มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านคืออะไร

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านมีการทำงานอย่างไร
  3. มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านแตกต่างจากมาร์เก็ตเพลสทั่วไปอย่างไร
    1. มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
    2. มาร์เก็ตเพลสแบบปกติ
  4. ตัวอย่างของมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
  5. ประโยชน์และข้อเสียของการใช้มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
    1. ข้อดี
    2. ข้อเสีย
  6. ความท้าทายในการสร้างและบริหารมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
    1. การเข้าถึงกลุ่มคนที่สำคัญ
    2. การสร้างสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์
    3. การสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า
    4. การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
    5. การรักษาการเติบโตและความน่าเชื่อถือ
    6. การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
    7. การปรับแต่งโมเดลรายรับ

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยอํานวยความสะดวกในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มผู้ใช้หลายกลุ่ม โดยในพื้นที่แห่งนี้ แต่ละกลุ่มจะมอบคุณค่าให้แก่กลุ่มอื่นๆ ได้ เมื่อมีสมาชิกอยู่ในกลุ่มหนึ่งมากเพียงพอบนแพลตฟอร์ม ก็จะดึงดูดสมาชิกของกลุ่มอื่นๆ นี่จะเป็นการสร้างผลลัพธ์จากเครือข่าย ซึ่งคุณค่าของมาร์เก็ตเพลสจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าร่วมมากขึ้น ตัวอย่างแบบคลาสสิกคือประกาศจ้างงาน ซึ่งนายจ้างจะโพสต์งานและผู้มีโอกาสเป็นพนักงานส่งใบสมัคร

มาร์เก็ตเพลสเหล่านี้จะให้ประโยชน์ทั้งสองด้าน ในปี 2023 บริษัท Airbnb ซึ่งเป็นมาร์เก็ตเพลสสําหรับโฮมสเตย์ มีรายได้สุทธิกว่า $4.7 พันล้าน ในขณะที่โฮสต์มีรายได้มากกว่า $5.7 หมื่นล้านทั่วโลก ด้านล่างนี้เราจะอธิบายสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน รวมถึงวิธีทํางาน ความแตกต่างจากมาร์เก็ตเพลสแบบปกติ ตลอดจนข้อดีและความท้าทายของผู้ใช้และผู้ให้บริการ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านมีการทำงานอย่างไร
  • มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านแตกต่างจากมาร์เก็ตเพลสทั่วไปอย่างไร
  • ตัวอย่างของมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
  • ประโยชน์และข้อเสียของการใช้มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน
  • ความท้าทายในการสร้างและบริหารมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านมีการทำงานอย่างไร

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้กลุ่มผู้ใช้หลายกลุ่มมีปฏิสัมพันธ์และทำธุรกรรมได้ วิธีการทํางานมีดังนี้

  • กระบวนการเริ่มต้นใช้งานของผู้ใช้: มาร์เก็ตเพลสดึงดูดผู้ใช้จากกลุ่มต่างๆ โดยมักจะผ่านแคมเปญการตลาด การเป็นพาร์ทเนอร์ และโปรแกรมแนะนํา โดยจะมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่ชัดเจนสําหรับแต่ละกลุ่ม รวมถึงการสร้างบัญชี การตั้งค่าโปรไฟล์ และขั้นตอนการยืนยัน

  • การค้นหาและค้นพบ: แพลตฟอร์มช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ บริการ หรือผู้ใช้อื่นๆ การทำเช่นนี้มันจะอาศัยฟังก์ชันการค้นหาที่ครอบคลุม ตัวเลือกการกรองและการจัดเรียง รวมทั้งการแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับบุคคล

  • การโต้ตอบและการสื่อสาร: มาร์เก็ตเพลสช่วยอํานวยความสะดวกในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ผ่านระบบการส่งข้อความ การรีวิว การให้คะแนน และเครื่องมือการสื่อสารอื่นๆ

  • การประมวลผลธุรกรรม: แพลตฟอร์มจะจัดการการชําระเงินที่ปลอดภัยและธุรกรรม โดยเก็บเงินจากผู้ซื้อ เบิกจ่ายเงินให้ผู้ขาย และจัดการค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชันที่เกี่ยวข้อง

  • การยุติการโต้แย้งการชําระเงิน: กลไกต่างๆ เช่น การคืนเงิน การคืนสินค้า และการยกเลิกช่วยยุติการโต้แย้งการชําระเงินระหว่างผู้ใช้ได้ วิธีเหล่านี้ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมและเชื่อถือได้สําหรับทุกฝ่าย

  • ข้อมูลและการวิเคราะห์: แพลตฟอร์มจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ ความต้องการ และธุรกรรม จากนั้นก็ใช้ข้อมูลนี้ในการปรับแต่งประสบการณ์ของผู้ใช้ ปรับปรุงฟังก์ชันของแพลตฟอร์ม และทําการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมีข้อมูล

  • การสนับสนุนลูกค้า: มาร์เก็ตเพลสให้บริการสนับสนุนลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาและตอบคําถามของผู้ใช้ ซึ่งอาจประกอบด้วยคําถามที่พบบ่อย แชทสด การสนับสนุนทางอีเมล หรือความช่วยเหลือทางโทรศัพท์

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านแตกต่างจากมาร์เก็ตเพลสทั่วไปอย่างไร

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านและมาร์เก็ตเพลสแบบทั่วไปจะช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยช่วยให้การมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ของผู้ใช้เกิดขึ้นได้ นี่คือภาพรวมของความแตกต่างระหว่างทั้งสองรูปแบบนี้

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน

  • กลุ่มผู้ใช้: แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้บริการแก่กลุ่มผู้ใช้หลายกลุ่มที่มีความต้องการและสิ่งที่นำเสนอแตกต่างกัน แต่ละกลุ่มจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน ซึ่งหมายความว่ากลุ่มหนึ่งจะได้รับคุณค่าจากการมีส่วนร่วมของอีกกลุ่มหนึ่ง ตัวอย่างเช่น แอปแชร์การเดินทางเชื่อมต่อผู้ขับกับผู้โดยสาร

  • การสร้างคุณค่า: คุณค่าของมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างเครือข่าย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้ต่างๆ จะช่วยเพิ่มคุณค่า เนื่องจากคุณภาพและความหลากหลาย รวมถึจํานวนของผู้ใช้

  • ความซับซ้อนของการดำเนินงาน: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะต้องการกลยุทธ์การดำเนินงานซับซ้อนกว่า เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความต้องการและแรงจูงใจของกลุ่มผู้ใช้ต่างๆ โดยแพลตฟอร์มอาจใช้สิ่งหนึ่งเพื่อดึงดูดอีกสิ่งหนึ่ง หรือนำฟีเจอร์เฉพาะมาใช้เพื่อเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มผู้ใช้ต่างๆ

  • โมเดลรายรับ: โมเดลรายรับจะขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มผู้ใช้ใดสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้มากกว่า หรือมีคุณค่าสูงกว่า จากนั้น แพลตฟอร์มอาจเก็บค่าคอมมิชชั่นจากฝั่งหนึ่งและให้สิทธิ์เข้าถึงบริการฟรีแก่อีกฝั่งหนึ่ง หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทั้งสองฝั่งตามการใช้งาน

  • ตัวอย่างในโลกจริง: มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน ได้แก่ บริษัทอย่าง Uber ที่เชื่อมต่อผู้ขับและผู้โดยสาร รวมถึง Airbnb ซึ่งจะเชื่อมโยงโฮสต์และนักเดินทาง

มาร์เก็ตเพลสแบบปกติ

  • กลุ่มผู้ใช้: โดยทั่วไปแพลตฟอร์มเหล่านี้จะตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้เพียงกลุ่มเดียว และเน้นที่การเชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบทบาทของผู้ใช้สองฝ่ายจะเป็นแง่มุมในการทําธุรกรรมเป็นหลัก

  • การสร้างคุณค่า: มาร์เก็ตเพลสแบบปกติสร้างคุณค่าผ่านปริมาณธุรกรรมเป็นหลัก การมีผู้ขายและผลิตภัณฑ์มากขึ้นจะดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น แต่ปฏิสัมพันธ์ยังคงอยู่ในกรอบของการเป็นผู้ซื้อและผู้ขาย

  • ความซับซ้อนของการดำเนินงาน: โดยปกติการดําเนินงานจะง่ายกว่าและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น โดยการแสดงรายการสินค้า อํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรม และการสร้างความมั่นใจในการส่งมอบผลิตภัณฑ์

  • โมเดลรายรับ: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักพึ่งพาค่าธรรมเนียมธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการแสดงสินค้า หรือรายรับจากการโฆษณาจากผู้ขาย

  • ตัวอย่างในโลกจริง: มาร์เก็ตเพลสแบบปกติ ได้แก่ บริษัทอย่าง Amazon ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์จะเกิดขึ้นระหว่าง Amazon กับผู้ซื้อเป็นหลัก

ตัวอย่างของมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านแต่ละแห่งจะมีโครงสร้างที่ออกแบบเอง เพื่อความสะดวกในการทําธุรกรรมระหว่างกลุ่มผู้ใช้ต่างๆ ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันดี

  • Uber: Uber ช่วยเชื่อมโยงผู้โดยสารที่ต้องการการเดินทางกับผู้ขับที่ให้บริการรถรับส่ง โดยใช้เทคโนโลยีตามตําแหน่งที่ตั้งเพื่อจับคู่ตัวเลือกในบริเวณใกล้เคียง กลุ่มผู้ใช้คือผู้ขับและผู้เดินทาง

  • Airbnb: Airbnb ให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์แสดงที่พักสําหรับเช่าระยะสั้นแก่นักเดินทาง กลุ่มผู้ใช้คือโฮสต์และผู้เข้าพัก

  • eBay: eBay อำนวยความสะดวกในการประมูลและการขายโดยตรงสําหรับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงของสะสม ผู้ซื้อสามารถเสนอราคาหรือซื้อสินค้าจากผู้ขายได้โดยตรง กลุ่มผู้ใช้ของ eBay คือผู้ซื้อและผู้ขาย

  • Etsy: Etsy เป็นมาร์เก็ตเพลสสําหรับศิลปินและนักประดิษฐ์งานฝีมือ เพื่อขายสินค้าทํามือหรือสินค้าวินเทจและอุปกรณ์สำหรับงานฝีมือให้กับผู้ซื้อที่กําลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครหรือออกแบบเองโดยตรง กลุ่มผู้ใช้คือนักประดิษฐ์งานฝีมือและผู้ซื้อ

  • Upwork: Upwork เชื่อมโยงผู้ประกอบอาชีพอิสระกับธุรกิจที่ต้องการทำโปรเจ็กต์เฉพาะให้สําเร็จ โดยโปรเจ็กต์เหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการออกแบบสร้างสรรค์ กลุ่มผู้ใช้ของ Upwork คือผู้ประกอบอาชีพอิสระและนายจ้าง

  • DoorDash: DoorDash คือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ลูกค้าสั่งอาหารจากร้านอาหารและผู้ขับจัดส่งคําสั่งซื้อเหล่านี้ได้ กลุ่มผู้ใช้ของบริษัท ได้แก่ ร้านอาหาร ผู้จัดส่ง และลูกค้า

  • Grubhub: Grubhub ให้บริการกลุ่มผู้ใช้แบบเดียวกันกับ DoorDash เพื่อเชื่อมโยงลูกค้ากับร้านอาหารมากมาย โดยมอบตัวเลือกในการจัดส่งและมอบหมายคำสั่งซื้อให้ผู้ขับที่ประกอบอาชีพอิสระ

ประโยชน์และข้อเสียของการใช้มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านมีประโยชน์และข้อเสียที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งส่งผลต่อผู้ใช้และผู้ให้บริการ ต่อไปนี้เป็นข้อดีและข้อเสียหลักๆ ที่อาจพบ

ข้อดี

  • การเติบโต: คุณค่าของมาร์เก็ตเพลสจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าร่วมมากขึ้น ทําให้ผู้ใช้มีโอกาสเพิ่มผลกําไรได้ ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารบน Uber สามารถสร้างค่าโดยสารเพิ่มขึ้นสําหรับผู้ขับ และผู้เข้าพักจํานวนมากขึ้นใน Airbnb ก็ส่งผลให้โฮสต์มีรายได้สูงขึ้น

  • การจัดส่งสินค้าและบริการ: แพลตฟอร์มเหล่านี้มักช่วยให้คุณค้นหาและใช้บริการหรือสินค้าได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น Upwork ช่วยให้ธุรกิจค้นหาและจ้างผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีทักษะเฉพาะที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งบ่อยครั้งมักมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถทั่วโลก

  • ค่าใช้จ่าย: การรวมทรัพยากรไว้แบบเป็นส่วนกลางและใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้มาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ลดค่าใช้จ่ายทางธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น Etsy ช่วยให้ผู้ประดิษฐ์งานฝีมือแต่ละคนเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้านจริง

  • การพัฒนา: ลักษณะที่มีการแข่งขันของแพลตฟอร์มเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทั้งในฝั่งผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและผู้ใช้ โดยผู้ใช้มักจะพัฒนาวิธีใหม่ๆ ในการเสนอสินค้าหรือบริการของตน

  • เข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น: ผู้ใช้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างกว่าที่พวกเขาจะเข้าถึงด้วยตัวเองได้ วิธีนี้อาจช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและศักยภาพในการสร้างรายรับได้เป็นอย่างมาก

ข้อเสีย

  • การพึ่งพาแพลตฟอร์ม: ผู้ใช้อาจพึ่งพามาร์เก็ตเพลสเป็นอย่างมากในการสร้างรายรับ การเปลี่ยนแปลงนโยบาย ค่าธรรมเนียม หรืออัลกอริทึมของแพลตฟอร์มอาจส่งผลต่อรายได้เป็นอย่างยิ่ง

  • ค่าคอมมิชชัน: มาร์เก็ตเพลสส่วนใหญ่ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่นซึ่งอาจเป็นจํานวนที่สูง ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Upwork จะคิดค่าธรรมเนียมบริการ 10% จากรายได้ของผู้ประกอบอาชีพอิสระ

  • การแข่งขัน: ในขณะที่เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็หมายถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ขายบน eBay อาจต้องแข่งขันกับผู้ขายในต่างประเทศ

  • การควบคุมคุณภาพ: แพลตฟอร์มต้องรักษาคุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้เมื่อธุรกิจขยายตัว ประสบการณ์ด้านลบที่เกิดกับแพลตฟอร์มอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจของผู้ใช้

  • ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: แพลตฟอร์มเหล่านี้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจํานวนมาก ดังนั้นจึงต้องจัดการข้อมูลนี้อย่างปลอดภัยเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล

ความท้าทายในการสร้างและบริหารมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้าน

การสร้างและบริหารมาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านต้องมีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด ต่อไปนี้คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและวิธีแก้ปัญหาที่ธุรกิจอาจใช้ได้

การเข้าถึงกลุ่มคนที่สำคัญ

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านจะต้องดึงดูดผู้ใช้จากกลุ่มผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอเพื่อให้แพลตฟอร์มดำเนินงานได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่สามารถจับคู่ผู้เข้าร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • วิธีแก้ปัญหา: มอบแรงจูงใจให้ฝ่ายหนึ่งเพื่อดึงดูดผู้ใช้อีกฝ่ายหนึ่ง ตัวอย่างเช่น แอปแชร์การเดินทางแบบใหม่อาจเสนอส่วนลดค่าโดยสารเพื่อให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และจะช่วยดึงดูดผู้ขับจำนวนมากขึ้นได้

การสร้างสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์

มาร์เก็ตเพลสต้องสร้างสมดุลระหว่างด้านต่างๆ ของมาร์เก็ตเพลส (เช่น ผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ขับและผู้เดินทาง) ความไม่สมดุลอาจทําให้ประสบการณ์ของผู้ใช้แย่ลง (เช่น เวลารอนานหรือความพร้อมให้บริการของผลิตภัณฑ์ไม่เพียงพอ)

  • วิธีแก้ปัญหา: ลองใช้การคิดราคาแบบไดนามิกและการปรับราคาแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยจัดการความไม่สมดุล ตัวอย่างเช่น ค่าบริการที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีความต้องการสูงจะกระตุ้นให้มีผู้ขับให้บริการบนแพลตฟอร์มแชร์การเดินทางมากขึ้น

การสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า

ผู้ใช้จะต้องสามารถเชื่อถือแพลตฟอร์มนี้ในแง่ของธุรกรรมที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาร์เก็ตเพลสจัดการการชําระเงินหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

  • วิธีแก้ปัญหา: ใช้กระบวนการยืนยันที่เข้มงวด ระบบการชําระเงินที่ปลอดภัย และระบบให้คะแนนผู้ใช้ที่โปร่งใส

การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ

มาร์เก็ตเพลสแบบหลายด้านอาจต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่ยุ่งยาก ซึ่งแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งและประเภทของบริการ การปฏิบัติตามข้อกําหนดอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ทรัพยากรมาก

  • วิธีแก้ปัญหา: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อช่วยในการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของท้องถิ่น จากนั้นก็ปรับโมเดลธุรกิจให้เข้ากับตลาดต่างๆ เมื่อจําเป็น

การรักษาการเติบโตและความน่าเชื่อถือ

เมื่อจํานวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีจะต้องจัดการปริมาณผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ

  • วิธีแก้ปัญหา: ลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานในระบบคลาวด์ที่ปรับขนาดได้และให้การสนับสนุนด้านไอทีที่แข็งแกร่ง เพื่อให้แพลตฟอร์มมีความเสถียรและตอบสนองต่อการเติบโต

การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

การสร้างความโดดเด่นในตลาดที่มีคู่แข่งจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแข่งกับแพลตฟอร์มให้บริการมาแล้วระยะหนึ่ง

  • วิธีแก้ปัญหา: มุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะ พัฒนาฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร หรือปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

การปรับแต่งโมเดลรายรับ

มาร์เก็ตเพลสต้องพัฒนาโมเดลรายรับที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างสมดุลระหว่างการดึงดูดผู้ใช้และความสามารถในการทํากําไร สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องที่ทําได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ใช้มีความอ่อนไหวต่อค่าธรรมเนียม

  • วิธีแก้ปัญหา: ทดสอบโมเดลรายรับแบบต่างๆ เช่น การสมัครใช้บริการ ค่าธรรมเนียมธุรกรรม และโมเดลฟรีเมียม วิธีนี้จะช่วยระบุแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดสําหรับมาร์เก็ตเพลสที่มีลักษณะแตกต่างกัน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย