บริษัทเทคโนโลยีการเงินสัญชาติอเมริกา Affirm ได้กลายมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) โดยได้รับความสนใจจากผู้ใช้ 16.9 ล้านคนและเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจกว่า 266,000 แห่ง ความสําเร็จของบริษัทเกิดจากตัวเลือกการชําระเงินที่ใช้งานง่าย เช่น Pay in 4 รวมทั้งตัวเลือกการชําระเงินรายเดือน 2-3 รูปแบบ ตลอดจนบัตรดิจิทัลและการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ชั้นนําอย่าง Nike และ Adidas
Affirm มอบโซลูชันการชําระเงินที่หลากหลาย Pay in 4 เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ให้ลูกค้าผ่อนชําระค่าสินค้า/บริการแบบปลอดดอกเบี้ย 4 งวด ทุกๆ สองสัปดาห์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจัดการการซื้อในแต่ละวันได้สะดวกง่ายดายมากขึ้น ส่วนผู้ที่้ชอบบริหารการเงินแบบรายเดือน Affirm ก็มีตัวเลือกการผ่อนชำระแบบรายเดือน ซึ่งกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานขึ้น แต่ตัวเลือกการผ่อนชําระรายเดือนจะเรียกเก็บดอกเบี้ยด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอัตราดอกเบี้ยไม่แพง ตั้งแต่ 0% ถึง 36%
นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์บัตรจริงและบัตรดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย แม้จะซื้อสินค้าจากธุรกิจที่ไม่ใช่พาร์ทเนอร์ของบริษัทก็ตาม โซลูชันที่หลากหลายของ Affirm ตอบสนองความต้องการและความชอบทางการเงินที่หลากหลาย ทําให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นและควบคุมการซื้อของตนได้
แล้วธุรกิจต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะสามารถเสนอ Affirm เป็นทางเลือกในการชําระเงินให้กับลูกค้า ต่อไปนี้ เราจะมาสำรวจกันว่า Affirm มีหลักการทำงานอย่างไร ใครบ้างที่ใช้ Affirm และใช้ในการซื้อประเภทใด รวมทั้งธุรกิจต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถเสนอ Affirm แก่ลูกค้าของตนได้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- มีการใช้งาน Affirm ในพื้นที่ใดบ้าง
- ใครคือผู้ที่ใช้ Affirm
- วิธีการทํางานของ Affirm
- ประโยชน์ของการยอมรับ Affirm
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Affirm
- ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชำระเงินผ่าน Affirm
- ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Affirm
มีการใช้งาน Affirm ในพื้นที่ใดบ้าง
โซลูชัน BNPL ได้รับความสนใจอย่างมากในอเมริกาเหนือ แต่รูปแบบจะแตกต่างกันไปในตลาดแต่ละแห่ง เพื่อจะได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับในท้องถิ่น โปรดดูวิธีการทํางานของ Affirm ในแต่ละภูมิภาคด้านล่าง
สหรัฐอเมริกา
ตลาด BNPL ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 24% ต่อปีตั้งแต่ปี 2023 จนถึงปี 2030 ซึ่ง Affirm ได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการจัดหาเงินทุนแบบยืดหยุ่นที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รายงานจากธนาคารแห่งอเมริการะบุว่า Affirm เป็นแอป BNPL ที่ใช้บ่อยที่สุด ในสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 ซึ่งการที่บริษัทผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มหลักอย่าง Shopify และกระเป๋าเงินดิจิทัล ตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่มองหาประสบการณ์การชําระเงินที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ Affirm ยังปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสำนักงานคุ้มครองทางการเงินเพื่อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (CFPB) จึงช่วยสร้างความไว้วางใจในหมู่ผู้ใช้และแสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้กู้ยืมอย่างมีความรับผิดชอบ
แคนาดา
แคนาดาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Affirm เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา บริการของ Affirm ในแคนาดาเหมือนกับกลยุทธ์ของบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่เน้นการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ลูกค้าในแคนาดาชื่นชอบ นอกจากนี้ บริษัทยังปรับตัวให้เข้ากับข้อบังคับเฉพาะอย่างเช่นข้อกําหนดของหน่วยงานกํากับดูแลผู้บริโภคทางการเงินของแคนาดา (FCAC) เพื่อเป็นการรับประกันว่าบริษัทให้บริการทางการเงินอย่างมีความรับผิดชอบภายในภูมิภาค
ออสเตรเลีย
Affirm เริ่มให้บริการในออสเตรเลียในปี 2021 ซึ่งเป็นการเปิดตัวธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศในปี 2023 ว่าจะค่อยๆ ลดการดำเนินงานลงในออสเตรเลีย
ใครคือผู้ที่ใช้ Affirm
Affirm ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายโดยมีระดับการใช้งานและความต้องการใช้งานแตกต่างกันไปตามกลุ่มประชากรในท้องถิ่น ประเภทธุรกิจ และกรณีการใช้งาน ต่อไปนี้คือรายละเอียดกลุ่มลูกค้าของ Affirm ที่มีความหลากหลายอย่างยิ่ง
กลุ่มประชากร
อายุ: ข้อมูลของ Statista ระบุว่าลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล (หมายถึงผู้มีอายุ 30-44 ปีในแบบสํารวจ) เป็นกลุ่มประชากรที่ใช้งาน Affirm มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 28% ของผู้ใช้ Affirm Affirm ได้รับความนิยมในประชากรหลายกลุ่มอายุ โดยคนยุคเบบี้บูม (หมายถึงอายุ 60 ถึง 78 ปี) คิดเป็นสัดส่วน 23% ของผู้ใช้ Affirm
ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี: ผู้ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นกลุ่มแรกๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ริเริ่มใช้ Affirm โดยส่วนใหญ่ใช้ในการซื้อสินค้า/บริการผ่านอีคอมเมิร์ซ
ผู้อยู่อาศัยในเมือง: ย่านเมืองใหญ่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระดับดีเยี่ยมจะกระตุ้นให้เกิดการใช้ Affirm มากขึ้น
ประเภทธุรกิจ
ร้านค้าปลีก: ปัจจุบันผู้ค้าปลีกรายใหญ่และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เสนอ Affirm เป็นวิธีการชำระเงิน ซึ่งกระตุ้นให้ลูกค้านําไปใช้อย่างแพร่หลาย
การดูแลสุขภาพ: สถานประกอบการทางการแพทย์และทันตกรรมเสนอ Affirm เป็นทางเลือกในการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาแบบนัดหมายได้มากขึ้น
การเดินทางและการบริการ: สายการบิน โรงแรม และบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวผสานการทํางานกับ Affirm เพื่ออํานวยความสะดวกในการจองและการชําระเงิน
การศึกษา: มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาเสนอ Affirm เป็นทางเลือกสําหรับการชําระค่าเทอม ช่วยให้นักเรียนและครอบครัวจัดการภาระทางการเงินได้ง่ายขึ้น
กรณีการใช้งาน
การซื้อมูลค่าสูง: Affirm นิยมใช้กับการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นโซลูชันที่สะดวกและเป็นมิตรต่องบประมาณ
การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า: ลูกค้าเลือก Affirm สําหรับการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น การชําระเงินตามรอบบิลและการเป็นสมาชิกยิมออกกำลังกาย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าแบ่งชำระค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
กรณีฉุกเฉิน: ผู้ใช้จํานวนมากใช้ Affirm ในการชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เช่น การซ่อมรถหรือค่ารักษาพยาบาล ซึ่งถือเป็นมอบมาตรการความปลอดภัยทางการเงินให้กับผู้ใช้งาน
การมอบของขวัญ: ลูกค้าใช้ Affirm ในการซื้อของขวัญ ช่วยให้พวกเขาซื้อของของขวัญได้มากขึ้นโดยไม่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน
ความต้องการของลูกค้า
ความโปร่งใส: ค่าบริการของ Affirm มีความโปร่งใส ส่วนข้อกําหนดการชําระเงินก็ชัดเจน จึงได้รับความสนใจจากผู้ใช้
ความยืดหยุ่น: ลูกค้าเลือกใช้ Affirm เนื่องจากมีแผนการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ซึ่งทําให้ลูกค้ากําหนดงบประมาณสําหรับการชําระเงินได้
การใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบ: ลูกค้าต่างประทับใจกับเครื่องมือและแหล่งข้อมูลของ Affirm ที่ส่งเสริมพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างมีรับผิดชอบ
แนวโน้มล่าสุด
การผสานการทํางานกับอุปกรณ์เคลื่อนที่: จากรายงานของ Mordor Intelligence ตลาดการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 13% ต่อปีตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2027 Affirm ให้ความสำคัญกับความสะดวกง่ายดายในการเชื่อมต่อการทํางานกับกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์เคลื่อนที่
นวัตกรรม: Affirm ลงทุนพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น บัญชีออมทรัพย์และโปรแกรมสะสมคะแนน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้
วิธีการทํางานของ Affirm
BNPL เปลี่ยนแปลงวิธีชําระค่าสินค้าและบริการของลูกค้าในระดับพื้นฐาน พร้อมทั้งช่วยธุรกิจเพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วมของลูกค้า Affirm ช่วยเหลือลูกค้าและธุรกิจต่างๆ ดังต่อไปนี้
เส้นทางของลูกค้า
ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Affirm มอบตัวเลือกการชําระเงิน 2 แบบหลักๆ ให้กับลูกค้า ได้แก่
- Pay in 4: แพ็กเกจนี้จะแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 4 งวด โดยให้ลูกค้าผ่อนชำระทุกๆ สองสัปดาห์และไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย
- การชําระเงินรายเดือน: มอบความช่วยเหลือทางการเงินให้กับการซื้อที่มีมูลค่าสูงด้วยแพ็กเกจผ่อนชําระรายเดือนนาน 3 ถึง 48 เดือน และกำหนดดอกเบี้ยโดยพิจารณาจากเครดิตของลูกค้าและข้อกําหนดการกู้ยืม
- Pay in 4: แพ็กเกจนี้จะแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 4 งวด โดยให้ลูกค้าผ่อนชำระทุกๆ สองสัปดาห์และไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย
การชําระเงินที่ราบรื่น: ลูกค้าสามารถเลือก Affirm เป็นวิธีการชําระเงินได้ระหว่างขั้นตอนการชําระเงิน ซึ่งมีการผสานการทํางานไว้แล้วเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
การจัดการบัญชีอย่างครอบคลุม: แอปที่ใช้งานง่ายและพอร์ทัลออนไลน์ช่วยให้คุณควบคุมบัญชี Affirm ของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ โดยลูกค้าจะทำสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ได้
- ดูประวัติธุรกรรมและการชําระเงินที่ใกล้ครบกําหนด
- ชําระเงินและปรับแพ็กเกจการชําระเงิน
- ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
- จัดการและเปิดใช้งานบัตรดิจิทัลสําหรับซื้อสินค้าและบริการภายในร้าน
- ดูประวัติธุรกรรมและการชําระเงินที่ใกล้ครบกําหนด
การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมเสมอ: Affirm ให้กับความสําคัญกับการรักษาความปลอดภัยและนำมาตรการต่อไปนี้มาใช้
- การแปลงเป็นโทเค็น เพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน
- การเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ
- การป้องกันการฉ้อโกงเพื่อขัดขวางกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- การแปลงเป็นโทเค็น เพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน
การดําเนินธุรกิจ
การผสานการทํางานที่ง่ายดาย: Affirm ผสานการทํางานกับระบบบันทึกการขาย (POS) และแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทันสมัยที่สุดผ่านส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) และชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK)
การประมวลผลธุรกรรมที่ง่ายดาย: หลังจากที่ลูกค้าเลือก Affirm เป็นวิธีการชําระเงินในขั้นตอนการชําระเงิน แพลตฟอร์มจะยืนยันตัวตนและความน่าเชื่อถือทางเครดิตของลูกค้าในทันที หากการซื้อได้รับอนุมัติ ธุรกิจจะได้รับเงินภายใน 2-3 วันทําการ โดย Affirm จะเป็นฝ่ายแบกรับความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืน
ค่าธรรมเนียมผู้ค้าที่โปร่งใส: ธุรกิจต่างๆ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมการซื้อสินค้า/บริการผ่าน Affirm แต่ละรายการ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นจำนวนเงินคงที่บวกด้วยเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อ
การจัดการความเสี่ยงขั้นสูง: เครื่องมือจัดการความเสี่ยงอันซับซ้อนของ Affirm ช่วยประเมินเครดิตและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงเพื่อปกป้องธุรกิจจากหนี้เสียและการดึงเงินคืน
ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้: Affirm ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการซื้อสินค้า/บริการของลูกค้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจดําเนินการต่อไปนี้ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญการตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์
- ปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย
- ปรับปรุงผลการดําเนินงานโดยรวมของธุรกิจ
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญการตลาดและข้อเสนอผลิตภัณฑ์
พื้นฐานทางเทคนิค:
- โครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้: Affirm ใช้สถาปัตยกรรมแบบกระจายเพื่อให้รับมือกับปริมาณธุรกรรมจํานวนมากได้อย่างเสถียร
- พลังของอัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิง: Affirm ใช้อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- การประเมินเครดิตเพื่อกำหนดสิทธิ์ในการรับเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย
- การตรวจจับการฉ้อโกง เพื่อปกป้องทั้งลูกค้าและธุรกิจ
- การประเมินเครดิตเพื่อกำหนดสิทธิ์ในการรับเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย
- โครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้: Affirm ใช้สถาปัตยกรรมแบบกระจายเพื่อให้รับมือกับปริมาณธุรกรรมจํานวนมากได้อย่างเสถียร
การสร้างความมั่นใจด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนด: Affirm ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวด รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัย
ฟังก์ชันเพิ่มเติม
บัตรดิจิทัล: Affirm ให้บริการบัตรดิจิทัลที่ช่วยให้ซื้อสินค้าภายในร้านได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้บัตรใบจริง
การเชื่อมต่อการทํางานกับแอปวางแผนงบประมาณ: Affirm ผสานการทํางานกับแอปจัดทํางบประมาณยอดนิยม ช่วยให้ลูกค้าควบคุมการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้วมีสิทธิ์ใช้งาน
สินค้าที่จับต้องได้: Affirm จัดหาเงินทุนให้กับผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าในบ้าน
สินค้าดิจิทัล: Affirm ช่วยคุณมอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ดิจิทัลบางประเภท เช่น ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ หลักสูตรออนไลน์ และการเป็นสมาชิกของพาร์ทเนอร์ที่ได้รับอนุญาต
การเดินทาง: บริษัทเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการการท่องเที่ยวเพื่อเสนอบริการจัดหาเงินทุนแบบต่างๆ สําหรับเที่ยวบิน โรงแรม และแพ็คเกจวันหยุด
การดูแลสุขภาพ: ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการด้านการดูแลสุขภาพบางอย่างด้วย Affirm รวมถึงการดูแลทันตกรรม การแก้ไขการมองเห็น และบริการจากสัตวแพทย์
อาจมีสิทธิ์ใช้งาน แต่มีข้อจำกัด
บัตรของขวัญ: บริการ BNPL อาจยอมจัดหาเงินทุนให้กับบัตรของขวัญบางประเภท โดยการใช้งานและข้อจำกัดจะขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ออกบัตรของขวัญและประเภทบัตรของขวัญนั้นๆ
การสั่งซื้อล่วงหน้า: Affirm อาจอนุญาตให้จัดหาเงินทุนให้กับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่างล่วงหน้า แต่กฎและกําหนดเวลาการชําระเงินอาจแตกต่างจากการจัดหาเงินทุนแบบมาตรฐาน
สินค้าสั่งทำหรือสินค้าส่วนบุคคล: สิทธิ์การใช้งาน Affirm สำหรับสินค้าสั่งทำหรือสินค้าเฉพาะบุคคลจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์และข้อตกลงของธุรกิจกับ Affirm
โดยทั่วไปแล้วไม่มีสิทธิ์ใช้งาน
บริการต่างๆ: Affirm ไม่จัดหาเงินทุนให้กับบริการต่างๆ เช่น บริการตัดผม ซ่อมรถยนต์ หรือค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย
สินค้าที่จับต้องไม่ได้: ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่จับต้องไม่ได้ เช่น เพลง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และภาพยนตร์มักจะไม่มีสิทธิ์รับการจัดหาเงินทุนผ่าน Affirm
ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน: ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน ประกันภัย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์รับการจัดหาเงินทุนผ่าน Affirm
สินค้าต้องห้าม: บริษัทห้ามไม่ให้จัดหาเงินทุนแก่ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และเนื้อหาสําหรับผู้ใหญ่
ประโยชน์ของการยอมรับ Affirm
การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยใช้ Affirm เป็นวิธีการชําระเงินมีข้อดีหลายประการ ได้แก่
ทำธุรกรรมได้ง่าย: อินเทอร์เฟซของ Affirm ใช้งานง่าย ช่วยให้การทําธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกง่ายดาย จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าสมัยใหม่ที่ให้คุณค่ากับประสบการณ์การช็อปปิ้งที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก นอกจากนี้ Affirm ยังช่วยลดอัตราการละทิ้งรถเข็น ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้านค้าปลีกออนไลน์พบบ่อย
ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Affirm เป็นบริษัทที่ให้บริการโซลูชันการชําระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น แพ็กเกจจ่ายทีหลังหรือแพ็กเกจผ่อนชําระ ความยืดหยุ่นเช่นนี้สามารถดึงดูดลูกค้าหลายกลุ่ม รวมถึงผู้ที่ต้องการเลื่อนเวลาชําระเงินออกไปหรือผู้ที่อาจไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเงินทุนสําหรับการซื้อที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น ธุรกิจอาจมีมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ยสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้นเมื่อธุรกิจให้บริการแพ็กเกจการชําระเงินที่เลือกผ่อนชำระได้
การลดความเสี่ยง: หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Affirm คือวิธีในการจัดการความเสี่ยง โดย Affirm จะรับผิดชอบในการประเมินความเสี่ยง ซี่งช่วยปกป้องธุรกิจจากความเสี่ยงทางการเงินจากการผิดนัดชำระหรือธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่อาจไม่มีทรัพยากรในการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้เป็นของตัวเอง
ชื่อเสียงของแบรนด์และความไว้วางใจ: การร่วมงานกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมการชําระเงินอย่าง Affirm อาจส่งผลดีต่อชื่อเสียงของธุรกิจคุณ ลูกค้าที่รู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์ของ Affirm มีแนวโน้มที่จะรู้สึกปลอดภัยในการทําธุรกรรมกับธุรกิจของคุณ ซึ่งอาจทําให้ลูกค้าภักดีกับแบรนด์มากขึ้นและทําการซื้อซ้ำ
การตลาดและการมองเห็น: นอกจากนี้ Affirm ยังให้การสนับสนุนด้านการตลาดแก่ธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย Affirm จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่มองเห็นคุณโดยการแนะนำธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์ม ส่งผลให้ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์จากลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น ความร่วมมือในลักษณะนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการมองเห็นแบรนด์
ฐานลูกค้าที่ืัมีประสิทธิภาพมากขึ้น: เนื่องจาก Affirm ได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรอายุน้อยที่ชื่นชอบการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ได้
เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน: Affirm รายงานว่าบริษัทที่นำเสนอ Affirm เป็นตัวเลือกในการชําระเงินมีอัตราการละทิ้งรถเข็นลดลง 28%เมื่อเทียบกับบริการ BNPL อื่นๆ
มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Affirm
ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยหลักๆ ของ Affirm
การรักษาความปลอดภัยข้อมูล
การเข้ารหัส: ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมด เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารและหมายเลขประกันสังคมจะถูกเข้ารหัสโดยใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256 ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ
การแปลงเป็นโทเค็น: ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะถูกแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำกันซึ่งไม่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นในกรณีที่มีการละเมิดข้อมูล
การปฏิบัติตามข้อกําหนด PCI DSS: Affirm ปฏิบัติตามข้อกําหนด PCI DSS ระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการรับรองความปลอดภัยสําหรับผู้ประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งหมายความว่า Affirm ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งได้รับการตรวจสอบเป็นประจําเพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนด
ศูนย์ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลของ Affirm ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย โดยมีการตรวจสอบและควบคุมการเข้าถึงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทยังใช้ระบบตรวจจับและป้องกันการบุกรุกเพื่อระบุและบล็อกการพยายามเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วย
การรักษาความปลอดภัยของบัญชี
การตรวจสอบสิทธิ์แบบรัดกุม: Affirm กําหนดให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA) ในการยืนยันตัวตนของคุณเมื่อเข้าสู่ระบบบัญชี วิธีนี้ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นนอกเหนือจากแค่รหัสผ่าน
ข้อกําหนดเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยด้วยรหัสผ่าน: Affirm มีข้อกําหนดรหัสผ่านที่รัดกุม รวมถึงข้อจํากัดเกี่ยวกับความยาวขั้นต่ำและความซับซ้อนของรหัสผ่าน นอกจากนี้ยังแนะนําให้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจํา
การติดตามตรวจสอบบัญชี: Affirm จะติดตามตรวจสอบบัญชีเพื่อมองหากิจกรรมที่น่าสงสัย และจะแจ้งให้คุณทราบหากตรวจพบสิ่งผิดปกติ
การป้องกันการฉ้อโกง: Affirm ใช้เทคนิคป้องกันการฉ้อโกงหลายรูปแบบในการระบุและบล็อกธุรกรรมฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงและโมเดลการให้คะแนนการฉ้อโกง
การรักษาความปลอดภัยธุรกรรม
ชั้นซ็อกเก็ตที่ปลอดภัย (SSL): การสื่อสารทั้งหมดระหว่างเบราว์เซอร์ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ของ Affirm ได้รับการเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี SSL และ Transport Layer Security (TLS) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
การแปลงเป็นโทเค็น: ข้อมูลละเอียดอ่อนจะไม่ถูกจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Affirm แต่ระบบจะแปลงข้อมูลเหล่านั้นเป็นโทเค็นและแทนที่ด้วยโทเค็นที่ไม่ซ้ำกันซึ่งไม่สามารถใช้ระบุตัวตนของบุคคลได้
การป้องกันการฉ้อโกง: Affirm ใช้เทคนิคการป้องกันการฉ้อโกงหลายแบบเพื่อระบุและบล็อกธุรกรรมฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงและโมเดลการให้คะแนนการฉ้อโกง
การป้องกันการดึงเงินคืน: Affirm มาพร้อมฟีเจอร์ป้องกันการดึงเงินคืนสําหรับธุรกิจในกรณีที่เป็นธุรกรรมฉ้อโกงหรือไม่ได้รับอนุญาต
ความโปร่งใสและการควบคุม
นโยบายความเป็นส่วนตัว: Affirm มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุม ซึ่งกํากับดูแลวิธีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
ศูนย์รักษาความปลอดภัย: Affirm มีศูนย์รักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะบนเว็บไซต์ ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและวิธีปกป้องบัญชีของคุณ
การควบคุมผู้ใช้: คุณควบคุมการตั้งค่าและค่ากําหนดของบัญชีได้ รวมถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การตั้งค่าการแจ้งเตือน และการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย
มาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
โปรแกรมมอบเงินรางวัลสําหรับการตรวจหาข้อบกพร่อง: Affirm มีโปรแกรมมอบเงินรางวัลสําหรับการตรวจหาข้อบกพร่อง ซึ่งช่วยให้นักวิจัยด้านการรักษาความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ในระบบของตนแลกกับการรับรางวัลตอบแทน วิธีนี้จะช่วยให้บริษัทระบุและแก้ไขปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว
การทดสอบการเจาะระบบ: Affirm ทําการทดสอบการเจาะข้อมูลเป็นประจําเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ในระบบของตัวเอง
การฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัย: พนักงาน Affirm ได้รับการฝึกอบรมด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นประจําเพื่อให้ความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามล่าสุด
ข้อกําหนดสําหรับธุรกิจเพื่อเริ่มรับชำระเงินผ่าน Affirm
ธุรกิจของคุณจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ก่อนจึงจะเสนอการจัดหาเงินทุน BNPL ของ Affirm แก่ลูกค้าได้ โปรดดูข้อกําหนดที่สําคัญด้านล่าง
ข้อกําหนดเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจ
ขายให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาโดยตรง: ขณะนี้ Affirm ให้บริการเฉพาะใน 2 ประเทศนี้เท่านั้น
มีนิติบุคคลในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา: ธุรกิจของคุณจะต้องจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา
มีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา: การดําเนินการนี้จําเป็นต่อการรับชำระเงินที่ประมวลผลผ่าน Affirm
มีเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ: การสื่อสารทั้งหมดระหว่าง Affirm กับลูกค้าของคุณจะเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นเว็บไซต์ของคุณจึงควรมีเวอร์ชันภาษาอังกฤษให้เลือกด้วยเช่นกัน
แสดงราคาเป็นสกุลเงิน USD หรือ CAD: Affirm ประมวลผลธุรกรรมเป็นสกุลเงินเหล่านี้เท่านั้น
ดําเนินงานตามนโยบายธุรกิจต้องห้ามของ Affirm: นโยบายนี้ระบุรายการอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ Affirm ห้าม ซึ่งรวมถึงอาวุธ สินค้าที่มีการจํากัดอายุ และบริการทางการเงินบางอย่าง
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
กฎหมายว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลในการกู้ยืมเงิน (TILA): กฎหมายของรัฐบาลกลางกําหนดให้ธุรกิจมอบข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องแก่ลูกค้าเกี่ยวกับตัวเลือกการจัดหาเงินทุนของตน ซึ่งรวมถึงข้อกําหนด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ย
กฎหมายว่าด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกันในการได้รับสินเชื่อ (ECOA): กฎหมายฉบับนี้ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่ออันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และสถานะการสมรส
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการคุกคามของสื่ออนาจารและการตลาด (CAN-SPAM): กฎหมายนี้จะควบคุมการส่งอีเมลเชิงพาณิชย์ รวมถึงอีเมลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุนผ่าน BNPL
ข้อกําหนดทางเทคนิค
เชื่อมต่อการทํางานกับ API ของ Affirm: การทําเช่นนี้ช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปของคุณสื่อสารกับแพลตฟอร์มของ Affirm เพื่อรับการตรวจสอบเครดิต การประมวลผลการชําระเงิน และการสนับสนุนลูกค้า
แสดงแบรนด์ Affirm: ธุรกิจต่างจะต้องแสดงโลโก้ของ Affirm และตัวเลือกการจัดหาเงินทุนบนเว็บไซต์และหน้าการชําระเงินให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
ฐานลูกค้า: Affirm ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินเชื่อและมองหาตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น ดังนั้น ลองพิจารณาว่าลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะสนใจการจัดหาเงินทุนผ่าน BNPL หรือไม่
ปริมาณธุรกรรม: Affirm อาจมีข้อกําหนดเกี่ยวกับปริมาณธุรกรรมขั้นต่ำสําหรับธุรกิจบางประเภท
ค่าธรรมเนียม: Affirm เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมแต่ละรายการที่ประมวลผล ค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามขนาดและประเภทของธุรกรรม โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนค่าธรรมเนียม Affirm
ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Affirm
ปัจจุบันธุรกิจ BNPL มีผู้ให้บริการหลายราย ผลิตภัณฑ์หลายตัวมีคุณสมบัติคล้ายกันและแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างคู่แข่งที่โดดเด่นที่สุดของ Affirm
Klarna
เข้าถึงลูกค้าทั่วโลก: Klarna มีชื่อเสียงมากกว่า Affirm ในระดับโลกและดําเนินธุรกิจใน 45 ประเทศ ในขณะที่ Affirm ดำเนินธุรกิจใน 2 ประเทศเท่านั้น จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสําหรับธุรกิจที่มีลูกค้าในต่างประเทศ
เครือข่ายธุรกิจมีขนาดใหญ่กว่า: Klarna ร่วมมือกับธุรกิจกว่า 500,000 แห่งทั่วโลก จึงมีการรับรู้แบรนด์และความคุ้นเคยในหมู่ลูกค้ามากกว่า
Afterpay
เน้นการซื้อที่มีมูลค่าน้อย แต่ซื้อบ่อย: Afterpay (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Clearpay ในสหราชอาณาจักร) มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการซื้อที่มีมูลค่าน้อย ซึ่งปกติแล้วจะมีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และนําเสนอโครงสร้างการชําระเงินแบบแบ่งจ่าย 4 งวดที่ไม่ซับซ้อนและไม่มีดอกเบี้ย จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มองหาทางเลือกในการชําระเงินที่สะดวกสบายสําหรับการช็อปปิ้งในชีวิตประจําวัน
ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: Afterpay ครองตำแหน่งเป็นเจ้าตลาดในภูมิภาคของตน จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะตลาดเหล่านั้น
ลงทะเบียนได้รวดเร็วและง่ายดาย: กระบวนการเริ่มต้นใช้งานของ Afterpay ขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วและง่ายดาย จึงได้รับความสนใจจากทั้งธุรกิจและลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย
Sezzle
การจัดหาเงินทุนแบบไม่คิดดอกเบี้ย: Sezzle นําเสนอบริการจัดหาเงินทุนแบบไม่คิดดอกเบี้ยให้กับแพ็กเกจการซื้อระยะสั้น จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคา
เน้นกลุ่มลูกค้า Gen Z และมิลเลนเนียล: วิธีการชําระเงินนี้มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นเป็นกลุ่มประชากรอายุน้อย จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนที่อายุน้อย
ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่น: Sezzle นําเสนอแพ็กเกจการชําระเงินที่หลากหลาย รวมถึงการชำระเงินแบบรายสองสัปดาห์และรายเดือน ช่วยให้ลูกค้าปรับแต่งการชําระเงินให้เหมาะกับความต้องการของตัวเองได้
Zip
โมเดลธุรกิจแบบลูกผสมสําหรับลูกค้าในออสเตรเลีย: Zip นำเสนอทั้งสินเชื่อแบบดั้งเดิมและแบบ BNPL ในออสเตรเลีย ลูกค้าจึงเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการของตัวเองมากที่สุดได้อย่างยืดหยุ่น สําหรับตลาดอื่นๆ Zip มีแพ็กเกจการชําระเงิน BNPL แบบระยะสั้น
โปรโมชันแบบปลอดดอกเบี้ย: Zip จัดโปรโมชันบ่อยๆ โดยจัดหาเงินทุนแบบไม่มีดอกเบี้ยให้กับการซื้อสินค้าบางรายการ ซึ่งอาจจูงใจให้ลูกค้าเลือก Zip มากกว่าคู่แข่ง
ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์: นอกจาก BNPL แล้ว Zip ยังให้บริการบัตรเครดิตดิจิทัลและกระเป๋าเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยมอบโซลูชันทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมให้กับลูกค้า
PayPal Credit
ใช้ฐานลูกค้าปัจจุบันของ PayPal: PayPal Credit เป็นตัวเลือกการชําระเงินที่สะดวกสําหรับลูกค้าที่ไว้วางใจและใช้แพลตฟอร์มอยู่แล้ว โดยปัจจุบัน PayPal มีลูกค้าหลายล้านคน
การจัดหาเงินทุนโปรโมชัน: PayPal Credit จัดโปรโมชันสำหรับผลิตภัณฑ์การจัดหาเงินทุนบ่อยครั้ง เช่น APR 0% แบบจำกัดระยะเวลา จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการซื้อที่มีมูลค่าสูง
เชื่อมต่อระบบ PayPal: PayPal Credit เชื่อมต่อการทํางานกับระบบ PayPal ขนาดใหญ่ ช่วยให้จัดการการชำระเงินได้อย่างง่ายดาย
ต่อไปนี้คือตัวอย่างคู่แข่งหลักๆ ของ Affirm ในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
ยุโรป
Klarna: บริษัทเจ้าตลาดที่มีชื่อเสียงและดำเนินธุรกิจทั่วยุโรป
Clearpay: Clearpay ได้รับความนิยมในสหราชอาณาจักรและให้บริการผ่อนชำระ 4 งวดแบบไม่เสียดอกเบี้ย
Alma: ผู้ให้บริการ BNPL สัญชาติฝรั่งเศสที่เน้นจัดหาเงินทุนใหักับการซื้อมูลค่าสูงและมีข้อกําหนดการคืนเงินยาวนานกว่าบริษัทอื่น
Scalapay: โซลูชัน BNPL สัญชาติอิตาลีที่ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งทั้งในอิตาลีและสเปน
เอเชีย
Afterpay: มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่มากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมีตัวเลือกให้ผ่อนชําระ 4 งวด
Grab PayLater: PayLater เป็นผู้ให้บริการ BNPL ชั้นนําในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผสานการทํางานกับซูเปอร์แอป Grab
OPay: OPay เป็นผู้ให้บริการ BNPL ในตลาดที่กําลังเติบโตทั่วเอเชีย โดยเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่นและโปรแกรมสะสมคะแนน
Atome: Atome คือโซลูชัน BNPL ที่ได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขึ้นชื่อเรื่องขั้นตอนการลงทะเบียนที่รวดเร็วและง่ายดาย
ลาตินอเมริกา
Mercado Pago: Mercado Pago เป็นผู้ให้บริการ BNPL ชั้นนําในอาร์เจนตินา บราซิล และเม็กซิโก ซึ่งมอบตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายและผสานการทํางานกับ MercadoLibre
Nubank: Nubank เป็นธนาคารดิจิทัลของบราซิลที่มีโซลูชัน BNPL ยอดนิยมซึ่งผสานการทํางานกับบริการธนาคาร
Clip: Clip คือผู้ให้บริการ BNPL ในเม็กซิโก ซึ่งเน้นไปที่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
PagSeguro: PagSeguro นําเสนอโซลูชัน BNPL ในบราซิล โดยเน้นการผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มประมวลผลการชําระเงินที่มีอยู่แล้ว
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ