ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน และเพิ่มรายรับอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับการขยายธุรกิจได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่องค์ประกอบหลักประการหนึ่งของการชำระเงินออนไลน์ นั่นก็คือ การเพิ่มการเสร็จสมบูรณ์ของการชำระเงิน คุณสามารถดําเนินการต่างๆ ที่มีผลกระทบสูง 6 อย่างเพื่อลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงินและเพิ่มธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์

1. ตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเครดิตแบบเรียลไทม์

การปฏิเสธการชำระเงินด้วยบตรอาจทำให้ลูกค้าหงุดหงิดและส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ ดังนั้น การตรวจสอบรายละเอียดบัตรแบบเรียลไทม์จึงมีความสำคัญ หากลูกค้าระบุรายละเอียดที่ไม่ถูกต้อง เช่น รหัสยืนยันบัตร (CVC) รหัสไปรษณีย์ หรือที่อยู่สําหรับการเรียกเก็บเงิน ลูกค้าควรทราบถึงข้อผิดพลาดดังกล่าวโดยทันที แทนที่จะทราบหลังคลิกปุ่มชําระเงิน รายละเอียดเหล่านี้อาจดูเล็กน้อย แต่ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีปริมาณธุรกรรมสูง

2. รองรับวิธีการชําระเงินทั่วโลก

การเพิ่มรายรับสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพเริ่มต้นจากการเข้าใจว่าลูกค้าอาจมาจากทุกที่ในโลก และพวกเขาอาจมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงสำหรับวิธีการชำระเงินของตน เพื่อให้ได้เงินจากฐานลูกค้าแบบไร้พรมแดน สิ่งสําคัญคือต้องเสนอวิธีการชําระเงินที่นิยมใช้กันมากที่สุดในประเทศที่คุณดําเนินธุรกิจ วิธีการชําระเงินที่ใช้กันทั่วไปมี 5 ประเภท ได้แก่ บัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Alipay, WeChat Pay หรือ Apple Pay) การหักบัญชีและการโอนเงินผ่านธนาคาร เงินสด และ ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง แม้ว่าบัตรเครดิตจะได้รับความนิยมในบางส่วนของโลก แต่ช่องทางการชำระเงินเหล่านี้กลับได้รับความนิยมในที่อื่นๆ ตัวอย่างเช่น 59% ของผู้บริโภคในเนเธอร์แลนด์ซื้อของออนไลน์โดยใช้ iDEAL ซึ่งเป็นวิธีชำระเงินด้วยการโอนเงินผ่านธนาคารในท้องถิ่น

3. ต้องการข้อมูลล่วงหน้าที่น้อยลง

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถส่งเสริมความไว้วางใจและความปลอดภัยของผู้ซื้อได้ในระหว่างขั้นตอนการสร้างบัญชีก่อนชำระเงิน ตัวอย่างเช่น ให้ลูกค้าชําระเงินในฐานะผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบบัญชี ซึ่งจะช่วยลดจํานวนข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณเก็บรวบรวมได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีสําหรับบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน หากคุณกําหนดให้ลูกค้าต้องเข้าสู่ระบบเพื่อทําการซื้อให้เสร็จสมบูรณ์ ให้รองรับตัวเลือกการเข้าสู่ระบบ OAuth ที่ได้รับความนิยม เช่น Facebook หรือ Google ซึ่งสามารถซิงค์ข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องป้อนรายละเอียดเข้าสู่ระบบอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดจํานวนข้อมูลที่เว็บไซต์ของคุณต้องจัดเก็บโดยตรงและเร่งกระบวนการชําระเงินให้เสร็จ

4. เปิดใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติ

การชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นประกอบด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเล็กๆ น้อยๆ หลายสิบรายการที่ดำเนินการอย่างราบรื่น การกรอกอัตโนมัติช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้อย่างง่ายดายโดยที่รายละเอียดการชำระเงินได้รับการรักษาความปลอดภัยและบันทึกไว้ในเบราว์เซอร์แล้ว อีกทั้งยังสามารถบันทึกข้อมูลการชําระเงินเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังได้ เพื่อให้ชําระเงินได้ภายในคลิกเดียว ตามงานวิจัยจาก Baymard ธุรกิจหนึ่งในห้าแห่งไม่ได้ตั้งค่าการกรอกอัตโนมัติไว้อย่างถูกต้อง และผู้ซื้อหนึ่งในห้ารายละทิ้งรถเข็นของตนเพราะ “ขั้นตอนชำระเงินที่ยาวเกินไปและซับซ้อนเกินไป” การป้อนข้อมูลอัตโนมัติเป็นวิธีสําคัญในการทําให้กระบวนการชำระเงินง่ายขึ้น และเพิ่มรายได้และอัตราการเป็นลูกค้าหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

5. แปลรายละเอียดช่องการชำระเงิน

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้คำศัพท์ที่ผู้ใช้ของคุณคุ้นเคยและคาดว่าจะพบในตลาดแต่ละแห่งที่คุณขาย สิ่งสำคัญๆ เช่น การแสดงสกุลเงินท้องถิ่นแบบไดนามิกและการแปลภาษาการชำระเงินจะช่วยปรับปรุงอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การทำเครื่องหมายช่องเป็น "zip code" ในสหรัฐอเมริกาและ "postcode" ในสหราชอาณาจักรก็มีความสำคัญเช่นกัน การปรับรายละเอียดให้เหมาะสมจะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคุณเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่น่าเชื่อถือ

6. เพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการชําระเงินให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่

ตามการวิจัยที่ดําเนินการโดย Stripe และ Edgar, Dunn & Company ซึ่งเป็นเว็บไซต์การค้า 1,000 อันดับสูงสุดทั่วโลก มีข้อผิดพลาดมากกว่า 90% ในขั้นตอนการชําระเงิน 5 จุดขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ไม่รองรับการป้อนข้อมูลอัตโนมัติหรือไม่ได้แสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขเพื่อป้อนหมายเลขบัตรเครดิตบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ให้ความสําคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้โดยการปรับปรุงการโต้ตอบให้ง่ายขึ้น แสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขในเวลาที่ถูกต้อง แทนที่จะบังคับให้ลูกค้าใช้แป้นพิมพ์ตัวเลขค่าเริ่มต้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบบฟอร์มของคุณปรับขนาดเป็นหน้าจอที่เล็กลงโดยอัตโนมัติ จากนั้นเพิ่มการเว้นระยะให้กับหมายเลขบัตร โดยจะแสดงเป็นบล็อกเลข 4 ถึง 6 หลักเพื่อการป้อนข้อมูลที่ง่ายขึ้น ธุรกิจหลายรายพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การชําระเงินให้กับลูกค้า ซึ่งอาจนําไปสู่ทั้งผู้ใช้ที่พิมพ์ผิดและที่รู้สึกไม่พอใจ การทำให้รายละเอียดเช่นนี้ถูกต้อสามารถส่งผลอย่างมากต่อการเพิ่มอัตราการแปลงของบริษัทสตาร์ทอัพของคุณ

การทำตาม 6 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้ที่ชำระเงินที่ระบุไว้ข้างต้น จะทำให้คุณสามารถมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณได้ และส่งผลให้รายได้และอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้ที่ชำระเงินของบริษัทสตาร์ทอัพของคุณเพิ่มขึ้นด้วย

การดําเนินการทั้ง 6 ข้อนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้ที่ชำระเงินของบริษัทสตาร์ทอัพให้สูงสุดทันที โดยช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงินและเพิ่มอัตราธุรกรรมที่ดําเนินการสําเร็จ หากต้องการเร่งผลกระทบของคุณ โปรดลงทะเบียนบัญชี หรือติดต่อทีมขายของเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม