ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเติบโตของรายรับ: คู่มือสําหรับธุรกิจ

Revenue Recognition
Revenue Recognition

Stripe Revenue Recognition เพิ่มประสิทธิภาพในการทำบัญชีคงค้างเพื่อให้คุณปิดบัญชีได้รวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งยังกำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติ คุณจึงปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ
  3. วิธีวัดการเติบโตของรายรับ
    1. การเติบโตของรายรับขั้นพื้นฐาน
    2. อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR)
    3. การเติบโตเฉพาะส่วน
  4. ทําไมการเติบโตของรายรับจึงสําคัญ
  5. วิธีคาดการณ์การเติบโตของรายรับ
  6. วิธีกระตุ้นการเติบโตของรายรับ
    1. ค่าบริการ
    2. การเข้าถึงตลาด
    3. ประสบการณ์ของลูกค้า
    4. นวัตกรรม
    5. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
    6. การขายและการตลาด
    7. การรักษาลูกค้า

การเติบโตของรายรับเป็นตัวชี้วัดที่สําคัญต่อความสําเร็จของบริษัท เมตริกนี้ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกทั้งหลาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การแข่งขันทางการตลาด และอุปสงค์ของผู้บริโภค รวมถึงปัจจัยภายใน เช่น การกําหนดราคาและการขยายตัว เพื่อให้เพิ่มรายรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทต่างๆ จะต้องพร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความต้องการของลูกค้า และเงื่อนไขของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่คลอดเวลา รวมทั้งตอบสนองต่อเงื่อนไขปัจจุบัน และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

การเติบโตของรายรับช่วยให้บริษัทสามารถวัดว่ารายรับของตนเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับรายรับในอดีต โดยมักจะเป็นการเปรียบเทียบรายรับกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในคู่มือนี้ เราจะมาพูดถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ วิธีคํานวณการเติบโตของรายรับ และเหตุผลว่าทําไมข้อมูลนี้จึงเป็นเมตริกที่สําคัญ นอกจากนี้เรายังสํารวจวิธีคาดการณ์และเพิ่มการเติบโตของรายรับให้ธุรกิจของคุณอีกด้วย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ
  • วิธีวัดการเติบโตของรายรับ
  • ทําไมการเติบโตของรายรับจึงสําคัญ
  • วิธีคาดการณ์การเติบโตของรายรับ
  • วิธีกระตุ้นการเติบโตของรายรับ

ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ

ปัจจัยภายในและภายนอกมากมายส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดบางส่วนของปัจจัยที่สําคัญ

  • ความต้องการของตลาด: ความต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท ปัจจัยนี้อาจปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และความอิ่มตัวของตลาด
  • ภูมิทัศน์ในการแข่งขัน: จํานวนและความแข็งแกร่งของคู่แข่ง การแข่งขันอย่างหนักหน่วงอาจส่งผลให้บริษัทต้องสร้างนวัตกรรม ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือปรับกลยุทธ์การกําหนดราคาเพื่อรักษาหรือเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
  • กลยุทธ์ค่าบริการ: วิธีที่บริษัทกําหนดราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการ กลยุทธ์ค่าบริการที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีความสมดุลระหว่างความต้องการของตลาด ราคาที่ดึงดูดใจ และมูลค่าที่รับรู้
  • การทําการตลาดและการขาย: บริษัทดําเนินการตามกลยุทธ์การตลาดและการขายได้ดีเพียงใด โดยจะรวมถึงวิธีการเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และวิธีแปลงโอกาสในการขายให้กลายมาเป็นยอดขายจริง
  • นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการ: การปรับปรุงและการขยายสายผลิตภัณฑ์หรือบริการ นวัตกรรมสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และช่วยทําให้บริษัทแตกต่างจากคู่แข่ง
  • การเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับ: การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งสามารถเปิดตลาดใหม่หรือจํากัดการเข้าถึงตลาดอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อกําหนด ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อการเติบโตของรายรับ
  • สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ: สถานะทางเศรษฐกิจโดยรวม การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายและการลงทุนของลูกค้า ในช่วงที่ธุรกิจตกต่ํา บริษัทอาจเห็นรายรับที่เติบโตช้าลง แต่ช่วงที่เศรษฐกิจที่เฟื่องฟู รายรับก็อาจเพิ่มขึ้น
  • การขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ: การเข้าสู่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์หรือกลุ่มตลาดใหม่ ปัจจัยนี้อาจมอบโอกาสในการเติบโต แต่ก็อาจต้องอาศัยการลงทุนและมีความเสี่ยงตามมา
  • การรักษาลูกค้า: บริษัทรักษาฐานลูกค้าได้ดีเพียงใด การรักษาลูกค้ามักมีต้นทุนต่ํากว่าการหาลูกค้าใหม่ โดยอัตราการรักษาลูกค้าที่สูงจะช่วยสร้างความเสถียรให้รายรับ รวมทั้งยังสร้างโอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง
  • ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยี: ใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน การบริการลูกค้า หรือผลิตภัณฑ์
  • เหตุการณ์ทั่วโลก: เหตุการณ์สําคัญอย่างการแพร่ระบาดของโรคหรือความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อุปทาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และเปลี่ยนอํานาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายรับ

วิธีวัดการเติบโตของรายรับ

การวัดการเติบโตของรายรับนั้นทำได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธีจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่แตกต่างกัน วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการวัดการเติบโตของรายรับจะขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจ และการผสมผสานหลายๆ วิธีจะช่วยให้เข้าใจประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัทได้ครอบคลุมมากขึ้น เมื่อคํานวณการเติบโตของรายรับด้วยวิธีการใดก็ตาม ให้ลองพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

  • ตรวจสอบว่าคุณได้แปลงรายรับทั้งหมดเป็นสกุลเงินที่ใช้บ่อย

  • พิจารณาการปรับเปลี่ยนสําหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หรือคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์

  • วิเคราะห์เมตริก เช่น ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ (CAC), มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) และอัตราการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าเพื่อบริบทเพิ่มเติม

  • คํานวณส่วนต่างผลกําไรขั้นต้น (ความสามารถในการทํากําไรของรายรับหลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายโดยตรง) เพื่อทําความเข้าใจความยั่งยืนของการเติบโต

ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีการคํานวณการเติบโตของรายรับที่มีการใช้งานทั่วไป

การเติบโตของรายรับขั้นพื้นฐาน

วิธีนี้ใช้การคํานวณการเปลี่ยนแปลงเปอร์เซ็นต์ของรายรับระหว่างช่วงเวลา 2 ช่วง ซึ่งปกติแล้วจะเป็นปีต่อปี (YoY) หรือไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) การคํานวณนี้เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและแสดงภาพรวมสำหรับแนวโน้มของรายรับ แต่จะไม่เหมาะกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นครั้วคราวหรือกิจกรรมแบบครั้งเดียว และอาจไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ในระยะยาว

  • สูตร: การเติบโตของรายรับ = (รายรับจากรอบเวลาปัจจุบัน - รายรับจากรอบเวลาที่ผ่านมา) ÷ รายรับจากรอบเวลาที่ผ่านมา x 100

อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR)

CAGR วัดอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาหนึ่งๆ ปรับความผันผวน และให้ภาพรวมการเติบโตในระยะยาวที่แม่นยํามากขึ้น การคํานวณนี้มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตกับบริษัทและอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยคํานึงถึงมูลค่าเงินตามเวลา แต่สมมติฐานของการเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นมีข้อจํากัด และอาจไม่สะท้อนการดำเนินงานล่าสุดอย่างถูกต้อง

  • สูตร: CAGR = (มูลค่าสุดท้าย ÷ มูลค่าเริ่มต้น)^(1 ÷ จํานวนปี) - 1

การเติบโตเฉพาะส่วน

วิธีนี้ใช้การวิเคราะห์การเติบโตของรายรับสําหรับส่วนต่างๆ ของธุรกิจ เช่น สายผลิตภัณฑ์ ข้อมูลประชากรของลูกค้า หรือภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ การคํานวณนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดว่าพื้นที่ใดกําลังขับเคลื่อนหรือขัดขวางการเติบโต และสามารถมอบกลยุทธ์สําหรับบางส่วนได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้สําหรับธุรกิจขนาดเล็ก และจําเป็นต้องเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด

  • สูตร: การเติบโตของรายรับสําหรับส่วนที่เจาะจง = (รายรับของส่วนดังกล่าวในรอบเวลาปัจจุบัน - รายรับของส่วนดังกล่าวในรอบเวลาที่ผ่านมา) ÷ รายรับของส่วนดังกล่าวในรอบเวลาที่ผ่านมา x 100

ทําไมการเติบโตของรายรับจึงสําคัญ

ต่อไปนี้คือวิธีที่การเติบโตของรายรับอาจส่งผลต่อสถานะของบริษัท

  • ความยั่งยืน: การเติบโตของรายรับช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน จ่ายเงินให้แก่พนักงาน และลงทุนในทรัพยากรและเทคโนโลยีที่จําเป็นได้ รายรับที่ซบเซาหรือลดลงอาจนำไปสู่การตัดงบ หนี้สะสม และในท้ายที่สุดแล้วธุรกิจก็จะล้มเหลว

  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและตลาด: การเติบโตของรายรับส่งสัญญาณแก่นักลงทุนและตลาดว่าธุรกิจมีการเติบโตและมีความสามารถในการขยายกิจการ การเติบโตอย่างต่อเนื่องมักนําไปสู่ความมั่นใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจช่วยยกระดับราคาหุ้น ดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติม และเพิ่มมูลค่าตลาดของบริษัทได้

  • โอกาสในการลงทุนกลับเข้าไปในธุรกิจ: รายรับที่เพิ่มขึ้นจะมอบเงินที่จําเป็นต่อการลงทุนกลับเข้าไปในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ การปรับปรุงสายผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีการอัปเกรด หรือการจ้างพนักงานเพิ่มเติม กิจกรรมเหล่านี้สามารถนําไปสู่การเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทําให้เกิดวงจรในเชิงบวก

  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน: บริษัทที่รายรับเพิ่มอย่างสม่ําเสมอมักจะมีเงินทุนสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรม ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมทั้งปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วกว่าคู่แข่งที่มีผลประกอบการทางการเงินที่อ่อนแอกว่า

  • การปฏิบัติงานด้านการขยายธุรกิจ: การเพิ่มรายรับช่วยให้ธุรกิจขยายกิจการได้ โดยลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยและอาจช่วยเพิ่มส่วนต่างผลกําไร

  • ความยืดหยุ่น: กระแสรายรับที่เพิ่มขึ้นช่วยให้บริษัทรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจ แรงกดดันจากการแข่งขัน หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

  • การหาพนักงานที่มีความสามารถ: บริษัทที่ประสบความสําเร็จและมีการเติบโตมักจะดึงดูดและรักษาบุคลการที่มีความสามารถไว้ได้ พนักงานมักจะมองหาโอกาสในการเติบโตในอาชีพและความมั่นคงในการทํางานจากบริษัท

  • การเข้าซื้อกิจการและการเป็นพาร์ทเนอร์: บริษัทที่มีรายรับที่แข็งแกร่งจะมีข้อได้เปรียบในการหารายได้ใหม่และการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเร่งการเติบโต การขยายธุรกิจ และการสร้างจุดยืนในตลาด

วิธีคาดการณ์การเติบโตของรายรับ

การคาดการณ์การเติบโตของรายรับจะใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณ วิธีการคาดการณ์ และข้อมูลเชิงลึกเชิงกลยุทธ์ ต่อไปนี้คือข้อมูลสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับวิธีคาดการณ์การเติบโตของรายรับ

  • การวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต: วิเคราะห์ข้อมูลรายรับในอดีตโดยใช้เครื่องมือทางสถิติเพื่อระบุรูปแบบ แนวโน้ม และวัฏจักรต่างๆ สำหรับประสิทธิภาพในอดีตของรายรับ การวิเคราะห์นี้ควรไปไกลกว่าเส้นแนวโน้มที่เรียบง่ายและพิจารณาฤดูกาล รูปแบบต่างๆ ของวัฏจักร และการประเมินความผันผวน เทคนิคต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ชุดเวลา ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และการปรับเรียบแบบเอ็กซ์โปเนนเชียลจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง

  • การแบ่งส่วนตลาด: แจกแจงกระแสรายรับแยกตามกลุ่มตลาดเพื่อระบุว่าส่วนใดบ้างที่ขับเคลื่อนการเติบโตและส่วนใดที่ทำผลงานได้ไม่ดี ข้อมูลนี้จะแสดงให้เห็นถึงพลวัตส่วนต่างๆ ของตลาดและช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันได้

  • เปรียบเทียบการแข่งขัน: ใช้การวิเคราะห์ในการแข่งขันเพื่อวัดแนวโน้มการเติบโตของคู่แข่งเทียบกับธุรกิจของคุณ วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในส่วนแบ่งของตลาด กลยุทธ์การกําหนดราคา นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และแนวทางการเข้าสู่ตลาดของคู่แข่งรายสําคัญ

  • โมเดลเศรษฐกิจ: ใช้การวิเคราะห์การถดถอยของโมเดลเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอกที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของรายรับ เช่น อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ภายในประเทศขั้นต้น (GDP) ระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภค อัตราเงินเฟ้อ และข้อมูลการจ้างงาน โมเดลเศรษฐกิจอาจช่วยแสดงให้เห็นว่ารายรับมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกเหล่านี้มากน้อยเพียงใด

  • การคาดการณ์ความต้องการ: ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อคาดการณ์พฤติกรรมการซื้อในอนาคต การวิเคราะห์ขั้นสูงและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงสามารถคาดการณ์การเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าของลูกค้า มูลค่าตลอดอายุการใช้งาน และความถี่ในการซื้อได้

  • การวิเคราะห์สถานการณ์: ใช้การวางแผนสถานการณ์เพื่อประเมินว่าสภาพธุรกิจต่างๆ จะส่งผลต่อการเติบโตของรายรับอย่างไรบ้าง การจําลองมอนติคาร์โล อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการประเมินความน่าจะเป็นสำหรับผลลัพธ์รูปแบบต่างๆ ของรายรับ

  • โมเดลการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมายและกระบวนการขาย: วิเคราะห์กระบวนการขายเพื่อคาดการณ์รายรับโดยอิงตามขั้นต่างๆ ของข้อเสนอและยอดขายในอดีต ใช้โมเดลการให้คะแนนลูกค้าเป้าหมายเพื่อประเมินรายรับที่อาจเกิดขึ้นจากผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าแต่ละราย โดยอิงตามความน่าจะเป็นในการเป็นลูกค้าและขนาดของดีลที่คาดการณ์

  • ตัวบ่งชี้ที่มองอนาคต: นอกเหนือจากข้อมูลในอดีต ให้ใช้ตัวบ่งชี้การคาดการณ์ เช่น บันทึกใบสั่ง การลงนามสัญญาใหม่ และการสั่งซื้อล่วงหน้า สัญญาณเหล่านี้จะบ่งบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับกระแสรายรับในอนาคต

  • วงจรความคิดเห็น: สร้างวงจรความคิดเห็นที่ต่อเนื่อง ซึ่งเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่คาดการณ์กับผลลัพธ์จริงเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยปรับปรุงโมเดลและสมมติฐานที่ใช้ในกระบวนการคาดการณ์รายรับ

  • ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง: พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ซึ่งแตกต่างจากการใช้ข้อมูลเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว ข้อสังเกตเหล่านี้อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงระเบียบข้อบังคับ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีเกิดใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า

วิธีกระตุ้นการเติบโตของรายรับ

การกระตุ้นการเติบโตของรายรับต้องใช้วิธีการแบบหลายปัจจัยที่เน้นทั้งภายในและภายนอก ต่อไปนี้คือกลยุทธ์บางส่วนที่มีประสิทธิภาพซึ่งควรพิจารณา

ค่าบริการ

  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและค่าบริการของคู่แข่ง เพื่อระบุโอกาสในการปรับเปลี่ยน

  • ใช้กลยุทธ์ค่าบริการแบบไดนามิกที่ปรับราคาตามความต้องการ เวลา หรือกลุ่มลูกค้า

  • นําเสนอตัวเลือกค่าบริการแบบแบ่งระดับเพื่อรองรับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าที่แตกต่างกัน

  • พิจารณาการรวมชุดผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าการรับรู้คุณค่าและกระตุ้นการซื้อเพิ่มขึ้น

การเข้าถึงตลาด

  • ระบุกลุ่มตลาดที่ยังไม่ได้เข้าถึงและใช้การทำการตลาดแบบกําหนดเป้าหมายซึ่งตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะเจาะจง

  • สํารวจตลาดหรือช่องทางการจัดจําหน่ายใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น

  • ใช้โซเชียลมีเดียและการตลาดดิจิทัลเพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ

  • เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการร่วมกัน

ประสบการณ์ของลูกค้า

  • ลงทุนกับการฝึกอบรมด้านการบริการลูกค้าเพื่อการสนับสนุนที่รวดเร็วและปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย

  • นําวงจรความคิดเห็นของลูกค้าไปใช้ระบุส่วนต่างๆ เพื่อปรับปรุงและรับมือกับข้อกังวล

  • พัฒนาโปรแกรมสมาชิกที่ตอบแทนลูกค้าประจำและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ

  • ปรับแต่งข้อความการตลาดและคําแนะนําเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตามความชอบของแต่ละบุคคล

นวัตกรรม

  • ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่

  • สํารวจช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายรับผ่านความร่วมมือ ข้อตกลงการให้สิทธิ์อนุญาต หรือโมเดลการชําระเงินตามรอบบิล

  • อัปเดตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นประจําเพื่อให้นําหน้าคู่แข่ง

  • พิจารณาการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอและฐานลูกค้าของคุณ

ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

  • วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

  • ลงทุนกับระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ขั้นตอนการทํางานและลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์

  • เจรจาข้อกําหนดที่ดีกว่ากับซัพพลายเออร์เพื่อลดค่าใช้จ่าย

  • เอาท์ซอร์สงานที่ไม่ใช่ส่วนหลัก เพื่อมุ่งเน้นงานส่วนสำคัญและโครงการริเริ่มด้านการเติบโต

การขายและการตลาด

  • พัฒนาแคมเปญการตลาดที่กําหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจง

  • มอบการฝึกอบรมและเครื่องมือที่จําเป็นแก่ฝ่ายขายเพื่อให้ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของความพยายามด้านการตลาดและการขาย รวมทั้งระบุจุดที่ต้องปรับปรุง

  • ทดลองช่องทางการตลาดและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น

การรักษาลูกค้า

  • วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อระบุรูปแบบพฤติกรรมที่นำไปสู่การเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้า และพัฒนากลยุทธ์เพื่อปรับปรุงการรักษาลูกค้า

  • เสนอการสนับสนุนที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนและการสื่อสารเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

  • สร้างชุมชนลูกค้าเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและความภักดี

  • ใช้แแคมเปญชนะใจลูกค้าเก่าเพื่อชักชวนลูกค้าที่เสียไปให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Revenue Recognition

Revenue Recognition

กำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Revenue Recognition

สร้างกระบวนการทำบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างอัตโนมัติด้วย Stripe Revenue Recognition