Marketplaces vs. platforms: What’s the difference between them?

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. มาร์เก็ตเพลสคืออะไร
  3. ลักษณะสําคัญของมาร์เก็ตเพลส
  4. แพลตฟอร์มคืออะไร
  5. ลักษณะสําคัญของแพลตฟอร์ม
  6. มาร์เก็ตเพลสกับแพลตฟอร์มแตกต่างกันอย่างไร
    1. มาร์เก็ตเพลส
    2. แพลตฟอร์ม
    3. ข้อแตกต่างที่สําคัญ
  7. วิธีเลือกว่าจะสร้างมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์ม

ยอดขายออนไลน์ 59% ทั่วโลกคาดว่าจะดําเนินการผ่านมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ภายในปี 2027 และจะมีการปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นนับไม่ถ้วนผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ จึงเห็นได้ชัดเจนว่าโมเดลทั้ง 2 แบบมีบทบาทอย่างมากในการค้าสมัยใหม่ แม้ทั้งมาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มมอบโอกาสในการเติบโตและการสร้างรายได้ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การเลือกโมเดลธุรกิจแต่ละแบบอาจเป็นตัวกําหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ การปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ และทิศทางของธุรกิจในระยะยาวได้เลย

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกใช้โมเดลมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มไม่ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจนขนาดนั้น โมเดลทั้งสองต่างก็มีข้อดีและข้อด้อยของตัวเอง การทําความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ไม่ใช่แค่การเลือกเส้นทางเท่านั้น เพราะเป็นการมองภาพรวมเกี่ยวกับความสามารถและความคาดหวังของธุรกิจคุณอย่างรอบด้าน ตลอดจนความต้องการของฐานผู้ใช้ ทั้งยังเป็นการปรับข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ให้ตรงกับโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ

ในบทความนี้ เราจะอธิบายลักษณะสําคัญของมาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์ม รวมถึงพลวัตการปฏิบัติงานของโมเดลทั้งคู่ รวมถึงวิธีตัดสินใจว่าโมเดลใดเหมาะกับคุณที่สุด

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • มาร์เก็ตเพลสคืออะไร
  • ลักษณะสําคัญของมาร์เก็ตเพลส
  • แพลตฟอร์มคืออะไร
  • ลักษณะสําคัญของแพลตฟอร์ม
  • มาร์เก็ตเพลสกับแพลตฟอร์มแตกต่างกันอย่างไร
  • วิธีเลือกระหว่างการสร้างมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์ม

มาร์เก็ตเพลสคืออะไร

มาร์เก็ตเพลสคือแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือฮับอีคอมเมิร์ซที่ซึ่งมีการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือเนื้อหาดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่คอยอำนวยความสะดวกและเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายเข้าด้วยกัน ช่วยให้การประมวลผลธุรกรรมได้อย่างราบรื่น ทั้งยังมอบเครื่องมือที่หลากหลายซึ่งจะช่วยจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกรรมเหล่านี้

มาร์เก็ตเพลสสมัยใหม่สามารถให้บริการแก่โมเดลการค้าประเภทต่างๆ ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและกลุ่มเป้าหมายของแพลตฟอร์ม ในจำนวนนี้รวมถึงโมเดลแบบ B2C (ธุรกิจถึงผู้บริโภค), B2B (ธุรกิจถึงธุรกิจ), C2C (ผู้บริโภคถึงผู้บริโภค) และ P2P (เพียร์ทูเพียร์) ซึ่งแต่ละโมเดลก็จะตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไปของผู้เข้าร่วมแต่ละราย

สำหรับโมเดลแบบ B2C ธุรกิจจะจําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ผู้บริโภคปลายทาง ในทางกลับกัน โมเดลแบบ B2B ช่วยอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมระหว่างธุรกิจ 2 แห่ง เช่น ผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก ส่วนโมเดลแบบ C2C เป็นแพลตฟอร์มสําหรับผู้บริโภคที่จะจําหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภครายอื่น และมักใช้สําหรับสินค้ามือสองหรือสินค้าแฮนด์เมด โมเดลแบบ P2P ช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการโดยตรง ซึ่งโดยปกติแล้วจะอํานวยความสะดวกผ่านแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์

ตัวอย่างของแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสดังกล่าว ได้แก่ Amazon และ eBay ซึ่งตอบสนองความต้องการของทั้งโมเดลแบบ B2C และ C2C โดยนําเสนอผลิตภัณฑ์มากมายจากผู้ขายจำนวนมาก ทําให้ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกตามความชอบของพวกเขา ส่วน Alibaba ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส แต่เน้นไปที่โมเดล B2B เป็นหลัก โดยมอบพื้นที่ให้ธุรกิจทั่วโลกเชื่อมต่อและซื้อขายกัน ในขณะที่ Etsy เป็นมาร์เก็ตเพลสที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีเป้าหมายหลักเป็นธุรกิจที่ใช้โมเดลแบบ C2C และ B2B ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสินค้าแฮนด์เมดและของเก่า รวมถึงวัสดุงานฝีมือ

ลักษณะสําคัญของมาร์เก็ตเพลส

มาร์เก็ตเพลสมีลักษณะหลายประการที่เป็นตัวกําหนดวิธีที่ผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อปฏิสัมพันธ์กันในตลาด

  • ผู้ขายและผู้ซื้อที่หลากหลาย
    มาร์เก็ตเพลสเน้นความหลากหลาย โดยเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้ขายและผู้ซื้ออิสระจํานวนมากติดต่อทำธุรกิจกัน ซึ่งแตกต่างจากร้านค้าออนไลน์แบบเดิมๆ ที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการจากผู้ให้บริการรายเดียว ความหลากหลายนี้ทำให้มีผลิตภัณฑ์และบริการมากมายอยู่บนแพลตฟอร์ม ผู้ซื้อจึงสามารถเปรียบเทียบและเลือกผลิตภัณฑ์และบริการได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ราคา คุณภาพ และคะแนนผู้ขาย

  • ความเชื่อมั่นและความโปร่งใส
    ปกติแล้วมาร์เก็ตเพลสจะรวมฟีเจอร์ต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความโปร่งใสและความไว้วางใจ ในจำนวนนี้อาจรวมถึงระบบให้คะแนนและรีวิวผู้ขาย ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและชัดเจนของผู้ขาย ตลอดจนกระบวนการที่ปลอดภัยสําหรับการทำธุรกรรม

  • การกำกับดูแลและการไกล่เกลี่ย
    ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะเป็นผู้จัดการแพลตฟอร์ม โดยดูแลให้ธุรกรรมดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย จัดการการชําระเงิน และมักจะเก็บค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายเพื่อเป็นค่าตอบแทนบริการเหล่านี้

  • ความสะดวกในการใช้งานและการเข้าถึง
    เทคโนโลยีที่ทันสมัยทําให้มาร์เก็ตเพลสออนไลน์สามารถเข้าถึงได้และใช้งานง่าย ผู้ซื้อสามารถเรียกดูและซื้อสินค้าจากผู้ขายหลายรายในที่เดียว ในขณะที่ผู้ขายสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นกว่าที่เคยเมื่อเทียบกับร้านค้าแบบดั้งเดิมที่มีหน้าร้าน

  • ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
    มาร์เก็ตเพลสออนไลน์สามารถรวบรวมข้อมูลจํานวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ขายมีข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่มีคุณค่าเพื่อช่วยพวกเขาเพิ่มประสิทธิภาพข้อเสนอของตนและปรับปรุงกลยุทธ์การขาย

คุณลักษณะแต่ละอย่างเหล่านี้สร้างประสิทธิภาพและความน่าสนใจให้กับมาร์เก็ตเพลส ทําให้มาร์เก็ตเพลสกลายเป็นส่วนประกอบสําคัญของภาคธุรกิจการค้าสมัยใหม่

แพลตฟอร์มคืออะไร

แพลตฟอร์มคือโครงสร้างพื้นฐานหรือระบบนิเวศดิจิทัลที่อํานวยความสะดวกให้หลายฝ่ายติดต่อปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งปกติแล้วมักมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการทําธุรกรรมทางธุรกิจ โดยอาจรวมถึงการแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือข้อมูล ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจัดหาเทคโนโลยีที่สําคัญและกําหนดกฎเกี่ยวกับวิธีการโต้ตอบเหล่านี้

แพลตฟอร์มอาจมีหลายรูปแบบและครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ แต่มักพบได้ทั่วไปในภาคธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง Amazon, แพลตฟอร์มสําหรับแชร์รถรับส่ง เช่น Uber หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook โดยแต่ละแพลตฟอร์มจะมอบสภาพแวดล้อมแบบดิจิทัลที่ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือบุคคลทั่วไป สามารถโต้ตอบ ทําธุรกรรม หรือทําทั้งคู่ได้

ธุรกิจแพลตฟอร์มสร้างคุณค่าด้วยการอํานวยความสะดวกให้กับการเชื่อมต่อและการโต้ตอบเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากโมเดลธุรกิจแบบเก่าที่เน้นการส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการบางอย่างให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น Uber ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์หรือจ้างคนขับในแบบที่บริษัทแท็กซี่แบบเก่าทํา แต่ Uber เชื่อมโยงผู้ขับอิสระกับผู้ที่ต้องการเดินทาง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรม

โดยหลักแล้ว แพลตฟอร์มจะมีผู้ใช้หลายฝ่าย ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มเหล่านั้นมีผู้ใช้ 2 กลุ่มขึ้นไปที่ให้ประโยชน์แก่กันและกันบนเครือข่าย คุณค่าของแพลตฟอร์มจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีผู้ใช้เข้าร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันในชื่อผลกระทบของเครือข่าย ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ขายใน Amazon มากขึ้น ผลิตภัณฑ์ก็จะหลากหลายมากขึ้น ทำให้ดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น และส่งผลให้ดึงดูดผู้ขายได้มากขึ้น

แพลตฟอร์มได้กลายมาเป็นกําลังสําคัญในเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากโมเดลธุรกิจของแพลตฟอร์มมีความสามารถในการขยายการดำเนินงาน รวมทั้งเข้าถึงฐานผู้ใช้ดิจิทัลได้อย่างกว้างขวาง ไม่เพียงเท่านั้นยังลดต้นทุนในการทำธุรกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มจึงได้ปรับโฉมตลาดจํานวนมากและขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

ลักษณะสําคัญของแพลตฟอร์ม

เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มในสภาพแวดล้อมการค้าสมัยใหม่ มีลักษณะสําคัญหลายประการที่ควรพิจารณา

  • ผลกระทบของเครือข่าย
    คํานี้หมายถึงปรากฏการณ์ที่คุณค่าของบริการจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนใช้งานมากขึ้น และสำหรับแพลตฟอร์ม เมื่อมีผู้ใช้เข้าร่วมมากขึ้น ประโยชน์สําหรับผู้ใช้ทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้ขายบนแพลตฟอร์มมากขึ้น ก็จะมีผลิตภัณฑ์และบริการให้ผู้ซื้อเลือกมากขึ้น ซึ่งจะดึงดูดผู้ขายได้มากขึ้นเนื่องจากกิจกรรมของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น

  • ผู้ใช้งานหลายกลุ่ม
    แพลตฟอร์มมีผู้ใช้หลายฝ่าย ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มเหล่านั้นให้บริการแก่กลุ่มผู้ใช้ตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไปที่มีส่วนสนับสนุนและได้รับประโยชน์จากเครือข่าย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มบริการเรียกรถตอบสนองความต้องการของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งต่างก็มอบคุณค่าให้แก่กันและกัน

  • อํานวยความสะดวกในการโต้ตอบ
    แพลตฟอร์มไม่ได้แค่จําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการเท่านั้น แต่ยังช่วยอํานวยความสะดวกในการโต้ตอบระหว่างกลุ่มผู้ใช้ต่างๆ อีกด้วย การโต้ตอบเหล่านี้อาจประกอบด้วยธุรกรรม การสื่อสาร หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูล บทบาทของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคือการทําให้การโต้ตอบเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

  • การสร้างและการเก็บเกี่ยวคุณค่า
    แพลตฟอร์มสร้างคุณค่าผ่านการเชื่อมต่อที่พวกเขาอํานวยความสะดวก ซึ่งอาจเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจากค่าธรรมเนียมธุรกรรม หรือคุณค่าทางสังคมผ่านการสร้างชุมชน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังเก็บเกี่ยวคุณค่าด้วยการเรียกเก็บเงินเป็นค่าเข้าถึงเครือข่าย หรือสร้างรายรับจากข้อมูลที่สร้างบนแพลตฟอร์ม

  • ความสามารถในการขยายการดำเนินงาน
    แพลตฟอร์มสามารถขยายการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเนื่องจากเป็นระบบดิจิทัล โดยทั่วไปแล้ว เมื่อฐานผู้ใช้ของแพลตฟอร์มเติบโตขึ้น ค่าใช้จ่ายในการให้บริการผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นมานี้ก็จะลดลง ความสามารถในการขยายการดำเนินงานนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สําคัญของโมเดลธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม เนื่องจากช่วยให้โมเดลเหล่านั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก และอาจช่วยให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

  • การกํากับดูแล
    แพลตฟอร์มจำเป็นต้องมีกฎระเบียบและข้อบังคับเพื่อให้มั่นใจว่าการติดต่อกันนั้นมีความยุติธรรมและผู้ใช้ทุกกลุ่มต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกัน กฎเหล่านี้กําหนดและบังคับใช้โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ซึ่งต้องรักษาความสมดุลระหว่างความต้องการของทุกฝ่ายเพื่อรักษาระบบนิเวศแพลตฟอร์มให้เติบโตอย่างรุ่งเรือง

มาร์เก็ตเพลสกับแพลตฟอร์มแตกต่างกันอย่างไร

แม้คําว่า "มาร์เก็ตเพลส" และ "แพลตฟอร์ม" มักจะใช้แทนกันในบริบทของการค้าสมัยใหม่ แต่ทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน ทั้งคู่ต่างก็มีบทบาทสําคัญในการค้าดิจิทัล แต่ว่าโมเดลการดำเนินงาน ฟังก์ชั่นหลัก และวัตถุประสงค์อาจแตกต่างกันไป

มาร์เก็ตเพลส

มาร์เก็ตเพลสช่วยอํานวยความสะดวกในการซื้อและขายสินค้าหรือบริการ โดยทําหน้าที่เป็นเสมือนตลาดดิจิทัลที่ผู้ขายอิสระหลายรายสามารถนำเสนอและขายผลิตภัณฑ์ที่ตนมีให้แก่ผู้ซื้อหลากหลายกลุ่ม โมเดลนี้เน้นการอํานวยความสะดวกให้กับการทำธุรกรรม โดยผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสจะเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการขายแต่ละครั้ง ตามหลักแล้ว มาร์เก็ตเพลสนั้นเทียบได้กับตลาดแบบมีหน้าร้าน แต่ว่าอยู่ในระบบดิจิทัล

หนึ่งในมาร์เก็ตเพลสเก่าแก่ก็คือ eBay ซึ่งผู้ขายและธุรกิจแต่ละรายจะวางขายผลิตภัณฑ์ของตนในมาร์เก็ตเพลส ช่วยให้ผู้ซื้อค้นหา เปรียบเทียบราคา และซื้อสินค้าเหล่านี้ได้ โดย eBay จะอํานวยความสะดวกให้กับธุรกรรมเหล่านี้ และรับรองว่าผู้ซื้อและผู้ขายจะได้รับความไว้วางใจและความปลอดภัยในระดับหนึ่ง

แพลตฟอร์ม

ในทางกลับกันแพลตฟอร์มเป็นแนวคิดที่กว้างกว่า และไม่ได้เพียงแค่อํานวยความสะดวกด้านธุรกรรมเท่านั้น เพราะแม้ว่าจะสามารถจัดการธุรกรรมได้ แต่ฟังก์ชั่นหลักของแพลตฟอร์มก็คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานหรือระบบนิเวศที่ช่วยให้มีการโต้ตอบและการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างฝ่ายต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ การโต้ตอบเหล่านี้อาจรวมถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ แต่ก็อาจรวมถึงการแบ่งปันข้อมูล การสร้างและแชร์เนื้อหา หรือการมีส่วนร่วมรูปแบบใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ของตน

ยกตัวอย่างเช่น Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ แชร์โพสต์ กดไลก์และแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของกันและกัน เข้าร่วมกลุ่ม หรือแม้แต่ขายสินค้าผ่าน Facebook Marketplace การมีปฏิสัมพันธ์เหล่านั้นไม่ได้จำกัดแค่การซื้อและขายเท่านั้น ทําให้ Facebook เป็นมากกว่าแค่มาร์เก็ตเพลส

ข้อแตกต่างที่สําคัญ

  • ประเภทของการโต้ตอบ
    ความแตกต่างที่สําคัญที่สุดอยู่ในประเภทของการโต้ตอบที่มาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มอํานวยความสะดวก มาร์เก็ตเพลสเน้นการทําธุรกรรมเป็นหลัก และอํานวยความสะดวกให้กับการซื้อและขาย แต่แพลตฟอร์มช่วยให้มีการโต้ตอบหลากหลายรูปแบบมากกว่า ตั้งแต่ธุรกรรม การแชร์เนื้อหา ไปจนถึงการสร้างเครือข่ายและอื่นๆ

  • การสร้างคุณค่า
    มาร์เก็ตเพลสสร้างคุณค่าด้วยการอํานวยความสะดวกให้กับการทําธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ในทางตรงกันข้าม แพลตฟอร์มสร้างคุณค่าด้วยการเปิดโอกาสให้เกิดการโต้ตอบและการแลกเปลี่ยนคุณค่าระหว่างผู้ใช้ในหลากหลายรูปแบบ

  • โมเดลรายรับ
    มาร์เก็ตเพลสมักจะได้รับรายรับจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือค่าคอมมิชชั่น ส่วนแพลตฟอร์ม แม้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรม (เช่น แอปสโตร์) แต่ก็มักจะมีช่องทางสร้างรายรับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา (เช่น Facebook) ค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการ (เช่น LinkedIn Premium) หรือการซื้อในแอป (เช่น แพลตฟอร์มสําหรับเล่นเกม)

แม้ว่ามาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มจะมีความคล้ายคลึงกันในการอํานวยความสะดวกให้กับการโต้ตอบทางออนไลน์ แต่ว่าแตกต่างกันด้วยฟังก์ชันหลัก ความหลากหลายของรูปแบบการโต้ตอบที่ช่วยอํานวยความสะดวก และวิธีที่ทั้งคู่สร้างและเก็บเกี่ยวคุณค่า เมื่อการค้าผ่านระบบดิจิทัลพัฒนาไปเรื่อยๆ โมเดลเหล่านี้อาจทับซ้อนกันและผสานการทํางานกันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดรูปแบบที่มีการผสมผสานซึ่งรวมเอาแง่มุมที่ดีที่สุดของโมเดลทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน

วิธีเลือกว่าจะสร้างมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์ม

การเลือกว่าจะสร้างมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ เป้าหมายของธุรกิจ อุตสาหกรรม และประเภทคุณค่าที่คุณต้องการ ต่อไปนี้คือคําแนะนําอย่างละเอียดทีละขั้นตอนเพื่อช่วยธุรกิจตัดสินใจ

  • กําหนดโมเดลธุรกิจของคุณ
    ขั้นตอนแรกคือการกําหนดโมเดลธุรกิจอย่างชัดเจน คุณให้ความสำคัญกับอะไรและใครบ้าง หากคุณค่าหลักของคุณอยู่ที่การอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โมเดลมาร์เก็ตเพลสอาจจะเหมาะสมมากกว่า ในทางกลับกัน หากธุรกิจของคุณมีจุดมุ่งหมายที่จะเปิดใช้การโต้ตอบที่หลากหลายไม่ใช่แค่การทำธุรกรรม เช่น การสร้างเนื้อหา การสร้างเครือข่ายทางสังคม หรือการแชร์ข้อมูล โมเดลแพลตฟอร์มอาจจะเหมาะสมกว่า

  • ทําความเข้าใจผู้ใช้เป้าหมาย
    พิจารณาว่าผู้ใช้ของคุณเป็นใครและต้องการอะไร พวกเขากําลังมองหาการโต้ตอบประเภทใด พวกเขาต้องการซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นหลักใช่หรือไม่ หรือต้องการพื้นที่ในการแบ่งปันเนื้อหา เรียนรู้ เชื่อมต่อ หรือทํางานร่วมกัน การทําความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้จะมอบแนวทางให้กับการเลือกระหว่างโมเดลมาร์เก็ตเพลสกับแพลตฟอร์ม

  • วิเคราะห์สถานการณ์การแข่งขัน
    สำรวจธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมของคุณ พวกเขาใช้โมเดลแบบไหน มีช่องว่างในตลาดที่ธุรกิจของคุณสามารถเติมเต็มได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากอุตสาหกรรมของคุณอิ่มตัวไปด้วยมาร์เก็ตเพลส แต่ยังไม่มีแพลตฟอร์มที่นําเสนอฟังก์ชันหลากหลาย การสร้างแพลตฟอร์มอาจช่วยคุณสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจของคุณได้

  • พิจารณาโมเดลรายรับของคุณ
    ปกติแล้วมาร์เก็ตเพลสจะสร้างรายรับโดยการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากธุรกรรม ในขณะที่แพลตฟอร์มอาจมีช่องทางสร้างรายรับที่หลากหลายมากกว่า เช่น โฆษณา การสมัครใช้บริการ หรือบริการพรีเมียม ดังนั้นคุณควรพิจารณาว่าโมเดลรายรับแบบใดสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของคุณมากที่สุด

  • ประเมินทรัพยากรของคุณ
    การสร้างแพลตฟอร์มมักจะซับซ้อนและต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าการสร้างมาร์เก็ตเพลส เนื่องจากมีรูปแบบการโต้ตอบและฟังก์ชันหลากหลาย ดังนั้นควรประเมินทรัพยากรทางเทคนิคและการเงินของคุณและพิจารณาว่าคุณมีความสามารถในการสร้างและจัดการมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มหรือไม่

  • ความสามารถในการขยายธุรกิจและการเติบโต
    แพลตฟอร์มมักจะขยายการดำเนินงานได้เป็นอย่างดีเนื่องจากความเป็นเครือข่าย ซึ่งผู้ใช้แต่ละรายจะเพิ่มคุณค่าผู้ใช้คนอื่นๆ ในเครือข่าย อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มอาจต้องมีผู้ใช้จํานวนมากจึงจะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาร์เก็ตเพลสจะเริ่มสร้างรายรับได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันมากกว่า คุณควรพิจารณากลยุทธ์การเติบโตและโมเดลที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าว

สิ่งสําคัญคือต้องจําไว้ว่าโมเดลเหล่านี้ไม่ได้แยกกันอย่างสิ้นเชิง ธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายรายใช้โมเดลแบบผสมผสาน โดยเริ่มจากมาร์เก็ตเพลสแล้วค่อยๆ เพิ่มฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มเข้าไป หรือเริ่มจากการเป็นแพลตฟอร์ม แล้วค่อยเพิ่มฟีเจอร์ของมาร์เก็ตเพลสเข้ามาทีหลัง ตัวอย่างเช่น Amazon เริ่มต้นจากการเป็นมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ แต่ตอนนี้มีฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มเข้ามาด้วย เช่น Amazon Web Services และ Prime Video

สุดท้ายแล้ว การเลือกระหว่างการสร้างมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มนั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทรัพยากร และคุณค่าที่คุณจะมอบให้กับผู้ใช้ นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสําคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางของธุรกิจ ดังนั้นจึงจําเป็นต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย