Affirm: คู่มือเชิงลึก

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. มีการใช้งาน Affirm ในพื้นที่ใดบ้าง
    1. สหรัฐอเมริกา
    2. แคนาดา
    3. ออสเตรเลีย
  3. ใครคือผู้ที่ใช้ Affirm
    1. กลุ่มประชากร
    2. ประเภทธุรกิจ
    3. กรณีการใช้งาน
    4. ความต้องการของลูกค้า
    5. แนวโน้มล่าสุด
  4. วิธีการทํางานของ Affirm
    1. เส้นทางของลูกค้า
    2. การดําเนินธุรกิจ
    3. ฟังก์ชันเพิ่มเติม
    4. โดยทั่วไปแล้วมีสิทธิ์ใช้งาน
    5. อาจมีสิทธิ์ใช้งาน แต่มีข้อจำกัด
    6. โดยทั่วไปแล้วไม่มีสิทธิ์ใช้งาน
  5. ประโยชน์ของการยอมรับ Affirm
  6. มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Affirm
    1. การรักษาความปลอดภัยข้อมูล
    2. การรักษาความปลอดภัยของบัญชี
    3. การรักษาความปลอดภัยธุรกรรม
    4. ความโปร่งใสและการควบคุม
    5. มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
  7. ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชำระเงินผ่าน Affirm
    1. ข้อกําหนดเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจ
    2. การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    3. ข้อกําหนดทางเทคนิค
    4. ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
  8. ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Affirm
    1. Klarna
    2. Afterpay
    3. Sezzle
    4. Zip
    5. PayPal Credit
    6. ยุโรป
    7. เอเชีย
    8. ลาตินอเมริกา

บริษัทเทคโนโลยีการเงินสัญชาติอเมริกา Affirm ได้กลายมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) โดยได้รับความสนใจจากผู้ใช้ 16.9 ล้านคนและเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจกว่า 266,000 แห่ง ความสําเร็จของบริษัทเกิดจากตัวเลือกการชําระเงินที่ใช้งานง่าย เช่น Pay in 4 รวมทั้งตัวเลือกการชําระเงินรายเดือน 2-3 รูปแบบ ตลอดจนบัตรดิจิทัลและการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ชั้นนําอย่าง Nike และ Adidas

Affirm มอบโซลูชันการชําระเงินที่หลากหลาย Pay in 4 เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ให้ลูกค้าผ่อนชําระค่าสินค้า/บริการแบบปลอดดอกเบี้ย 4 งวด ทุกๆ สองสัปดาห์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจัดการการซื้อในแต่ละวันได้สะดวกง่ายดายมากขึ้น ส่วนผู้ที่้ชอบบริหารการเงินแบบรายเดือน Affirm ก็มีตัวเลือกการผ่อนชำระแบบรายเดือน ซึ่งกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานขึ้น แต่ตัวเลือกการผ่อนชําระรายเดือนจะเรียกเก็บดอกเบี้ยด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอัตราดอกเบี้ยไม่แพง ตั้งแต่ 0% ถึง 36%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์บัตรจริงและบัตรดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย แม้จะซื้อสินค้าจากธุรกิจที่ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ของบริษัทก็ตาม โซลูชันที่หลากหลายของ Affirm ตอบสนองความต้องการและความชอบทางการเงินที่หลากหลาย ทําให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นและควบคุมการซื้อของตนได้

แล้วธุรกิจต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะสามารถเสนอ Affirm เป็นทางเลือกในการชําระเงินให้กับลูกค้า ต่อไปนี้ เราจะมาสำรวจกันว่า Affirm มีหลักการทำงานอย่างไร ใครบ้างที่ใช้ Affirm และใช้ในการซื้อประเภทใด รวมทั้งธุรกิจต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถเสนอ Affirm แก่ลูกค้าของตนได้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • มีการใช้งาน Affirm ในพื้นที่ใดบ้าง
  • ใครคือผู้ที่ใช้ Affirm
  • วิธีการทํางานของ Affirm
  • ประโยชน์ของการยอมรับ Affirm
  • มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Affirm
  • ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชำระเงินผ่าน Affirm
  • ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Affirm

มีการใช้งาน Affirm ในพื้นที่ใดบ้าง

โซลูชัน BNPL ได้รับความสนใจอย่างมากในอเมริกาเหนือ แต่รูปแบบจะแตกต่างกันไปในตลาดแต่ละแห่ง เพื่อจะได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่น โปรดดูวิธีการทํางานของ Affirm ในแต่ละภูมิภาคด้านล่าง

สหรัฐอเมริกา

ตลาด BNPL ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 24% ต่อปีตั้งแต่ปี 2023 จนถึงปี 2030 ซึ่ง Affirm ได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการจัดหาเงินทุนแบบยืดหยุ่นที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รายงานจากธนาคารแห่งอเมริการะบุว่า Affirm เป็นแอป BNPL ที่ใช้บ่อยที่สุด ในสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ซึ่งการที่บริษัทผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มหลักอย่าง Shopify และกระเป๋าเงินดิจิทัล ตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่มองหาประสบการณ์การชําระเงินที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ Affirm ยังปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสำนักงานคุ้มครองทางการเงินเพื่อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (CFPB) จึงช่วยสร้างความไว้วางใจในหมู่ผู้ใช้และแสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้กู้ยืมอย่างมีความรับผิดชอบ

แคนาดา

แคนาดาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Affirm เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา บริการของ Affirm ในแคนาดาเหมือนกับกลยุทธ์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่เน้นการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ลูกค้าในแคนาดาชื่นชอบ นอกจากนี้ บริษัทยังปรับตัวให้เข้ากับข้อบังคับเฉพาะอย่างเช่นข้อกําหนดของหน่วยงานกํากับดูแลผู้บริโภคทางการเงินของแคนาดา (FCAC) เพื่อเป็นการรับประกันว่าบริษัทให้บริการทางการเงินอย่างมีความรับผิดชอบภายในภูมิภาค

ออสเตรเลีย

Affirm เริ่มให้บริการในออสเตรเลียในปี 2021 ซึ่งเป็นการเปิดตัวธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศในปี 2023 ว่าจะค่อยๆ ลดการดำเนินงานลงในออสเตรเลีย

ใครคือผู้ที่ใช้ Affirm

Affirm ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายโดยมีระดับการใช้งานและความต้องการใช้งานแตกต่างกันไปตามกลุ่มประชากรในท้องถิ่น ประเภทธุรกิจ และกรณีการใช้งาน ต่อไปนี้คือรายละเอียดกลุ่มลูกค้าของ Affirm ที่มีความหลากหลายอย่างยิ่ง

กลุ่มประชากร

  • อายุ: ข้อมูลของ Statista ระบุว่าลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล (หมายถึงผู้มีอายุ 30-44 ปีในแบบสํารวจ) เป็นกลุ่มประชากรที่ใช้งาน Affirm มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 28% ของผู้ใช้ Affirm Affirm ได้รับความนิยมในประชากรหลายกลุ่มอายุ โดยคนยุคเบบี้บูม (หมายถึงอายุ 60 ถึง 78 ปี) คิดเป็นสัดส่วน 23% ของผู้ใช้ Affirm

  • ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี: ผู้ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นกลุ่มแรกๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ริเริ่มใช้ Affirm โดยส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อสินค้า/บริการผ่านอีคอมเมิร์ซ

  • ผู้อยู่อาศัยในเมือง: ย่านเมืองใหญ่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระดับดีเยี่ยมจะกระตุ้นให้เกิดการใช้ Affirm มากขึ้น

ประเภทธุรกิจ

  • ร้านค้าปลีก: ปัจจุบันผู้ค้าปลีกรายใหญ่และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เสนอ Affirm เป็นวิธีการชำระเงิน ซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้านําไปใช้อย่างแพร่หลาย

  • การดูแลสุขภาพ: สถานประกอบการทางการแพทย์และทันตกรรมเสนอ Affirm เป็นทางเลือกในการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาแบบนัดหมายได้มากขึ้น

  • การเดินทางและการบริการ: สายการบิน โรงแรม และบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวผสานการทํางานกับ Affirm เพื่ออํานวยความสะดวกในการจองและการชําระเงิน

  • การศึกษา: มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาเสนอ Affirm เป็นทางเลือกสําหรับการชําระค่าเทอม ช่วยให้นักเรียนและครอบครัวจัดการภาระทางการเงินได้ง่ายขึ้น

กรณีการใช้งาน

  • การซื้อมูลค่าสูง: Affirm นิยมใช้กับการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นโซลูชันที่สะดวกและเป็นมิตรต่องบประมาณ

  • การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า: ลูกค้าเลือก Affirm สําหรับการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น การชําระเงินตามรอบบิลและการเป็นสมาชิกยิมออกกำลังกาย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าแบ่งชำระค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้

  • กรณีฉุกเฉิน: ผู้ใช้จํานวนมากใช้ Affirm ในการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เช่น การซ่อมรถหรือค่ารักษาพยาบาล ซึ่งถือเป็นมอบมาตรการความปลอดภัยทางการเงินให้กับผู้ใช้งาน

  • การมอบของขวัญ: ลูกค้าใช้ Affirm ในการซื้อของขวัญ ช่วยให้พวกเขาซื้อของของขวัญได้มากขึ้นโดยไม่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน

ความต้องการของลูกค้า

  • ความโปร่งใส: ค่าบริการของ Affirm มีความโปร่งใส ส่วนข้อกําหนดการชําระเงินก็ชัดเจน จึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้

  • ความยืดหยุ่น: ลูกค้าเลือกใช้ Affirm เนื่องจากมีแผนการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ซึ่งทําให้ลูกค้ากําหนดงบประมาณสําหรับการชําระเงินได้

  • การใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบ: ลูกค้าต่างประทับใจกับเครื่องมือและแหล่งข้อมูลของ Affirm ที่ส่งเสริมพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างมีรับผิดชอบ

แนวโน้มล่าสุด

  • การผสานการทํางานกับอุปกรณ์เคลื่อนที่: จากรายงานของ Mordor Intelligence ตลาดการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 13% ต่อปีตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2027 Affirm ให้ความสำคัญกับความสะดวกง่ายดายในการเชื่อมต่อการทํางานกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • นวัตกรรม: Affirm ลงทุนพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น บัญชีออมทรัพย์และโปรแกรมสะสมคะแนน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้

วิธีการทํางานของ Affirm

BNPL เปลี่ยนแปลงวิธีชําระค่าสินค้าและบริการของลูกค้าในระดับพื้นฐาน พร้อมทั้งช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วมของลูกค้า Affirm ช่วยเหลือลูกค้าและธุรกิจต่างๆ ดังต่อไปนี้

เส้นทางของลูกค้า

  • ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Affirm มอบตัวเลือกการชําระเงิน 2 แบบหลักๆ ให้กับลูกค้า ได้แก่

    • Pay in 4: แพ็กเกจนี้จะแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 4 งวด โดยให้ลูกค้าผ่อนชำระทุกๆ สองสัปดาห์และไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย
    • การชําระเงินรายเดือน: มอบความช่วยเหลือทางการเงินให้กับการซื้อที่มีมูลค่าสูงด้วยแพ็กเกจผ่อนชําระรายเดือนนาน 3 ถึง 48 เดือน และกำหนดดอกเบี้ยโดยพิจารณาจากเครดิตของลูกค้าและข้อกําหนดการกู้ยืม
  • การชําระเงินที่ราบรื่น: ลูกค้าสามารถเลือก Affirm เป็นวิธีการชําระเงินได้ระหว่างขั้นตอนการชําระเงิน ซึ่งมีการผสานการทํางานไว้แล้วเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

  • การจัดการบัญชีอย่างครอบคลุม: แอปที่ใช้งานง่ายและพอร์ทัลออนไลน์ช่วยให้คุณควบคุมบัญชี Affirm ของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ โดยลูกค้าจะทำสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ได้

    • ดูประวัติธุรกรรมและการชําระเงินที่ใกล้ครบกําหนด
    • ชําระเงินและปรับแพ็กเกจการชําระเงิน
    • ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
    • จัดการและเปิดใช้งานบัตรดิจิทัลสําหรับซื้อสินค้าและบริการภายในร้าน
  • การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมเสมอ: Affirm ให้กับความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัยและนำมาตรการต่อไปนี้มาใช้

การดําเนินธุรกิจ

  • การผสานการทํางานที่ง่ายดาย: Affirm ผสานการทํางานกับระบบบันทึกการขาย (POS) และแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทันสมัยที่สุดผ่านส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) และชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK)

  • การประมวลผลธุรกรรมที่ง่ายดาย: หลังจากที่ลูกค้าเลือก Affirm เป็นวิธีการชําระเงินในขั้นตอนการชําระเงิน แพลตฟอร์มจะยืนยันตัวตนและความน่าเชื่อถือทางเครดิตของลูกค้าในทันที หากการซื้อได้รับอนุมัติ ธุรกิจจะได้รับเงินภายใน 2-3 วันทําการ โดย Affirm จะเป็นฝ่ายแบกรับความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืน

  • ค่าธรรมเนียมผู้ค้าที่โปร่งใส: ธุรกิจต่างๆ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมการซื้อสินค้า/บริการผ่าน Affirm แต่ละรายการ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นจำนวนเงินคงที่บวกด้วยเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อ

  • การจัดการความเสี่ยงขั้นสูง: เครื่องมือจัดการความเสี่ยงอันซับซ้อนของ Affirm ช่วยประเมินเครดิตและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงเพื่อปกป้องธุรกิจจากหนี้เสียและการดึงเงินคืน

  • ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้: Affirm ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการซื้อสินค้า/บริการของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจดําเนินการต่อไปนี้ได้

    • เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญการตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์
    • ปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย
    • ปรับปรุงผลการดําเนินงานโดยรวมของธุรกิจ
  • พื้นฐานทางเทคนิค:

    • โครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้: Affirm ใช้สถาปัตยกรรมแบบกระจายเพื่อให้รับมือกับปริมาณธุรกรรมจํานวนมากได้อย่างเสถียร
    • พลังของอัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิง: Affirm ใช้อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้
      • การประเมินเครดิตเพื่อกำหนดสิทธิ์ในการรับเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย
      • การตรวจจับการฉ้อโกง เพื่อปกป้องทั้งลูกค้าและธุรกิจ
  • การสร้างความมั่นใจด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนด: Affirm ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวด รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัย

ฟังก์ชันเพิ่มเติม

  • บัตรดิจิทัล: Affirm ให้บริการบัตรดิจิทัลที่ช่วยให้ซื้อสินค้าภายในร้านได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้บัตรใบจริง

  • การเชื่อมต่อการทํางานกับแอปวางแผนงบประมาณ: Affirm ผสานการทํางานกับแอปจัดทํางบประมาณยอดนิยม ช่วยให้ลูกค้าควบคุมการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยทั่วไปแล้วมีสิทธิ์ใช้งาน

  • สินค้าที่จับต้องได้: Affirm จัดหาเงินทุนให้กับผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าในบ้าน

  • สินค้าดิจิทัล: Affirm ช่วยคุณมอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ดิจิทัลบางประเภท เช่น ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ หลักสูตรออนไลน์ และการเป็นสมาชิกของพาร์ทเนอร์ที่ได้รับอนุญาต

  • การเดินทาง: บริษัทเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการการท่องเที่ยวเพื่อเสนอบริการจัดหาเงินทุนแบบต่างๆ สําหรับเที่ยวบิน โรงแรม และแพ็คเกจวันหยุด

  • การดูแลสุขภาพ: ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการด้านการดูแลสุขภาพบางอย่างด้วย Affirm รวมถึงการดูแลทันตกรรม การแก้ไขการมองเห็น และบริการจากสัตวแพทย์

อาจมีสิทธิ์ใช้งาน แต่มีข้อจำกัด

  • บัตรของขวัญ: บริการ BNPL อาจยอมจัดหาเงินทุนให้กับบัตรของขวัญบางประเภท โดยการใช้งานและข้อจำกัดจะขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ออกบัตรของขวัญและประเภทบัตรของขวัญนั้นๆ

  • การสั่งซื้อล่วงหน้า: Affirm อาจอนุญาตให้จัดหาเงินทุนให้กับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างล่วงหน้า แต่กฎและกําหนดเวลาการชําระเงินอาจแตกต่างจากการจัดหาเงินทุนแบบมาตรฐาน

  • สินค้าสั่งทำหรือสินค้าส่วนบุคคล: สิทธิ์การใช้งาน Affirm สำหรับสินค้าสั่งทำหรือสินค้าเฉพาะบุคคลจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์และข้อตกลงของธุรกิจกับ Affirm

โดยทั่วไปแล้วไม่มีสิทธิ์ใช้งาน

  • บริการต่างๆ: Affirm ไม่จัดหาเงินทุนให้กับบริการต่างๆ เช่น บริการตัดผม ซ่อมรถยนต์ หรือค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย

  • สินค้าที่จับต้องไม่ได้: ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่จับต้องไม่ได้ เช่น เพลง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และภาพยนตร์มักจะไม่มีสิทธิ์รับการจัดหาเงินทุนผ่าน Affirm

  • ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน: ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน ประกันภัย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์รับการจัดหาเงินทุนผ่าน Affirm

  • สินค้าต้องห้าม: บริษัทห้ามไม่ให้จัดหาเงินทุนแก่ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และเนื้อหาสําหรับผู้ใหญ่

ประโยชน์ของการยอมรับ Affirm

การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยใช้ Affirm เป็นวิธีการชําระเงินมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

  • ทำธุรกรรมได้ง่าย: อินเทอร์เฟซของ Affirm ใช้งานง่าย ช่วยให้การทําธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกง่ายดาย จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าสมัยใหม่ที่ให้คุณค่ากับประสบการณ์การช็อปปิ้งที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก นอกจากนี้ Affirm ยังช่วยลดอัตราการละทิ้งรถเข็น ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้านค้าปลีกออนไลน์พบบ่อย

  • ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Affirm เป็นบริษัทที่ให้บริการโซลูชันการชําระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น แพ็กเกจจ่ายทีหลังหรือแพ็กเกจผ่อนชําระ ความยืดหยุ่นเช่นนี้สามารถดึงดูดลูกค้าหลายกลุ่ม รวมถึงผู้ที่ต้องการเลื่อนเวลาชําระเงินออกไปหรือผู้ที่อาจไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเงินทุนสําหรับการซื้อที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น ธุรกิจอาจมีมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้นเมื่อธุรกิจให้บริการแพ็กเกจการชําระเงินที่เลือกผ่อนชำระได้

  • การลดความเสี่ยง: หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Affirm คือวิธีในการจัดการความเสี่ยง โดย Affirm จะรับผิดชอบในการประเมินความเสี่ยง ซี่งช่วยปกป้องธุรกิจจากความเสี่ยงทางการเงินจากการผิดนัดชำระหรือธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่อาจไม่มีทรัพยากรในการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้เป็นของตัวเอง

  • ชื่อเสียงของแบรนด์และความไว้วางใจ: การร่วมงานกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมการชําระเงินอย่าง Affirm อาจส่งผลดีต่อชื่อเสียงของธุรกิจคุณ ลูกค้าที่รู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์ของ Affirm มีแนวโน้มที่จะรู้สึกปลอดภัยในการทําธุรกรรมกับธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจทําให้ลูกค้าภักดีกับแบรนด์มากขึ้นและทําการซื้อซ้ำ

  • การตลาดและการมองเห็น: นอกจากนี้ Affirm ยังให้การสนับสนุนด้านการตลาดแก่ธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย Affirm จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่มองเห็นคุณโดยการแนะนำธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์ม ส่งผลให้ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์จากลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น ความร่วมมือในลักษณะนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการมองเห็นแบรนด์

  • ฐานลูกค้าที่ืัมีประสิทธิภาพมากขึ้น: เนื่องจาก Affirm ได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรอายุน้อยที่ชื่นชอบการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ได้

  • เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน: Affirm รายงานว่าบริษัทที่นำเสนอ Affirm เป็นตัวเลือกในการชําระเงินมีอัตราการละทิ้งรถเข็นลดลง 28%เมื่อเทียบกับบริการ BNPL อื่นๆ

มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Affirm

ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยหลักๆ ของ Affirm

การรักษาความปลอดภัยข้อมูล

  • การเข้ารหัส: ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารและหมายเลขประกันสังคมจะถูกเข้ารหัสโดยใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256 ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ

  • การแปลงเป็นโทเค็น: ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะถูกแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำกันซึ่งไม่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูล

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนด PCI DSS: Affirm ปฏิบัติตามข้อกําหนด PCI DSS ระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการรับรองความปลอดภัยสําหรับผู้ประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งหมายความว่า Affirm ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งได้รับการตรวจสอบเป็นประจําเพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • ศูนย์ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลของ Affirm ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย โดยมีการตรวจสอบและควบคุมการเข้าถึงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ระบบตรวจจับและป้องกันการบุกรุกเพื่อระบุและบล็อกการพยายามเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วย

การรักษาความปลอดภัยของบัญชี

  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบรัดกุม: Affirm กําหนดให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA) ในการยืนยันตัวตนของคุณเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชี วิธีนี้ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นนอกเหนือจากแค่รหัสผ่าน

  • ข้อกําหนดเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยด้วยรหัสผ่าน: Affirm มีข้อกําหนดรหัสผ่านที่รัดกุม รวมถึงข้อจํากัดเกี่ยวกับความยาวขั้นต่ำและความซับซ้อนของรหัสผ่าน นอกจากนี้ยังแนะนําให้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจํา

  • การติดตามตรวจสอบบัญชี: Affirm จะติดตามตรวจสอบบัญชีเพื่อมองหากิจกรรมที่น่าสงสัย และจะแจ้งให้คุณทราบหากตรวจพบสิ่งผิดปกติ

  • การป้องกันการฉ้อโกง: Affirm ใช้เทคนิคป้องกันการฉ้อโกงหลายรูปแบบในการระบุและบล็อกธุรกรรมฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงและโมเดลการให้คะแนนการฉ้อโกง

การรักษาความปลอดภัยธุรกรรม

  • ชั้นซ็อกเก็ตที่ปลอดภัย (SSL): การสื่อสารทั้งหมดระหว่างเบราว์เซอร์ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ของ Affirm ได้รับการเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี SSL และ Transport Layer Security (TLS) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • การแปลงเป็นโทเค็น: ข้อมูลละเอียดอ่อนจะไม่ถูกจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Affirm แต่ระบบจะแปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็นโทเค็นและแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำกันซึ่งไม่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้

  • การป้องกันการฉ้อโกง: Affirm ใช้เทคนิคการป้องกันการฉ้อโกงหลายแบบเพื่อระบุและบล็อกธุรกรรมฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงและโมเดลการให้คะแนนการฉ้อโกง

  • การป้องกันการดึงเงินคืน: Affirm มาพร้อมฟีเจอร์ป้องกันการดึงเงินคืนสําหรับธุรกิจในกรณีที่เป็นธุรกรรมฉ้อโกงหรือไม่ได้รับอนุญาต

ความโปร่งใสและการควบคุม

  • นโยบายความเป็นส่วนตัว: Affirm มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม ซึ่งกํากับดูแลวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

  • ศูนย์รักษาความปลอดภัย: Affirm มีศูนย์รักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะบนเว็บไซต์ ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและวิธีปกป้องบัญชีของคุณ

  • การควบคุมผู้ใช้: คุณควบคุมการตั้งค่าและค่ากําหนดของบัญชีได้ รวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การตั้งค่าการแจ้งเตือน และการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย

มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

  • โปรแกรมมอบเงินรางวัลสําหรับการตรวจหาข้อบกพร่อง: Affirm มีโปรแกรมมอบเงินรางวัลสําหรับการตรวจหาข้อบกพร่อง ซึ่งช่วยให้นักวิจัยด้านการรักษาความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ในระบบของตนแลกกับการรับรางวัลตอบแทน วิธีนี้จะช่วยให้บริษัทระบุและแก้ไขปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว

  • การทดสอบการเจาะระบบ: Affirm ทําการทดสอบการเจาะข้อมูลเป็นประจําเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ในระบบของตัวเอง

  • การฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัย: พนักงาน Affirm ได้รับการฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นประจําเพื่อให้ความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามล่าสุด

ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชำระเงินผ่าน Affirm

ธุรกิจของคุณจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ก่อนจึงจะเสนอการจัดหาเงินทุน BNPL ของ Affirm แก่ลูกค้าได้ โปรดดูข้อกําหนดที่สําคัญด้านล่าง

ข้อกําหนดเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจ

  • ขายให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาโดยตรง: ขณะนี้ Affirm ให้บริการเฉพาะใน 2 ประเทศนี้เท่านั้น

  • มีนิติบุคคลในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา: ธุรกิจของคุณจะต้องจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา

  • มีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา: การดําเนินการนี้จําเป็นต่อการรับชำระเงินที่ประมวลผลผ่าน Affirm

  • มีเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ: การสื่อสารทั้งหมดระหว่าง Affirm กับลูกค้าของคุณจะเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณจึงควรมีเวอร์ชันภาษาอังกฤษให้เลือกด้วยเช่นกัน

  • แสดงราคาเป็นสกุลเงิน USD หรือ CAD: Affirm ประมวลผลธุรกรรมเป็นสกุลเงินเหล่านี้เท่านั้น

  • ดําเนินงานตามนโยบายธุรกิจต้องห้ามของ Affirm: นโยบายนี้ระบุรายการอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ Affirm ห้าม ซึ่งรวมถึงอาวุธ สินค้าที่มีการจํากัดอายุ และบริการทางการเงินบางอย่าง

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

  • กฎหมายว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลในการกู้ยืมเงิน (TILA): กฎหมายของรัฐบาลกลางกําหนดให้ธุรกิจมอบข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องแก่ลูกค้าเกี่ยวกับตัวเลือกการจัดหาเงินทุนของตน ซึ่งรวมถึงข้อกําหนด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ย

  • กฎหมายว่าด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกันในการได้รับสินเชื่อ (ECOA): กฎหมายฉบับนี้ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่ออันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และสถานะการสมรส

  • กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการคุกคามของสื่ออนาจารและการตลาด (CAN-SPAM): กฎหมายนี้จะควบคุมการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ รวมถึงอีเมลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุนผ่าน BNPL

ข้อกําหนดทางเทคนิค

  • เชื่อมต่อการทํางานกับ API ของ Affirm: การทําเช่นนี้ช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปของคุณสื่อสารกับแพลตฟอร์มของ Affirm เพื่อรับการตรวจสอบเครดิต การประมวลผลการชําระเงิน และการสนับสนุนลูกค้า

  • แสดงแบรนด์ Affirm: ธุรกิจต่างจะต้องแสดงโลโก้ของ Affirm และตัวเลือกการจัดหาเงินทุนบนเว็บไซต์และหน้าการชําระเงินให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • ฐานลูกค้า: Affirm ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินเชื่อและมองหาตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ดังนั้น ลองพิจารณาว่าลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะสนใจการจัดหาเงินทุนผ่าน BNPL หรือไม่

  • ปริมาณธุรกรรม: Affirm อาจมีข้อกําหนดเกี่ยวกับปริมาณธุรกรรมขั้นต่ำสําหรับธุรกิจบางประเภท

  • ค่าธรรมเนียม: Affirm เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการที่ประมวลผล ค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามขนาดและประเภทของธุรกรรม โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนค่าธรรมเนียม Affirm

ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Affirm

ปัจจุบันธุรกิจ BNPL มีผู้ให้บริการหลายราย ผลิตภัณฑ์หลายตัวมีคุณสมบัติคล้ายกันและแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างคู่แข่งที่โดดเด่นที่สุดของ Affirm

Klarna

  • เข้าถึงลูกค้าทั่วโลก: Klarna มีชื่อเสียงมากกว่า Affirm ในระดับโลกและดําเนินธุรกิจใน 45 ประเทศ ในขณะที่ Affirm ดำเนินธุรกิจใน 2 ประเทศเท่านั้น จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสําหรับธุรกิจที่มีลูกค้าในต่างประเทศ

  • เครือข่ายธุรกิจมีขนาดใหญ่กว่า: Klarna ร่วมมือกับธุรกิจกว่า 500,000 แห่งทั่วโลก จึงมีการรับรู้แบรนด์และความคุ้นเคยในหมู่ลูกค้ามากกว่า

Afterpay

  • เน้นการซื้อที่มีมูลค่าน้อย แต่ซื้อบ่อย: Afterpay (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Clearpay ในสหราชอาณาจักร) มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการซื้อที่มีมูลค่าน้อย ซึ่งปกติแล้วจะมีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และนําเสนอโครงสร้างการชําระเงินแบบแบ่งจ่าย 4 งวดที่ไม่ซับซ้อนและไม่มีดอกเบี้ย จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มองหาทางเลือกในการชําระเงินที่สะดวกสบายสําหรับการช็อปปิ้งในชีวิตประจําวัน

  • ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: Afterpay ครองตำแหน่งเป็นเจ้าตลาดในภูมิภาคของตน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดเหล่านั้น

  • ลงทะเบียนได้รวดเร็วและง่ายดาย: กระบวนการเริ่มต้นใช้งานของ Afterpay ขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วและง่ายดาย จึงได้รับความสนใจจากทั้งธุรกิจและลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย

Sezzle

  • การจัดหาเงินทุนแบบไม่คิดดอกเบี้ย: Sezzle นําเสนอบริการจัดหาเงินทุนแบบไม่คิดดอกเบี้ยให้กับแพ็กเกจการซื้อระยะสั้น จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคา

  • เน้นกลุ่มลูกค้า Gen Z และมิลเลนเนียล: วิธีการชําระเงินนี้มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นเป็นกลุ่มประชากรอายุน้อย จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนที่อายุน้อย

  • ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Sezzle นําเสนอแพ็กเกจการชําระเงินที่หลากหลาย รวมถึงการชำระเงินแบบรายสองสัปดาห์และรายเดือน ช่วยให้ลูกค้าปรับแต่งการชําระเงินให้เหมาะกับความต้องการของตัวเองได้

Zip

  • โมเดลธุรกิจแบบลูกผสมสําหรับลูกค้าในออสเตรเลีย: Zip นำเสนอทั้งสินเชื่อแบบดั้งเดิมและแบบ BNPL ในออสเตรเลีย ลูกค้าจึงเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของตัวเองมากที่สุดได้อย่างยืดหยุ่น สําหรับตลาดอื่นๆ Zip มีแพ็กเกจการชําระเงิน BNPL แบบระยะสั้น

  • โปรโมชันแบบปลอดดอกเบี้ย: Zip จัดโปรโมชันบ่อยๆ โดยจัดหาเงินทุนแบบไม่มีดอกเบี้ยให้กับการซื้อสินค้าบางรายการ ซึ่งอาจจูงใจให้ลูกค้าเลือก Zip มากกว่าคู่แข่ง

  • ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์: นอกจาก BNPL แล้ว Zip ยังให้บริการบัตรเครดิตดิจิทัลและกระเป๋าเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยมอบโซลูชันทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมให้กับลูกค้า

PayPal Credit

  • ใช้ฐานลูกค้าปัจจุบันของ PayPal: PayPal Credit เป็นตัวเลือกการชําระเงินที่สะดวกสําหรับลูกค้าที่ไว้วางใจและใช้แพลตฟอร์มอยู่แล้ว โดยปัจจุบัน PayPal มีลูกค้าหลายล้านคน

  • การจัดหาเงินทุนโปรโมชัน: PayPal Credit จัดโปรโมชันสำหรับผลิตภัณฑ์การจัดหาเงินทุนบ่อยครั้ง เช่น APR 0% แบบจำกัดระยะเวลา จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการซื้อที่มีมูลค่าสูง

  • เชื่อมต่อระบบ PayPal: PayPal Credit เชื่อมต่อการทํางานกับระบบ PayPal ขนาดใหญ่ ช่วยให้จัดการการชำระเงินได้อย่างง่ายดาย

ต่อไปนี้คือตัวอย่างคู่แข่งหลักๆ ของ Affirm ในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก

ยุโรป

  • Klarna: บริษัทเจ้าตลาดที่มีชื่อเสียงและดำเนินธุรกิจทั่วยุโรป

  • Clearpay: Clearpay ได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักรและให้บริการผ่อนชำระ 4 งวดแบบไม่เสียดอกเบี้ย

  • Alma: ผู้ให้บริการ BNPL สัญชาติฝรั่งเศสที่เน้นจัดหาเงินทุนใหักับการซื้อมูลค่าสูงและมีข้อกําหนดการคืนเงินยาวนานกว่าบริษัทอื่น

  • Scalapay: โซลูชัน BNPL สัญชาติอิตาลีที่ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งทั้งในอิตาลีและสเปน

เอเชีย

  • Afterpay: มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่มากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมีตัวเลือกให้ผ่อนชําระ 4 งวด

  • Grab PayLater: PayLater เป็นผู้ให้บริการ BNPL ชั้นนําในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผสานการทํางานกับซูเปอร์แอป Grab

  • OPay: OPay เป็นผู้ให้บริการ BNPL ในตลาดที่กําลังเติบโตทั่วเอเชีย โดยเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและโปรแกรมสะสมคะแนน

  • Atome: Atome คือโซลูชัน BNPL ที่ได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขึ้นชื่อเรื่องขั้นตอนการลงทะเบียนที่รวดเร็วและง่ายดาย

ลาตินอเมริกา

  • Mercado Pago: Mercado Pago เป็นผู้ให้บริการ BNPL ชั้นนําในอาร์เจนตินา บราซิล และเม็กซิโก ซึ่งมอบตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายและผสานการทํางานกับ MercadoLibre

  • Nubank: Nubank เป็นธนาคารดิจิทัลของบราซิลที่มีโซลูชัน BNPL ยอดนิยมซึ่งผสานการทํางานกับบริการธนาคาร

  • Clip: Clip คือผู้ให้บริการ BNPL ในเม็กซิโก ซึ่งเน้นไปที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง

  • PagSeguro: PagSeguro นําเสนอโซลูชัน BNPL ในบราซิล โดยเน้นการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มประมวลผลการชําระเงินที่มีอยู่แล้ว

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe