ตอนนี้โอกาสของการขยายธุรกิจมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่ไม่ราบรื่นนักดังต่อไปนี้ การระดมทุนในหลายภาคธุรกิจยากกว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องเผชิญกับความท้าทายในการทําสิ่งต่างๆ มากขึ้นโดยใช้เงินทุนน้อยลง แม้ในสถานการณ์ที่ดีที่สุด การขยายธุรกิจสตาร์ทอัพก็ยังเป็นงานที่ซับซ้อน โดยต้องอาศัยองค์ประกอบมากมายและการจัดลำดับความสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างดี
จากการศึกษาของมูลนิธิ Kauffman สตาร์ทอัพเพียง 1 ใน 10 แห่งเท่านั้นที่จะขยายกิจการได้สําเร็จ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสตาร์ทอัพมีตัวเลือกมากมายสําหรับการขยายโอกาสในการบรรลุเป้าหมายด้านการขยายธุรกิจที่ยั่งยืนและประสบความสําเร็จในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรายรับปัจจุบัน และการให้ความสําคัญกับการเติบโตเพื่อสร้างแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการเติบโต
นี่คือสิ่งที่ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพและผู้นําธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับการขยายธุรกิจ ได้แก่ วิธีวางแผนสําหรับการขยายธุรกิจ ความสําคัญของการสร้างธุรกิจเพื่อการเติบโตตั้งแต่วันแรก และวิธีขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ สภาพเศรษฐกิจ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การขยายธุรกิจคืออะไร
- ประเภทของการขยายธุรกิจ
- ขั้นต่างๆ ของธุรกิจสตาร์ทอัพ
- ประเภทของการขยายธุรกิจ
- คุณพร้อมที่จะขยายธุรกิจเมื่อใด
- แง่มุมธุรกิจที่ต้องจับตาดู
- ปัจจัยภายนอก
- แง่มุมธุรกิจที่ต้องจับตาดู
- กลยุทธ์และเคล็ดลับในการขยายตัว
- วางแผนล่วงหน้าและบ่อยครั้ง
- ปลูกฝังความคล่องตัว แม้ในขณะที่คุณเติบโต
- ปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน
- เพิ่มรายรับปัจจุบัน
- ให้ความสำคัญกับด้านที่มีโอกาสเติบโต
- วางแผนล่วงหน้าและบ่อยครั้ง
การขยายธุรกิจคืออะไร
การขยายธุรกิจหมายถึงกระบวนการที่ธุรกิจเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นในแง่ของรายรับ ฐานลูกค้า และจำนวนพนักงาน ธุรกิจสตาร์ทอัพขยายตัวเพื่อเข้าถึงตลาดขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความสามารถในการทํากําไร และสร้างการครองตลาด แม้แนวคิดในการขยายธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นหมายถึงกระบวนการเติบโตในทุกด้านของธุรกิจ แต่การขยายธุรกิจก็มีหลายประเภท ทั้งหมดนี้ต่างก็ใช้กลยุทธ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็มีความเกี่ยวโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ประเภทของการขยายธุรกิจ
- การขยายรายรับ
การเพิ่มรายได้ของธุรกิจด้วยการขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ หรือเพิ่มความถี่ของการขายให้กับลูกค้าเดิม - การขยายลูกค้า
การขยายฐานลูกค้าของธุรกิจด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าหรือตลาดใหม่ๆ ปรับปรุงความพยายามด้านการตลาดและการขาย หรือพัฒนาความร่วมมือและพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ - การเพิ่มจำนวนพนักงาน
การจ้างพนักงานใหม่เพื่อสนับสนุนการขยายกิจการ - การขยายการปฏิบัติงาน
การปรับปรุงการดําเนินงานของธุรกิจให้รับมือกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น เช่น การปรับปรุงซัพพลายเชน ลอจิสติกส์ และการจัดการสินค้าคงคลัง - การปรับขยายโครงสร้างพื้นฐาน
การอัปเกรดเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจ เช่น ความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ แบนด์วิดท์ และพื้นที่จัดเก็บ เพื่อสนับสนุนความต้องการและการเติบโตที่สูงขึ้น
ขั้นต่างๆ ของธุรกิจสตาร์ทอัพ
ธุรกิจสตาร์ทอัพบางแห่งอาจไม่ได้ดําเนินการตามแนวทางเชิงเส้น และหลายๆ แห่งอาจเผชิญกับความท้าทายและตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนหรือออกจากระยะนั้นๆ ไปเลย ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพระยะแรกที่บริษัทอื่นได้ซื้อกิจการจะยังไปไม่ถึงขั้นตอนการขยายกิจการเลย มีคําจํากัดความและพารามิเตอร์มากมายที่ใช้อธิบายขั้นตอนต่างๆ ที่ธุรกิจสตาร์ทอัพจะผ่านในระหว่างการเติบโต ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่สําคัญๆ บางส่วน
การคิดหาไอเดีย
นี่เป็นขั้นแรกที่ผู้ก่อตั้งมีแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ และเริ่มตรวจสอบความถูกต้องของความคิดของตัวเองผ่านการวิจัยตลาดและความคิดเห็นของลูกค้า มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติขั้นต่ํา (MVP) และการทดสอบความสามารถของไอเดียก่อนเริ่มต้น
ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการหาเงินทุนเริ่มต้นและสร้างต้นแบบพื้นฐานของผลิตภัณฑ์หรือบริการ สิ่งที่มุ่งเน้นคือการเสนอแนวคิดและดึงดูดผู้นำไปใช้ในระยะแรกเริ่มระยะจัดหาเงินทุน
ในขั้นตอนนี้ต้องใช้การจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างทีม และขยายการดําเนินงาน สิ่งสําคัญคือการได้ลูกค้าในช่วงแรกเริ่มและการพิสูจน์ประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจระยะแรกเริ่ม
ธุรกิจสตาร์ทอัพในขั้นตอนนี้มักจะต้องอาศัยเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายทีม สร้างผลิตภัณฑ์ และขยายฐานลูกค้า เป้าหมายคือการหาตลาดที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์และสร้างความน่าสนใจในช่วงแรกเริ่มระยะการเติบโต
ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการลงทุนจำนวนมากในการดําเนินงานด้านการขยายธุรกิจ การขยายสายผลิตภัณฑ์ การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และการได้ลูกค้าใหม่ เป้าหมายหลักๆ ได้แก่ การเพิ่มรายรับ ความสามารถในการทํากําไร และการหาส่วนแบ่งตลาดระยะขยายตัว
นี่คือเมื่อธุรกิจสตาร์ทอัพขยายธุรกิจ ซึ่งอาจหมายถึงหลายๆ สิ่ง (ดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง) รวมถึงการเข้าสู่ตลาดใหม่ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเข้าซื้อบริษัทอื่นๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขั้นตอนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มขนาด ประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันระยะโตเต็มที่
ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน ปรับปรุงความสามารถในการทํากําไร และรักษาตําแหน่งในตลาด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยรักษาการเติบโตและความมั่นคงในระยะยาว
คุณพร้อมที่จะขยายธุรกิจเมื่อใด
การขยายธุรกิจสตาร์ทอัพอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องมีการลงทุนอย่างมากทั้งเวลาและเงิน สิ่งแรกที่บ่งชี้ได้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณพร้อมจะขยายขอบเขตการดําเนินงานได้คือเมื่อคุณมีการตรวจสอบที่จับต้องได้เพียงพอที่จะลงทุนทรัพยากรในพื้นที่ของธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่าได้ประโยชน์มากที่สุด ธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ไม่สามารถข้ามหรือเร่งกระบวนการทดสอบและการเรียนรู้ที่สําคัญนี้ได้ ซึ่งต้องมาก่อนการขยายตัว
ธุรกิจสตาร์ทอัพมักรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องขยายธุรกิจเมื่อบริษัทมีการเติบโตด้านรายรับอย่างสม่ําเสมอและยั่งยืน รวมไปถึงมีฐานลูกค้าที่ภักดีและมีจํานวนมาก และพบแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถในการทํากําไร นอกจากนี้ บริษัทควรมีทีมบริหารที่มีประสิทธิภาพและมีประสบการณ์ รวมทั้งทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานที่จําเป็นเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ บริษัทควรมีความเข้าใจอย่างมั่นคงเกี่ยวกับตลาดเป้าหมาย และความสามารถในการเข้าถึงและหาลูกค้าใหม่ๆ ในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แง่มุมธุรกิจที่ต้องจับตาดู
เมื่อทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องขยายธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ รวมทั้งรู้ว่าควรมีลักษณะเป็นอย่างไร จึงต้องทําความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องติดตามและประเมินเพื่อให้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้ดีทั้งในปัจจุบันและที่อาจต้องตรวจสอบในอนาคต ผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะที่คุณนําเสนอ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ แง่มุมที่จะสร้างข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์และนําไปปฏิบัติได้จะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมของคุณ ธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์จากการติดตามตรวจสอบด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้เมื่อต้องสร้างแผนในการขยายธุรกิจ
การเติบโตของรายรับ
การเติบโตของรายรับที่สม่ำเสมอและยั่งยืนคือข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าธุรกิจสตาร์ทอัพพร้อมจะขยายธุรกิจการได้ลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า
อัตราการได้ลูกค้าใหม่ในระดับสูงและอัตราการเลิกใช้บริการของลูกค้าที่ต่ําบ่งชี้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มั่นคงและตอบโจทน์ต่อตลาดเป้าหมายกําไรขั้นต้น
ผลกําไรขั้นต้นที่สูงบ่งชี้ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพมีโมเดลธุรกิจที่สร้างผลกําไรซึ่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจได้ขนาดของตลาด
ขนาดตลาดที่ใหญ่และเติบโตขึ้นบ่งชี้ว่ามีศักยภาพที่ธุรกิจสตาร์ทอัพจะขยายฐานลูกค้าของตนได้ตลาดเหมาะกับผลิตภัณฑ์
ความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ในตลาดบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจสตาร์ทอัพตอบสนองความต้องการของตลาดเป้าหมายและมีอุปสงค์สูงฝ่ายบริหาร
ทีมบริหารที่มีประสบการณ์และมีทักษะที่จําเป็นในการขยายธุรกิจเป็นตัวบ่งชี้หลักที่ธุรกิจสตาร์ทอัพพร้อมจะขยายตัว
ปัจจัยภายนอก
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขยายธุรกิจของคุณต้องมีการตรวจสอบมากกว่าแค่ตัวธุรกิจเอง สตาร์ทอัพควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น การแข่งขัน สภาพแวดล้อมทางกฎหมาย และสภาพทางเศรษฐศาสตร์มหภาค มีปัจจัยใดอีกบ้างที่เป็นตัวกำหนดแนวทางของอุตสาหกรรมในขณะนี้ มีความท้าทายทางเศรษฐกิจหรือวัฒนธรรมใดหรือไม่ที่สามารถขยายการดำเนินการของคุณในช่วงเวลาหนึ่งๆ ในทางกลับกัน ปัจจัยภายนอกใดที่อาจสวนทางกับคุณ เมื่อวางแผนการดําเนินงานหลักในกลยุทธ์การเติบโต อย่าลืมมองไปภายนอกให้รอบด้านและพิจารณาปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิดเท่ากับที่คุณทํากับข้อมูลด้านประสิทธิภาพของตัวเอง
มีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของธุรกิจสตาร์ทอัพในการขยายธุรกิจ ได้แก่
การแข่งขัน
ตลาดที่มีผู้เล่นเยอะที่มีการแข่งขันอย่างหนักอาจทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพหาลูกค้าใหม่และได้รับส่วนแบ่งตลาดได้ยาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการขยายธุรกิจในตลาดที่มีผู้เล่นหนาแน่นนั้นเป็นไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่การแข่งขันเป็นปัจจัยที่มีผลต่อเนื่องที่อาจจะทำให้การดำเนินการขยายธุรกิจออกนอกเส้นทางได้แม้จะวางแผนมาอย่างดีแล้ว นอกจากจะมีการพิจารณาการแข่งขันตั้งแต่แรกเริ่มในแผนการเติบโตของสตาร์ทอัพสภาพแวดล้อมที่มีระเบียบข้อบังคับ
สภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เข้มงวดอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนในการขยายธุรกิจ สตาร์ทอัพควรตระหนักถึงกฎหมายและกฎระเบียบที่เจาะจง เช่น กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและข้อบังคับทางการค้าระหว่างประเทศสภาพเศรษฐกิจ
สภาพโดยรวมทางเศรษฐกิจอาจช่วยยกระดับความพยายามของธุรกิจสตาร์ทอัพในการขยายธุรกิจ หรืออาจขัดขวางความพยายามก็ได้ ตัวอย่างเช่น เศรษฐกิจที่อ่อนแออาจทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพระดมทุนและหาลูกค้าได้ยาก สตาร์ทอัพจำนวนมากจัดทำแผนกลยุทธ์ช่วงเวลาสำคัญและเป้าหมายในอนาคตโดยพิจารณาจากเวลาที่สภาพเศรษฐกิจน่าจะเอื้ออำนวยมากที่สุดการเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถ
การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะในอุตสาหกรรมสตาร์ทอัพอาจทําให้การหาบุคลากรที่มีความสามารถที่จําเป็นต่อการขยายธุรกิจทําได้ยากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
ตําแหน่งที่ตั้งของธุรกิจสตาร์ทอัพอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขยายธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพในพื้นที่ห่างไกลอาจจะมีอุปสรรคมากขึ้นในการเข้าถึงทรัพยากรและความสามารถของบุคลากรในเมืองใหญ่ๆสิทธิ์เข้าถึงแหล่งเงินทุน
การเข้าถึงแหล่งเงินทุนคือปัจจัยสําคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการขยายธุรกิจ เนื่องจากการไม่มีเงินทุนจะจํากัดความสามารถในการลงทุนในการเติบโตและการขยายธุรกิจสภาพแวดล้อมทางสังคมและการเมือง
ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสังคมอาจทําให้คาดการณ์อนาคตของตลาดได้ยาก และยังอาจสร้างความติดขัดต่อการดําเนินธุรกิจ ในทางกลับกัน อาจเป็นไปได้ว่าธุรกิจของคุณอยู่ในจุดที่จะใช้ประโยชน์จากบางแง่มุมของภูมิทัศน์ทางการเมืองสังคมได้ ติดตามข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสภาพทางการเมืองในวงกว้างเพื่อทําความเข้าใจว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับบริบทนั้นอย่างไร รวมถึงวิธีต่างๆ ที่เหตุการณ์และเทรนด์ในปัจจุบันอาจเป็นตัวช่วยหรือเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของคุณ
แน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยภายนอกทั้งหมดที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการขยายธุรกิจสตาร์ทอัพ ปัจจัยอื่นๆ เช่น แนวโน้มเทคโนโลยี สภาพเศรษฐศาสตร์มหภาค และไดนามิกของอุตสาหกรรม ก็สามารถมีบทบาทได้
กลยุทธ์และเคล็ดลับในการขยายธุรกิจ
การขยายธุรกิจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและท้าทาย ดังนั้นจึงไม่มีโซลูชันเดียวที่ตอบโจทย์ทุกคน เส้นทางที่แน่นอนของการขยายธุรกิจและกลยุทธ์ที่คุณจะต้องใช้เพื่อช่วยให้คุณไปถึงจุดที่ต้องการนั้นอิงตามตัวแปรนับไม่ถ้วน ความสามารถในการสังเคราะห์ตัวแปรเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อสร้างแผนการดําเนินงานเป็นทักษะหนึ่งเดียวที่เป็นตัวกำหนดทีมผู้นําที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลยุทธ์และเคล็ดลับบางอย่างที่ธุรกิจสตาร์ทอัพทุกรายสามารถใช้เพื่อปรับตัวเองให้เหมาะสมกับการขยายธุรกิจ ธุรกิจสตาร์ทอัพควรตรวจสอบและปรับกลยุทธ์เมื่อธุรกิจเติบโต และให้ความสําคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างสม่ําเสมอเพื่อไม่ให้ธุรกิจมีความเสี่ยงที่จะเติบโตด้วยวิธีการที่ไม่ยั่งยืน
ต่อไปนี้คือเคล็ดลับเชิงกลยุทธ์ที่ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถใช้เพื่อขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วางแผนล่วงหน้าและบ่อยครั้ง
ตั้งแต่วันแรก คุณจําเป็นต้องสร้างธุรกิจโดยคํานึงถึงการขยายธุรกิจเป็นหลัก นั่นหมายถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการดําเนินงานที่ขยายขอบเขตได้ แม้ว่าคุณจะใช้งานโครงสร้างพื้นฐานและการดําเนินงานเหล่านั้นในเวอร์ชันที่เล็กที่สุดก็ตาม เมื่อโครงสร้างหลักของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติกับธุรกิจ คุณสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรและพลังงานมากขึ้นในการดําเนินการเพื่อการเติบโต แทนที่จะต้องคอยตามให้ทันในด้านการปฏิบัติงาน
สิ่งที่ควรพิจารณาตั้งแต่เนิ่นๆ
ให้ความสําคัญการได้ลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า
มุ่งเน้นทั้งการหาลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิมไว้ เพราะจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของรายรับและช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตสร้างโมเดลธุรกิจที่ปรับขนาดได้
พัฒนาโมเดลธุรกิจที่สามารถจําลองแบบและขยายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอาจรวมถึงโอกาสในการสร้างแฟรนไชส์ การขอใบอนุญาต หรือการจ้างคนนอกสร้างทีมที่มีความแข็งแกร่ง
เมื่อคุณขยายธุรกิจสตาร์ทอัพ คุณควรมีทีมที่มีประสบการณ์ซึ่งพร้อมรับมือกับความซับซ้อนและความรับผิดชอบที่เพิ่มเข้ามาได้ นั่นหมายถึงการวางแผนโครงสร้างองค์กรสําหรับทีมของคุณซึ่งใช้ได้กับทีมแรกที่มี 10 คน แต่สามารถขยายและรองรับทีมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้มุ่งเน้นที่เมตริกหลัก
ระบุและติดตามเมตริกสําคัญ เช่น ต้นทุนการได้ลูกค้าใหม่ มูลค่าตลอดอายุการใช้งาน และอัตราการรักษาลูกค้า เมตริกเหล่านี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกว่าสิ่งใดใช้ได้และสิ่งใดต้องปรับปรุง
สร้างความคล่องตัว แม้ขณะที่คุณเติบโต
เรือที่มีขนาดใหญ่จะต้องใช้เวลาและกำลังมากขึ้นในการเปลี่ยนทิศทาง ในโลกของสตาร์ทอัพ บางครั้งการขยายตัวก็ต้องแลกมาด้วยความคล่องแคล่วว่องไว เมื่อคุณวางแผนการเติบโต การมุ่งเน้นรักษาความสามารถในการปรับตัวอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาด เทคโนโลยี และกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งอาจมีลักษณะดังนี้
- สนับสนุนทีมให้มีอํานาจในการตัดสินใจ และเชื่อมั่นในการตัดสินใจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์โดยรวมของบริษัท
- สร้างขั้นตอนการทํางานที่รับฟังคําติชมจากลูกค้าเป็นประจํา เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์ของลูกค้าได้ผสานรวมเข้ากับการตัดสินใจทางธุรกิจ
- ส่งเสริมความร่วมมือแบบข้ามฝ่ายงานเพื่อทลายกำแพงและอํานวยความสะดวกให้กับการสื่อสารระหว่างทีมต่างๆ
- สร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับโอกาสการเรียนรู้และส่งเสริมให้พนักงานรับความเสี่ยงที่ผ่านการคิดคำนวณมาแล้ว
- ใช้ระเบียบวิธีแบบคล่องตัว เช่น Scrum หรือ Kanban เพื่อให้ทีมสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่องและสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อจําเป็น
- ใช้ลูปคําติชมเป็นประจําเพื่อให้ทุกทีมมีความสอดคล้องกัน และพนักงานมีโอกาสเรียนรู้และเติบโตในบทบาทของตน
- ส่งเสริมให้พนักงานทดลองและคิดค้นนวัตกรรมเป็นแนวทางปฏิบัติมาตรฐาน ไม่ใช่ความเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานของที่ทํางาน
ปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน
การขยายธุรกิจสตาร์ทอัพอาจดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การหาแนวทางจัดการธุรกิจในตําแหน่งที่เป็นมิตรต่อการเติบโตมากที่สุดในตลาดและใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ความสําเร็จหรือความล้มเหลวของการขยายธุรกิจของธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นขึ้นอยู่กับว่าฝั่งปฏิบัติงานมีความเตรียมพร้อมมากน้อยเพียงใด ตั้งแต่วันแรกเริ่มของธุรกิจสตาร์ทอัพ การปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานให้ประโยชน์ที่สำคัญ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นฉนวนป้องกันความเสี่ยงเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น
วิธีปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพมีดังนี้
การใช้ระบบอัตโนมัติ
การใช้ระบบอัตโนมัติกับงานและกระบวนการเดิมซ้ําๆ เช่น การบริการลูกค้า การทำบัญชี และการจัดการสินค้าคงคลังจะช่วยเพิ่มเวลาและทรัพยากรที่สามารถนำไปใช้เพื่อขยายธุรกิจได้จ้างงานคนนอก
การจ้างผู้ให้บริการบุคคลที่สามให้ทำงานหรือกระบวนการบางอย่างสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มทรัพยากรให้สูงสุด ซึ่งอาจรวมถึงงานอย่างเช่น การชําระเงินและบริการทางการเงินอื่นๆ การผลิต ลอจิสติกส์ และการสนับสนุนด้านไอทีการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล
การใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจสามารถช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยมักประกอบด้วยการติดตาม KPI และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบต่างๆโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้
การลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้ เช่น การประมวลผลระบบคลาวด์และบริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) จะช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการสร้างมาตรฐาน
การปรับกระบวนการและขั้นตอนปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานสามารถช่วยลดความซับซ้อนและปรับปรุงประสิทธิผลขององค์กรทุกขนาด ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างขั้นตอนการทํางานมาตรฐาน เทมเพลต และรายการตรวจสอบ การสร้างมาตรฐานจะมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท และแม้กระทั่งแต่ละทีมในบริษัทเดียวกัน แต่สิ่งสําคัญก็คือการตัดสินใจว่าองค์กรของคุณจะสร้างมาตรฐานอย่างไรและการนําไปใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการ
การประเมินและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยระบุและขจัดปัญหาคอขวดและเพิ่มประสิทธิผลได้
เพิ่มประสิทธิภาพรายรับปัจจุบัน
เมื่อคุณคิดจะขยายธุรกิจสตาร์ทอัพ คุณอาจมุ่งความสนใจไปที่โอกาสที่ธุรกิจอยู่นอกขอบข่ายปัจจุบันของธุรกิจ เช่น กระแสรายรับใหม่ๆ และการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่ยังไม่เคยเข้าถึง แต่องค์ประกอบสําคัญของการเติบโตที่ยั่งยืนสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพคือการเพิ่มรายได้จากสินค้า บริการ และลูกค้าปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ตัวอย่างวิธีการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรายรับปัจจุบันมีดังนี้
การแบ่งกลุ่มลูกค้า
คุณอาจจะมีส่วนแบ่งกลุ่มลูกค้าในเวอร์ชันที่ใช้งานได้อยู่แล้ว โดยมักเป็นสิ่งที่ทีมสตาร์ทอัพลงทุนทั้งเวลาและพลังงานในช่วงแรกเริ่มในการสร้างกลยุทธ์การเจาะตลาด แต่ละเลยที่จะอัปเดตเมื่อเวลาผ่านไป นี่เป็นความผิดพลาด การอัปเดตการแบ่งกลุ่มลูกค้าและลักษณะบุคคลที่อิงตามข้อมูลประชากร พฤติกรรมการซื้อ และเกณฑ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณระบุลูกค้าที่มีคุณค่าที่สุด และกําหนดเป้าหมายไปยังลูกค้าเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการปรับค่าบริการให้เหมาะสม
การวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าและสภาวะของตลาดสามารถช่วยในการระบุค่าบริการที่เหมาะสมสําหรับผลิตภัณฑ์และบริการได้กระตุ้นการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องและการขายต่อยอด
การขายต่อยอดคือกระบวนการสนับสนุนให้ลูกค้าปัจจุบันซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาสูงขึ้นหรือมากขึ้น การขายสินค้าที่เกี่ยวข้องคือกระบวนการเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องให้แก่ลูกค้าปัจจุบัน การสร้างเส้นทางของลูกค้าหลากหลายแบบและมัดรวมสินค้าและบริการแบบใหม่ๆ อาจช่วยให้คุณใช้ทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยและมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV) ของลูกค้าเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า
นอกจากจะเน้นการขายต่อยอดและการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มมูลค่าของคําสั่งซื้อแต่ละรายการแล้ว การปรับกลยุทธ์การรักษาลูกค้าอย่างเหมาะเจาะก็เป็นสิ่งสําคัญต่อการเพิ่มรายรับโดยรวมด้วย การนํากลยุทธ์มาใช้เพื่อรักษาลูกค้าให้นานขึ้นและเพิ่มความถี่ในการซื้อจะช่วยเพิ่มรายรับโดยรวมที่ได้รับจากลูกค้าแต่ละรายเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการขาย
การประเมินขั้นตอนการขายและการระบุสิ่งที่ต้องปรับปรุงจะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและเพิ่มรายรับสูงสุดใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่
มองหาหนทางที่จะสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น ข้อมูล ฐานลูกค้า และทรัพย์สินทางปัญญา
ให้ความสำคัญกับด้านที่มีโอกาสเติบโต
ปัจจัยสําคัญในการขยายธุรกิจสตาร์ทอัพคือการระบุและมุ่งเน้นไปที่ส่วนต่างๆ ของธุรกิจที่มีศักยภาพสูงสุดสําหรับการเติบโต วิธีนี้สามารถเปิดช่องทางรายได้ใหม่ๆ และช่วยกระจายฐานลูกค้า ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความสําคัญต่อธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่ง นั่นหมายถึงการพิจารณาความเป็นไปได้และค่าใช้จ่ายและประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่หลากหลาย หรือการมองหาโอกาสในการขยายเข้าสู่ตลาดหรือกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้แล้ว การลงทุนในด้านการเติบโตยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดอีกด้วย
ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถกําหนดขอบเขตการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ได้โดยใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย
ทําการวิจัยตลาด
การวิจัยตลาดเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมามากที่สุดในการระบุโอกาสและแนวโน้มใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมของคุณ ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์คู่แข่ง การพิจารณาความคิดเห็นและความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการศึกษารายงานและข้อมูลของอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถช่วยระบุพื้นที่ในตลาดซึ่งมีความต้องการสูงและมีศักยภาพในการเติบโตพูดคุยกับลูกค้า
นอกจากคุณจะควรสร้างกระบวนการที่นำความคิดเห็นจากลูกค้ามาพิจารณาขณะเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์แล้ว คุณควรนําความคิดเห็นเดียวกันนี้มาใช้สร้างข้อมูลเชิงลึกที่บอกทิศทางการเติบโตด้วย การพูดคุยกับลูกค้าปัจจุบันจะช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการและจุดที่เป็นปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้คุณปรับปรุงข้อเสนอในปัจจุบัน รวมถึงระบุจุดที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้ การทราบว่าลูกค้าคิดว่าคุณทําอะไรได้ดีที่สุดและคุณยังขาดอะไร เป็นข้อมูลที่มีคุณค่ามากตรวจสอบข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า
การวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า ยอดขาย และเมตริกสําคัญอื่นๆ สามารถช่วยระบุด้านต่างๆ ของธุรกิจที่ทําได้ดี และดูว่ามีโอกาสที่จะเติบโตที่ไหนบ้าง ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ของตน โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เพื่อทําความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและจําแนกรูปแบบต่างๆ ที่บ่งชี้โอกาสใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้สํารวจการเป็นพาร์ทเนอร์
การสร้างความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ สถาบันการวิจัย หรือศูนย์บ่มเพาะนั้นเปิดโอกาสให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณมีโอกาสใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบและสํารวจผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ แน่นอนว่ากุญแจสําคัญคือการหาความร่วมมือที่มอบมูลค่าสูงสุด เมื่อพบพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์สามารถสร้างผลตอบแทนที่มีนัยสําคัญได้ทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ
เทคโนโลยีต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ บล็อกเชน และ Internet of Things (IoT) สามารถมอบโอกาสใหม่ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ และช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพก้าวนําหน้าคู่แข่งเมื่อบริษัทเติบโตได้ การลงทุนกับเทคโนโลยีอย่างการเงินแบบผสานรวม การประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ และการทํางานอัตโนมัติสามารถช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทำการวิเคราะห์ SWOT
การวิเคราะห์ SWOT (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม) สามารถช่วยระบุจุดแข็งและจุดอ่อนภายใน รวมถึงโอกาสภายนอกและภัยคุกคามที่อาจส่งผลต่อการเติบโตได้ แบบฝึกหัดนี้นําเสนอข้อมูลเชิงลึกและให้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ขณะที่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่ประเมินด้านที่มีโอกาสเติบโตได้จัดลําดับความสําคัญตามทรัพยากร
การสํารวจความสําคัญด้านการเติบโตไม่ควรถามแค่ว่า "อะไรที่เป็นไปได้บ้าง" แต่ยังต้องถามว่า "คุณมีอะไรให้ใช้ได้มากที่สุดเมื่อดูจากทรัพยากรในปัจจุบัน" แม้ว่าคุณจะควรสร้างแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่มีเป้าหมายเกินความสามารถและแบนด์วิดท์ในปัจจุบันของธุรกิจสตาร์ทอัพ แต่คุณควรให้ความสําคัญกับการเติบโตในทุกด้านที่เป็นไปได้โดยพิจารณาจากทรัพยากรที่มีอยู่ พร้อมทั้งมุ่งเน้นในด้านที่สามารถขยายได้ด้วยทรัพยากรเหล่านี้จัดลําดับความสําคัญตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากจะจัดความสําคัญในการเติบโตตามความเป็นไปได้ในระยะใกล้แล้ว ยังเป็นประโยชน์ที่จะต้องให้ความสําคัญกับผลลัพธ์ที่คาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตในระยะใกล้ด้วย ตัวเลือกใดมีโอกาสสูงสุดที่จะเพิ่มรายรับและการเติบโตสอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัท
การจัดลําดับความสําคัญของการเติบโตในขอบเขตที่สอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทจะส่งผลดีต่อเป้าหมายในระยะยาวของบริษัทมากที่สุด
การจะวางแผนเพื่อการเติบโตที่มีกลยุทธ์และการจัดความสำคัญให้เต็มขอบเขตนั้น คุณจะต้องสังเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด มีตลาด การขยายผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือการเป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ที่จะช่วยให้คุณสร้างผลลัพธ์ที่สําคัญได้หรือไม่ โอกาสใหม่เหล่านี้สอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์โดยรวมของบริษัทคุณหรือไม่ คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าในโครงการเหล่านี้โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้หรือไม่ ไอเดียใดๆ ที่ตรงกับทุกข้อเหล่านี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อให้ความสําคัญกับความพยายามในการหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้าในปัจจุบัน และใส่ใจกับความมีประสิทธิผลในการปฏิบัติงานในทุกๆ ด้านแล้ว คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจในระยะยาว
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ