กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดคืออะไร คู่มือฉบับย่อเกี่ยวกับกลยุทธ์ GTM สําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด (GTM) คืออะไร
  3. ทําไมกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดจึงสําคัญต่อธุรกิจ
  4. กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเทียบกับกลยุทธ์การตลาด: ความแตกต่างและความคล้าย
    1. กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด
    2. กลยุทธ์การตลาด
    3. ความแตกต่าง
    4. ความคล้ายคลึง
    5. การผสานรวม
  5. วิธีสร้างกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด
  6. Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร
    1. การสมัครใช้งาน Atlas
    2. การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ
    3. การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด
    4. การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ
    5. เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก
    6. Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด (GTM) คือแผนการแบบครอบคลุมที่ธุรกิจใช้ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการเข้าสู่ตลาด กลยุทธ์นี้จะระบุขั้นตอนที่ธุรกิจจะดําเนินการเพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ปกติแล้วจะกลยุทธ์จะประกอบด้วยการวิจัยตลาด การระบุฐานลูกค้าเป้าหมายอย่างชัดเจน ยอดขาย และแผนการตลาด ตลอดจนข้อควรพิจารณาสําหรับการตั้งราคาผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่าย

ช่วงเวลา GTM สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในการพัฒนาของธุรกิจ เมื่อสตาร์ทอัพเปิดตัวธุรกิจ แนวโน้มว่าบริษัทจะมีกลยุทธ์ GTM ในการจัดการการดําเนินงานทั้งหมด แต่เมื่อธุรกิจเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่หรือขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ธุรกิจน่าจะใช้กลยุทธ์ GTM ใหม่ ด้านล่าง เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์ GTM สิ่งที่มักจะรวมอยู่ในกลยุทธ์ ทําไมถึงมีความสําคัญกับธุรกิจ และวิธีเขียนกลยุทธ์ดังกล่าว

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด (GTM) คืออะไร
  • ทําไมกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดจึงสําคัญต่อธุรกิจ
  • กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเทียบกับกลยุทธ์การตลาด: ความแตกต่างและความคล้าย
  • วิธีสร้างกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด (GTM) คืออะไร

การพัฒนากลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดให้ประสบความสําเร็จเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ตลาดอย่างลงลึกเพื่อทําความเข้าใจความชอบและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ธุรกิจต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตนนําเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น

กลยุทธ์ควรกําหนดคุณค่าที่นําเสนอของผลิตภัณฑ์หรือบริการด้วย เพื่ออธิบายเหตุผลที่ลูกค้าควรเลือกสิ่งเหล่านี้แทนที่จะเลือกข้อเสนอของคู่แข่ง รายงานประจําปี 2023 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 37% อธิบายวัฒนธรรมของบริษัทว่ามุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เป็นอย่างแรก ในขณะที่เกือบ 26% กล่าวว่ามุ่งเน้นยอดขายเป็นอันดับแรก ซึ่งบ่งชี้ถึงการเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหนือกว่ายอดขายในหลายๆ องค์กร

Planning stages of go-to-market strategy for startups - The five planning stages of any go-to-market strategy and what each stage requires

กลยุทธ์ GTM ที่สําเร็จต้องมีองค์ประกอบหลายรายการที่ไปด้วยกันได้ ซึ่งปกติแล้วจะประกอบด้วย:

  • การวิเคราะห์ตลาด: ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับตลาด รวมถึงขนาด ศักยภาพในการเติบโต แนวโน้ม และการวิเคราะห์ลูกค้า

  • คํานิยามลูกค้าเป้าหมาย: โปรไฟล์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับลูกค้าในอุดมคติ ความท้าทาย และพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า

  • คุณค่าที่นำเสนอ: ข้อความที่น่าสนใจซึ่งระบุประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการสําหรับลูกค้า

  • การวิเคราะห์การแข่งขัน: การตรวจสอบคู่แข่งและสิ่งที่พวกเขานำเสนอ จุดแข็ง และจุดอ่อนของคู่แข่ง

  • การกําหนดจุดยืนของผลิตภัณฑ์: ผลิตภัณฑ์มีบทบาทอย่างไรในตลาดและโดดเด่นกว่าผลิตภัณฑ์อื่นอย่างไร

  • กลยุทธ์การขาย: ผลิตภัณฑ์จะจัดจําหน่ายผ่านช่องทางใดและวิธีการใช้ช่องทางดังกล่าว รวมถึงเป้าหมายการขายและโครงสร้างทีม

  • แผนการตลาดและโปรโมชัน: แคมเปญและกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสนใจและลูกค้าเป้าหมายสําหรับผลิตภัณฑ์

  • กลยุทธ์ค่าบริการ: วิธีคิดราคา การพิจารณาค่าใช้จ่าย เงื่อนไขตลาด และค่าบริการของคู่แข่ง

  • แผนการจัดจำหน่าย: ลอจิสติกส์ของการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า รวมถึงพาร์ทเนอร์ช่องทางและจุดจัดจำหน่าย

  • การสนับสนุนและบริการลูกค้า: กลยุทธ์ในการให้บริการและการสนับสนุนแก่ลูกค้าหลังการซื้อ

  • เมตริกและ KPI: ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักเพื่อวัดประสิทธิภาพของโครงการริเริ่มเข้าสู่ตลาด

  • งบประมาณ: แผนการเงินที่จัดสรรทรัพยากรให้กับองค์ประกอบแต่ละส่วนของกลยุทธ์

  • ลําดับเวลา: กําหนดการที่แจกแจงกําหนดการว่าจะนำแต่ละองค์ประกอบของกลยุทธ์ไปใช้เมื่อใด

  • การประเมินความเสี่ยง: การระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและแผนสําหรับบรรเทาความเสี่ยง

  • วงจรคําติชม: กลไกการรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าและนําไปรวมไว้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์

ทําไมกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดจึงสําคัญต่อธุรกิจ

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเป็นแผนการดําเนินงานที่ระบุวิธีที่บริษัทจะเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายและแนะนําผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยเป็นแนวทางให้ธุรกิจตั้งแต่การจัดทำแนวคิดผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการเข้าสู่ตลาดและหลังจากนั้น โดยส่งผลต่อวิธีการที่บริษัทจะอยู่ในตลาดนับแต่นั้น

แผนนี้ทําให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจจะพิจารณาอย่างรอบคอบและดําเนินการทุกแง่มุมของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ

มาดูกันว่าทําไมกลยุทธ์เหล่านี้จึงมีความสําคัญ

  • การจัดตําแหน่งให้สอดคล้องกับตลาด: กลยุทธ์ GTM ทําให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการยอมรับของกลุ่มเป้าหมาย

  • การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากร: เมื่อใช้แผนที่ชัดเจน ธุรกิจจะสามารถจัดสรรทรัพยากรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากนั้นธุรกิจจะสามารถใช้เวลา เงิน และบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น

  • การลดความเสี่ยง: กลยุทธ์ที่ละเอียดถี่ถ้วนช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการนําผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด

  • การสื่อสารอย่างมุ่งเน้น: กลยุทธ์ GTM สร้างข้อความที่ชัดเจนและสอดคล้องกันเกี่ยวกับคุณค่าที่นำเสนอ ซึ่งเป็นกุญแจสําคัญในการกําหนดความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ในตลาด

  • การสนับสนุนการขาย: กลยุทธ์ที่กําหนดมาเป็นอย่างดีจะช่วยให้ทีมขายมีแผนที่ชัดเจนและเครื่องมือในการขายผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การประสานงานด้านการตลาด: กลยุทธ์ GTM จะประสานงานด้านการตลาดที่หลากหลายเพื่อสร้างแคมเปญที่มีความสอดคล้องซึ่งตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

  • ประสบการณ์ของลูกค้า: ธุรกิจจะสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นได้เมื่อพิจารณาเส้นทางของลูกค้าจากจุดเริ่มต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า

  • การเร่งการเติบโตของรายรับ: การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการในตลาดอย่างมีกลยุทธ์สามารถเร่งการนำไปใช้งานและเพิ่มการสร้างรายรับ

  • การสร้างแบรนด์: การเปิดตัวผลิตภัณฑ์โดยมีกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดที่ชัดเจนสามารถสร้างหรือปรับปรุงแบรนด์ธุรกิจต่อลูกค้าได้

  • การเรียนรู้เชิงกลยุทธ์: การสร้างกลยุทธ์จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับตลาด คู่แข่ง และลูกค้า ซึ่งธุรกิจสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้

  • การได้รับส่วนแบ่งตลาด: กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจได้รับส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวดเร็วโดยการเอาชนะคู่แข่งและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้

  • ความคิดเห็นและการปรับตัว: กลยุทธ์ GTM มีกลไกสําหรับรวบรวมคําติชมจากลูกค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจปรับแนวทางและสิ่งที่นำเสนอเพื่อตอบสนองต่อคำติชมเหล่านั้นได้

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเทียบกับกลยุทธ์การตลาด: ความแตกต่างและความคล้าย

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดและกลยุทธ์การตลาดเป็นแนวคิดสําคัญ 2 อย่างในการวางแผนธุรกิจ แม้ว่าฟังก์ชันของทั้งสองจะทับซ้อนกัน แต่แต่ละกลยุทธ์ก็มีบทบาทที่แตกต่างกันในวงจรผลิตภัณฑ์หรือบริการ

กลยุทธ์ GTM จะอธิบายถึงกระบวนการเต็มรูปแบบในการนําผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดและเข้าสู่มือของลูกค้า แต่กลยุทธ์การตลาดจะเน้นไปที่การรับรู้และสื่อสารผลิตภัณฑ์ในมาร์เก็ตเพลสโดยเฉพาะ ทั้งสองสิ่งนี้ส่งผลต่อความสําเร็จของผลิตภัณฑ์ และธุรกิจต้องพัฒนากลยุทธ์ดังกล่าวด้วยความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายโดยรวม

ต่อไปนี้คือภาพรวมเกี่ยวกับกลยุทธ์แต่ละอย่าง

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด

กลยุทธ์ GTM เป็นแผนการดําเนินการที่กําหนดว่าธุรกิจจะเจาะกลุ่มลูกค้าอย่างไรและบรรลุข้อได้เปรียบทางการแข่งขันสําหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ได้อย่างไร เป็นแนวทางแบบองค์รวมที่ประกอบด้วยการตลาด และครอบคลุมการขาย การจัดจําหน่าย การตั้งราคา และการบริการลูกค้า กลยุทธ์ GTM จะเน้นที่การแนะนําผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาด เป็นเรื่องเกี่ยวกับว่าจะเปิดตัว ส่งมอบ และขายผลิตภัณฑ์ "ที่ไหน" และ "อย่างไร" โดยจะมีความครอบคลุม และประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้

  • การระบุลูกค้าเป้าหมาย
  • การวิเคราะห์ตลาด
  • การเสนอคุณค่า
  • ช่องทางและกลยุทธ์การขาย
  • ค่าบริการและบรรจุภัณฑ์
  • โมเดลการจัดจําหน่าย
  • โครงสร้างการสนับสนุนลูกค้า
  • ลําดับเวลาเปิดตัวและเป้าหมายระหว่างทาง

กลยุทธ์การตลาด

กลยุทธ์การตลาดเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ GTM โดยเน้นไปที่การสร้างอุปสงค์สําหรับผลิตภัณฑ์ผ่านการสร้างแบรนด์และการสื่อสาร เน้นเรื่องเกี่ยวกับ "ใคร" และ "ทําไม" ในการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า กลยุทธ์นี้มักจะดําเนินการอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไปตลอดชีวิตของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยสิ่งตต่อไปนี้

  • การกําหนดจุดยืนในตลาดและการสื่อสาร
  • แคมเปญและการส่งเสริมการขาย
  • กลยุทธ์การตลาดเนื้อหา
  • การวางแผนและการซื้อสื่อ
  • กลยุทธ์ด้านโซเชียลมีเดีย
  • การมีส่วนร่วมและการรักษาลูกค้า
  • การพัฒนาแบรนด์

ความแตกต่าง

ความแตกต่างหลักๆ ระหว่างสองกลยุทธ์เหล่านี้อยู่ที่ขอบเขต กลยุทธ์ GTM จะครอบคลุมกลุ่มกิจกรรมธุรกิจกว้างๆ และโดยปกติแล้วจะเป็นแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือการเข้าสู่ตลาดใหม่ กลยุทธ์การตลาดจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเน้นไปที่การสร้างและรักษาอุปสงค์สําหรับผลิตภัณฑ์

ความคล้ายคลึง

ทั้งสองกลยุทธ์ต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดและลูกค้าเป้าหมาย โดยจะต้องสอดคล้องกันและทํางานควบคู่กันเพื่อให้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประสบความสําเร็จ แต่ละกลยุทธ์ใช้การวิจัยตลาดและการวิเคราะห์การแข่งขันเพื่อนำไปหาแนวทาง และทั้งสองมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มผลกําไรและส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจ

การผสานรวม

โดยทั่วไปแล้ว กลยุทธ์ GTM จะรวมกลยุทธ์การตลาดเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ กลยุทธ์การตลาดจะสอดคล้องกับแนวทางของ GTM โดยรวม ทําให้มั่นใจว่าการสื่อสารและการสร้างแบรนด์จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายที่กว้างขึ้นของแผน GTM เช่น ประสบการณ์ของลูกค้าที่ต้องการ และเป้าหมายการขาย

วิธีสร้างกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด

การสร้างกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดต้องใช้แนวทางที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โดยรวมของธุรกิจ การจะทำให้ออกมาดีอาจเป็นเรื่องท้าทาย

ในการสร้างกลยุทธ์ GTM ที่แข็งแกร่ง ธุรกิจต้องเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง กําหนดจุดยืนของผลิตภัณฑ์ได้เหมาะเจาะ และดําเนินการอย่างแม่นยํา นี่คือเทคนิคที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายนี้

  • การวิจัยและการแบ่งกลุ่มตลาด: ทําการวิจัยตลาดอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือและระเบียบวิธีขั้นสูง ใช้การวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการระบุแนวโน้มและรูปแบบ แบ่งกลุ่มตลาดตามข้อมูลประชากร พฤติกรรม จิตวิทยา และความพร้อมในการซื้อ

  • การทำโปรไฟล์ลูกค้าเป้าหมาย: สร้างโปรไฟล์ของลูกค้าในอุดมคติให้มีรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้การทำเหมืองข้อมูลเพื่อทําความเข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความท้าทายต่างๆ ให้นักวิจัยประสบการณ์ผู้ใช้เข้ามาตรวจสอบสมมติฐานเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าผ่านการวิจัยผู้ใช้

  • การวิเคราะห์การแข่งขัน: ใช้วิธีการแบบหลายระดับเพื่อวิเคราะห์คู่แข่ง ประเมินผลิตภัณฑ์ที่คู่แข่งนําเสนอ กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด และความคิดเห็นของลูกค้าจากหลายๆ ช่องทาง นําทฤษฎีเกมมาใช้เพื่อเตรียมรับการเดินหมากของคู่แข่งและวางแผนกลยุทธ์ตอบโต้

  • การนำเสนอคุณค่าและการสื่อสาร: พัฒนาการนำเสนอคุณค่าที่เน้นผลลัพธ์ที่ลูกค้าต้องการ ใช้การทดสอบ A/B และกลุ่มโฟกัสเพื่อปรับแต่งการสื่อสาร จัดทำข้อความที่โดนใจในระดับเหตุผลและอารมณ์ และทดสอบผ่านเทคนิคการตลาดเชิงประสาทวิทยา

  • การพัฒนากลยุทธ์การขาย: ออกแบบกระบวนการขายที่ผสานกับการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และระบบสร้างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการด้านการขายใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล พัฒนาแนวทางการขายแบบหลายช่องทางที่พิจารณาการขายทั้งทางตรงและทางอ้อม แพลตฟอร์มการขายดิจิทัล และระบบอัตโนมัติ

  • กลยุทธ์ค่าบริการ: ใช้โมเดลค่าบริการขั้นสูงที่มีการประมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจและค่าบริการตามภาพลักษณ์ คุณอาจพิจารณาใช้กลยุทธ์ค่าบริการแบบไดนามิกหากเป็นไปได้ โดยปรับตามอุปสงค์ของตลาด กลุ่มลูกค้า และบริบทการซื้อ

  • การจัดจําหน่ายและการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ: วางแผนสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความรวดเร็ว ค่าใช้จ่าย และความครอบคลุม นํากลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์มาใช้การวิเคราะห์แบบคาดการณ์เพื่อจัดการสินค้าคงคลังและการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ

  • แผนการตลาด: สร้างแผนการตลาดแบบหลายช่องทางที่ครอบคลุมซึ่งผสานรวมช่องทางดิจิทัลและแบบดั้งเดิม ใช้โมเดลการระบุที่มาที่ชาญฉลาดเพื่อทําความเข้าใจถึงผลกระทบของแต่ละช่องทางในการหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า

  • แผนการเปิดตัวและลําดับเวลา: ออกแบบแผนการเปิดตัวแบบเป็นระยะที่เว้นเวลาให้ทําการทดสอบและเปลี่ยนแปลงได้ พิจารณาเปิดตัวด้วยโปรแกรมนําร่องหรือการทดสอบเบต้า สร้างลําดับเวลาที่มีเป้าหมายระหว่างทางเพื่อวัดความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมาย

  • บริการลูกค้าและการสนับสนุน: พัฒนาพิมพ์เขียวบริการลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยี เช่น แชทบอท AI และการปรับแต่งเฉพาะบุคคล เพื่อมอบบริการที่ยอดเยี่ยม สร้างวงจรคำติชมที่จะทําให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อนำกลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด

  • KPI และเมตริกความสําเร็จ: กําหนดเมตริกขั้นสูงที่เกินกว่า KPI ปกติเพื่อรวมมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า คะแนนผู้โปรโมทสุทธิ และอัตราการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้า ใช้การวิเคราะห์แบบคาดการณ์เพื่อกําหนดค่าเปรียบเทียบและผลลัพธ์การคาดการณ์

  • การประเมินความเสี่ยง: ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียดโดยพิจารณาความเสี่ยงตลาด การดําเนินงาน การเงิน และการปฏิบัติตามแผน พัฒนาแผนรับเหตุวิกฤตที่ปฏิบัติได้จริงและสื่อสารกันอย่างชัดเจนทั่วทั้งองค์กร

  • การตรวจสอบทางกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: ดูแลให้ทุกด้านของกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเป็นไปตามกฎหมายของท้องถิ่นและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล ขอให้ทีมกฎหมายของคุณตรวจสอบสัญญา ข้อตกลงการออกใบอนุญาต และข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมด

  • การพัฒนาซ้ํา: ใช้แนวทางที่คล่องตัวในการพัฒนากลยุทธ์ โดยปรับตัวอย่างรวดเร็วตามความคิดเห็นของตลาดและสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งเสริมให้ทีมที่ปฏิบัติงานข้ามฝ่ายทํางานด้วยความรวดเร็วเพื่อนําแง่มุมต่างๆ ของกลยุทธ์ไปปรับใช้ เพื่อสร้างเสริมการทํางานร่วมกันและการปรับตัว

  • การร่วมเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์: หาพาร์ทเนอร์เพื่อขยายความพยายามในการเข้าสู่ตลาดและรักษาการทำงานร่วมกันไว้ ซึ่งอาจรวมถึงพาร์ทเนอร์ช่องทาง อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้เชื่อมต่อระบบเทคโนโลยี จัดโครงสร้างข้อตกลงความร่วมมือให้รวมเมตริกประสิทธิภาพและวัตถุประสงค์ร่วมกันไว้ด้วย

ธุรกิจจะนําผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ มานำเสนอต่อกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้มีส่วนร่วมกับธุรกิจมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร กลยุทธ์ GTM เป็นแผนการที่กระชับซึ่งสรุปบทบาททั้งหมดของทีมการตลาดในช่วงการเปิดตัวครั้งเดียว

Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร

Stripe Atlas สร้างรากฐานด้านกฎหมายของบริษัทเพื่อให้คุณสามารถระดมทุน เปิดบัญชีธนาคาร และรับชำระเงินได้ภายใน 2 วันทำการจากทุกที่ทั่วโลก

เข้าร่วมกับบริษัทกว่า 75,000 แห่งที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้ Atlas ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Y Combinator, a16z และ General Catalyst

การสมัครใช้งาน Atlas

การสมัครเพื่อจัดตั้งบริษัทกับ Atlas ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณจะเลือกโครงสร้างบริษัทของคุณ จากนั้นจะยืนยันได้ทันทีว่าชื่อบริษัทของคุณใช้งานได้หรือไม่ และเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน นอกจากนี้ คุณยังตัดสินใจได้ว่าจะแบ่งหุ้นอย่างไร สำรองหุ้นบางส่วนไว้สำหรับนักลงทุนและพนักงานในอนาคต แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และลงนามเอกสารทั้งหมดแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นผู้ร่วมก่อตั้งจะได้รับอีเมลเชิญให้ลงนามในเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน

การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ

หลังจากจัดตั้งบริษัทแล้ว Atlas จะยื่นเอกสาร EIN ให้คุณ ผู้ก่อตั้งที่มีหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจะมีสิทธิ์รับการประมวลผลแบบเร่งด่วนของ IRS ขณะที่ผู้ก่อตั้งรายอื่นๆ จะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ Atlas ยังเปิดใช้การชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับชำระเงินและทำธุรกรรมก่อนที่จะได้รับ EIN ได้

การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด

ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นเริ่มต้นโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร) แทนเงินสดได้ โดยมีหลักฐานการซื้อที่จัดเก็บไว้ในแดชบอร์ด Atlas คุณต้องมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐจึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ หากคุณมีทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่านั้น โปรดปรึกษาทนายความก่อนที่จะดำเนินการต่อ

การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ

ผู้ก่อตั้งสามารถยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ โดย Atlas จะยื่นเอกสารให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาหรือนอกสหรัฐอเมริกา โดยใช้จดหมายรับรองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (USPS Certified Mail) และติดตามข้อมูล คุณจะได้รับเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ที่ลงนามและหลักฐานการ การยื่นเอกสารโดยตรงในแดชบอร์ด Stripe

เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก

Atlas ให้บริการเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการเริ่มดำเนินธุรกิจบริษัทของคุณ โดยเอกสารของบริษัทประเภท C ของ Atlas ได้รับการสร้างขึ้นโดยร่วมงานกับ Cooley ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก โดยเอกสารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณระดมทุนได้ทันทีและช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงแง่มุมต่างๆ เช่น โครงสร้างกรรมสิทธิ์ การแจกจ่ายหุ้น และการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี

Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Atlas ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับแนวหน้าเพื่อมอบส่วนลดและเครดิตสุดพิเศษกับผู้ก่อตั้ง รวมถึงส่วนลดสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิศวกรรม ภาษี การเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการปฏิบัติงานจากผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง AWS, Carta และ Perplexity เรายังมอบตัวแทนที่จดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปีแรกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ใช้ Atlas คุณยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก Stripe รวมถึงการประมวลผลการชำระเงินแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ช่วยคุณจัดตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas