สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับระยะเวลาดำเนินการของการชำระเงินแบบ ACH

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชำระเงินแบบ ACH ใช้เวลาประมวลผลนานเท่าใด
  3. การโอนเงินแบบ ACH เทียบกับการโอนเงินต่างชาติ
    1. ความเร็ว
    2. ค่าใช้จ่าย
    3. การรักษาความปลอดภัย
    4. การชำระเงินระหว่างประเทศ
    5. ความถี่
  4. การชำระเงินแบบ ACH ใช้อย่างไร
  5. การประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH มีวิธีการทำงานอย่างไร
  6. การชำระเงินแบบ ACH มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
  7. ประโยชน์ของการใช้การโอนเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ
  8. อุปสรรคของการชำระเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ
  9. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH
    1. การตรวจสอบข้อมูลและการตรวจสอบสิทธิ์
    2. การจัดการความเสี่ยงและการตรวจจับการฉ้อโกง
    3. กำหนดเวลาของการแบ่งชุด
    4. การปฏิบัติตามข้อกำหนดและความพร้อมต่อการตรวจสอบ
    5. ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    6. การให้ความรู้และการสนับสนุนลูกค้า
    7. ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
  10. Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

การชำระเงินแบบสำนักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) คือ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่โอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารโดยใช้เครือข่าย ACH ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เครือข่าย ACH ซึ่งบริหารจัดการโดย Nacha ได้ประมวลผลการชำระเงินไปกว่า 33,500 ล้านรายการในปี 2024 การชำระเงินผ่าน ACH ใช้สำหรับการโอนเข้าบัญชีธนาคาร, การชำระบิล (เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าจำนอง เงินกู้), ธุรกรรมแบบ B2B และธุรกรรมเกี่ยวกับภาครัฐ เช่น สวัสดิการประกันสังคมและการคืนภาษี

คู่มือนี้จะพูดถึงการชำระเงินแบบ ACH ได้แก่ ระยะเวลาที่ใช้ประมวลผล วิธีการทำงาน และสิ่งที่ธุรกิจต่างๆ ทำได้เพื่อให้การชำระเงินแบบ ACH รวดเร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายน้อยลง

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การชำระเงินแบบ ACH ใช้เวลาประมวลผลนานเท่าใด
  • การโอนเงินแบบ ACH เทียบกับการโอนเงินต่างชาติ
  • การชำระเงินแบบ ACH ใช้อย่างไร
  • การประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH มีวิธีการทำงานอย่างไร
  • การชำระเงินแบบ ACH มีค่าใช้จ่ายเท่าไร
  • ประโยชน์ของการใช้การโอนเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ
  • อุปสรรคของการชำระเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH
  • Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

การชำระเงินแบบ ACH ใช้เวลาประมวลผลนานเท่าใด

การโอนเงินแบบ ACH มักจะใช้เวลา 1-3 วันทำการจึงจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ระยะเวลาที่แน่นอนอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยบางประการดังนี้

  • ประเภทการโอนเงิน: การฝากเงินเข้าบัญชีแบบ ACH (การส่งเงินเข้า) และการหักบัญชีแบบ ACH (การดึงเงินออก) แตกต่างกันเล็กน้อย โดยการหักบัญชีมักจะดำเนินการเร็วกว่าการฝากเงินเข้าบัญชี

  • เวลาเริ่มต้น: ระบบจะจัดการชำระเงินแบบ ACH ตลอดวันนั้นๆ เป็นชุดเพื่อประมวลผล โดยการโอนเงินที่เริ่มในช่วงท้ายของวันอาจไม่รวมอยู่ในชุดแรกสุด ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาในการประมวลผลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน ให้เริ่มโอนเงินตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวันทำการเพื่อเพิ่มโอกาสที่การโอนเงินนั้นจะรวมอยู่ในชุดแรกสุด

  • วันที่เริ่มต้น: การชำระเงินแบบ ACH จะไม่ได้รับการประมวลในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยการชำระเงินที่เริ่มต้นในวันดังกล่าวจะไม่เริ่มประมวลผลจนกว่าจะถึงวันทำการถัดไป

  • ACH แบบวันเดียวกัน: สถาบันการเงินบางแห่งให้บริการ ACH แบบวันเดียวกันโดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการชำระเงินแบบเร่งด่วน

  • การคืนเงินที่ชำระ: ข้อผิดพลาดหรือการมียอดเงินไม่เพียงพออาจทำให้เกิดการคืนเงินที่ชำระ ซึ่งทำให้ต้องใช้ระยะเวลาประมวลผลนานขึ้น ผู้เริ่มควรตรวจสอบยืนยันข้อมูลบัญชีทั้งหมด (เช่น Routing Number, หมายเลขบัญชี) ก่อนเริ่มโอนเงิน

การโอนเงินแบบ ACH เทียบกับการโอนเงินต่างชาติ

การโอนเงินแบบ ACH

การโอนเงินต่างชาติ

ความเร็ว

1-3 วันทำการ

วันเดียวกันหรือภายในไม่กี่นาที

ค่าใช้จ่าย

ฟรีหรือค่าธรรมเนียมต่ำมาก

มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

การรักษาความปลอดภัย

ปลอดภัยกว่าด้วยการตรวจสอบยืนยันที่รัดกุมขึ้นและสามารถยกเลิกได้ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด

ยุ่งยากหรือไม่สามารถยกเลิกได้ มีความเสี่ยงมากขึ้นหากกรอกข้อมูลไม่ถูกต้อง

การชำระเงินระหว่างประเทศ

ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ส่งไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีระบบในท้องถิ่นเทียบเท่ากับ ACH ได้ (เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร)

ทางเลือกที่ใช้กันทั่วไปสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังประเทศใดก็ได้

ความถี่

เหมาะสำหรับการชำระเงินแบบประจำ

มักใช้กับธุรกรรมแบบครั้งเดียว

การโอนเงินแบบ ACH และการโอนเงินต่างชาติเป็นวิธีการส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 2 วิธีที่แตกต่างกัน โดยแต่ละวิธีก็มีคุณลักษณะ ความเร็วในการดำเนินการ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องที่ไม่เหมือนกัน

ความเร็ว

การโอนเงินแบบ ACH จะใช้เวลานานกว่าการโอนเงินต่างชาติ ซึ่งมักจะใช้เวลา 1-3 วันทำการจึงจะแล้วเสร็จ โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินต่างชาติจะดำเนินการภายในวันเดียวกัน หรือภายในไม่กี่นาทีเลยด้วยซ้ำ

ค่าใช้จ่าย

การโอนเงินแบบ ACH มักจะฟรีหรือมีค่าธรรมเนียมต่ำมาก ส่วนการโอนเงินต่างชาติจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

การรักษาความปลอดภัย

การโอนเงินแบบ ACH ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากมีขั้นตอนการตรวจสอบที่เข้มงวดกว่าและสามารถยกเลิกได้ในกรณีที่มีข้อผิดพลาด ในขณะที่การโอนเงินต่างชาตินั้นยุ่งยากหรือไม่สามารถยกเลิกได้ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นในกรณีที่ผู้ส่งหรือธนาคารกรอกข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง

การชำระเงินระหว่างประเทศ

ถึงแม้เครือข่าย ACH จะตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ธุรกิจและบุคคลทั่วไปก็ส่งการชำระเงินผ่าน ACH ไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีระบบในท้องถิ่นเทียบเท่ากับ ACH ได้ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร แต่การโอนเงินต่างชาติก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากกว่าสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากผู้ใช้จะดำเนินการโอนเงินต่างชาติไปยังประเทศใดก็ได้

ความถี่

การโอนเงินแบบ ACH ใช้ได้กับการชำระเงินแบบประจำ ส่วนการโอนเงินต่างชาตินั้นมักจะใช้กับธุรกรรมแบบครั้งเดียว

การชำระเงินแบบ ACH ใช้อย่างไร

การชำระเงินแบบ ACH เป็นวิธีการชำระเงินที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินงานและส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกไปสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์และไร้กระดาษ โดยธุรกิจต่างๆ สามารถใช้การชำระเงินแบบ ACH ในการชำระเงินและรับชำระเงินได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การเรียกเก็บเงิน: ธุรกิจต่างๆ ใช้การโอนเงินแบบ ACH เพื่อเรียกเก็บเงินสำหรับใบแจ้งหนี้ บริการที่ให้ไป หรือการชำระเงินตามรอบบิลแบบประจำได้ ซึ่งการชำระเงินแบบ ACH มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและมักจัดการได้ง่ายกว่าการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต โดยเฉพาะกับการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

  • การฝากเงินเดือนเข้าบัญชี: นายจ้างใช้การโอนเงินแบบ ACH เพื่อจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส และค่าใช้จ่ายเข้าบัญชีธนาคารของพนักงาน วิธีนี้ช่วยลดความยุ่งยากของขั้นตอนการจ่ายเงินเดือนและทำให้ไม่ต้องออกเช็คเงินสด

  • การชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์และผู้ให้บริการ: ธุรกิจชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์และผู้ให้บริการผ่านการโอนเงินแบบ ACH ได้

  • การชำระภาษี: ธุรกิจสามารถใช้การโอนเงินแบบ ACH เพื่อชำระภาษีของรัฐและของรัฐบาลกลางได้

  • การโอนเงินภายในบริษัท: สำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานโดยมีหลายแผนกหรือหน่วยงานหลายฝ่าย การชำระเงินแบบ ACH ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการโอนเงินระหว่างแผนกหรือหน่วยงานเหล่านั้น

  • การชำระค่าเช่าและค่าเช่าซื้อ: บริษัทจัดการทรัพย์สินและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใช้การโอนเงินแบบ ACH ในการเก็บค่าเช่าและค่าเช่าซื้อ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการจัดการเช็คและเงินสด

  • ค่าสาธารณูปโภคและบริการ: ธุรกิจสามารถใช้การโอนเงินแบบ ACH เพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ค่าสาธารณูปโภค อินเทอร์เน็ต และค่าโทรศัพท์ ระบบนี้จะทำให้ขั้นตอนเป็นไปโดยอัตโนมัติและป้องกันไม่ให้บริการที่จำเป็นหยุดชะงัก

การประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH มีวิธีการทำงานอย่างไร

วิธีการทำงานของขั้นตอนการชำระเงินแบบ ACH มีดังนี้

  • การเริ่มต้นชำระเงิน: ผู้เริ่มจะอนุมัติธุรกรรมแบบ ACH โดยระบุหมายเลขบัญชีธนาคาร, Routing Number และจำนวนเงินของธุรกรรม ผู้เริ่มดำเนินการจะระบุว่าเป็นการฝากเงินเข้าบัญชีแบบ ACH (การส่งเงินเข้าบัญชี) หรือการหักบัญชีแบบ ACH (การดึงเงินจากบัญชี)

  • การสร้างการชำระเงิน: Originating Depository Financial Institution (ODFI) จะสร้างไฟล์การชำระเงินแบบ ACH ตามคำสั่งของผู้เริ่ม

  • การแบ่งชุด: ODFI จะจัดกลุ่มธุรกรรมแบบ ACH ที่คล้ายกันเป็นชุดๆ เพื่อให้ประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การกำหนดเส้นทางและการเรียงลำดับ: ผู้ให้บริการ ACH จะจัดเรียงธุรกรรมตามธนาคารปลายทาง (Receiving Depository Financial Institution หรือ RDFI) และกำหนดเส้นทางชุดธุรกรรมต่างๆ ตามนั้น

  • การประมวลผล: RDFI จะได้รับไฟล์ธุรกรรมแบบ ACH จากผู้ให้บริการ ACH โดยจะตรวจสอบข้อมูลบัญชีและประมวลผลธุรกรรม ซึ่งจะเป็นการฝากเงินเข้าบัญชีของผู้รับหรือการหักบัญชีผู้ชำระเงินก็ได้

  • การชำระเงิน: เงินจะเคลื่อนย้ายระหว่าง ODFI กับ RDFI ซึ่งมักจะใช้เวลา 1-3 วันทำการ ทั้งนี้ ระบบมักจะแจ้งให้ผู้เริ่มและผู้รับเงินทราบเมื่อธุรกรรมเสร็จเรียบร้อย

  • การส่งเงินคืน: ข้อผิดพลาด เช่น จำนวนเงินไม่เพียงพอและข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการปฏิเสธโดย ACH (หรือการคืนเงินที่ชำระ) ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ RDFI ส่งเงินคืนไปยัง ODFI

การชำระเงินแบบ ACH มีค่าใช้จ่ายเท่าไร

ธนาคารหลายแห่งมีบริการโอนเงินแบบ ACH ฟรีหรือราคาประหยัดสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล โดยเฉพาะการชำระบิลหรือการโอนเงินระหว่างบัญชีภายในธนาคารเดียวกัน โดยค่าธรรมเนียมของการชำระเงินแบบ ACH มักจะต่ำกว่าค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเป็นอย่างมาก แต่ค่าธรรมเนียมที่แน่นอนของการชำระเงินแบบ ACH จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่อไปนี้

  • ประเภทธุรกรรม: การหักบัญชีแบบ ACH (การดึงเงิน) บางครั้งก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการฝากเงินเข้าบัญชีแบบ ACH (การส่งเงิน) เล็กน้อย

  • ผู้ประมวลผลการชำระเงิน: ผู้ประมวลผลการชำระเงินหรือสถาบันการเงินแต่ละรายจะมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมในแบบของตนเอง ซึ่งอาจเป็นค่าธรรมเนียมแบบคงที่ต่อธุรกรรม แบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากจำนวนเงินที่ทำธุรกรรม แบบค่าธรรมเนียมรายเดือน หรือค่าธรรมเนียมหลายรูปแบบรวมกัน ธุรกิจที่ประมวลผลธุรกรรมแบบ ACH จำนวนมากอาจพูดคุยเพื่อขอรับอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกลงกับผู้ประมวลผลการชำระเงินของตนได้

  • การโอนเงินแบบ ACH ในวันเดียวกัน: การโอนเงินแบบ ACH ในวันเดียวกันมักจะมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า

ประโยชน์ของการใช้การโอนเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ

การชำระเงินแบบ ACH ให้ประโยชน์มากมายแก่ธุรกิจ ได้แก่

  • ความคุ้มค่า: การโอนเงินแบบ ACH มักจะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและการโอนเงินต่างชาติ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมสูง

  • ประสิทธิภาพ: ธุรกิจจะปรับให้การชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าเป็นไปโดยอัตโนมัติได้ด้วยการโอนเงินแบบ ACH ซึ่งช่วยประหยัดเวลา ลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานด้วยตนเอง และลดภาระด้านการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลการชำระเงิน

  • การคาดการณ์ได้: ธุรกรรมแบบ ACH จะได้รับการประมวลผลตามกำหนดการเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยให้คาดการณ์กระแสเงินสดได้เพื่อให้มีการวางแผนทางการเงินดีขึ้น

  • ความปลอดภัย: การชำระเงินผ่าน ACH ถือว่าปลอดภัยกว่าการชำระเงินด้วยเช็คแบบดั้งเดิมที่มีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกง เช่น การปลอมแปลงและการโจรกรรม เนื่องจากการโอนเงินแบบ ACH อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงช่วยจำกัดความเสี่ยงเกี่ยวกับข้อมูลการธนาคารที่ละเอียดอ่อนและลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงลงได้อีก

  • ความรวดเร็ว: ถึงแม้จะไม่เร็วเท่ากับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์บางวิธี แต่ธุรกรรมแบบ ACH มักจะเร็วกว่าการประมวลผลเช็ค

  • การใช้เอกสารกระดาษน้อยลง: การชำระเงินแบบ ACH ช่วยลดความจำเป็นในการเขียน การส่งไปรษณีย์ และการจัดการเช็ค ซึ่งทำให้ขั้นตอนการทำบัญชีง่ายขึ้น และสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

  • การไม่แบ่งแยก: การประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH สามารถทำได้กับบัญชีธนาคารแทบทุกบัญชี รวมถึงบัญชีที่ไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้ การไม่แบ่งแยกเช่นนี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น

  • การขยายการรองรับ: การโอนเงินแบบ ACH เป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่นไปตามการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งช่วยจัดการธุรกรรมที่เพิ่มมากขึ้นได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นหรือมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น

อุปสรรคของการชำระเงินแบบ ACH สำหรับธุรกิจ

การชำระเงินแบบ ACH ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอื่นๆ ได้ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลักๆ และช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นของการชำระเงินแบบ ACH มีดังนี้

  • การอนุมัติ: กฎของ ACH กำหนดให้ผู้เริ่มต้องขอรับการอนุมัติจากลูกค้าอย่างชัดแจ้งสำหรับธุรกรรมต่างๆ วิธีนี้จะช่วยปกป้องลูกค้า และกำหนดให้ธุรกิจต้องจัดทำบันทึกที่ถูกต้องและจัดการเอกสารการอนุมัติด้วย

  • การคุ้มครองข้อมูล: เมื่อจัดการการชำระเงินแบบ ACH ธุรกิจต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น Gramm-Leach-Bliley Act ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องปกป้องความปลอดภัยและการรักษาความลับของข้อมูลลูกค้า

  • โอกาสที่จะเกิดการฉ้อโกง: การฉ้อโกงผ่าน ACH อาจเกิดขึ้นได้ผ่านกลวิธีต่างๆ เช่น การฟิชชิ่ง ซึ่งมิจฉาชีพจะหลอกลวงธุรกิจหรือบุคคลทั่วไปให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีที่ละเอียดอ่อน ธุรกิจต่างๆ จะต้องให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับความเสี่ยงดังกล่าว และจัดให้มีมาตรการควบคุมภายในองค์กรที่เข้มงวดรัดกุม

  • กฎการปรับคืน: การชำระเงินแบบ ACH สามารถยกเลิกได้ในบางกรณี เช่น เมื่อธุรกรรมได้รับการประมวลผลผิดพลาดหรือไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้มีไว้เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้า แต่ก็อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ธุรกิจจะสูญเสียรายรับได้หากข้อผิดพลาดในการชำระเงินแบบ ACH ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH

ธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสิทธิ์ การตรวจจับการฉ้อโกงในการชำระเงิน และการให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อดีต่างๆ ของการโอนเงินแบบ ACH แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการประมวลผลการชำระเงินแบบ ACH มีดังนี้

การตรวจสอบข้อมูลและการตรวจสอบสิทธิ์

  • การตรวจสอบสิทธิ์ขั้นสูง: ใช้โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นธุรกรรมแบบ ACH ให้ใช้การตรวจสอบยืนยันด้วยไบโอเมตริก (เช่น ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า) สำหรับแพลตฟอร์มอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือออนไลน์

  • การตรวจสอบยืนยันลูกค้า: ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น รายชื่อจากสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ (Office of Foreign Assets Control หรือ OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และการตรวจสอบเพื่อป้องกันการฟอกเงิน (AML) เพื่อหลีกเลี่ยงธุรกรรมที่ฉ้อโกงและบทลงโทษจากกฎระเบียบ

การจัดการความเสี่ยงและการตรวจจับการฉ้อโกง

  • การวิเคราะห์พฤติกรรม: ใช้แมชชีนเลิร์นนิงและการวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อติดตามตรวจสอบกิจกรรมในบัญชีและตรวจจับความผิดปกติที่ผิดไปจากรูปแบบที่กำหนดไว้ และอาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกง

  • ขีดจำกัดธุรกรรม: กำหนดขีดจำกัดธุรกรรมแบบไดนามิกโดยอิงตามข้อมูลย้อนหลังของลูกค้า บริบทของธุรกรรม และรูปแบบความเสี่ยง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและการควบคุมความเสี่ยง

กำหนดเวลาของการแบ่งชุด

  • การแบ่งชุดแบบอัจฉริยะ: ปรับเวลาการแบ่งชุดของ ACH ของคุณให้เหมาะกับรอบธุรกิจ ความต้องการกระแสเงินสด และระยะเวลาการชำระเงินของลูกค้ารายใหญ่และผู้ให้บริการ

  • การเฝ้าสังเกตแบบเรียลไทม์: นำระบบมาใช้เพื่อติดตามตรวจสอบสถานะการประมวลผล ACH แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ตอบสนองต่อธุรกรรมที่ผิดพลาดหรือการปฏิเสธได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

การปฏิบัติตามข้อกำหนดและความพร้อมต่อการตรวจสอบ

  • การอัปเดตการปฏิบัติตามข้อกำหนดอัตโนมัติ: ใช้ซอฟต์แวร์การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่อัปเดตระบบของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในเครือข่าย ACH

  • การตรวจสอบตามปกติ: ดำเนินการตรวจสอบกระบวนการ ACH เป็นการภายในและโดยบริษัทภายนอกเป็นประจำเพื่อให้เป็นไปตามกฎของ Nacha และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอื่นๆ และเพื่อค้นหาจุดที่ต้องปรับปรุงในกลยุทธ์การป้องกันการฉ้อโกงและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

  • การเข้ารหัสข้อมูล: ใช้การเข้ารหัสขั้นสูงสำหรับข้อมูลทั้งหมดในระหว่างการส่งข้อมูลและขณะพัก รวมถึงอัลกอริทึมการเข้ารหัสใหม่ๆ ที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมหรือดีกว่า

  • ความเป็นส่วนตัวตั้งแต่กระบวนการออกแบบ: ผสานรวมความเป็นส่วนตัวเข้ากับการออกแบบระบบประมวลผล ACH เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าตลอดระยะเวลาของธุรกรรม และให้เข้าถึงได้ตามสิทธิ์ที่กำหนดบทบาทไว้เท่านั้น

การให้ความรู้และการสนับสนุนลูกค้า

  • การให้ความรู้แก่ลูกค้าเป็นการล่วงหน้า: พัฒนาโปรแกรมให้ความรู้ที่ครอบคลุม เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับประเด็นด้านความปลอดภัยของธุรกรรมแบบ ACH รวมถึงสถานการณ์การฉ้อโกงที่พบบ่อย และมาตรการป้องกันที่สามารถใช้ได้

  • การสนับสนุนในการตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ ACH: จัดให้มีการฝึกอบรมเฉพาะทางแก่ทีมสนับสนุนลูกค้าเพื่อจัดการกับข้อสงสัยเกี่ยวกับ ACH ในระดับสูง

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

  • ร่วมมือกับธนาคารและบริษัทฟินเทค: ร่วมมือกับธนาคารและบริษัทฟินเทคเพื่อใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบริษัทเหล่านี้ในด้านต่างๆ เช่น การตรวจจับการฉ้อโกง การจัดการความเสี่ยง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

  • มีส่วนร่วมในฟอรัมอุตสาหกรรม: มีส่วนร่วมในฟอรัมและคณะกรรมการที่หารือเกี่ยวกับกฎระเบียบและแนวโน้มของ ACH เพื่อให้รู้เท่าทันความเป็นไปในอุตสาหกรรมและนำไปใช้ในการกำหนดนโยบาย

Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก สามารถรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ เช่น ระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe