เกณฑ์การประเมิน RFP ด้านการชำระเงิน: สิ่งที่ต้องถาม วัดผล และจัดลำดับความสำคัญ

คู่มือนี้จะอธิบายแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการประเมินคำขอสำหรับข้อเสนอ (RFP) จากผู้ให้บริการชำระเงิน รวมถึงสิ่งที่ควรขอ วัดผล และจัดลำดับความสำคัญ

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ภาพรวมบริษัทและโครงการ
  3. ฟังก์ชันการชำระเงินที่จำเป็น
  4. ข้อกำหนดทางเทคนิคและการผสานการทำงาน
  5. การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
  6. การรายงานและการวิเคราะห์
  7. การสนับสนุนลูกค้าและการจัดการบัญชี
  8. โครงสร้างค่าบริการ
  9. ข้อมูลอ้างอิงและประวัติการติดตาม
  10. คำแนะนำเกี่ยวกับข้อเสนอและลำดับเวลา
  11. คุณเปรียบเทียบฟังก์ชันทางเทคนิคระหว่างผู้ให้บริการอย่างไร
    1. ความน่าเชื่อถือและระยะเวลาให้บริการ
    2. ความสามารถในการขยายและประสิทธิภาพ
    3. วิธีการชำระเงินและช่องทาง
    4. การเข้าถึงทั่วโลกและความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น
    5. คุณภาพของ API และประสบการณ์ของนักพัฒนา
    6. นวัตกรรมและฟีเจอร์ขั้นสูง
  12. คุณควรต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการรับรองด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง
    1. PCI DSS ระดับ 1
    2. SOC 1 และ SOC 2
    3. กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    4. การเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็น
    5. การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการฉ้อโกงและความเสี่ยง
    6. การดำเนินงานด้านความปลอดภัย
  13. วิธีที่ดีที่สุดในการวัดผลการสนับสนุนลูกค้าและการจัดการบัญชีในข้อเสนอคืออะไร
    1. ช่องทางการสนับสนุนและความพร้อมใช้งาน
    2. เวลาตอบกลับและ SLA
    3. การจัดการบัญชี
    4. การใช้งานและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
    5. ข้อมูลอ้างอิงและตัวชี้วัด
  14. รายละเอียดค่าบริการใดที่คุณควรขอให้ผู้ให้บริการแยกย่อยใน RFP
    1. ค่าธรรมเนียมธุรกรรม
    2. การเรียกเก็บเงินรายเดือนและคงที่
    3. ค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียวและค่าติดตั้ง
    4. การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
    5. บริการเสริม
    6. ค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการชำระเงิน
    7. ส่วนลดตามปริมาณและระดับ
    8. สัญญาและค่าธรรมเนียมแอบแฝง
    9. การแจกแจงโครงสร้างราคา
  15. คุณประเมินการผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่ของคุณอย่างไร
    1. ความเข้ากันได้กับสแต็กของคุณ
    2. คุณภาพ API และเอกสารประกอบ
    3. เวลาในการเปิดตัวแล้ว
    4. เวิร์กโฟลว์ที่เหมาะสม
    5. การทดสอบและการรับรอง
    6. ความยืดหยุ่นในอนาคต
  16. คุณชั่งน้ำหนักฟีเจอร์การรายงาน การวิเคราะห์ และแดชบอร์ดในการตอบกลับใน RFP อย่างไร
    1. มุมมองที่รวมเป็นหนึ่งเดียว
    2. การรายงานแบบเรียลไทม์
    3. รายงานที่ออกแบบเองและการเข้าถึงข้อมูล
    4. ประสบการณ์การใช้งานแดชบอร์ด
    5. ความช่วยเหลือในการกระทบยอด
  17. KPI ใดที่สำคัญที่สุดเมื่อทำการเปรียบเทียบการตอบกลับใน RFP
    1. อัตราการอนุมัติและการยอมรับ
    2. ระยะเวลาให้บริการและความพร้อมใช้งาน
    3. ความเร็วในการชำระเงิน
    4. ต้นทุนต่อธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพ
    5. อัตราการฉ้อโกงและการดึงเงินคืน
    6. ความครอบคลุมของวิธีการและตลาด
    7. เวลาติดตั้งใช้งาน
    8. ความพร้อมในอนาคต
  18. คุณจะสังเกตสัญญาณเตือนในข้อเสนอของผู้ให้บริการได้อย่างไร
    1. เพิกเฉยต่อคำแนะนำ
    2. คำตอบที่คลุมเครือหรือหลบเลี่ยง
    3. ขาดข้อมูลอ้างอิง
    4. การกำหนดราคาเกินจริงหรือไม่สมจริง
    5. ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคุณ
    6. การใช้งานหรือแพ็กเกจการสนับสนุนที่อ่อนแอ
  19. Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

คำขอสำหรับข้อเสนอ (RFP) เป็นวิธีการเปรียบเทียบผู้ให้บริการอย่างมีโครงสร้างสำหรับธุรกิจต่างๆ วิธีนี้ทำให้ผู้ให้บริการสามารถแข่งขันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเผยให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขามีความมั่นคงเพียงใด ผู้ให้บริการจ่ายเงินเร็วแค่ไหน อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อการฉ้อโกงในการชำระเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และวิธีที่จะทำให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดในทุกตลาดที่คุณสนใจ โดยมีเพียง 13% ของผู้นำธุรกิจที่ใช้กระบวนการจัดการซัพพลายเออร์ที่เป็นทางการ ดังนั้น RFP จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของคุณในการถามคำถามที่ถูกต้องและค้นหาว่าผู้ให้บริการรายใดที่เหมาะสมกับคุณ

RFP ด้านการชำระเงินจะช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบผู้ให้บริการเกี่ยวกับการจัดการการชำระเงินได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด การปฏิบัติตามข้อกำหนด และประสบการณ์ของลูกค้า RFP ที่จัดทำขึ้นมาอย่างดีจะช่วยเปิดเผยข้อดีข้อเสียที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละตัวเลือก เพื่อให้คุณเห็นว่าใครพร้อมที่จะรองรับคุณเมื่อมีปริมาณการชำระเงินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือเมื่อมีกฎระเบียบเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางไตรมาส ด้านล่างนี้ คุณจะพบเกณฑ์สำคัญที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับ RFP ด้านการชำระเงิน

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • คุณควรรวมอะไรไว้ใน RFP อยู่เสมอสำหรับการประมวลผลการชำระเงิน
  • คุณเปรียบเทียบฟังก์ชันทางเทคนิคระหว่างผู้ให้บริการอย่างไร
  • คุณควรต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการรับรองด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง
  • วิธีที่ดีที่สุดในการวัดผลการสนับสนุนลูกค้าและการจัดการบัญชีในข้อเสนอคืออะไร
  • รายละเอียดราคาอะไรบ้างที่คุณควรขอให้ผู้ให้บริการแจกแจงใน RFP
  • คุณประเมินการผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่ของคุณอย่างไร
  • คุณชั่งน้ำหนักฟีเจอร์การรายงาน การวิเคราะห์ และแดชบอร์ดในการตอบกลับใน RFP อย่างไร
  • KPI ใดที่สำคัญที่สุดเมื่อเปรียบเทียบการตอบกลับใน RFP
  • คุณจะสังเกตเห็นสัญญาณเตือนในข้อเสนอของผู้ให้บริการได้อย่างไร
  • Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

เป้าหมายของ RFP ด้านการชำระเงินคือการรวบรวมคำตอบที่สอดคล้องกันและเปรียบเทียบคำตอบจากผู้ให้บริการทุกราย เพื่อให้คุณเห็นว่าใครเหมาะสมกับธุรกิจของคุณจริงๆ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องระบุความต้องการของคุณอย่างละเอียดและอย่าปล่อยให้มีคำตอบคลุมเครือ การรวมส่วนต่างๆ ต่อไปนี้เข้าด้วยกันจะช่วยให้คุณเปรียบเทียบผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจของคุณได้อย่างชัดเจน

ภาพรวมบริษัทและโครงการ

เริ่มต้นด้วยการทำให้ผู้ให้บริการเข้าใจความเป็นจริงของคุณ ให้แบ่งปันโมเดลธุรกิจ ปริมาณธุรกรรมเฉลี่ย ฐานลูกค้า และเป้าหมายการเติบโตของคุณ เปิดเผยเกี่ยวกับความท้าทายที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อโกง การขยายธุรกิจไปทั่วโลก หรือการเรียกเก็บค่าบริการ หากไม่มีบริบทดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจเลือกให้คำตอบทั่วไปที่ไม่ช่วยให้คุณประเมินความเหมาะสมได้

ฟังก์ชันการชำระเงินที่จำเป็น

ระบุวิธีการชำระเงินและช่องทางที่คุณต้องการในปัจจุบันและที่อาจต้องใช้ในอนาคต หากคุณขายสินค้าในต่างประเทศ ให้ระบุสกุลเงินและวิธีการชำระเงินในท้องถิ่น การพลาดวิธีที่สำคัญอาจหมายถึงการสูญเสียยอดขาย ดังนั้นควรบังคับให้ผู้ให้บริการยืนยันการรองรับสำหรับแต่ละตัวเลือก คุณจะสามารถเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าใครมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมและใครที่ยังมีช่องโหว่อยู่

ข้อกำหนดทางเทคนิคและการผสานการทำงาน

การชำระเงินต้องสอดคล้องกับระบบที่คุณใช้อยู่แล้ว ซึ่งอาจหมายถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) แพลตฟอร์มการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) แอปพลิเคชันอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือแม้แต่สแต็กเทคโนโลยีที่ออกแบบเอง โดยใน RFP ของคุณ ให้อธิบายระบบของคุณและสอบถามว่าผู้ให้บริการจะผสานการทำงานรวมระบบเหล่านั้นอย่างไร เพื่อทำความเข้าใจว่ากระบวนการนั้นจะเป็นอย่างไร

การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

กำหนดให้ผู้ให้บริการยืนยันการปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI DSS (ระดับ 1) และขอหลักฐานที่รวมมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ: รายงาน SOC 1 และ SOC 2, การปฏิบัติตามข้อกำหนด GDPR, แนวทางปฏิบัติในการเข้ารหัส การแปลงเป็นโทเค็น การป้องกันการฉ้อโกง และแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์

การรายงานและการวิเคราะห์

ข้อมูลการชำระเงินจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณสามารถมองเห็นและใช้งานได้จริง ให้ระบุรายงานที่คุณต้องการ: แดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ การส่งออกข้อมูลระดับธุรกรรม รายงานที่กำหนดเอง การเข้าถึงอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) สำหรับคลังข้อมูลของคุณ และเครื่องมือกระทบยอด

การสนับสนุนลูกค้าและการจัดการบัญชี

เทคโนโลยีมีความสำคัญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดความขัดข้องก็สำคัญเช่นกัน ให้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับความพร้อมในการสนับสนุน ช่องทางการสนับสนุน ข้อตกลงเกี่ยวกับระดับบริการ (SLA) สำหรับเวลาในการตอบสนอง รวมถึงการจัดการบัญชี

โครงสร้างค่าบริการ

การเปรียบเทียบราคาอาจล้มเหลวเมื่อผู้ให้บริการเสนอราคาแตกต่างกัน ดังนั้นควรมีการกำหนดรูปแบบ กำหนดให้มีการแจกแจงรายละเอียด: ค่าธรรมเนียมการตั้งค่า ค่าธรรมเนียมรายเดือน การเรียกเก็บเงินต่อธุรกรรม ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนหรือค่าธรรมเนียมเครือข่ายบัตร ค่าใช้จ่ายข้ามพรมแดน ค่าธรรมเนียมในการดึงเงินคืน และการเพิ่มราคาสำหรับการแปลงสกุลเงิน และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกงการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

ข้อมูลอ้างอิงและประวัติการติดตาม

ให้ขอกรณีศึกษาและเอกสารอ้างอิงจากธุรกิจที่คล้ายกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของอุตสาหกรรม โมเดลธุรกิจ หรือปริมาณธุรกรรม การพูดคุยกับลูกค้าปัจจุบันมักจะเป็นส่วนที่เปิดเผยข้อมูลได้มากที่สุดของกระบวนการ

คำแนะนำเกี่ยวกับข้อเสนอและลำดับเวลา

ในท้ายที่สุด ให้กำหนดกฎพื้นฐาน ระบุโครงร่างที่ชัดเจนว่าคุณต้องการให้คำตอบมีโครงสร้างอย่างไร และกำหนดเวลาสำหรับแต่ละขั้นตอน เช่น คำถาม การส่งคำตอบ รวมถึงการสาธิตต่างๆ กระบวนการ RFP เองก็เป็นหนึ่งในการทดสอบความใส่ใจในรายละเอียด

คุณเปรียบเทียบฟังก์ชันทางเทคนิคระหว่างผู้ให้บริการอย่างไร

การประเมินทางเทคนิคคือการที่คุณแยกผู้ให้บริการชำระเงินที่สามารถตามทันธุรกิจของคุณออกจากผู้ให้บริการที่คุณจะเติบโตเกินกว่า ให้เปรียบเทียบตัวเลข ตรวจสอบฟังก์ชัน และอย่ามองข้ามส่วนเสริมต่างๆ เช่นการแปลงเป็นโทเค็น และตรรกะการลองอีกครั้ง หากโครงสร้างพื้นฐานสะดุด รายรับของคุณก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน ให้ดูว่าระบบของผู้ให้บริการถูกสร้างมาเพื่อทำอะไรจริงๆ โดยสอบถามเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่อไปนี้

ความน่าเชื่อถือและระยะเวลาให้บริการ

ทุกนาทีของการระยะเวลาหยุดทำงานอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขาย ให้ขอตัวเลขที่ชัดเจน: ระยะเวลาให้บริการในอดีต SLA และวิธีจัดการกับความซ้ำซ้อน ความแตกต่างระหว่างระยะเวลาให้บริการ 99.95% และ 99.999% นั้นมีนัยสำคัญมาก ให้สอบถามผู้ให้บริการเพื่ออธิบายว่าพวกเขายังคงประมวลผลข้อมูลออนไลน์ได้อย่างไรหากศูนย์ข้อมูลล่ม

ความสามารถในการขยายและประสิทธิภาพ

พาร์ทเนอร์ที่ดีควรรองรับปริมาณการใช้งานในช่วงวันหยุดหรือความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีความล่าใช้ในการชำระเงิน ให้มองข้อมูลต่างๆ เช่น ผลการทดสอบภาวะวิกฤต หรือจำนวนธุรกรรมสูงสุดต่อวินาที เพื่อดูว่าผู้ให้บริการแต่ละรายรักษาประสิทธิภาพที่ดีภายใต้ภาระงานหนักได้อย่างไร ผู้ให้บริการที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเนทีฟคลาวด์ที่ปรับขนาดได้อัตโนมัติ มักจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ดีกว่าผู้ให้บริการที่มีความจุคงที่

วิธีการชำระเงินและช่องทาง

ขอบเขตเป็นเรื่องสำคัญ หากคุณดำเนินการขายทั่วโลก คุณจะต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล การโอนเงินผ่านธนาคารในท้องถิ่น และวิธีการเฉพาะภูมิภาคเพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ใน RFP ของคุณ ให้สอบถามว่าผู้ให้บริการรองรับวิธีการใดบ้างในปัจจุบัน และพวกเขาสามารถเปิดใช้งานวิธีการใหม่ๆ ได้รวดเร็วเพียงใด พาร์ทเนอร์ที่สามารถเปิดใช้งาน iDEAL และ Klarna ได้ภายในไม่กี่วัน จะช่วยให้คุณสามารถแข่งขันในยุโรปได้ ในขณะที่พาร์ทเนอร์ที่ใช้เวลานานในการตั้งค่าอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการละทิ้งตะกร้าสินค้า

การเข้าถึงทั่วโลกและความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น

ฟังก์ชันระดับโลกจะต้องมีความสัมพันธ์กับการรับเงินในท้องถิ่น การชำระเงินในหลายสกุลเงิน และขั้นตอนการชำระเงินที่ให้ความรู้สึกเป็นว่าเป็นของท้องถิ่นในทุกๆ ตลาด ผู้ให้บริการที่มีการเชื่อมต่อกับธนาคารในท้องถิ่นและการชำระเงินในหลากหลายภาษาจะสามารถสร้างความแตกต่างในการเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินในต่างประเทศได้

คุณภาพของ API และประสบการณ์ของนักพัฒนา

นักพัฒนาของคุณมีแนวโน้มที่จะต้องทำงานกับ API ของผู้ให้บริการ ดังนั้นให้คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ลองขอตรวจสอบเอกสารประกอบดู ปลายทางมีความทันสมัยหรือไม่ สอดคล้องกับรูปแบบสถาปัตยกรรม API ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น REST หรือไม่ ผู้ให้บริการที่ปฏิบัติต่อ API ของตนเหมือนเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นหนึ่งจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากเพียงใด

นวัตกรรมและฟีเจอร์ขั้นสูง

ผู้ให้บริการที่ดีที่สุดสามารถช่วยให้คุณรักษาเงินได้มากขึ้น ฟีเจอร์เช่น ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ (เพื่อให้บัตรที่บันทึกไว้ยังคงใช้ได้) การลองใหม่อย่างชาญฉลาดเมื่อมีการเรียกเก็บเงินที่ล้มเหลว รวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงด้วยแมชชีนเลิร์นนิงที่เป็นส่วนหนึ่งของรายละเอียดทางเทคนิคที่สามารถช่วยรักษารายรับไว้ได้

คุณควรต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการรับรองด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง

RFP ของคุณควรแสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด และจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของคุณในทุกๆ ที่ที่คุณดำเนินงาน ให้ดูวัฒนธรรมเกี่ยวกับความโปร่งใสด้วย เช่น ความเต็มใจที่จะแบ่งปันผลการตรวจสอบ การอธิบายกระบวนการต่างๆ ให้คุณฟัง และการตอบคำถามยากๆ โดยตรง จุดอ่อนเพียงจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือการจัดการข้อมูล อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกปรับ ถูกละเมิด และสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า

นี่คือฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่คุณต้องการจากผู้ให้บริการของคุณ

PCI DSS ระดับ 1

เริ่มต้นด้วยมาตรฐานพื้นฐาน: PCI DSS (มาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลในอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน) ผู้ประมวลผลใดๆ ควรเป็นปฏิบัติตามตามข้อกำหนด PCI แต่มาตรฐานระดับทองคำคือการรับรองผู้ให้บริการระดับ 1: เป็นระดับสูงสุดและได้รับการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี ให้ขอการรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดในปัจจุบันจากผู้ให้บริการ

SOC 1 และ SOC 2

การตรวจสอบอิสระ เช่น รายงานการควบคุมระบบและองค์กร (SOC) ก็มีความสำคัญเช่นกัน รายงาน SOC 1 จะตรวจสอบยืนยันการควบคุมการรายงานทางการเงินของผู้ให้บริการที่มีศักยภาพ ขณะที่รายงาน SOC 2 จะตรวจสอบแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย

กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

ผู้ให้บริการของคุณจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคของตน หากคุณให้บริการลูกค้าในยุโรป คุณต้องมีผู้ประมวลผลที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนด GDPR ได้ ในแคลิฟอร์เนีย CCPA จะมีผลใช้บังคับ ในขณะเดียวกัน บริษัทในบราซิลควรพิจารณาเกี่ยวกับ LGPD โดย RFP ของคุณควรถามว่าข้อมูลการชำระเงินจัดเก็บไว้ที่ใด ถ่ายโอนอย่างไร และสอดคล้องกับกรอบกฎหมายใดบ้าง พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมจะสามารถพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดเหล่านี้ได้อย่างไม่ลังเล

การเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็น

นอกเหนือจากการรับรองแล้ว ให้เจาะลึกแนวทางปฏิบัติทางเทคนิค ให้สอบถามว่าข้อมูลบัตรถูกเข้ารหัสอย่างไรขณะเคลื่อนย้ายข้ามเครือข่าย (ระหว่างการถ่ายโอน) และขณะที่จัดเก็บไว้ (ขณะจัดเก็บ) ให้ยืนยันว่าพวกเขาทำการแปลงเป็นโทเค็นสำหรับหมายเลขบัตร ณ จุดที่การหักยอดดิบเพื่อไม่ให้หมายเลขบัญชีหลัก (PAN) สัมผัสกับระบบของคุณ ให้ถามว่าผู้ให้บริการว่ามีการจัดการคีย์การเข้ารหัสอย่างไร เช่น พวกเขาอาจใช้โมดูลความปลอดภัยทางด้านฮาร์ดแวร์ (HSM) แทน

การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการฉ้อโกงและความเสี่ยง

การป้องกันการฉ้อโกงยังหมายถึงการปฏิบัติตามกฎของเครือข่ายบัตรและกฎระเบียบในระดับภูมิภาค ในยุโรป หมายถึง การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ภายใต้ PSD2 ให้สอบถามผู้ให้บริการว่ารองรับวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ เช่น 3D Secure หรือไม่ หากคุณทำงานกับมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ศึกษาเพิ่มเติมว่าผู้ให้บริการจัดการกับข้อกำหนดเรื่อง Know Your Customer (KYC) และข้อกำหนดเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน (AML) อย่างไร

การดำเนินงานด้านความปลอดภัย

การรับรองเปรียบเสมือนภาพสแน็ปช็อต สิ่งสำคัญในแต่ละวันคือวิธีที่ผู้ให้บริการจัดการกับภัยคุกคาม ให้ใช้ RFP เพื่อตรวจสอบขั้นตอนความปลอดภัยของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและตรวจจับการบุกรุกหรือไม่ ผู้ให้บริการป้องกันการโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) อย่างไร ผู้ให้บริการดำเนินการทดสอบการเจาะระบบบ่อยแค่ไหน และผู้ให้บริการมีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะหรือไม่

ให้สอบถามเกี่ยวกับแผนการรับมือกับเหตุการณ์ของผู้ให้บริการด้วย เช่น สามารถแจ้งลูกค้าได้เร็วแค่ไหน และหากเกิดการละเมิดขึ้นมา ผู้ให้บริการที่ดีควรสามารถอธิบายกระบวนการได้อย่างละเอียด

วิธีที่ดีที่สุดในการวัดผลการสนับสนุนลูกค้าและการจัดการบัญชีในข้อเสนอคืออะไร

การสนับสนุนเป็นความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่อง ใน RFP ของคุณ ควรระบุคำมั่นสัญญาที่ชัดเจนเกี่ยวกับความพร้อมใช้งาน เวลาตอบกลับ การจัดการบัญชี และกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน ข้อเสนอที่แชร์รายละเอียดที่เป็นรูปธรรมคือข้อเสนอที่จะยืนหยัดภายใต้แรงกดดันเมื่อธุรกิจของคุณต้องการมากที่สุด

ด้านล่างนี้คือเกณฑ์บางส่วนที่ควรพิจารณา

ช่องทางการสนับสนุนและความพร้อมใช้งาน

เริ่มต้นด้วยพื้นฐาน: คุณจะติดต่อพวกเขาได้เมื่อใดและอย่างไร สอบถามว่าการสนับสนุนพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ใช่หรือไม่ และผ่านช่องทางใด (เช่น โทรศัพท์ แชท อีเมล) หากคุณดำเนินงานในต่างประเทศ โปรดยืนยันว่าพวกเขาสามารถให้การสนับสนุนในหลายภาษา

เวลาตอบกลับและ SLA

ขอให้ผู้ให้บริการแชร์ SLA ของตน: เวลาตอบกลับโดยเฉลี่ยสำหรับการหยุดทำงานที่สำคัญ เวลาในการแก้ไขปัญหาโดยเฉลี่ย และการรับประกันเหล่านี้เป็นไปตามสัญญาหรือไม่

การจัดการบัญชี

นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาฉุกเฉินแล้ว คุณต้องการให้ใครสักคนที่สนับสนุนธุรกิจของคุณ ให้ถามว่าคุณจะมีผู้จัดการบัญชีเฉพาะหรือผู้จัดการความสำเร็จของลูกค้าหรือไม่ พวกเขาจะกำหนดเวลาการตรวจสอบธุรกิจรายไตรมาสใช่หรือไม่ พวกเขาจะติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพของคุณและแนะนำการปรับปรุงใช่หรือไม่ รายละเอียดเหล่านี้ทำให้ผู้ให้บริการธุรกรรมแตกต่างจากพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์

การใช้งานและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

การใช้งานจริงเป็นอุปสรรคในตัวเอง ดังนั้นควรสอบถามเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่นำไปใช้งาน พวกเขามอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการเริ่มต้นใช้งานใช่หรือไม่ มีการจัดหาวิศวกรเกี่ยวกับการผสานการทำงานหรือไม่ มีการเสนอการฝึกอบรมสำหรับทีมของคุณหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดเส้นทางสู่การเปิดตัวของคุณได้

ข้อมูลอ้างอิงและตัวชี้วัด

คุณภาพการสนับสนุนอาจวัดผลได้ยากบนกระดาษ ดังนั้นควรส่งหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ให้ขอข้อมูลอ้างอิงจากผู้ที่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับการสนับสนุนและการจัดการบัญชีโดยเฉพาะได้ ผู้ให้บริการบางรายจะติดตามคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (CSAT) หรือคะแนนผู้สนับสนุนสุทธิ (NPS) สำหรับทีมสนับสนุนของตน ข้อเสนอที่มีข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าจริงจะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในโมเดลการสนับสนุนของพวกเขา

รายละเอียดค่าบริการใดที่คุณควรขอให้ผู้ให้บริการแยกย่อยใน RFP

การกำหนดราคาเป็นสิ่งที่ RFP อาจสร้างความสับสน โครงสร้างค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ให้บริการแต่ละรายอาจแตกต่างกันอย่างมาก และหากคุณปล่อยให้ผู้ให้บริการนำเสนอค่าใช้จ่ายในรูปแบบของตนเอง การเปรียบเทียบที่ชัดเจนอาจเป็นเรื่องยาก วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้ข้อมูลที่ยุติธรรมคือการแยกย่อยรายละเอียดด้วยตัวเอง

นี่คือสิ่งที่คุณควรขอดูเสมอ

ค่าธรรมเนียมธุรกรรม

เริ่มต้นด้วยสิ่งที่เป็นหลัก: การกำหนดราคาต่อธุรกรรม ผู้ให้บริการบางรายอาจเสนอราคาเปอร์เซ็นต์คงที่บวกค่าธรรมเนียมคงที่ บางรายอาจใช้ค่าบริการแลกเปลี่ยนบวกค่าธรรมเนียม โดยส่งค่าธรรมเนียมที่แน่นอนของเครือข่ายบัตรบวกกับการเพิ่มราคาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ให้ผู้ให้บริการแสดงอัตราตามประเภทบัตรและสำหรับวิธีการชำระเงินที่ไม่ใช้บัตร และระบุอัตราในประเทศและข้ามพรมแดนด้วย: ธุรกรรมระหว่างประเทศอาจมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า

การเรียกเก็บเงินรายเดือนและคงที่

สอบถามเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ค่าธรรมเนียมเกตเวย์การชำระเงิน ค่าธรรมเนียมใบแจ้งยอด หรือค่าธรรมเนียมขั้นต่ำรายเดือน ผู้ให้บริการบางรายอาจยกเว้นค่าธรรมเนียมเหล่านี้ ในขณะที่บางรายรวมค่าธรรมเนียมเหล่านี้ไว้ด้วย ให้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าค่าธรรมเนียมรายเดือนครอบคลุมอะไรบ้าง หากปริมาณการชำระเงินของคุณผันผวน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกปรับหากยอดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

ค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียวและค่าติดตั้ง

ผู้ให้บริการบางรายอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตั้งค่าหรือค่าธรรมเนียมกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน บางรายอาจเรียกเก็บค่าบริการย้ายข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังย้ายโทเค็นการชำระเงินที่จัดเก็บไว้จากผู้ประมวลผลรายก่อน ให้ขอข้อมูลโดยละเอียดทั้งหมดนี้ใน RFP ของคุณ

การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน

ผู้ประมวลผลหลายรายอาจเรียกเก็บธรรมเนียมคงที่ต่อการโต้แย้งการชำระเงิน บวกกับค่าใช้จ่ายของธุรกรรมนั้นเอง ให้ขอให้ผู้ให้บริการระบุค่าธรรมเนียมในการดึงเงินคืนอย่างชัดเจน และอธิบายว่าพวกเขาเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมสำหรับการเป็นตัวแทน (การต่อสู้กับการโต้แย้งข้อพิพาท) หรือไม่ บางรายอาจมาพร้อมกับบริการจัดการดึงเงินคืนหรือการประกันภัย หากเป็นเช่นนั้น ให้สอบถามรายละเอียดราคาล่วงหน้า

บริการเสริม

เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง การตรวจสอบสิทธิ์ขั้นสูง การเรียกเก็บค่าบริการ โมดูลการออกใบแจ้งหนี้ การแปลงเป็นโทเค็น และการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ซึ่งทั้งหมดอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ให้สอบถามผู้ให้บริการเพื่อกำหนดราคาของแต่ละฟีเจอร์ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานในตอนนี้ก็ตาม คุณควรทราบราคาพื้นฐานหากขยายบริการในภายหลัง

ค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการชำระเงิน

การชำระเงินข้ามพรมแดนมีอีกชั้นหนึ่ง นั่นคือค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน ผู้ให้บริการบางรายส่งผ่านอัตราเครือข่ายบวกกับการเพิ่มราคาเพิ่มเติม ในขณะที่บางรายคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเอง หากคุณต้องการชำระเงินด้วยหลายสกุลเงิน ให้สอบถามว่าสามารถรองรับได้หรือไม่ และมีค่าธรรมเนียมหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการทั่วโลก ดังนั้นควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ส่วนลดตามปริมาณและระดับ

ผู้ให้บริการหลายรายเปิดรับโมเดลค่าบริการแบบแบ่งระดับ เช่น การกำหนดเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำลงเมื่อคุณทำธุรกรรมผ่านยอดธุรกรรมที่กำหนด ให้ขอบัตรราคาที่แสดงเกณฑ์ขั้นต่ำในแต่ละระดับของการประมวลผลรายเดือน แม้ว่าตอนนี้คุณจะมีปริมาณธุรกรรมน้อยกว่าก็ตาม ให้ยืนยันระยะเวลาในการรับประกันอัตราค่าบริการ และยืนยันว่าคุณอยู่ในรอบการตรวจสอบรายปีหรือรอบการเจรจาต่อรองใหม่

สัญญาและค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ความประหลาดใจบางอย่างจะปรากฏในรายละเอียดเท่านั้น ให้ใช้ RFP ของคุณเพื่อประเมินค่าปรับการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ค่าธรรมเนียมการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI ค่าธรรมเนียมใบแจ้งยอด หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ "ไม่ผ่านการรับรอง" ให้สอบถามเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาโดยตรง: เป็นรายเดือน รายปี หรือหลายปี ค่าธรรมเนียมมีการต่ออายุอัตโนมัติหรือไม่ คำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายที่ต้องผูกมัดในอนาคต

การแจกแจงโครงสร้างราคา

RFP ที่แข็งแกร่งจะช่วยกำหนดโครงสร้างตัวเลขที่คุณได้รับเช่นกัน ให้จัดทำแบบฟอร์มราคาพร้อมบรรทัดรายการค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่เป็นไปได้ ตั้งแต่ต้นทุนการทำธุรกรรมไปจนถึงการแปลงสกุลเงิน และกำหนดให้ผู้ให้บริการกรอกค่าหรือทำเครื่องหมายว่า "ไม่เกี่ยวข้อง" เมื่อได้รับข้อเสนอกลับมา ในที่สุดคุณก็จะมีสิ่งที่ต้องการ นั่นคือการเปรียบเทียบต้นทุนจริงของผู้ให้บริการแต่ละรายควบคู่กันอย่างชัดเจน

คุณประเมินการผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่ของคุณอย่างไร

การเปลี่ยนผู้ให้บริการชำระเงินหมายถึงการผสานรวมเทคโนโลยีของผู้อื่นเข้ากับระบบของคุณ หากกระบวนการดังกล่าวล่าช้า คุณอาจสูญเสียทั้งเวลา เงิน และโมเมนตัม คำขอเสนอราคา RFP ของคุณควรทำให้ผู้ให้บริการพิสูจน์ว่าระบบของตนเหมาะสมกับระบบของคุณจริงหรือไม่ ให้ดูรายละเอียดเกี่ยวกับชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เอกสารประกอบ และการสนับสนุนกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน และเปรียบเทียบผู้ให้บริการต่างๆ ว่าพวกเขาสามารถทำให้คุณใช้งานจริงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงใด

นี่คือสิ่งที่คุณควรประเมิน

ความเข้ากันได้กับสแต็กของคุณ

ให้เริ่มต้นด้วยการวางโครงร่างในสิ่งที่คุณใช้งาน: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ERP, CRM, แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และภาษาแบ็กเอนด์ จากนั้นให้สอบถามผู้ให้บริการสำหรับรายละเอียดเฉพาะ ผู้ให้บริการมี SDK ในภาษาของคุณหรือไม่ มีปลั๊กอินสำเร็จรูปสำหรับแพลตฟอร์มอย่าง Shopify, Salesforce หรือ Adobe Commerce หรือไม่ หากคุณปรับแต่งเองเป็นส่วนใหญ่ API ของผู้ให้บริการมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับให้เข้ากับระบบหรือไม่ ยิ่งคุณมีแพตช์น้อยเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งใช้งานได้เร็วขึ้นเท่านั้น

คุณภาพ API และเอกสารประกอบ

ให้ตรวจสอบเอกสารของผู้ให้บริการ ปลายทางมีความทันสมัยหรือไม่ ผู้ให้บริการมีรหัสข้อผิดพลาด ตัวอย่างโค้ด และไลบรารีไคลเอ็นต์ที่ชัดเจนในภาษาการเขียนโค้ดที่คุณต้องการหรือไม่ API ที่แข็งแกร่งจะมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมแซนด์บ็อกซ์และบัตรทดสอบ เพื่อให้คุณสามารถจำลองโฟลว์จริงก่อนเปิดตัวได้

เวลาในการเปิดตัวแล้ว

สอบถามผู้ให้บริการเกี่ยวกับลำดับเวลาเฉลี่ยตั้งแต่สัญญาไปจนถึงธุรกรรมแรก บางรายอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่บางรายอาจใช้เวลาหลายเดือน ควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น จำนวนวิศวกรที่ต้องการโดยทั่วไป และทรัพยากรเฉพาะที่ผู้ให้บริการจะจัดสรรให้

เวิร์กโฟลว์ที่เหมาะสม

ข้อมูลการชำระเงินต้องไหลผ่านระบบการเงิน ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายสนับสนุน ใช้ RFP ของคุณเพื่อสอบถามเกี่ยวกับฟีเจอร์การกระทบยอด (สามารถจับคู่การเบิกจ่ายไปยัง ID ธุรกรรมและค่าธรรมเนียมได้หรือไม่) การรองรับ Webhook (สำหรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์) และการผสานการทำงานรวมกับแพลตฟอร์มบัญชีหรือข้อมูลธุรกิจ (BI) ของคุณ การส่งออกไฟล์ CSV และการนำมารวมกันทุกเดือนจะทำให้คุณเสียเวลาและต้องใช้ความพยายามมาก

การทดสอบและการรับรอง

สอบถามว่าผู้ให้บริการว่าสามารถให้ข้อมูลการทดสอบ บัตรจำลอง และการจำลองเหตุการณ์ต่างได้หรือไม่ ให้ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการต้องการกระบวนการรับรองอย่างเป็นทางการก่อนที่จะเปิดตัวหรือไม่ เพราะอาจทำให้ระยะเวลานานขึ้นหลายสัปดาห์ แพลตฟอร์มที่ทันสมัยมักจะให้คุณรับรองตนเองด้วยการทดสอบแบบแซนด์บ็อกซ์ และเมื่อพร้อมก็จะทำการเปิดตัวใช้งานต่อไป

ความยืดหยุ่นในอนาคต

สอบถามว่าผู้ให้บริการรองรับช่องทางในอนาคตอย่างไร เช่น การชำระเงินภายในแอป หน้าร้านใหม่ หรือการเปิดตัวในต่างประเทศ คุณสามารถสร้างอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) สำหรับการชำระเงินของคุณเองได้หรือไม่ หรือคุณต้องยึดติดกับอินเทอร์เฟซของผู่ให้บริการ คุณสามารถขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องทำการผสานการทำงานรวมระบบใหม่ใช่หรือไม่ ผู้ให้บริการที่มีหลายช่องทาง ทั้งฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ฝั่งไคลเอ็นต์ และโฮสต์ จะช่วยให้คุณมีตัวเลือกมากขึ้นเมื่อธุรกิจของคุณเติบโต

คุณชั่งน้ำหนักฟีเจอร์การรายงาน การวิเคราะห์ และแดชบอร์ดในการตอบกลับใน RFP อย่างไร

ข้อมูลการชำระเงินมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจระหว่างทีมปฏิบัติการ ทีมผลิตภัณฑ์ และทีมสนับสนุน แต่ผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีความแตกต่างกันอย่างมากในวิธีการนำเสนอข้อมูลเหล่านั้น RFP ของคุณควรเจาะลึกลงไปว่าเครื่องมือใดที่จะช่วยให้คุณเข้าใจและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจของคุณได้อย่างแท้จริง ผู้ให้บริการที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งได้ และส่งออกข้อมูลได้ จะช่วยประหยัดเวลาและช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสในการสร้างรายรับได้

นี่คือฟีเจอร์บางอย่างที่คุณควรมองหา

มุมมองที่รวมเป็นหนึ่งเดียว

หากคุณขายสินค้าในหลายช่องทางหรือหลายภูมิภาค ให้สอบถามผู้ให้บริการว่าได้รวมทุกอย่างไว้ในแดชบอร์ดเดียวหรือไม่ คุณสามารถดูธุรกรรมออนไลน์ ในแอป และในร้านค้าควบคู่กันได้หรือไม่ คุณสามารถกรองข้อมูลตามภูมิภาคหรือสกุลเงินได้หรือไม่ มุมมองที่รวมเป็นหนึ่งเดียวจะช่วยให้ทีมของคุณไม่ต้องทำการรวบรวมรายงานข้ามระบบต่างๆ

การรายงานแบบเรียลไทม์

ให้ดูอัตราการรีเฟรช ผู้ประมวลผลบางรายอาจยังคงอัปเดตวันละครั้ง ซึ่งอาจไม่บ่อยเกินไปสำหรับการติดตามประสิทธิภาพการทำงานแบบสด ให้เลือกใช้ระบบที่สามารถส่งข้อมูลไปยังแดชบอร์ดได้ภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที

รายงานที่ออกแบบเองและการเข้าถึงข้อมูล

คุณสามารถสร้างรายงานแบบกำหนดเองได้หรือไม่ ส่งออกข้อมูลเป็น CSV หรือ Excel ได้หรือไหม ดึงข้อมูลผ่าน API หรือ Webhook ไปยังเครื่องมือ BI หรือคลังสินค้าของคุณได้หรือไม่ ผู้ให้บริการขั้นสูงบางรายสามารถให้การเข้าถึงแบบ SQL หรือไปป์ไลน์ข้อมูลที่สร้างไว้ล่วงหน้าเพื่อการควบคุมข้อมูลของคุณได้มากยิ่งขึ้น

ประสบการณ์การใช้งานแดชบอร์ด

ทีมการเงินของคุณไม่ใช่ผู้ใช้เพียงคนเดียว ฝ่ายสนับสนุนจำเป็นต้องค้นหาธุรกรรมและออกการคืนเงิน ผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องมีข้อมูลการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน และผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องมีแผนภูมิระดับสูง แดชบอร์ดที่มีประสิทธิภาพจะสามารถรองรับทุกความต้องการเหล่านี้ได้ด้วยตัวกรอง การเจาะลึก และการค้นหาที่ใช้งานง่าย

ความช่วยเหลือในการกระทบยอด

ตามหลักการแล้ว ผู้ให้บริการของคุณจะมีรายงานการเบิกจ่ายที่เชื่อมโยงทุกเงินฝากกับแต่ละธุรกรรมและค่าธรรมเนียม หากไม่เป็นเช่นนั้น คุณจะต้องสร้างตรรกะนั้นใหม่ด้วยตนเองทุกเดือน

KPI ใดที่สำคัญที่สุดเมื่อทำการเปรียบเทียบการตอบกลับใน RFP

เมื่อมีข้อเสนอเข้ามาแล้ว ปริมาณรายละเอียดมากมายจนอาจดูเลอะเลือน ชุดตัวชี้วัดที่สอดคล้องกันจะช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบผู้ให้บริการเกี่ยวกับสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อรายรับและการดำเนินงานจริงได้ ให้นำมาใส่ลงในเมทริกซ์เปรียบเทียบและชั่งน้ำหนักตามลำดับความสำคัญของคุณเพื่อดูว่าใครสามารถส่งมอบคุณค่าได้จริงๆ

นี่คือ KPI ที่คุณควรดูเสมอ

อัตราการอนุมัติและการยอมรับ

การอนุมัติที่ล้มเหลวทุกครั้งอาจหมายถึงการสูญเสียรายรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณขยายธุรกิจ ผู้ให้บริการอาจไม่ได้ให้อัตราที่แท้จริงแก่คุณ เนื่องจากอาจจะแตกต่างกันไปตามโปรไฟล์ผู้ค้า แต่ควรกดดันพวกเขาเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพ (เช่น ตรรกะการลองใหม่อย่างชาญฉลาด ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ ความสัมพันธ์ในการรับเงินในท้องถิ่น) ให้มองหาข้อมูลหรือกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาปรับปรุงอัตราการอนุมัติได้อย่างไร

ระยะเวลาให้บริการและความพร้อมใช้งาน

ระยะเวลาให้บริการ คือตัวชี้ว่าระบบการชำระเงินพร้อมใช้งานและใช้งานได้บ่อยเพียงใด แม้แต่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยที่นี่ก็สามารถส่งผลกระทบทางการเงินได้เป็นอย่างมาก ให้ขอระยะเวลาให้บริการย้อนหลังและ SLA ที่ระบุวิธีแก้ไขหากไม่บรรลุเป้าหมาย

ความเร็วในการชำระเงิน

ความเร็วที่เงินทุนจะเข้าบัญชีธนาคารของคุณมีผลกระทบโดยตรงต่อกระแสเงินสด ตอนนี้หลายแห่งเสนอการเบิกจ่ายทันที (โดยปกติจะมีค่าธรรมเนียม) ให้ชี้แจงการตั้งเวลาการเบิกจ่ายมาตรฐาน และพิจารณาว่าการชำระเงินที่เร็วขึ้นเป็นตัวเลือกหรือไม่หากจำเป็น

ต้นทุนต่อธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อพูดถึงอัตราการทำธุรกรรม อัตราที่พาดหัวอาจทำให้เข้าใจผิดได้ เพื่อให้การเปรียบเทียบมีความเป็นธรรม ให้เรียกใช้โมเดลต้นทุน: นำตารางการกำหนดราคาของผู้ให้บริการแต่ละรายมาใช้กับการผสมผสานธุรกรรมจริงของคุณ ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราที่มีประสิทธิภาพแบบผสมผสานที่บอกคุณว่าจำนวนเงินทุกดอลลาร์ที่ประมวลผลจบลงนั้นถูกหักค่าธรรมเนียมไปเท่าใด วิธีนี้ทำให้เห็นได้ง่ายว่าใครถูกกว่าจริงและใครทำการตลาดได้ดี

อัตราการฉ้อโกงและการดึงเงินคืน

ผู้ให้บริการที่แข็งแกร่งจะนำเสนอเครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง เช่น โมเดลการฉ้อโกงด้วยแมชชีนเลิร์นนิง, 3D Secure ในตัว หรือการตอบกลับข้อโต้แย้งอัตโนมัติ บางแห่งมีการเสนอการรับประกันการดึงเงินคืนด้วย ให้ขอเกณฑ์มาตรฐานหรือข้อมูลลูกค้าโดยรวม

ความครอบคลุมของวิธีการและตลาด

ให้ถือว่าความครอบคลุมเป็น KPI ของตัวเอง ผู้ให้บริการได้ทำเครื่องหมายทุกช่องในรายการวิธีการชำระเงิน สกุลเงิน และภูมิภาคที่คุณต้องมีหรือไม่ การขาดตัวเลือกหลักหนึ่งรายการ เช่นAlipay ในประเทศจีนหรือการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA ในยุโรปสามารถขัดขวางการเติบโตได้ ให้คะแนนผู้ให้บริการตามความครอบคลุมที่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับแพ็กเกจการขยายธุรกิจของคุณ

เวลาติดตั้งใช้งาน

ความเร็วมีความสำคัญ ผู้ให้บริการที่เสนอราคาสองสัปดาห์ในการเปิดตัวอยู่นั้นต่างจากผู้ให้บริการที่เสนอราคาสามเดือน ให้ขอค่าเฉลี่ย ไม่ใช่ช่วงราคา และพิจารณาว่าพวกเขาคาดหวังทรัพยากรภายในจากคุณมากน้อยเพียงใด

ความพร้อมในอนาคต

ให้พิจารณาว่าผู้ให้บริการพัฒนาเร็วแค่ไหน: พวกเขาเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บ่อยแค่ไหน พวกเขานำวิธีการชำระเงินใหม่มาใช้เร็วแค่ไหน และพวกเขามีการเผยแพร่แผนงานหรือไม่ ปัจจัยเชิงคุณภาพนี้เป็นเครื่องป้องกันการเติบโตที่เกินตัวของผู้ให้บริการ

คุณจะสังเกตสัญญาณเตือนในข้อเสนอของผู้ให้บริการได้อย่างไร

RFP จะนำเสนอจุดขายที่ดีที่สุดของผู้ให้บริการทุกราย ซึ่งทำให้การค้นหาสิ่งที่ขาดหายไปหรือสิ่งผิดปกติมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น รูปแบบบางอย่างในข้อเสนอเป็นคำเตือนล่วงหน้าว่าผู้ให้บริการจะทำงานด้วยได้ยากหรือไม่สามารถส่งมอบสิ่งที่พวกเขาเคลมได้ สัญญาณเตือนมักจะปรากฏให้เห็น เช่น การละเว้น ความคลุมเครือหรือการชี้นำที่ผิดพลาด ข้อเสนอที่แม่นยำ โปร่งใส และตรงกับความต้องการของคุณจะส่งสัญญาณถึงพาร์ทเนอร์ที่จะรับผิดชอบในภายหลัง

นี่คือสิ่งที่ต้องระวัง

เพิกเฉยต่อคำแนะนำ

หากคุณให้เทมเพลตสำหรับการกำหนดราคาหรือขอรูปแบบเฉพาะ แล้วผู้ให้บริการส่งไฟล์ PDF ที่สวยงามกลับมาแทน นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี หากพวกเขาไม่สามารถทำตามคำแนะนำในขั้นตอนนี้ได้ คุณไม่ควรคาดหวังความเข้มงวดเมื่อพวกเขาจัดการกับเงินของคุณ

คำตอบที่คลุมเครือหรือหลบเลี่ยง

ให้ระวังคำตอบที่อิงคำคุณศัพท์ แต่ข้ามตัวเลข "ระยะเวลาให้บริการชั้นนำของอุตสาหกรรม" ที่ไม่มีเปอร์เซ็นต์จริงหรือ "การป้องกันการฉ้อโกงที่ดีที่สุด" ที่ไม่มีเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีข้อมูลหรือไม่ต้องการแชร์ข้อมูล ให้ผลักดันให้มีรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงและมองว่าการหลบเลี่ยงเป็นสัญญาณเตือน

ขาดข้อมูลอ้างอิง

ผู้ให้บริการที่แข็งแกร่งทุกรายควรสามารถเชื่อมต่อคุณกับลูกค้าปัจจุบันได้ หากพวกเขาเลี่ยงคำขอหรือเสนอเฉพาะกรณีศึกษาทั่วไป ให้ถามถึงเหตุผล หากผู้ให้บริการไม่เต็มใจที่จะเชื่อมต่อคุณกับไคลเอ็นต์ที่พึงพอใจ ก็น่าจะมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้

การกำหนดราคาเกินจริงหรือไม่สมจริง

ให้สงสัยในข้อเสนอที่ดูถูกกว่าเป็นอย่างมากหรือเคลมตัวชี้วัดที่ไร้ที่ติ เช่น การฉ้อโกงเป็นศูนย์ ระยะเวลาให้บริการ 100% หรือส่วนลดจำนวนมากโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ สิ่งใดก็ตามที่ดูเหมือนดีเกินจริงมักจะเป็นจริง และค่าใช้จ่ายหรือข้อจำกัดที่ซ่อนอยู่มักจะปรากฏขึ้นในภายหลัง

ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคุณ

บางครั้งสัญญาณเตือนก็เป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ หาก RFP ของคุณเน้นไปที่อีคอมเมิร์ซ และการตอบกลับนั้นใช้หน้าบนฮาร์ดแวร์ของระบบบันทึกการขาย นั่นคือผู้ให้บริการไม่เข้าใจหรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับของโมเดลธุรกิจของคุณ

การใช้งานหรือแพ็กเกจการสนับสนุนที่อ่อนแอ

ให้ความสนใจกับวิธีที่พวกเขาอธิบายกระบวนการเริ่มต้นใช้งานและการสนับสนุน หากคุณเห็นวลีที่คลุมเครือ เช่น "ทีมงานของเราจะช่วยเหลือตามความจำเป็น" ให้ถือว่านั่นหมายถึงความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย พาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้จะสรุปลำดับเวลา ทรัพยากร และรายชื่อติดต่อไว้ล่วงหน้า

Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก โดยรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

ดูเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe