What is product-market fit? What startups need to know

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดมีความสำคัญอย่างไร
  3. ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดบ่งชี้อะไรบ้างสำหรับธุรกิจ
  4. วิธีการวัดผลผลิตภัณฑ์ว่าตอบโจทย์ตามความต้องการของตลาด
  5. สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณยังไม่ถึงจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด
  6. สัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด
  7. Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร
    1. การสมัครใช้งาน Atlas
    2. การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ
    3. การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด
    4. การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ
    5. เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก
    6. Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดโดยเฉพาะได้ดี ผลิตภัณฑ์ควรสามารถแก้ไขปัญหาที่สําคัญอย่างน้อยหนึ่งปัญหาสําหรับลูกค้า ความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์กับตลาดขับเคลื่อนการได้มาซึ่งลูกค้าและการรักษาลูกค้า ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตและความสําเร็จของธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้การระดมทุนง่ายขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกระตือรือร้นที่จะทํางานร่วมกับธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีสูตรครอบจักรวาลที่ใช้พิจารณาได้ว่าธุรกิจของคุณมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดแล้วหรือยัง เนื่องจากลักษณะเฉพาะของแต่ละผลิตภัณฑ์และตลาด บางวิธีมุ่งเน้นไปที่ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ เช่น อัตราการเติบโต การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ หรือพฤติกรรมการซื้อซ้ำ ในขณะที่บางวิธีให้ความสําคัญกับข้อเสนอแนะเชิงคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจลูกค้าหรือบทวิจารณ์ของผู้ใช้ การสร้างสมดุลระหว่างมุมมองเหล่านี้เป็นกุญแจสําคัญในการทําความเข้าใจและวัดผลผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

ด้านล่างนี้ เราจะพูดคุยถึงผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดคืออะไร เหตุใดจึงมีความสําคัญ จะวัดผลอย่างไร และสัญญาณที่คุณอาจบรรลุหรือไม่บรรลุเป้าหมายนี้

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดมีความสำคัญอย่างไร
  • ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดบ่งชี้อะไรบ้างสำหรับธุรกิจ
  • วิธีการวัดผลผลิตภัณฑ์ว่าตอบโจทย์ตามความต้องการของตลาด
  • สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณยังไม่ถึงจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด
  • สัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด

ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดมีความสำคัญอย่างไร

การบรรลุเป้าหมายผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดมีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับสตาร์ตอัปด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งแตกต่างจากตัวชี้วัดการเติบโตที่วัดความก้าวหน้า ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดคือการสร้างรากฐานสู่ความสําเร็จ 42% ของสตาร์ตอัปล้มเหลวเนื่องจากไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตลาด การเฝ้าติดตามความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์กับตลาดช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีความเกี่ยวข้องและยังคงตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของตลาด ต่อไปนี้คือประเด็นที่สำคัญสำหรับสตาร์ตอัป

  • ความยั่งยืนมาก่อนความอยู่รอด: สตาร์ตอัปมักจะดําเนินการภายใต้ข้อจํากัดด้านทรัพยากรและมีเงินทุนที่จำกัด เมื่อบรรลุจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแล้วจะช่วยให้ยอดขายและรายรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสามารถขยายเส้นทางของธุรกิจสตาร์ตอัปให้ก้าวต่อไปได้ด้วยการเปลี่ยนจุดมุ่งเน้นจากการอยู่รอดไปสู่การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน

  • การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: ก่อนที่จะบรรลุจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด สตาร์ตอัปสามารถใช้จ่ายเงินไปกับการตลาด การหาลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยไม่มีการรับประกันผลตอบแทน เมื่อธุรกิจสตาร์ตอัปพบจุดที่ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้และผลิตภัณฑ์เริ่มดึงดูดลูกค้าแบบออร์แกนิกธุรกิจจะสามารถจัดสรรทรัพยากรได้ดีขึ้น

  • การรักษาลูกค้าปัจจุบันมากกว่าการหาลูกค้าใหม่: การบรรลุผลผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดจะเน้นการรักษาลูกค้าที่ดีมากกว่าการหาลูกค้ารายใหม่ ลูกค้าที่มีความสุขและพบว่าผลิตภัณฑ์มีคุณค่ามีแนวโน้มที่จะอยู่ต่อ ลดอัตราการเลิกใช้ และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV)

  • การบอกต่อและการเติบโตแบบออร์แกนิก: ลูกค้าที่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อยู่เสมอจะกลายเป็นผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ โดยแนะนําผลิตภัณฑ์ให้กับผู้คนในเครือข่ายของตน การเติบโตแบบออร์แกนิกนี้คุ้มค่าและสามารถโน้มน้าวใจได้มากกว่าการตลาดแบบมีค่าใช้จ่าย เพราะผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้ามักจะเชื่อคำแนะนำจากผู้ใช้จริงมากกว่าการโฆษณา

  • การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์: สตาร์ตอัปที่มีผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดสามารถเปลี่ยนจากการลองใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายไปสู่การมุ่งเน้นเฉพาะด้านที่มีประสิทธิผลที่ดี ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจและสร้างทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสําหรับธุรกิจ

  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: นักลงทุนมองหาตัวบ่งชี้ว่าธุรกิจสตาร์ตอัปมีโมเดลธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้จริง และผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่สำคัญซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้เนื่องจากนักลงทุนเต็มใจที่จะสนับสนุนธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในความต้องการ

  • พลังในการกำหนดราคา: เมื่อผลิตภัณฑ์ตรงกับความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง ธุรกิจสตาร์ตอัปอาจมีความยืดหยุ่นในการตั้งราคามากขึ้น ลูกค้าที่ทราบถึงคุณค่าที่สูงของผลิตภัณฑ์มักยินดีที่จะจ่ายมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสตาร์ตอัปเพิ่มอัตราผลกำไร

  • ความเป็นผู้นำในตลาด: การบรรลุผลผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถวางตําแหน่งทางธุรกิจของสตาร์ตอัปให้เป็นผู้นําในหมวดหมู่ของตน ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงและแบรนด์ของธุรกิจสตาร์ตอัปให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน

  • ปรับปรุงการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: สตาร์ตอัปสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานและการชื่นชมผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีความเกี่ยวข้องและตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

  • วิสัยทัศน์ระยะยาว: สตาร์ตอัปที่บรรลุผลผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดสามารถวางแผนระยะยาวได้แทนการตอบสนองต่อแรงกดดันระยะสั้น วิสัยทัศน์ระยะยาวนี้ช่วยให้สามารถวางแผน พัฒนา และมีกลยุทธ์การเติบโตที่ดีขึ้น

ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดบ่งชี้อะไรบ้างสำหรับธุรกิจ

ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดไม่เพียงแต่มีส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจสตาร์ตอัปเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดสามารถบ่งชี้ธุรกิจสตาร์ตอัปได้ดังนี้

  • การตรวจสอบยืนยันความต้องการ: ผลิตภัณฑ์คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการและจะจ่ายเงินซื้อ ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่ต้องมีเท่านั้น สตาร์ตอัปสามารถพิจารณาข้อบ่งชี้นี้ได้ผ่านข้อเสนอแนะเชิงบวกจากลูกค้า ตัวชี้วัดการใช้งานที่สูง หรือการซื้อซ้ำ

  • คุณค่าที่นำเสนอ: ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอคุณค่าอย่างชัดเจนซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง ลูกค้ามีความเข้าใจและชื่นชมในประโยชน์เฉพาะของผลิตภัณฑ์

  • ความพึงพอใจของลูกค้า: ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ในช่วงแรกๆ รู้สึกพอใจและจะรู้สึกผิดหวังหากผลิตภัณฑ์ไม่มีจําหน่ายอีกต่อไป ลูกค้าเหล่านี้อาจโปรโมตผลิตภัณฑ์ผ่านการบอกต่อ ซึ่งบ่งชี้ถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในระดับสูง

  • ตัวชี้วัดการเติบโต: ธุรกิจเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตัวชี้วัดหลัก เช่น การหาลูกค้าใหม่ อัตราการรักษาลูกค้า และอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน ตัวชี้วัดเหล่านี้บ่งบอกให้เห็นถึงการเปิดรับผลิตภัณฑ์ของตลาด

  • ทำความเข้าใจตลาด: ธุรกิจมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงเข้าใจว่าลูกค้าคือใคร ต้องการอะไร และวิธีสื่อสารกับพวกเขาลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ความสามารถในการขยายธุรกิจ: ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาดและมีศักยภาพในการขยายธุรกิจโดยไม่สูญเสียความน่าสนใจหรือไม่สูญเสียความสามารถในการจัดการธุรกิจ

  • ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ: โมเดลธุรกิจ แสดงให้เห็นว่าต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) นั้นต่ำกว่า LTV ที่ลูกค้านํามาสู่ธุรกิจอย่างมีนัยสําคัญ

วิธีการวัดผลผลิตภัณฑ์ว่าตอบโจทย์ตามความต้องการของตลาด

การวัดผลผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดอาจไม่ถูกต้องเสมอไป เนื่องจากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ สตาร์ตอัปยังคงถกเถียงกันถึงวิธีที่ดีที่สุดในวัดผล ต่อไปนี้คือวิธีที่สตาร์ตอัปนิยมใช้เพื่อวัดว่าผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหรือไม่

  • แบบสำรวจลูกค้า: การทดสอบ Sean Ellis ซึ่งตั้งชื่อตามนักการตลาดที่บัญญัติคําว่า "การแฮ็กการเติบโต" เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสอบถามลูกค้าว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อีกต่อไป หากลูกค้ามากกว่า 40% บอกว่า "ผิดหวังมาก" ผลิตภัณฑ์นั้นน่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้

  • ชุดตัวชี้วัดการใช้งาน: อัตราการมีส่วนร่วมที่สูง การใช้งานเป็นประจำ และอัตราการเลิกใช้บริการต่ำสามารถบ่งชี้ได้ว่าลูกค้าทราบถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์ บ่อยครั้งที่สตาร์ตอัปวิเคราะห์ชุดตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้ใช้งานรายวัน (DAU) จำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) และระยะเวลาการใช้

  • การเติบโตแบบออร์แกนิก: การเติบโตแบบออร์แกนิกส่วนมากเกิดขึ้นผ่านการบอกต่อปากต่อปากหรือการแนะนำของลูกค้าโดยมิได้ร้องขอซึ่งบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

  • อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า: อัตราการเปลี่ยนจากลูกค้าทดลองใช้งานเป็นลูกค้าแบบชําระเงินที่สูง หรือการอัปเกรดจากเวอร์ชันฟรีเป็นเวอร์ชันแบบมีค่าใช้จ่าย อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ทราบถึงคุณค่าในผลิตภัณฑ์ซึ่งเหมาะสมกับเงินที่จ่าย

  • การรักษาลูกค้าและมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV): หากลูกค้ายังคงใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องและ LTV ของพวกเขาเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ส่วนแบ่งของตลาด: การได้รับส่วนแบ่งการตลาดในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสามารถบ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตลาดเติบโตเต็มที่และฐานลูกค้าได้รับข้อมูลที่ดี

  • ความสามารถในการทำกำไร: แม้ว่าอาจมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการทํากําไร แต่ผลิตภัณฑ์ที่ทํากําไรได้ค่อนข้างเร็วอาจบ่งชี้ว่าถึงความสามารถในการตอบสนองกับความต้องการในตลาด

  • ระยะเวลาวงจรการขาย: วงจรการขายที่สั้นลงสามารถบ่งชี้ได้ว่าลูกค้ารับรู้ถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็วและตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น

  • ข้อเสนอแนะจากลูกค้า: ข้อเสนอแนะเชิงบวกและการร้องเรียนหรือการส่งคืนในระดับที่ต่ำสามารถเป็นตัวชี้วัดเชิงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด

  • มูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ต่อหน่วย: ชุดตัวชี้วัดเชิงบวกและการปรับปรุง เช่น CAC, LTV และอัตรากําไรขั้นต้นซึ่งเกี่ยวข้องกับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ต่อหน่วยชี้ให้เห็นว่ามูลค่าที่ผลิตภัณฑ์มอบให้นั้นสูงกว่าต้นทุนในการส่งมอบ

  • ความสามารถในการขยายธุรกิจ: หากธุรกิจสามารถขยายการดําเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่มีปัญหารุนแรงอาจหมายถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้

  • ความสนใจของนักลงทุน: แม้จะไม่ใช่การวัดโดยตรง แต่ความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนอาจใช้เป็นสัญญาณที่ดีได้ นักลงทุนมักมีสายตาที่เฉียบแหลมสําหรับผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตลาด

  • บทความจากสื่อและนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม: บทความเชิงบวกที่ไม่ได้ร้องขอจากนักวิเคราะห์ที่ได้รับการนับถือในอุตสาหกรรมหรือในสื่อหลักอาจบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นในตลาด

วิธีการวัดเหล่านี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกธุรกิจ ไม่ควรใช้การวัดเพียงตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น ควรพิจารณาใช้การวัดเหล่านี้ร่วมกันเพื่อประเมินว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด และการบรรลุผลผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดนั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดแต่เป็นเงื่อนไขที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามการพัฒนาของตลาดและการพัฒนาของคู่แข่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำการวัดอย่างต่อเนื่อง

สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณยังไม่ถึงจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด

ตัวบ่งชี้ทั่วไปบางส่วนที่ส่งสัญญาณว่าธุรกิจสตาร์ตอัปยังไม่บรรลุจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาดมีดังนี้

  • ขาดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้: หากชุดตัวชี้วัดการมีส่วนร่วม เช่น เวลาที่ใช้ในแอป การใช้งานซ้ำ หรือมีการใช้งานฟีเจอร์ต่ำ แสดงว่าผู้ใช้ไม่พบคุณค่าที่น่าสนใจในผลิตภัณฑ์

  • อัตราการเลิกใช้บริการสูง: หากลูกค้าอยู่ใช้ไม่นานหลังจากการสมัครหรือการซื้อ มักเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามความคาดหวังหรือไม่สามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • พึ่งพาการลดราคาเป็นหลัก: การเสนอส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้า อาจเป็นสัญญาณว่ามูลค่าของผลิตภัณฑ์ไม่สอดคล้องกับราคาที่ตั้งไว้

  • ความคิดเห็นที่บ่งชี้ถึงความไม่สอดคล้อง: ความคิดเห็นของลูกค้าอาจเผยให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ไม่สามารถแก้ปัญหาหลักได้อย่างเพียงพอตามที่ตั้งใจไว้ หรือปัญหาที่กําลังแก้ไขนั้นไม่มีความคุ้มค่าเพียงพอ

  • อัตราการเปลี่ยนสถานะเป็นลูกค้าต่ำ: อัตราที่ต่ำของการเปลี่ยนจากลูกค้าทดลองใช้งานฟรีไปเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์อาจบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ไม่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากเพียงพอ

  • ความเข้าใจผิดของลูกค้า: หากผู้ใช้เข้าใจผิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์หรือคุณสมบัติหลักอย่างต่อเนื่อง อาจสะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างการสื่อสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และความต้องการของตลาด

  • รูปแบบการเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอ: การเติบโตที่ไม่แน่นอนหรือการได้ลูกค้าจากการทุ่มงบประมาณด้านการตลาดอย่างไม่ยั่งยืน อาจเป็นสัญญาณว่าผลิตภัณฑ์ยังไม่ตอบโจทย์ของตลาด

  • ความลังเลของนักลงทุน: ความยากลําบากในการระดมเงินทุนบางครั้งอาจเกิดจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจถึงความสอดคล้องของผลิตภัณฑ์กับตลาด โดยหากนักลงทุนมีคำถามเกี่ยวกับความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการขยายธุรกิจ

  • คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าต่ำ (NPS): คะแนน NPS ที่ต่ำหรือมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องอาจบ่งบอกว่าลูกค้าไม่มีความกระตือรือร้นในการแนะนําผลิตภัณฑ์ให้กับผู้อื่น

  • ชุดตัวชี้วัดการใช้งานคงที่หรือมีแนวโน้มลดลง: หากชุดตัวชี้วัดการใช้งาน เช่น จำนวนผู้ใช้งานรายวัน (DAU) หรือ จำนวนผู้ใช้รายเดือน (MAU) ไม่เติบโตหรือลดลง แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะเพิ่มปริมาณผู้ใช้งานแล้วก็ตาม อาจเป็นสัญญาณว่าผลิตภัณฑ์ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

  • การสนับสนุนแบบปากต่อปากน้อย: การขาดการสนับสนุนแบบบอกต่อปากต่อปากหรือการแนะนำโดยตรงจากผู้ใช้งานจริงอาจแสดงว่าผลิตภัณฑ์ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบเพียงพอที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้บอกต่อ

  • ความท้าทายในการสร้างความรู้ให้ตลาด: การใช้เวลามากหรือน้อยไปกับการให้ความรู้กับตลาดเกี่ยวกับความสามารถในการแก้ไขปัญหาของผลิตภัณฑ์แทนที่จะเป็นตัวผลิตภัณฑ์เอง อาจเป็นสัญญาณบงชี้ว่าตลาดยังไม่พร้อมหรือผลิตภัณฑ์ไม่ได้แก้ไขปัญหาสำคัญได้จริง

  • ผู้ใช้ชื่นชอบคู่แข่งมากกว่า: หากผู้ใช้ชื่นชอบโซลูชันของคู่แข่ง แม้ราคาแพงกว่าหรือมีฟีเจอร์น้อยกว่าก็ตาม เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ของคุณไม่มีความได้เปรียบที่โดดเด่นในการแข่งขัน

  • มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง: หากธุรกิจสตาร์ตอัปมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ตลาดเป้าหมาย หรือกลยุทธ์บ่อยครั้งเพื่อค้นหาการเติบโต มักหมายความว่าผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมยังไม่ตอบโจทย์ตลาด

  • งานช่วยเหลือลูกค้าล้นมือ: การมีตั๋วขอความช่วยเหลือจำนวนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับฟังก์ชันหรือคุณค่าพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ อาจบ่งบอกถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างความคาดหวังของผู้ใช้และประสิทธิภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์

  • คำวิจารณ์เชิงลบของสังคม: การให้คำวิจารณ์ในพื้นที่สาธารณะอย่างแข็งขันหรือการรีวิวที่ไม่ดีบนแพลตฟอร์มอื่นๆ สามารถสะท้อนถึงความไม่พอใจโดยรวมและความล้มเหลวในการตอบสนองต่อความคาดหวังของตลาด

สัญญาณเหล่านี้เป็นกลไกการให้ข้อเสนอแนะที่สําคัญสําหรับธุรกิจสตาร์ตอัป ซึ่งควรใช้ความรู้นี้สำหรับการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ ประเมินโมเดลธุรกิจใหม่ หรือประเมินตลาดเป้าหมายใหม่ แล้วจึงจะสามารถก้าวไปสู่การบรรลุจุดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ของตลาด

สัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด

สัญญาณของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่แข็งแกร่งสามารถแสดงอยู่ในหลายด้านของการดําเนินงานธุรกิจสตาร์ตอัป รวมถึงพฤติกรรมผู้ใช้และตัวชี้วัดทางการเงิน ตัวชี้วัดแต่ละตัวสามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้าง ตัวชี้วัดทั่วไปมีดังต่อไปนี้

  • การเติบโตแบบออร์แกนิกเร็วกว่าการเติบโตแบบใช้เงินลงทุน: เมื่อลูกค้าของสตาร์ตอัปส่วนใหญ่มาจากการบอกต่อปากต่อปาก การค้นหาทั่วไป หรือการเยี่ยมชมโดยตรงแสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ดีพอที่จะกระตุ้นความสนใจและการสนับสนุนแบบบอกต่อได้

  • เส้นกราฟการรักษาลูกค้าคงที่: จํานวนผู้ใช้ที่ยังคงใช้งานอยู่อย่างสม่ำเสมอแทนที่จะลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากใช้งานเป็นครั้งแรก ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานอย่างยาวนานและเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันหรืออยู่ในขั้นตอนการทำงานปกติของผู้ใช้

  • การเติบโตด้านมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV): LTV ที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าลูกค้าพบว่าผลิตภัณฑ์มีคุณค่าอย่างต่อเนี่อง ซึ่งนําไปสู่การซื้อซ้ำ โอกาสในการเพิ่มยอดขาย หรือการต่ออายุสมาชิก

  • ลดความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านราคา: หากการขึ้นราคาไม่ได้นำไปสู่การเลิกใช้งานอย่างมีนัยสําคัญ หรือจำนวนลูกค้าใหม่ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าลูกค้ารับรู้ถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์สูงกว่าราคาที่จ่ายไป

  • NPS ที่สูง: NPS ที่สูงหรือดีขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจลูกค้าที่สำคัญและโอกาสในการแนะนําผลิตภัณฑ์ให้กับผู้อื่น

  • เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า: คําวิจารณ์ที่ไม่พึงประสงค์ กรณีศึกษา และเรื่องราวลูกค้าที่เน้นถึงผลกระทบของผลิตภัณฑ์เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของตลาด

  • เนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้: เมื่อผู้ใช้สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ เช่น บล็อกโพสต์ วิดีโอ หรือการพูดคุยในกระทู้ นั่นเป็นสัญญาณของการมีส่วนร่วมและการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี

  • การขยายภายในบัญชีลูกค้า: ในภาคธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) หากลูกค้าปัจจุบันขยายการใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วทั้งองค์กร นั่นเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการรับรู้คุณค่าและความสอดคล้องตามความต้องการ

  • ความสามารถในการสนับสนุนการเติบโต: หากธุรกิจสามารถการสนับสนุนการเติบโตโดยที่ผลิตภัณฑ์หรือลูกค้าไม่ลดลง อาจบ่งชี้ถึงความพร้อมในการดําเนินงานและความสอดคล้องตามความต้องการของตลาด

  • วงจรการขายสั้นลง: ระยะเวลาตั้งแต่ลูกค้าเป้าหมายเริ่มต้นสนใจผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการปิดการขายจะลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อตลาดเริ่มเข้าใจและยอมรับผลิตภัณฑ์

  • การยอมรับคำวิจารณ์เชิงบวกจากนักวิเคราะห์: นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมที่ให้คําวิจารณ์หรือรางวัลในเชิงบวกแก่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงความเชื่อมั่นในความสอดคล้องกับตลาดและความยั่งยืน

  • ความสนใจในการลงทุนเชิงกลยุทธ์: นักลงทุนเชิงกลยุทธ์ เช่น นักลงทุนในอุตสาหกรรมหรือตลาดของคุณ แสดงความสนใจโดยแนะนําว่าพวกเขาเห็นว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี

  • ความสะดวกในการสรรหาบุคลากร: ชื่อเสียงของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงที่กระตือรือร้นสูงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ประสบความสําเร็จและกําลังเติบโต

  • การมีส่วนร่วมจากซัพพลายเออร์และพันธมิตร: ผู้ขายและพันธมิตรที่มีศักยภาพมีความสนใจที่อยากจะร่วมงานด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาเห็นถึงจุดแข็งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์และต้องการมีส่วนร่วม

  • การตอบสนองของคู่แข่ง: คู่แข่งเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ ฟีเจอร์ หรือราคาเพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อตลาด

  • ชุดตัวชี้วัดยอดขายและการเติบโตที่สามารถคาดการณ์ได้: ความสามารถในการคาดการณ์ยอดขายและการเติบโตได้อย่างแม่นยำในระดับสูง เป็นสัญญาณว่าการตอบสนองของตลาดต่อผลิตภัณฑ์เป็นที่เข้าใจและมีเสถียรภาพ

สัญญาณเหล่านี้บ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการของตลาดในลักษณะที่สร้างความแปลกใหม่ การมีส่วนร่วม และการรักษาฐานลูกค้าไว้ ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดนี้มักจะสร้างวงจรการเติบโตและความภักดีของลูกค้าโดยส่งเสริมซึ่งกันและกัน

Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร

Stripe Atlas สร้างรากฐานด้านกฎหมายของบริษัทเพื่อให้คุณสามารถระดมทุน เปิดบัญชีธนาคาร และรับชำระเงินได้ภายใน 2 วันทำการจากทุกที่ทั่วโลก

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทกว่า 75,000 แห่งที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้ Atlas ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำอย่าง Y Combinator, a16z และ General Catalyst

การสมัครใช้งาน Atlas

การสมัครเพื่อจัดตั้งบริษัทกับ Atlas ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณจะเลือกโครงสร้างบริษัทของคุณ จากนั้นจะยืนยันได้ทันทีว่าชื่อบริษัทของคุณใช้งานได้หรือไม่ และเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน นอกจากนี้ คุณยังตัดสินใจได้ว่าจะแบ่งหุ้นอย่างไร สำรองหุ้นบางส่วนไว้สำหรับนักลงทุนและพนักงานในอนาคต แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และลงนามเอกสารทั้งหมดแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นผู้ร่วมก่อตั้งจะได้รับอีเมลเชิญให้ลงนามในเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน

การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ

หลังจากจัดตั้งบริษัทแล้ว Atlas จะยื่นเอกสาร EIN ให้คุณ ผู้ก่อตั้งที่มีหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจะมีสิทธิ์รับการประมวลผลแบบเร่งด่วนของ IRS ขณะที่ผู้ก่อตั้งรายอื่นๆ จะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ Atlas ยังเปิดใช้การชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับชำระเงินและทำธุรกรรมก่อนที่จะได้รับ EIN ได้

การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด

ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นเริ่มต้นโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร) แทนเงินสดได้ โดยมีหลักฐานการซื้อที่จัดเก็บไว้ในแดชบอร์ด Atlas คุณต้องมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐจึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ หากคุณมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าสูงกว่านั้น โปรดปรึกษาทนายความก่อนที่จะดำเนินการต่อ

การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ

ผู้ก่อตั้งสามารถยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ โดย Atlas จะยื่นเอกสารให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาหรือนอกสหรัฐอเมริกา โดยใช้จดหมายรับรองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (USPS Certified Mail) และติดตามข้อมูล คุณจะได้รับเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ที่ลงนามและหลักฐานการ การยื่นเอกสารโดยตรงในแดชบอร์ด Stripe

เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก

Atlas ให้บริการเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการเริ่มดำเนินธุรกิจบริษัทของคุณ โดยเอกสารของบริษัทประเภท C ของ Atlas ได้รับการสร้างขึ้นโดยร่วมงานกับ Cooley ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก โดยเอกสารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณระดมทุนได้ทันทีและช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงแง่มุมต่างๆ เช่น โครงสร้างกรรมสิทธิ์ การแจกจ่ายหุ้น และการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี

Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Atlas ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับแนวหน้าเพื่อมอบส่วนลดและเครดิตสุดพิเศษกับผู้ก่อตั้ง ซึ่งได้แก่ส่วนลดสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิศวกรรม ภาษี การเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการปฏิบัติงานจากผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง AWS, Carta และ Perplexity เรายังมอบตัวแทนที่จดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปีแรกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ใช้ Atlas คุณยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก Stripe เช่น การประมวลผลการชำระเงินแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ช่วยคุณจัดตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas