การโอนเงินผ่านสํานักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) เป็นวิธีที่นิยมใช้โดยธุรกิจและผู้ใช้เพื่อส่งหรือรับเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2022 มีการโอนเงินผ่าน ACH 3 หมื่นล้านรายการโดยมีมูลค่ามากกว่า 76 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้วิธีการชําระเงินนี้จะมีความสะดวกสบาย ประหยัดต้นทุน และได้รับความนิยม แต่ก็ยังพบว่าการโอนเงินผ่าน ACH ถูกปฏิเสธในบางครั้ง
เมื่อไม่สามารถประมวลผลการโอนเงินแบบ ACH ได้ เครือข่าย ACH จะส่ง "รหัสการปฏิเสธ" หรือ "รหัสตีกลับ" เพื่ออธิบายสาเหตุที่การโอนเงินไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยอาจมีสาเหตุพื้นฐาน เช่น หมายเลขบัญชีที่ไม่ถูกต้อง หรือสาเหตุซับซ้อนกว่าจากกฎและข้อจํากัดที่สถาบันการเงินกําหนดไว้สําหรับธุรกรรมประเภทนั้นๆ
เมื่อ ACH ปฏิเสธธุรกรรม ธุรกิจต่างๆ จําเป็นต้องทราบว่าข้อผิดพลาดคืออะไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต รวมถึงรักษาความไว้วางใจและความพึงพอใจของลูกค้า ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายรหัสการปฏิเสธประเภทต่างๆ รวมถึงสาเหตุที่เกิดการปฏิเสธ วิธีการป้องกัน และวิธีจัดการเมื่อเกิดปัญหานี้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การโอนเงินผ่าน ACH คืออะไร
- รหัสการปฏิเสธของ ACH คืออะไร
- สาเหตุเกิดการปฏิเสธ ACH
- รายการรหัสการปฏิเสธของ ACH
- วิธีที่ธุรกิจควรใช้เพื่อจัดการกับการปฏิเสธของ ACH
การโอนเงินผ่าน ACH คืออะไร
การโอนเงินผ่านสํานักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) คือการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบหนึ่งที่รับส่งเงินระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ ธุรกรรมเหล่านี้มักจะได้รับการประมวลผลเป็นกลุ่มและอยู่ภายใต้กฎที่ Nacha (หรือที่เรียกว่าสมาคมสํานักหักบัญชีอัตโนมัติแห่งชาติ) ในสหรัฐอเมริกากำหนดไว้
การโอนเงินผ่าน ACH เป็นวิธีการชําระเงินที่น่าเชื่อถือ ประหยัดค่าใช้จ่าย และตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายที่ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาให้การยอมรับในวงกว้าง แม้จะมีข้อจํากัดบางประการ แต่วิธีนี้มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านประสิทธิภาพการดําเนินงานและการจัดการค่าใช้จ่าย ต่อไปนี้คือประเด็นสําคัญที่ควรทราบเกี่ยวกับการโอนเงินผ่าน ACH
ลักษณะเฉพาะของการโอนเงินผ่าน ACH
ประหยัดค่าใช้จ่าย: การโอนเงินผ่าน ACH มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการโอนเงินระหว่างธนาคารและธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต ธุรกิจที่มุ่งลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานมักจะเลือกใช้ ACH โอนเงินด้วยเหตุผลดังกล่าว
ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย: สามารถใช้การโอนเงินวิธีนี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การจ่ายเงินเดือนโดยตรง การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น การชําระเงินค่าสมาชิก และการชําระเงินแก่ผู้ให้บริการ
การประมวลผลชุดเป็นกลุ่ม: การโอนเงินผ่าน ACH มักจะได้รับการประมวลผลเป็นกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจากธุรกรรมแบบเรียลไทม์ และมักจะส่งผลให้ระยะเวลาการชําระเงินนานกว่า ซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลาสูงสุด 3 วันทําการ
ประเภท: การโอนเงินผ่าน ACH แบ่งออกเป็นการหักบัญชีแบบ ACH และการชำระเครดิตผ่าน ACH การหักบัญชี ACH ช่วยให้ธุรกิจถอนเงินจากบัญชีอื่นได้ โดยต้องมีการอนุมัติล่วงหน้า การชำระเครดิตผ่าน ACH ช่วยให้ธุรกิจฝากเงินเข้าบัญชีได้ และธุรกิจต่างๆ มักจะใช้วิธีนี้สําหรับการจ่ายเงินเดือนและการชําระเงินแก่ผู้ให้บริการ
ความสําคัญต่อธุรกิจ
เป็นวิธีการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพสูง
การประมวลผลการโอนเงินผ่าน ACH เป็นกลุ่มจะช่วยให้ธุรกิจวางแผนกิจกรรมทางการเงินของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใดเป็นไปตามข้อบังคับด้านการชําระเงิน
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ Nacha จะช่วยให้มั่นใจถึงการใช้งานที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงหรือการโต้แย้งการชําระเงินได้ช่วยให้คาดการณ์ทางการเงินได้แม่นยำขึ้น
การโอนเงินผ่าน ACH ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการเงินสด เนื่องจากสามารถคาดการณ์ได้และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ธุรกิจสามารถคาดการณ์ด้านการเงินของตนได้แม่นยํามากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรที่ใช้ได้ใช้ได้กับกลยุทธ์การชําระเงินที่ยืดหยุ่น
ธุรกิจที่รับชําระเงินผ่าน ACH อาจน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้บัตรเครดิต ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
ข้อจํากัด
ใช้เวลาประมวลผลนานกว่า
ข้อเสียอย่างหนึ่งของการโอนเงินผ่าน ACH ก็คือเงินโอนจะเข้าบัญชีช้ากว่าปกติ ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 2-3 วัน ทำให้อาจเป็นปัญหาสําหรับธุรกิจที่ต้องการใช้เงินอย่างรวดเร็วความเสี่ยงที่จะเงินไม่เพียงพอ
การหักบัญชี ACH ดำเนินการไม่สำเร็จหากบัญชีของผู้ชําระเงินไม่มีเงินเพียงพอ ทําให้การชําระเงินล่าช้าและเกิดค่าธรรมเนียมได้การแก้ไขข้อผิดพลาดอาจมีความซับซ้อน
เนื่องจากการโอนเงินผ่าน ACH เป็นไปโดยอัตโนมัติและดําเนินการเป็นชุด ดังนั้น การจัดการข้อผิดพลาดอาจใช้เวลานานและซับซ้อนกว่าการชําระเงินรูปแบบอื่นๆ
รหัสการปฏิเสธของ ACH คืออะไร
รหัสการปฏิเสธของ ACH เป็นข้อความตัวอักษรและตัวเลขที่ระบุว่าเพราะเหตุใดธุรกรรม ACH จึงประมวลผลไม่สําเร็จ รหัสเหล่านี้อธิบายว่าเกิดข้อผิดพลาดใดกับการโอนเงินแบบ ACH โดยเฉพาะ ทําให้ธุรกิจและสถาบันการเงินดําเนินการแก้ไขได้
สาเหตุที่เกิดการปฏิเสธของ ACH ขึ้น
การปฏิเสธของ ACH อาจเกิดขึ้นได้จากเหตุผลหลายประการ ซึ่งโดยทั่วไปจะจัดอยู่ใน 1 ใน 5 ประเภท ดังนี้ ข้อผิดพลาดด้านการดูแลระบบ ปัญหาการอนุมัติวงเงิน ยอดเงินไม่เพียงพอ ข้อจำกัดด้านเวลาและการประมวลผล หรือการจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ แต่ละหมวดหมู่มีความท้าทายเฉพาะตัวและต้องการโซลูชันที่เฉพาะเจาะจง นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ ACH ปฏิเสธธุรกรรม
ข้อผิดพลาดในการดูแลระบบ
ข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง: หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ ACH ปฏิเสธธุรกรรมคือหมายเลขบัญชีหรือ Routing Number ไม่ถูกต้อง หากหมายเลขใดหมายเลขหนึ่งมีข้อผิดพลาด ธุรกรรมจะดำเนินการไม่สำเร็จ
บัญชีปิดไปแล้วหรือไม่มีอยู่: หากบัญชีถูกปิดหรือไม่มีอยู่ ธุรกรรม ACH จะถูกปฏิเสธด้วยรหัสเฉพาะ เช่น R02 หรือ R03
ประเภทบัญชีไม่ตรงกัน: ธุรกรรม ACH บางรายการอาจต้องใช้บัญชีประเภทที่เฉพาะเจาะจง เช่น บัญชีธุรกิจหรือบัญชีออมทรัพย์ หากข้อมูลไม่ตรงกัน การโอนเงินจะไม่สําเร็จ
ปัญหาการอนุมัติวงเงิน
ไม่มีการอนุมัติล่วงหน้า: ตามปกติแล้วเจ้าของบัญชีจะต้องให้การอนุมัติล่วงหน้าเพื่อให้หักเงินจากบัญชี ACH ได้สำเร็จ หากไม่มีการอนุมัติ ธุรกรรมจะถูกปฏิเสธ
การอนุมัติถูกเพิกถอจ: บางครั้งลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจอาจเพิกถอนการอนุมัติการหักบัญชีที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า ในกรณีเช่นนี้ ธุรกรรมผ่าน ACH ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจะถูกปฏิเสธ
การโต้แย้งการอนุมัติขององค์กร: ในบริบทของการทําธุรกรรมระดับองค์กร หากองค์กรแจ้งว่าตนไม่อนุมัติการหักบัญชีหรือการชำระเครดิตผ่าน ACH ธุรกรรมดังกล่าวจะถูกรายงานและปฏิเสธ
ปัญหาด้านการเงิน
เงินไม่เพียงพอ: เหตุผลพื้นฐานอีกข้อที่ทำให้ ACH ปฏิเสธธุรกรรมคือบัญชีที่จะหักเงินมีเงินไม่เพียงอ กรณีนี้ระบบจะทริกเกอร์รหัส R01
ยังไม่ได้เรียกเก็บเงิน: อาจมีเงินอยู่ในบัญชีแต่ยังไม่สรุปยอดหรือชำระ ทําให้มีรหัสการปฏิเสธ R09
คําสั่งหยุดการชําระเงิน: เจ้าของบัญชีมีสิทธิ์ออกคําสั่งหยุดการชําระเงินจากธุรกรรมบางรายการ เมื่อมีการออกคำสั่งดังกล่าว การหักบัญชีผ่าน ACH ที่เกี่ยวข้องจะถูกปฏิเสธ
ข้อจำกัดด้านเวลาและการประมวลผล
ข้อมูลธุรกรรมใช้ไม่ได้แล้วหรือหมดอายุ: ในบางกรณี ธุรกรรม ACH จะมีกรอบระยะเวลาการประมวลผลที่จํากัด หากส่งธุรกรรมช้าเกินไปก็อาจถูกปฏิเสธได้
เกินวงเงินธุรกรรม: ทั้งบัญชีส่วนบุคคลและธุรกิจจะมีวงเงินที่โอนได้แตกต่างกัน Nacha เพิ่มวงเงินสำหรับการโอนผ่าน ACH ในวันเดียวกันเป็น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อการชําระเงินแต่ละรายการ เมื่อปี 2022 การจ่ายเกินวงเงินเหล่านี้จะทําให้ธุรกรรมถูกปฏิเสธ
ปัญหาด้านระบบต้นทาง: บางครั้งปัญหาอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากบัญชีที่รับเงิน แต่เป็นสถาบันทางการเงินต้นทางที่ส่งคำขอโอนเงิน (ODFI) หากสถาบันเหล่านี้ขอตีกลับข้อมูลธุรกรรมด้วยเหตุผลบางประการ ธุรกรรมจะไม่เสร็จสมบูรณ์
การจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
กิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง: สถาบันการเงินจะติดตามกิจกรรมที่น่าสงสัยอย่างต่อเนื่อง ธุรกรรม ACH ที่ถูกทำเครื่องหมายว่าอาจถูกฉ้อโกง จะถูกปฏิเสธเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
การไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ: การไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ Nacha หรือมาตรฐานด้านการกํากับดูแลอื่นๆ ก็สามารถส่งผลให้ธุรกรรมถูกปฏิเสธได้เช่นกัน ซึ่งอาจรวมถึงการไม่เข้ารหัส หรือไม่ปฏิบัติตามโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย
การทําความเข้าใจเหตุผลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจและสถาบันการเงินปรับแต่งกระบวนการทำธุรกรรม ACH ให้เหมาะสม ปรับปรุงการแก้ไขปัญหา แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และโดยปกติแล้วจะช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น
รายการรหัสการปฏิเสธของ ACH

ในบางครั้ง ACH อาจส่งรหัสการปฏิเสธและตีกลับได้เมื่อคุณยอมรับการโอนเงินผ่านธนาคารเป็นวิธีการชําระเงิน ก่อนที่เราจะพูดคุยเกี่ยวกับรหัสที่เฉพาะเจาะจง เรามาทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์บางส่วนกัน
- รายการธุรกรรม: การส่งธุรกรรม ACH
- ตีกลับ: การที่ข้อมูลธุรกรรมถูกส่งกลับไปที่ ODFI หลังจากระบบยอมรับเพื่อประมวลผลแล้ว
- ปฏิเสธ: การที่ระบบไม่ยอมรับข้อมูลธุรกรรมในเครือข่าย ACH สําหรับการประมวลผลตั้งแต่แรก
- ODFI: สถาบันทางการเงินต้นทางที่ส่งคำขอโอนเงิน (Originating Depository Financial Institution) ที่ส่งธุรกรรม ACH
- RDFI: สถาบันทางการเงินที่รับโอนเงิน (Receiving Depository Financial Institution) ที่รับเงินจากธุรกรรม ACH
ต่อไปนี้คือรายการรหัสการปฏิเสธของ ACH แบบสมบูรณ์ พร้อมความหมาย สาเหตุ และการดำเนินการที่จำเป็น
R01 – เงินไม่เพียงพอ
- คำอธิบาย: มีเงินในบัญชีไม่เพียงพอสำหรับธุรกรรมนี้
- การป้องกัน: ตรวจสอบยอดคงเหลือในบัญชีเป็นประจําและตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมียอดคงเหลือต่ำ
- การดำเนินการ: ติดต่อเจ้าของบัญชีเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและส่งธุรกรรมเมื่อมีเงินพร้อมใช้แล้ว
R02 – บัญชีถูกปิด
- คำอธิบาย: เจ้าของบัญชีได้ปิดบัญชีที่กําลังพยายามเข้าถึง
- การป้องกัน: ยืนยันสถานะบัญชีก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: ขอข้อมูลบัญชีใหม่จากเจ้าของบัญชีและอัปเดตข้อมูลในระบบของคุณ
R03 – ไม่มีบัญชี/ไม่พบบัญชี
- คำอธิบาย: หมายเลขบัญชีหรือข้อมูล Routing Number ไม่ตรงกับบัญชีใดๆ ของ RDFI
- การป้องกัน: ยืนยันหมายเลขบัญชีก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: ขอข้อมูลบัญชีที่ถูกต้องจากผู้รับ
R04 – หมายเลขบัญชีไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: หมายเลขบัญชีที่ระบุในธุรกรรมไม่ถูกต้องเนื่องจากหมายเลขมีตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง ไม่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องแบบดิจิทัล หรือไม่ตรงกับหมายเลขบัญชีของ RDFI
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขบัญชีเทียบกับโครงสร้างที่กําหนดไว้ล่วงหน้า
- การดำเนินการ: ขอหมายเลขบัญชีที่ถูกต้องแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R05 – มีการหักบัญชีอัตโนมัติจากบัญชีผู้ใช้ผ่านรหัส SEC สําหรับองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต
- คำอธิบาย: มีการใช้รหัสข้อมูลมาตรฐาน (SEC) สําหรับบัญชีผู้ใช้อย่างไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบว่ามีการใช้รหัส SEC ที่ถูกต้องกับประเภทของธุรกรรม
- การดำเนินการ: แก้ไขรหัส SEC แล้วส่งธุรกรรมอีกครั้ง
R06 – ถูกตีกลับตามคําขอของ ODFI
- คำอธิบาย: ODFI ได้ตีกลับธุรกรรมนี้เนื่องจากเหตุผลหลายประการ
- การป้องกัน: ยืนยันรายละเอียดธุรกรรมก่อนส่ง
- การดำเนินการ: ติดต่อ ODFI เพื่อระบุปัญหาและตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไป
R07 – ลูกค้าเพิกถอนการอนุมัติ
- คำอธิบาย: ลูกค้าเพิกถอนการอนุมัติธุรกรรมแล้ว
- การป้องกัน: ตรวจสอบสถานะการอนุมัติและสื่อสารกับลูกค้าอยู่เสมอ
- การดำเนินการ: อย่าส่งธุรกรรมเดิมซ้ำโดยไม่ได้รับการอนุมัติใหม่
R08 – การชำระเงินถูกหยุด
- คำอธิบาย: เจ้าของบัญชีได้ส่งคําสั่งให้หยุดการชําระเงินในธุรกรรมนี้ รหัสนี้คือคำสั่งหยุดการชำระเงินที่พบได้บ่อยที่สุด เว้นแต่จะมีการหยุดดำเนินการจากเอกสารต้นทางหรือรายการธุรกรรมแบบ RCK (รายการธุรกรรมผ่านเช็คที่ส่งเข้าระบบอีกครั้งหรือเช็คเด้ง) ซึ่งมีรหัสเฉพาะด้านล่าง
- การป้องกัน: ยืนยันการอนุมัติและรายละเอียดการชําระเงินกับเจ้าของบัญชี
- การดำเนินการ: ติดต่อเจ้าของบัญชีเพื่อแก้ไขปัญหานี้
R09 – ยังไม่ได้เรียกเก็บเงิน
- คำอธิบาย: บัญชีอาจมีเงินรอฝากที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ซึ่งทําให้ธุรกรรมมีเงินไม่เพียงพอ
- การป้องกัน: ตรวจสอบกำหนดเวลาการฝากเงิน
- การดำเนินการ: คุณสามารถส่งธุรกรรมซ้ำได้เมื่อเก็บเงินแล้ว
R10 – ลูกค้าแจ้งว่าไม่อนุมัติ
- คำอธิบาย: ลูกค้าระบุว่าธุรกรรมไม่ได้รับการอนุมัติ
- การป้องกัน: ทำการอนุมัติให้เรียบร้อยก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อย่าส่งธุรกรรมเดิมซ้ำโดยไม่ได้ขอการอนุมัติใหม่
R11 – การตีกลับข้อมูลการแปลงเช็คเป็นดิจิทัล
- คำอธิบาย: เกิดข้อผิดพลาดในการแปลงเช็คเป็นดิจิทัล (การเคลียร์เช็ค) ด้วยเหตุผลหลายประการตามนโยบายของธนาคาร
- การป้องกัน: ยืนยันรายละเอียดเช็คก่อนแปลงเช็คเป็นดิจิทัล
- การดำเนินการ: ปรึกษาธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงและดําเนินการตามความจําเป็น
R12 – บัญชีถูกขายให้ RDFI รายอื่นแล้ว
- คำอธิบาย: ลูกค้าเปลี่ยนธนาคารและโอนบัญชีไปให้ RDFI รายอื่นแล้ว
- การป้องกัน: อัปเดตข้อมูลบัญชีเป็นประจํา
- การดำเนินการ: ขอรายละเอียดธนาคารใหม่จากลูกค้าและอัปเดตข้อมูลในระบบ
R13 – Routing Number ของ ACH ไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: Routing Number ของ ACH ไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ยืนยัน Routing Number ก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อัปเดต Routing Number แล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R14 – ตัวแทนผู้รับเงินถูกปฏิเสธหรือไม่สามารถดําเนินการต่อได้
- คำอธิบาย: ตัวแทนผู้รับเงินถูกปฏิเสธหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
- การป้องกัน: ติดตามสถานะตัวแทนผู้รับเงิน
- การดำเนินการ: หาตัวแทนผู้รับเงินรายใหม่และอัปเดตข้อมูลในระบบ
R15 – ผู้รับประโยชน์หรือเจ้าของบัญชีเสียชีวิต
- คำอธิบาย: ผู้รับประโยชน์หรือเจ้าของบัญชีเสียชีวิตไปแล้ว
- การป้องกัน: อัปเดตเจ้าของบัญชีและข้อมูลผู้รับประโยชน์เป็นประจํา
- การดำเนินการ: ยกเลิกธุรกรรมและปรึกษากับเจ้าของทรัพย์สินหรือเจ้าของบัญชีใหม่
R16 – บัญชีถูกระงับ
- คำอธิบาย: บัญชีถูกระงับเนื่องจากนโยบายด้านกฎหมายหรือนโยบายธนาคาร
- การป้องกัน: ติดตามปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบัญชี
- การดำเนินการ: ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อสอบถามรายละเอียดและแก้ไข
R17 – เกณฑ์การแก้ไขข้อมูลในระบบ
- คำอธิบาย: รายการธุรกรรมมีรูปแบบหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่ง RDFI อาจตีความว่าเป็นธุรกรรมที่เริ่มต้นภายใต้สถานการณ์ที่น่าสงสัย
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องในแต่ละช่องของข้อมูลก่อนที่จะส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขรายการแล้วส่งอีกครั้ง
R18 – ป้อนข้อมูลวันที่ที่ธุรกรรมมีผลไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: มีการเริ่มต้นธุรกรรมโดยใช้วันที่ที่ธุรกรรมมีผลไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นวันที่ที่ ODFI ต้องการให้ธุรกรรมเกิดขึ้น
- การป้องกัน: ยืนยันว่าป้อนวันที่ที่ธุรกรรมมีผลถูกต้องแล้วก่อนส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขวันที่แล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R19 – ข้อผิดพลาดในช่องจํานวนเงิน
- คำอธิบาย: ยอดเงินที่ป้อนในช่องจํานวนไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของจํานวนเงินก่อนส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขยอดเงินแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R20 – บัญชีที่ไม่ได้ใช้สำหรับทำธุรกรรม
- คำอธิบาย: มีนโยบายหรือข้อบังคับที่ป้องกันไม่ให้ทำธุรกรรม ACH ในบัญชีนี้
- การป้องกัน: ยืนยันประเภทบัญชีก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: ใช้วิธีการชําระเงินอื่นหรือบัญชีอื่น
R21 – ข้อมูลประจําตัวของบริษัทไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: ข้อมูลประจําตัวของบริษัทไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งมักจะเกิดจากการป้อนข้อมูลที่ผิด
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของรหัสบริษัทก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อัปเดตประจําตัวของบริษัทแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R22 – หมายเลขประจําตัวประชาชนไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: หมายเลขประจําตัวประชาชนที่ลูกค้าป้อนไม่ถูกต้อง (ปกติจะอยู่ในช่องหมายเลขประจําตัวประชาชน)
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขประจําตัวประชาชนก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อัปเดตหมายเลขประจําตัวประชาชนแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R23 – ผู้รับปฏิเสธรายการธุรกรรมเครดิต
- คำอธิบาย: สถาบันทางการเงินที่รับเงินจากธุรกรรม (RDFI) ปฏิเสธรายการธุรกรรมเดรดิต เนื่องมาจากการโต้แย้งการชําระเงินหรือไม่มีข้อตกลงที่บังคับใช้
- การป้องกัน: ยืนยันข้อกําหนดธุรกรรมร่วมกับ RDFI
- การดำเนินการ: แก้ไขปัญหาร่วมกับ RDFI และดําเนินการให้สอดคล้องกัน
R24 – ข้อมูลธุรกรรมซ้ำ
- คำอธิบาย: ส่งธุรกรรมรายการเดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง
- การป้องกัน: ใช้การควบคุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดธุรกรรมซ้ำ
- การดำเนินการ: ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ซ้ำกันจริงๆ และใช้มาตรการที่เหมาะสม
R25 – ข้อผิดพลาดของข้อมูลส่วนท้าย
- คำอธิบาย: ข้อมูลส่วนท้ายที่ระบุเจ้าของบัญชีหรือให้ข้อมูลการชําระเงินแก่ RDFI มีรายละเอียดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เรียงตามลําดับ
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของรข้อมูลส่วนท้ายก่อนที่จะส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขข้อมูลส่วนท้ายแล้วส่งอีกครั้ง
R26 – ข้อผิดพลาดในช่องข้อมูลที่ต้องระบุ
- คำอธิบาย: ไม่มีข้อมูลในช่องที่ต้องระบุ เนื่องจากการป้อนข้อมูลไม่ครบถ้วน ทําให้เจ้าหน้าที่ของ ACH ปฏิเสธธุรกรรม
- การป้องกัน: ตรวจสอบว่าคุณใส่ข้อมูลในช่องที่ต้องระบุครบแล้ว
- การดำเนินการ: ใส่ข้อมูลในช่องที่ยังไม่ระบุแล้วส่งอีกครั้ง
R27 – ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับหมายเลขติดตาม
- คำอธิบาย: หมายเลขติดตามที่ส่งไม่สอดคล้องกับหมายเลขติดตามในข้อมูลส่วนท้าย
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขติดตามก่อนส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขหมายเลขติดตามแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R28 – ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับหมายเลขตัวสุดท้ายใน Routing Number
- คำอธิบาย: หมายเลขตัวสุดท้ายใน Routing Number ไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบ Routing Number และหมายเลขตัวสุดท้าย
- การดำเนินการ: แก้ไขหมายเลขตัวสุดท้ายแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R29 – ลูกค้าองค์กรแจ้งว่าไม่อนุมัติ
- คำอธิบาย: เจ้าของบัญชีองค์กรได้แจ้ง RDFI ว่าธุรกรรมนั้นไม่ได้รับอนุมัติ
- การป้องกัน: ทำการอนุมัติให้เรียบร้อยก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อย่าส่งธุรกรรมเดิมซ้ำโดยไม่ได้ขอการอนุมัติใหม่
R30 – RDFI ไม่เข้าร่วมในโปรแกรมการแปลงเช็คเป็นดิจิทัล
- คำอธิบาย: RDFI ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการแปลงเช็คเป็นดิจิทัล
- การป้องกัน: ยืนยันความสามารถในการดำเนินการร่วมกับ RDFI
- การดำเนินการ: ใช้การชําระเงินรูปแบบอื่น
R31 – ธุรกรรมที่ตีกลับได้
- คำอธิบาย: RDFI ได้ขอให้ ODFI ตีกลับรูปแบบการชําระเงินของบัตรเครดิต บัตรเดบิตองค์กร หรือ Corporate Trade Exchange (CTX) และ ODFI ตกลงที่จะดำเนินการ
- การป้องกัน: ไม่มี เนื่องจากขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย
- การดำเนินการ: ปฏิบัติตามแนวทางที่ระบุไว้ในข้อตกลงระหว่าง ODFI และ RDFI
R32 – การชําระเงินที่ไม่เกี่ยวกับ RDFI
- คำอธิบาย: RDFI ไม่สามารถดำเนินการชำระเงินรายการนี้ด้วยเหตุผลหลายประการ
- การป้องกัน: ยืนยันความสามารถในการดำเนินการร่วมกับ RDFI
- การดำเนินการ: ปรึกษา RDFI เพื่อหาสาเหตุและดําเนินการให้เหมาะสม
R33 – การตีกลับข้อมูลธุรกรรม XCK
- คำอธิบาย: RDFI ได้ตีกลับข้อมูลเนื่องจากมีเช็คที่สูญหาย ถูกทําลาย หรือเสียหาย (ข้อมูลธุรกรรม XCK)
- การป้องกัน: ทําความคุ้นเคยกับเงื่อนไขการตีกลับเช็คที่สูญหายหรือเสียหาย
- การดำเนินการ: ประเมินว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถประมวลผลเช็คได้และดําเนินการขั้นตอนต่อไปให้สอดคล้องกัน
R34 – สถาบันทางการเงินที่ทำธุรกรรม (DFI) มีการเข้าร่วมที่จำกัด
- คำอธิบาย: หน่วยงานกํากับดูแลของรัฐบาลกลางหรือระดับรัฐจํากัดความสามารถของ RDFI ในการประมวลผลธุรกรรม ACH
- การป้องกัน: ยืนยันล่วงหน้าว่า RDFI สามารถดำเนินการได้
- การดำเนินการ: หารือกับ RDFI เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ
R35 – การตีกลับเนื่องจากข้อมูลธุรกรรมหักบัญชีไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: มีการส่งรายการธุรกรรมการหักบัญชีอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตในบางสถานการณ์
- การป้องกัน: ทําความเข้าใจเกณฑ์ของข้อมูลธุรกรรมการหักบัญชีที่ถูกต้อง
- การดำเนินการ: ประเมินสาเหตุและทําการแก้ไขก่อนส่งอีกครั้ง
R36 – การตีกลับเนื่องจากข้อมูลธุรกรรมเครดิตไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: มีการส่งรายการธุรกรรมเครดิตอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตในบางสถานการณ์
- การป้องกัน: ทําความเข้าใจเกณฑ์ของข้อมูลธุรกรรมเครดิตที่ถูกต้อง
- การดำเนินการ: ประเมินสาเหตุและทําการแก้ไขก่อนส่งอีกครั้ง
R37 – มีการแสดงเอกสารต้นทางสำหรับธุรกรรมแล้ว
- คำอธิบาย: มีการพยายามชําระเงินซ้ำโดยการแสดงเอกสารต้นทางที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ACH ของการชําระเงินที่มีอยู่ในระบบ
- การป้องกัน: ติดตามเอกสารต้นทางและรายการธุรกรรม ACH ที่เกี่ยวข้อง
- การดำเนินการ: ประเมินและแก้ไขข้อมูลที่ซ้ำกัน
R38 – หยุดการชําระเงินในเอกสารต้นทาง
- คำอธิบาย: เจ้าของบัญชีที่รับเงินจะขอให้หยุดการชําระเงินในเช็คที่แปลงเป็นการชําระเงินอิเล็กทรอนิกส์
- การป้องกัน: ติดตามคําสั่งหยุดการชําระเงิน
- การดำเนินการ: หยุดการประมวลผลและปรึกษาเจ้าของบัญชี
R39 – เอกสารต้นทางไม่เหมาะสม
- คำอธิบาย: เอกสารต้นทางที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินแบบ ACH ไม่ถูกต้องหรือไม่เพียงพอ
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารต้นทางก่อนสร้างข้อมูลธุรกรรม
- การดำเนินการ: แทนที่หรือแก้ไขเอกสารต้นฉบับ
R40 – การตีกลับข้อมูลธุรกรรม ENR โดยหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
- คำอธิบาย: หน่วยงานของรัฐบาลกลางตีกลับรายการข้อมูลที่ลงทะเบียนอัตโนมัติ (ข้อมูล ENR)
- การป้องกัน: ปฏิบัติตามกฎการส่งข้อมูล ENR
- การดำเนินการ: ปรึกษาหน่วยงานดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุและดําเนินการให้เหมาะสม
R41 – รหัสธุรกรรมไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: รหัสธุรกรรมไม่ถูกต้อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนโอนเงินแบบอัตโนมัติหรือบริการชําระเงินอัตโนมัติกับหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของรหัสธุรกรรมก่อนที่จะส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขรหัสธุรกรรมแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R42 – ข้อผิดพลาดของหมายเลขใน Routing Number/เช็ค
- คำอธิบาย: หมายเลขตัวสุดท้ายของ Routing Number ไม่ถูกต้องในข้อมูล ENR ของรัฐบาลกลาง
- การป้องกัน: ตรวจสอบ Routing Number และหมายเลขตัวสุดท้าย
- การดำเนินการ: แก้ไขหมายเลขตัวสุดท้ายแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R43 – หมายเลขบัญชี DFI ไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: หมายเลขบัญชี RDFI ไม่ถูกต้อง รหัสตีกลับนี้เกิดขึ้นเฉพาะในข้อมูล ENR เท่านั้น ทําให้สามารถใช้ได้กับเฉพาะหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขบัญชีก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: แก้ไขหมายเลขบัญชีแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R44 – หมายเลขประจําตัวประชาชนไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: หมายเลขประจําตัวประชาชนที่ระบุไม่ตรงกับหมายเลขประจําตัวประชาชนในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกรรมที่ทำกับรัฐบาลกลาง
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขประจําตัวประชาชนก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อัปเดตหมายเลขประจําตัวประชาชนแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R45 – ชื่อบุคคลไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: ชื่อเจ้าของบัญชีไม่ถูกต้องหรือสะกดผิด
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: อัปเดตชื่อแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R46 – รหัสระบุตัวแทนผู้รับเงินไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: รหัสระบุตัวแทนผู้รับเงินไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของรหัสระบุก่อนเริ่มต้นธุรกรรม
- การดำเนินการ: แก้ไขรหัสระบุแล้วส่งใหม่อีกครั้ง
R47 – การลงทะเบียนซ้ำกัน
- คำอธิบาย: RDFI ส่ง ENR ไปยังหน่วยงานของรัฐบาลกลางเพื่อเริ่มการชําระเงินผ่าน ACH หรือฝากเงินโดยตรงกับสถาบันเหล่านี้ ในกรณีนี้ ระบบได้ส่ง ENR เดียวกันมากกว่า 1 ครั้ง
- การป้องกัน: นําการควบคุมไปใช้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลงทะเบียนซ้ำ
- การดำเนินการ: ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ซ้ำกันจริงๆ และใช้มาตรการที่เหมาะสม
R50 – กฎหมายของรัฐมีผลต่อการยอมรับ RCK
- คำอธิบาย: RDFI อยู่ในรัฐที่ไม่อนุญาตให้ชําระเงินแบบดิจิทัล หรือกําหนดให้ยกเลิกเช็คเพื่อส่งตีกลับคืนลูกค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายของรัฐ
- การป้องกัน: ทําความคุ้นเคยกับกฎหมายของรัฐที่กํากับดูแลธุรกรรมของคุณ
- การดำเนินการ: ตรวจสอบกฎหมายเฉพาะของรัฐที่ธุรกรรมถูกเปลี่ยนเส้นทางไป และนำกฎหมายเหล่านั้นไปปฏิบัติกับธุรกรรมในอนาคต
R51 – รายการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล RCK นั้นไม่ตรงตามเกณฑ์หรือข้อมูล RCK ไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: รายการสําหรับเช็คที่ถูกตีกลับและส่งเข้าระบบอีกครั้งไม่เหมาะสําหรับการประมวลผลเนื่องจากไม่ตรงตามเกณฑ์ หรือข้อมูลได้รับการจัดเตรียมหรือดําเนินการอย่างไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานและความถูกต้องของข้อมูล
- การดำเนินการ: ตรวจสอบธุรกรรมเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมเป็นไปตามข้อบังคับและแนวทางทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
R52 – หยุดการชําระเงินในรายการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล RCK
- คำอธิบาย: เจ้าของบัญชีสั่งให้หยุดดำเนินการกับเช็คเด้งซึ่งกําลังจะถูกประมวลผลซ้ำด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
- การป้องกัน: ยืนยันว่าไม่มีคําสั่งหยุดการชําระเงินก่อนที่จะดําเนินการต่อ
- การดำเนินการ: ติดต่อธนาคารที่ออกบัตรหรือผู้ชําระเงินเพื่อแก้ไขปัญหานี้
R53 – รายการสินค้าและข้อมูล RCK ที่นำเข้าระบบเพื่อชำระเงิน
- คำอธิบาย: มีการส่งทั้งธุรกรรมแรกเริ่มและข้อมูล RCK ที่เกี่ยวข้องแล้ว ทําให้มีธุรกรรมซ้ำกัน
- การป้องกัน: ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเมื่อนำรายการและข้อมูลเข้าสู่ระบบ
- การดำเนินการ: กระทบยอดประวัติการชําระเงินเพื่อลดธุรกรรมที่ซ้ำซ้อน
R61 – ตีกลับธุรกรรมไปผิดที่
- คำอธิบาย: ส่งธุรกรรมที่ถูกปรับคืนไปยังสถาบันที่ไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบ Routing Number ให้ถูกต้อง
- การดำเนินการ: แก้ไขข้อมูล Routing Number แล้วส่งธุรกรรมอีกครั้ง
R62 – ตีกลับเนื่องจากมีการหักบัญชีที่ผิดพลาดหรือมีการปรับคืน
- คำอธิบาย: มีการส่งรายการหักบัญชีที่ผิดพลาดหรือจําเป็นต้องปรับคืน
- การป้องกัน: ตรวจทานข้อมูลอีกครั้งก่อนสรุป
- การดำเนินการ: ทําการแก้ไขหรือยกเลิกธุรกรรมตามความจําเป็น
R63 – จํานวนเงินเป็นดอลลาร์ไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: ยอดเงินเป็นดอลลาร์ที่ระบุในธุรกรรมไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ยืนยันยอดธุรกรรมก่อนส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขจํานวนเงินและเริ่มต้นธุรกรรมใหม่
R64 – ข้อมูลประจําตัวไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: หมายเลขประจําตัวประชาชนในธุรกรรมที่ตีกลับไม่ตรงกับหมายเลขในธุรกรรมเดิม
- การป้องกัน: ยืนยันข้อมูลประจําตัวบุคคล
- การดำเนินการ: อัปเดตข้อมูลและประมวลผลธุรกรรมอีกครั้ง
R65 – รหัสธุรกรรมไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: รหัสธุรกรรมไม่ถูกต้องสําหรับธุรกรรมประเภทนี้
- การป้องกัน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารหัสธุรกรรมถูกต้อง
- การดำเนินการ: อัปเดตรหัสธุรกรรมแล้วส่งธุรกรรมอีกครั้ง
R66 – ข้อมูลประจําตัวของบริษัทไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: ข้อมูลประจำตัวของบริษัทในธุรกรรมไม่ตรงกับหมายเลขข้อมูลในส่วนหัวของกลุ่มธุรกรรม ซึ่งเป็นข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการโอนธุรกรรมเป็นกลุ่ม
- การป้องกัน: ยืนยันข้อมูลประจำตัวของบริษัท
- การดำเนินการ: แก้ไขข้อมูลประจำตัวของบริษัทแล้วประมวลผลธุรกรรมอีกครั้ง
R67 – ตีกลับเนื่องจากมีข้อมูลซ้ำ
- คำอธิบาย: ธุรกรรมที่ตีกลับถูกประมวลผลไปแล้ว ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน
- การป้องกัน: ติดตามธุรกรรมตีกลับที่ดําเนินการแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งเข้ามาใหม่
- การดำเนินการ: ไม่จําเป็นต้องดําเนินการใดๆ แต่ควรตรวจสอบกระบวนการภายในเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์นี้ในอนาคต
R68 – ตีกลับเนื่องจากเกินเวลา
- คำอธิบาย: ธุรกรรมที่ตีกลับไม่ได้รับการประมวลผลตามกรอบเวลาที่กำหนด
- การป้องกัน: ตรวจสอบกําหนดเวลาสําหรับการประมวลผลธุรกรรมที่ตีกลับ
- การดำเนินการ: ส่งธุรกรรมอีกครั้งภายในระยะเวลาที่อนุญาต (หากเป็นไปได้)
R69 – ข้อผิดพลาดของช่องข้อมูล
- คำอธิบาย: ช่องข้อมูลอย่างน้อย 1 ช่องมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องโดย ODFI เช่น หมายเลขบัญชีไม่ถูกต้องหรือชื่อไม่ตรงกันในบัญชี ทําให้มีการตีกลับธุรกรรม
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของช่องข้อมูลทั้งหมดก่อนส่ง
- การดำเนินการ: แก้ไขข้อผิดพลาดในช่องที่ระบุแล้วส่งอีกครั้ง
R70 – ธุรกรรมที่อนุญาตให้ตีกลับไม่ได้รับการยอมรับ หรือธุรกรรมที่ตีกลับไม่ได้เกิดจากคำขอของ ODFI
- คำอธิบาย: ธุรกรรมที่ตีกลับอย่างถูกต้องไม่ได้รับการประมวลผลตามที่ควรจะเป็น หรือ ODFI ไม่ได้เป็นผู้ส่งคำขอให้ตีกลับ
- การป้องกัน: ปฏิบัติตามกฎของ ODFI เกี่ยวกับการตีกลับ
- การดำเนินการ: ตรวจสอบสาเหตุที่ไม่ยอมรับและดําเนินการให้สอดคล้องกัน
R71 – ตีกลับธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธชำระไปผิดที่
- คำอธิบาย: ธุรกรรมที่ส่งคืนเนื่องจากถูกปฏิเสธชำระ ซึ่งส่งกลับไปที่ ODFI อีกครั้งแต่ไม่ได้ดําเนินการอย่างถูกต้องและต้องส่งอีกครั้ง แต่กลับส่งไปผิดสถาบัน
- การป้องกัน: ตรวจสอบให้มั่นใจว่า Routing Number ของการตีกลับถูกต้อง
- การดำเนินการ: เปลี่ยนเส้นทางธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธชำระไปยังสถาบันที่เหมาะสม
R72 – ตีกลับธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธชำระและดำเนินการไม่ทันเวลา
- คำอธิบาย: ธุรกรรมที่ตีกลับเนื่องจากถูกปฏิเสธชำระนั้นไม่ได้รับการประมวลผลภายในกรอบเวลาที่กําหนด
- การป้องกัน: คอยติดตามกำหนดการสำหรับการตีกลับธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธชำระ
- การดำเนินการ: ส่งธุรกรรมอีกครั้งภายในกรอบเวลาที่อนุญาต
R73 – ตีกลับธุรกรรมเดิมตรงเวลา
- คำอธิบาย: RDFI กําลังยืนยันว่าตีกลับธุรกรรมเดิมได้รับการประมวลผลภายในกรอบเวลาที่กําหนด
- การป้องกัน: ไม่มี
- การดำเนินการ: ไม่ต้องดําเนินการใดๆ
R74 – การตีกลับธุรกรรมได้รับการแก้ไขแล้ว
- คำอธิบาย: การตีกลับธุรกรรมที่ดําเนินการอย่างไม่ถูกต้องก่อนหน้านี้ได้รับการแก้ไขแล้ว
- การป้องกัน: ไม่มี
- การดำเนินการ: ไม่ต้องดําเนินการใดๆ
R75 – ธุรกรรมที่ดีกลับไม่ซ้ำกัน
- คำอธิบาย: นี่คือการตอบกลับรหัสการปฏิเสธ R67 โดย RDFI กำลังคัดค้านการปฏิเสธชำระที่ไม่เหมาะสมของธุรกรรมที่ตีกลับโดย ODFI
- การป้องกัน: ไม่มี
- การดำเนินการ: ไม่ต้องดําเนินการใดๆ
R76 – ไม่พบข้อผิดพลาด
- คำอธิบาย: นี่คือการตอบกลับของรหัสการปฏิเสธ R69 ซึ่ง ODFI ระบุข้อผิดพลาดของช่องข้อมูล รหัสนี้ใช้เป็นการแจ้งว่าไม่เห็นด้วยอย่างเป็นทางการ โดยRDFI เชื่อว่าไม่มีข้อผิดพลาดังกล่าวอยู่
- การป้องกัน: ไม่มี
- การดำเนินการ: ไม่ต้องดําเนินการใดๆ
R77 – การไม่ยอมรับการตีกลับของธุรกรรมที่ปฏิเสธชำระรหัส R62
- คำอธิบาย: นี่คือการตอบกลับของรหัสการปฏิเสธ R62 ซึ่งหมายความว่า RDFI ได้ตีกลับธุรกรรมและการปรับคืนที่ไม่ถูกต้องแล้ว หรือไม่สามารถกู้คืนเงินจากผู้รับตามที่ระบุใน R62 ได้
- การป้องกัน: ทําความเข้าใจเกณฑ์การยอมรับการตีกลับธุรกรรมที่ปฏิเสธชำระ
- การดำเนินการ: ตรวจสอบเหตุผลที่ไม่ยอมรับแล้วส่งใหม่อีกครั้งตามที่กำหนด
นอกจากนี้ รหัสการปฏิเสธต่อไปนี้ยังเกี่ยวข้องกับธุรกรรม ACH ระหว่างประเทศ (IAT) ด้วย
R80 – ข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ดธุรกรรม IAT
- คำอธิบาย: เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ดของธุรกรรม IAT
- การป้องกัน: ตรวจสอบความถูกต้องของการเขียนโค้ดสําหรับธุรกรรม IAT
- การดำเนินการ: แก้ไขข้อผิดพลาดในการเขียนโค้ดแล้วส่งธุรกรรม IAT อีกครั้ง
R81 – ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรม IAT
- คำอธิบาย: RDFI ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรม IAT
- การป้องกัน: ตรวจสอบว่า RDFI มีส่วนร่วมในโปรแกรม IAT
- การดำเนินการ: ค้นหา RDFI ที่เข้าร่วมโปรแกรมหรือหลีกเลี่ยงการใช้ IAT เพื่อทําธุรกรรม
R82 – รหัสของ RDFI ต่างประเทศไม่ถูกต้อง
- คำอธิบาย: รหัสของ RDFI ต่างประเทศไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ตรวจสอบรายละเอียดรหัสสถาบันต่างประเทศซ้ำอีกครั้ง
- การดำเนินการ: แก้ไขรหัสและประมวลผลธุรกรรมอีกครั้ง
R83 – RDFI ต่างประเทศไม่สามารถชําระเงินได้
- คำอธิบาย: RDFI ต่างประเทศไม่สามารถทําธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ได้
- การป้องกัน: ยืนยันว่าสถาบันต่างประเทศสามารถชําระเงินธุรกรรมก่อนเริ่มต้น
- การดำเนินการ: ทํางานร่วมกับสถาบันต่างประเทศโดยตรงเพื่อแก้ไขปัญหา
R84 – รายการไม่ได้รับการประมวลผลโดยเกตเวย์
- คำอธิบาย: ธุรกรรมไม่ได้รับการประมวลผลโดยเกตเวย์ที่กำหนด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการที่ทําหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่าย ACH ของสถาบันทางการเงิน
- การป้องกัน: กําหนดเส้นทางธุรกรรมผ่านเกตเวย์ที่ใช้งานได้
- การดำเนินการ: ส่งธุรกรรมอีกครั้งผ่านเกตเวย์ที่ถูกต้องหรือติดต่อเกตเวย์เพื่อขอการแก้ไข
R85 – เขียนโค้ดไม่ถูกต้องสําหรับการชําระเงินขาออกระหว่างประเทศ
- คำอธิบาย: ระบบได้กําหนดรหัสสําหรับการชําระเงินขาออกระหว่างประเทศไว้ไม่ถูกต้อง
- การป้องกัน: ยืนยันการเขียนโค้ดของการชําระเงินระหว่างประเทศ
- การดำเนินการ: แก้ไขรหัสแล้วส่งธุรกรรมอีกครั้ง
วิธีที่ธุรกิจควรจัดการกับการปฏิเสธของ ACH
การปฏิเสธของ ACH ที่ลดลงทำให้ทีมของคุณมีภาระงานน้อยลงและลูกค้าดำเนินการง่ายขึ้น ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าได้
เพื่อป้องกันการปฏิเสธของ ACH ที่ไม่จําเป็นและจัดการการปฏิเสธเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจต่างๆ จําเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่รอบด้าน ซึ่งรวมถึงมาตรการป้องกัน การระบุปัญหาที่ทันเวลา และการดําเนินการติดตามผลที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้
มาตรการป้องกัน
ยืนยันข้อมูลบัญชี: ก่อนเริ่มต้นธุรกรรม ACH โปรดยืนยันบัญชีและ Routing Number ของผู้รับ คุณสามารถดําเนินการนี้ด้วยตนเองหรือผ่านบริการยืนยันทางอิเล็กทรอนิกส์
ใช้การอนุมัติที่ปลอดภัยและเหมาะสม: สําหรับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โปรดตรวจสอบว่าคุณได้ขอและจัดเก็บการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าหรือผู้ให้บริการไว้อย่างปลอดภัย อัปเดตข้อมูลเหล่านี้เป็นประจําเพื่อยืนยันว่าถูกต้อง
ใช้วงเงินธุรกรรม: กําหนดวงเงินต่อวันและต่อธุรกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกินยอดเงินที่อนุญาต ซึ่งอาจทําให้ระบบปฏิเสธได้
ให้ความรู้แก่พนักงานและพาร์ทเนอร์: ฝึกอบรมพนักงานซึ่งจัดการธุรกรรมทางการเงินที่มีความซับซ้อนของเครือข่าย ACH เป็นประจํา รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนดเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาด
ใช้การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์: นําระบบที่มีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ไปใช้กับยอดคงเหลือในบัญชีและสถานะของธุรกรรม วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการปฏิเสธเนื่องจากเงินไม่เพียงพอหรือมีเงินที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ
กระทบยอดบัญชีเป็นประจํา: กระทบยอดใบแจ้งยอดธนาคารอย่างสม่ำเสมอ โดยเทียบกับข้อมูลการทําบัญชีเพื่อตรวจหาข้อมูลที่ไม่ตรงกันที่อาจนําไปสู่การปฏิเสธ
การจัดการการปฏิเสธ
ระบุการปฏิเสธทันที: ตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งบุคลากรหลักทันทีที่เกิดการปฏิเสธขึ้นเพื่อช่วยให้ดําเนินการได้อย่างรวดเร็ว
ตีความรหัสการปฏิเสธ: ทําความเข้าใจเหตุผลการปฏิเสธโดยอ้างอิงจากรหัสการปฏิเสธของ ACH วิธีนี้จะช่วยแนะนำแนวทางการดําเนินการในครั้งต่อๆ ไปของคุณ
สื่อสารกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง: แจ้งให้ลูกค้า พนักงาน หรือผู้ให้บริการทราบเกี่ยวกับปัญหาและทํางานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา การดําเนินการนี้อาจเกี่ยวข้องกับการอัปเดตข้อมูลบัญชีหรือการรักษาแบบฟอร์มการอนุมัติใหม่ให้ปลอดภัย
ทําการแก้ไขที่จําเป็น: อัปเดตระบบภายในด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และเริ่มทําธุรกรรมใหม่ ACH หากจําเป็น
เก็บบันทึกข้อมูล: เก็บข้อมูลการปฏิเสธและการดําเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาไว้ในเอกสาร วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์สําหรับการตรวจสอบบัญชีและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
ประเมินและปรับขั้นตอน: หลังจากแก้ปัญหาแต่ละรายการแล้ว ให้วิเคราะห์เพื่อระบุรูปแบบหรือปัญหาของระบบ ทําการเปลี่ยนแปลงแบบมีขั้นตอนตามความจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
การดําเนินการสําหรับสถานการณ์เฉพาะ
เงินเดือน: สําหรับการฝากเงินเดือนโดยตรง ให้ตรวจสอบข้อมูลบัญชีอีกครั้งเมื่อพนักงานใหม่เริ่มต้นใช้งาน และทุกครั้งที่พนักงานรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดธนาคาร
การชําระเงินให้แก่ผู้ขาย: เมื่อชําระเงินให้ผู้ขาย โปรดตรวจสอบว่าคุณมีแบบฟอร์มและการอนุมัติที่เป็นปัจจุบัน เพื่อป้องกันความล่าช้าของธุรกรรมซึ่งอาจส่งผลต่อการปฏิบัติงานของซัพพลายเชนได้
การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าจากลูกค้า: สําหรับการชําระเงินตามรอบบิล หรือการชําระเงินแบบผ่อนชําระ ให้เตือนลูกค้าก่อนถึงรอบการเรียกเก็บเงินแต่ละรอบ เพื่อให้แน่ใจว่ามีเงินเพียงพอและเปิดโอกาสให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลบัญชีได้
ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ: สําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ให้ผสานฟีเจอร์การยืนยันเข้ากับเกตเวย์การชําระเงินเพื่อยืนยันรายละเอียดบัญชีแบบเรียลไทม์
ธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง: สําหรับธุรกรรมที่มียอดเงินสูง โปรดพิจารณาขั้นตอนการยืนยันเพิ่มเติม เช่น การยืนยันทางโทรศัพท์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธเนื่องจากปัญหาการอนุมัติหรือปัญหาเกี่ยวกับบัญชี
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ