรายการ

  • มาร์เก็ตเพลสให้เช่าแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P)
    แพลตฟอร์มเหล่านี้อํานวยความสะดวกในการให้เช่าสินค้าชั่วคราวระหว่างบุคคลต่างๆ Airbnb คือตัวอย่าง โดยช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถให้เช่าบ้านของตัวเองแก่นักท่องเที่ยว โดยปกติแล้ว แพลตฟอร์มจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบริการจากการจองแต่ละครั้ง

  • มาร์เก็ตเพลสแบบกระจายศูนย์
    ตลาดประเภทนี้เป็นมาร์เก็ตเพลสประเภทใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่ออํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมแบบบุคคลถึงบุคคลโดยไม่มีหน่วยงานตัวกลาง ตัวอย่างเช่น OpenBazaar และ Origin Protocol โดยปกติแล้ว มาร์เก็ตเพลวนี้จะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม แต่จะสร้างรายได้ผ่านวิธีการอื่น เช่น การขายโทเค็นที่เป็นกรรมสิทธิ์

  • มาร์เก็ตเพลสแบบไฮบริด
    นี่คือแพลตฟอร์มที่รวมมาร์เก็ตเพลสประเภทต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ตัวอย่างเช่น Amazon เป็นมาร์เก็ตเพลสแบบ B2C เป็นหลัก แต่ก็มีองค์ประกอบ B2B (Amazon Business) และ C2C (Amazon Marketplace สําหรับของมือสอง) ด้วยเช่นกัน

มาร์เก็ตเพลสประเภทต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าโมเดลมาร์เก็ตเพลสสามารถปรับตัวให้เข้ากับธุรกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์อันหลากหลายระหว่างผู้ใช้ประเภทต่างๆ ได้อย่างไร เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่นนี้ ธุรกิจต่างๆ ควรเลือกโมเดลมาร์เก็ตเพลสที่มีข้อได้เปรียบสูงสุดอย่างมีกลยุทธ์ โดยพิจารณาจากจุดแข็งเฉพาะตัวและตลาดเป้าหมายของตน

การประมวลผลการชําระเงินสําหรับมาร์เก็ตเพลส: วิธีการเลือกผู้ให้บริการ

การประมวลผลการชำระเงิน และโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ โดยองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งเป็นหัวใจหลักของโมเดลธุรกิจมาร์เก็ตเพลส ระบบประมวลผลการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้สามารถสร้างความเชื่อมั่น ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ เพิ่มยอดขาย และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ

ต่อไปนี้คือปัจจัยบางส่วนที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงิน

  • ค่าใช้จ่าย
    ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยผู้ให้บริการชำระเงินอาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการตั้งค่า ค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าธรรมเนียมรายเดือน และค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืน ผู้ให้บริการบางรายอาจเรียกเก็บเงินสําหรับบริการเพิ่มเติม เช่น การป้องกันการฉ้อโกง ตัวอย่างเช่น Stripe จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์บวกค่าธรรมเนียมคงที่ต่อธุรกรรม แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมการตั้งค่าหรือค่าธรรมเนียมรายเดือน

  • การเข้าถึงทั่วโลกและการสนับสนุนด้านสกุลเงิน
    หากมาร์เก็ตเพลสของคุณให้บริการแก่ลูกค้าต่างประเทศ คุณจะต้องมีผู้ประมวลผลการชําระเงินที่รองรับหลายสกุลเงินและพร้อมใช้งานในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น Stripe ซึ่ง[รองรับมากกว่า 135 สกุลเงิน]](https://stripe.com/docs/currencies "Stripe Docs | สกุลเงิน") และมีให้บริการใน 46 ประเทศทั่วโลก

  • ความสะดวกในการผสานการทำงาน
    ระบบการชําระเงินควรผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสของคุณได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น Stripe มี API ที่เป็นที่รู้จักกันดีในความยืดหยุ่นและความสะดวกในการผสานการทำงาน

  • ตัวเลือกการเบิกจ่ายและการกำหนดเวลา
    คุณอาจต้องการตัวเลือกการเบิกจ่ายที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ขายของคุณ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของมาร์เก็ตเพลส Stripe เสนอกําหนดเวลาเบิกจ่ายที่ปรับแต่งได้และวิธีการเบิกจ่ายหลายวิธี ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับตลาดประเภทต่างๆ

  • การรักษาความปลอดภัย
    ผู้ให้บริการควรใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน Stripe ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับการฉ้อโกงและเป็นผู้ให้บริการ PCI ระดับ 1 ที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นการรับรองระดับสูงสุดในอุตสาหกรรมการชําระเงิน

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    ผู้ประมวลผลการชําระเงินต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลและความเป็นส่วนตัวในภูมิภาคที่ดําเนินธุรกิจ Stripe รักษามาตรฐานการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เข้มแข็ง ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนด GDPR สําหรับลูกค้าในยุโรป

  • ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
    การสนับสนุนลูกค้าที่ดีเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Stripe มีตัวเลือกการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการสนับสนุนทางอีเมล แชท และโทรศัพท์

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ ต่อไปนี้คือขั้นตอนทั่วไปในการเลือกผู้ให้บริการประมวลผลการชําระเงิน

1. ระบุข้อกําหนดของคุณ
ทําความเข้าใจโมเดลธุรกิจ กลุ่มเป้าหมายของคุณ ประเทศที่คุณดําเนินธุรกิจ สกุลเงินที่คุณต้องการสนับสนุน งบประมาณ และความต้องการเฉพาะอื่นๆ

2. ศึกษาหาข้อมูล
ศึกษาหาข้อมูลผู้ให้บริการหลายรายเพื่อทําความเข้าใจข้อเสนอ ค่าใช้จ่าย และชื่อเสียงในอุตสาหกรรม อ่านรีวิวและพูดคุยกับธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้บริการนั้น

3. เปรียบเทียบ
ประเมินผู้ให้บริการแต่ละรายตามข้อกําหนดของคุณและข้อเสนอของผู้ให้บริการเหล่านั้น พิจารณาปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น: ค่าใช้จ่าย การเข้าถึงทั่วโลก การผสานการทํางานที่ง่ายดาย ตัวเลือกการเบิกจ่าย ความปลอดภัย การปฏิบัติตามข้อกําหนด และการสนับสนุนลูกค้า

4. ทดสอบ
ผู้ให้บริการหลายรายนําเสนอสภาพแวดล้อมแซนด์บ็อกซ์สําหรับการทดสอบ ใช้แซนด์บ็อกซ์เหล่านี้เพื่อทําความเข้าใจประสบการณ์ของผู้ใช้และทดสอบการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มของคุณ

5. เลือกและผสานการทํางาน
เมื่อประเมินปัจจัยทั้งหมดและทดสอบตัวเลือกแล้ว คุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล เลือกผู้ให้บริการที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุด แล้วผสานการทํางานกับมาร์เก็ตเพลสของคุณ

โซลูชันการประมวลผลการชําระเงินที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ทําธุรกรรมได้อย่างราบรื่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลอย่างมากต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ความไว้วางใจ และการเติบโตของมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ของคุณด้วย

วิธีสร้างมาร์เก็ตเพลส

การสร้างมาร์เก็ตเพลสออนไลน์มีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การกําหนดไอเดียของคุณไปจนถึงการเปิดตัวและโปรโมตแพลตฟอร์ม ต่อไปนี้คือกระบวนการคร่าวๆ

1. ระบุแนวคิดของคุณ
เริ่มต้นด้วยการกําหนดแนวคิดหลักของมาร์เก็ตเพลสของคุณ โปรดอธิบายประเภทผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะจําหน่าย ผู้ซื้อและผู้ขายของคุณคือใคร คุณขายผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่เดิมอย่างไร

2. ทําการวิจัยตลาด
ทําความเข้าใจตลาด คู่แข่ง และความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ดูมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสําเร็จเพื่อทําความเข้าใจสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีและช่องว่างที่มาร์เก็ตเพลสของคุณจะเติมเต็มได้

3. พัฒนาโมเดลธุรกิจ
ตัดสินใจเลือกวิธีการสร้างรายรับของคุณ ซึ่งอาจเป็นค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการแสดงรายการสินค้า ค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการ หรือหลายอย่างผสมกัน นอกจากนี้ ให้พิจารณากลยุทธ์การกําหนดราคาของคุณและเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

4. กําหนดฟังก์ชันของแพลตฟอร์ม
ระบุฟีเจอร์และฟังก์ชันการทํางานหลักที่แพลตฟอร์มของคุณต้องการ ส่วนนี้มักประกอบด้วยเครื่องมือการค้นหาและการค้นพบ ข้อมูลโปรไฟล์ผู้ใช้ รายการผลิตภัณฑ์ ระบบการชําระเงินที่ปลอดภัย ระบบรีวิวและให้คะแนน รวมถึงเครื่องมือการสื่อสารสําหรับผู้ซื้อและผู้ขาย

5. เลือกเทคโนโลยีของคุณ
คุณสามารถเลือกที่จะสร้างมาร์เก็ตเพลสขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ใช้แพลตฟอร์มสําเร็จรูป หรือใช้ซอฟต์แวร์มาร์เก็ตเพลส พิจารณางบประมาณ ลําดับเวลา และความสามารถทางเทคนิคของคุณเมื่อทําการตัดสินใจนี้ นอกจากนี้ยังมีโซลูชันมากมายสําหรับการผสานการทํางานกับการประมวลผลการชําระเงิน เช่น Stripe

6. สร้างแพลตฟอร์ม
ไม่ว่าจะกําลังพัฒนามาร์เก็ตเพลสขึ้นมาใหม่หรือใช้แพลตฟอร์ม คุณจะต้องใช้ฟังก์ชันต่างๆ ที่คุณกําหนดไว้ หากคุณไม่ใช่นักพัฒนา ก็จะต้องจ้างทีมพัฒนา

7. ทดสอบแพลตฟอร์มของคุณ
ก่อนที่จะเปิดตัว โปรดทําการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างทํางานได้ตามที่คาดหวัง ซึ่งรวมถึงการทดสอบกระบวนการซื้อและขาย ระบบการชําระเงิน และฟีเจอร์ทั้งหมดของแพลตฟอร์ม

8. ดึงดูดผู้ขาย
คุณต้องมีผู้ขายก่อนที่จะดึงดูดผู้ซื้อได้ ติดต่อผู้ขายที่อาจเหมาะกับมาร์เก็ตเพลสของคุณ พิจารณาการเสนอรางวัลจูงใจให้เข้าร่วม

9. เปิดตัวแพลตฟอร์มของคุณ
เมื่อทดสอบทุกอย่างและมีผู้ขายบางส่วนแล้ว คุณก็สามารถเปิดตัวมาร์เก็ตเพลสได้ เริ่มด้วยการเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการโดยเชิญผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ ให้มาทําการทดสอบแพลตฟอร์มในโลกจริงและแสดงความคิดเห็น

10. ทําการตลาดแพลตฟอร์มของคุณ
ใช้กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายเพื่อดึงดูดผู้ซื้อให้มาที่แพลตฟอร์มของคุณ ซึ่งอาจรวมถึง SEO, การตลาดเนื้อหา, การตลาดโซเชียลมีเดีย, โฆษณาแบบมีค่าใช้จ่าย และการเป็นพาร์ทเนอร์

11. รวบรวมและดําเนินการตามคําติชม
ขณะที่ผู้ใช้เริ่มใช้แพลตฟอร์มของคุณ ให้รวบรวมความคิดเห็นเพื่อทําความเข้าใจสิ่งที่ทำได้ดีและทำได้ไม่ดี ใช้คําติชมนี้เพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์มของคุณอย่างต่อเนื่อง

12. พัฒนาและปรับขนาด
เมื่อมาร์เก็ตเพลสของคุณมีความมั่นคงมากขึ้น โปรดพิจารณากลยุทธ์สําหรับการเติบโต ตัวอย่างเช่น การขยายเข้าสู่ตลาดหรือหมวดหมู่ใหม่ การสร้างฟีเจอร์ของชุมชน หรือการใช้ข้อมูลเพื่อการปรับแต่งและการแนะนํา

โปรดจําไว้ว่าการสร้างมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสําเร็จนั้นต้องอาศัยทั้งการสร้างความไว้วางใจและการจัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย กระบวนการนี้ต้องใช้การดําเนินการซ้ําๆ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยอิงตามความคิดเห็นของผู้ใช้ การลงทุนอย่างระมัดระวังในช่วงเริ่มต้นจะสร้างรากฐานที่มั่นคงที่จะมอบผลตอบแทนอย่างทวีคูณเมื่อมาร์เก็ตเพลสของคุณเปิดตัวและเติบโตขึ้น

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe ให้บริการการชําระเงินสําหรับมาร์เก็ตเพลสชั้นนําอย่างไร โปรดดูที่นี่เพื่ออ่านกรณีศึกษา

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย