คําสั่งว่าด้วยบริการชําระเงินฉบับปรับปรุง (PSD2) คือข้อบังคับของยุโรปที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับการชําระเงินออนไลน์พร้อมกับส่งเสริมการแข่งขันในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน PSD2 มีผลบังคับใช้ในปี 2016 โดยเป็นการแก้ไขปรับปรุง PSD ฉบับเดิมที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2007 PSD2 กําหนดให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุมมากขึ้นเพื่อป้องกันการฉ้อโกงในธุรกรรมออนไลน์ และกําหนดให้ธนาคารต้องเปิดเผยบริการชําระเงินและข้อมูลลูกค้าของตนให้แก่ผู้ให้บริการบุคคลที่สาม (TPP) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ
PSD2 คือกฎหมายหลักที่จะพลิกโฉมแนวทางการชําระเงินดิจิทัลในยุโรป ในบทความนี้ เราจะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของกฎหมายนี้ รวมถึงผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมการเงิน ตลอดจนสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตาม PSD2
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- วัตถุประสงค์หลักของ PSD2
- องค์ประกอบหลักของ PSD2 ได้แก่อะไรบ้าง
- ผลกระทบของ PSD2 ต่ออุตสาหกรรมการเงิน
- ประโยชน์ของ PSD2 สําหรับลูกค้าและธุรกิจ
- ความท้าทายและข้อกังวลเกี่ยวกับ PSD2
- วิธีปฏิบัติตาม PSD2
วัตถุประสงค์หลักของ PSD2
PSD2 มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงตลาดการชําระเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยด้วยการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมยิ่งขึ้นและข้อเสนอที่แข่งขันได้มากขึ้น ต่อไปนี้คือวัตถุประสงค์หลักของมาตรฐานฉบับปรับปรุงใหม่ของสหภาพยุโรป
การแข่งขันในตลาด: การที่ PSD2 กำหนดให้ธนาคารเปิดเผยข้อมูลลูกค้าแก่ผู้ให้บริการบุคคลที่สามเป็นการกระตุ้นให้ผู้เล่นรายใหม่ (เช่น บริษัทฟินเทค) เข้าสู่ตลาดและให้บริการทางการเงินที่เป็นนวัตกรรม สิ่งนี้ส่งเสริมการแข่งขันและนําไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น
การรักษาความปลอดภัย: PSD2 นําข้อกําหนดด้านความปลอดภัยที่รัดกุมยิ่งขึ้นมาใช้กับการชําระเงินออนไลน์ เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ซึ่งช่วยลดการฉ้อโกงและปกป้องข้อมูลทางการเงินของลูกค้า
การคุ้มครองผู้บริโภค: PSD2 ช่วยให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลทางการเงินของตัวเองได้มากขึ้นและยกระดับขั้นตอนการจัดการข้อร้องเรียน ส่งผลให้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตลาดการชําระเงินที่ผสานการทำงานร่วมกัน: PSD2 สร้างตลาดการชําระเงินในยุโรปที่ผสานการทํางานร่วมกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการจัดทําข้อบังคับด้านการชําระเงินในสหภาพยุโรปที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและลูกค้ารับชําระเงินข้ามพรมแดนได้ง่ายขึ้น
องค์ประกอบหลักของ PSD2 ได้แก่อะไรบ้าง
PSD2 ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปบริการชําระเงินในยุโรป PSD2 มีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
SCA: SCA กําหนดให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยกับธุรกรรมออนไลน์ส่วนใหญ่เพื่อลดการฉ้อโกงในการชําระเงินดิจิทัล โดยอาจใช้วิธีการยืนยันด้วยข้อมูลที่ลูกค้ารู้จัก (เช่น รหัสผ่าน) สิ่งที่ลูกค้ามี (เช่น โทรศัพท์) และสิ่งที่ลูกค้าเป็น (เช่น ลายนิ้วมือ)
Open Banking: PSD2 กําหนดให้ธนาคารมอบสิทธิ์แก่ TPP ในการเข้าถึงบัญชีธนาคารของลูกค้าเมื่อได้รับความยินยอมจากลูกค้า สิทธิ์เข้าถึงบริการของบัญชี (XS2A) ช่วยสร้างระบบแบบ Open Banking ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการจากบริษัทฟินเทคเพื่อจัดการการเงิน ชําระเงินตามใบเรียกเก็บ หรือแม้แต่การลงทุน จากบัญชีธนาคารของตัวเองโดยตรง
TPP: ลูกค้าได้รับสิทธิ์ใช้บริการของผู้ให้บริการเริ่มต้นการชําระเงิน (PISP) และผู้ให้บริการข้อมูลบัญชี (AISP) โดย PISP จะเริ่มการชําระเงินในนามของผู้ใช้ได้ ในขณะที่ AISP สามารถให้ข้อมูลที่รวบรวมมาจากบัญชีธนาคารต่างๆ แก่ผู้ใช้
ความโปร่งใส: PSD2 สร้างค่าธรรมเนียมที่มีความโปร่งใสมากขึ้น และกําหนดข้อกําหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการแจ้งข้อมูลการเรียกเก็บเงินกับผู้ใช้และช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะไม่ตกใจกับค่าธรรมเนียมที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะในการชําระเงินข้ามพรมแดน
ความรับผิดและการคืนเงิน: PSD2 ชี้แจงความรับผิดชอบและความรับผิดของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการชําระเงิน รวมทั้งกำหนดกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีและระยะเวลาที่ลูกค้าจะได้รับเงินคืนหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น ในกรณีที่มีธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
การห้ามคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: PSD2 ห้ามไม่ให้ธุรกิจคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสําหรับการชําระเงินด้วยบัตร ดังนั้น ธุรกิจในสหภาพยุโรปจะไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสําหรับการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้
ผลกระทบของ PSD2 ต่ออุตสาหกรรมการเงิน
PSD2 ประกาศใช้ข้อกําหนดทางกฎหมายเพิ่มเติม เพิ่มการแข่งขัน และสนับสนุนลูกค้าโดยให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลของตนได้มากขึ้น ตัวอย่างผลกระทบของ PSD2 ต่ออุตสาหกรรมการเงินในยุโรปมีดังต่อไปนี้
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: PSD2 ลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดให้กับบริษัทฟินเทคและเปิดโอกาสให้บริษัทเหล่านี้นําเสนอบริการที่ก่อนหน้านี้สงวนไว้สำหรับธนาคารแบบดั้งเดิมเพียงเท่านั้น PSD2 สร้างเวทีการแข่งขันที่เท่าเทียมกันมากขึ้นโดยกําหนดให้ธนาคารต้องแชร์ข้อมูลลูกค้าและช่วยให้บริษัทที่มีขนาดเล็กและคล่องตัวกว่าแข่งขันกับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงได้ ทําให้ธุรกิจออกผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้นได้
การเปลี่ยนไปใช้ Opening Banking: PSD2 ได้เร่งนํา Opening Banking มาใช้โดยกําหนดให้ธนาคารจัดทำส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ที่อนุญาตให้ TPP เข้าถึงบัญชีลูกค้าได้ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจัดการเงินของตนในระบบธนาคารและแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ในที่เดียว
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น: ข้อกําหนด SCA ของ PSD2 บังคับให้อุตสาหกรรมการเงินนํามาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมยิ่งขึ้นมาใช้กับธุรกรรมออนไลน์ ส่งผลให้มีการใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยเพิ่มขึ้นในยุโรป
ภาระหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับ: PSD2 กำหนดกฎข้อบังคับจํานวนมากสำหรับสถาบันทางการเงิน ธนาคารและผู้ให้บริการชําระเงินต้องดําเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เช่น การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที และใช้ระเบียบการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ เพื่อปฏิบัติตามข้อกําหนด
การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้า: PSD2 เพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้าด้วยการมอบอํานาจในการควบคุมข้อมูลและทางเลือกด้านการเงินให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น ภายใต้ PSD2 ลูกค้าจะสามารถใช้บริการของบริษัทอื่นเพื่อจัดการการเงินของตัวเองและไม่จำเป็นต้องใช้ธนาคารเพียงแห่งเดียวเพื่อรับบริการทางการเงินทั้งหมดอีกต่อไป
การปรับกลยุทธ์: PSD2 ได้บังคับให้ธนาคารแบบดั้งเดิมปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยจะต้องร่วมมือกับบริษัทฟินเทคเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับภาคธุรกิจการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจผสานบริการของบริษัทอื่นเข้ากับข้อเสนอของตน หรือจะพัฒนาโซลูชันของตัวเองก็ได้
ประโยชน์ของ PSD2 สําหรับลูกค้าและธุรกิจ
PSD2 ช่วยเพิ่มตัวเลือกทางการเงินและลดต้นทุนธุรกรรมสําหรับลูกค้าและธุรกิจ ต่อไปนี้คือประโยชน์ด้านต่างๆ จาก PSD2 สําหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ
สําหรับลูกค้า
การรักษาความปลอดภัย: ข้อกําหนด SCA ของ PSD2 ปกป้องข้อมูลลูกค้าในธุรกรรมออนไลน์ได้รัดกุมยิ่งขึ้น
บริการด้านการเงิน: PSD2 ส่งเสริมให้มีการสร้างเครื่องมือและบริการทางการเงินมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ลูกค้าจัดการเงินของตัวเองได้ดีขึ้นเนื่องจากมีภาพรวมที่ครอบคลุมและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ความโปร่งใส: PSD2 ช่วยปกป้องลูกค้าจากค่าธรรมเนียมแอบแฝง โดยเฉพาะในการการชําระเงินระหว่างประเทศ
การควบคุมข้อมูล: ลูกค้าได้รับสิทธิ์ในการควบคุมว่าบุคคลใดบ้างที่มีสิทธิ์ใช้และเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตัวเอง รวมทั้งเพิกถอนสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลได้ทุกเมื่อ
สําหรับธุรกิจ
นวัตกรรม: PSD2 ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ สำหรับใช้ปรับปรุงกระบวนการภายใน ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และสร้างช่องทางสร้างรายรับใหม่ๆ ได้
ตัวเลือกการชําระเงิน: PSD2 เพิ่มจํานวนวิธีการชําระเงิน ทำให้ธุรกิจมอบความยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกรรมรวดเร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้น
การแข่งขัน: ธุรกิจสามารถพัฒนาโซลูชันการชําระเงินที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความภักดีของลูกค้าได้มากขึ้น
การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์: ธุรกิจต่างๆ จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดยิ่งขึ้นผ่าน AISP และนําข้อมูลนี้ไปใช้สร้างบริการที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าได้มากขึ้น
ค่าใช้จ่าย: PSD2 ช่วยธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้โดยการลดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมของบัตรและค่าธรรมเนียมธุรกรรมจากเครือข่ายการชําระเงินแบบดั้งเดิม
ความท้าทายและข้อกังวลเกี่ยวกับ PSD2
แม้ PSD2 จะให้ประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายอยู่ด้วยเช่นกัน ต่อไปนี้คืออุปสรรคที่พบบ่อยซึ่งลูกค้าและธุรกิจต่างๆ ต้องพบเจอจากการบังคับใช้ PSD2
สําหรับลูกค้า
ตัวเลือกมากเกินไป: ผู้ใช้อาจจะหา TPP ที่เชื่อถือได้ยากในตลาดที่เต็มไปด้วยบริการและแอปใหม่มากมาย
ข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: ผู้ให้บริการอื่นๆ จะมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ภายใต้ PSD2 ซึ่งอาจทําให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลได้
ความติดขัดของประสบการณ์ผู้ใช้: ข้อกําหนดของ SCA อาจทําให้ผู้ใช้หงุดหงิด เพราะอาจทําให้เกิดขั้นตอนเพิ่มเติมได้ เช่น การป้อนรหัสและใช้ลายนิ้วมือ
สําหรับธุรกิจ
ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมาย: ธุรกิจต่างๆ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการอัปเกรดระบบและรักษาความปลอดภัยข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน PSD2 ซึ่งอาจเป็นภาระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีทรัพยากรจํากัด
การแข่งขัน: ธนาคารแบบดั้งเดิมและสถาบันการเงินที่ก่อตั้งมานานแล้วจะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นก็อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้าให้กับบริษัทฟินเทคที่มีความคล่องตัวและทันสมัยกว่า สิ่งนี้จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจที่ปรับตัวได้มากที่สุดเท่านั้น
ความท้าทายในการเชื่อมต่อการทํางาน: ธุรกิจต่างๆ ต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพื่อเชื่อมต่อบริการของบริษัทอื่นเข้ากับระบบที่มีอยู่ของตนโดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานของตน
ความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัย: ธุรกิจต่างๆ ต้องเฝ้าระวังเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า รวมทั้งต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่า TPP ที่ตนเปิดเผยข้อมูลทางการเงินให้นั้นมีความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยอย่างเท่าเทียมกัน
การให้ความรู้แก่ลูกค้า: ธุรกิจจะต้องช่วยให้ลูกค้าเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับ PSD2 เช่น เหตุผลที่เราขอให้ลูกค้าดําเนินการตามขั้นตอนเพิ่มเติมในระหว่างการชําระเงิน และเหตุผลที่แอปใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางการเงิน คุณต้องสื่อสารอย่างชัดเจนและสนับสนุนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีปฏิบัติตาม PSD2
การปฏิบัติตาม PSD2 เป็นความท้าทายต่อเนื่องและมีหลายแง่มุม ซึ่งต้องอาศัยกลยุทธ์ที่จัดทำขึ้นมาอย่างรอบคอบ ต่อไปนี้แนวทางสำหรับธุรกิจในการจัดการและปฏิบัติตามข้อกําหนด
ข้อกําหนดของ SCA
การตรวจสอบสิทธิ์ตามบริบท: เราขอแนะนําให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์อิงตามความเสี่ยงซึ่งจะปรับตามธุรกรรมแต่ละรายการ และมีการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมหากมีสิ่งใดถูกรายงานว่าไม่ปกติ
ไบโอเมตริกเชิงพฤติกรรม: แนะนำให้เพิ่มข้อมูลไบโอเมตริกเชิงพฤติกรรมลงในชุดเครื่องมือ SCA ที่จะติดตามรูปแบบของผู้ใช้ในการโต้ตอบกับเว็บไซต์หรือแอป (เช่น วิธีที่ผู้ใช้พิมพ์ ไปยังส่วนต่างๆ บนเว็บไซต์ของคุณ) เพื่อยืนยันตัวตนโดยที่ผู้ใช้ไม่สังเกตเห็น วิธีนี้ช่วยเพิ่มความรัดกุมให้กับการรักษาความปลอดภัยโดยลดความยุ่งยากให้กับลูกค้า
API และการรักษาความปลอดภัย
เกตเวย์ API แบบปรับเปลี่ยนได้: ใช้เกตเวย์ API ที่ปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยได้แบบเรียลไทม์ เกตเวย์เหล่านี้ควรฉลาดพอที่จะปรับระดับการป้องกันตามประเภทข้อมูลที่มีการเข้าถึง
โมเดล Zero Trust: ใช้โมเดลแบบ Zero Trust ที่จะไม่เชื่อใจใครโดยอัตโนมัติ แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะอยู่ภายในเครือข่ายของคุณก็ตาม จึงต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์และอนุมัติคําขอทุกรายการ โดยมีการแบ่งกลุ่มอย่างเข้มงวดเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น
การกํากับดูแลข้อมูล
การตรวจสอบอัตโนมัติ: ลงทุนกับซอฟต์แวร์ที่จะคอยติดตามการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PSD2 โดยอัตโนมัติ ระบบนี้จะเฝ้าสังเกตแนวทางการจัดการข้อมูลและแจ้งปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่ปัญหาเหล่านั้นจะร้ายแรง นอกจากนี้ยังทําให้กระบวนการตรวจสอบง่ายขึ้นด้วย
การแปลงข้อมูลเป็นโทเค็นและไม่ระบุตัวตน: ปิดบังตัวตนและแปลงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าเป็นโทเค็น วิธีนี้ช่วยเพิ่มการป้องกันอีกชั้นหนึ่งแม้ว่าข้อมูลจะถูกแชร์โดยการแปลงข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สําหรับใครก็ตามที่อาจสกัดกั้นข้อมูลแล้วก็ตาม
การใช้เทคโนโลยี
เทคโนโลยีเพื่อการกํากับดูแล (RegTech): สำรวจโซลูชัน RegTech ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการข้อกําหนดของ PSD2 แพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยจัดการงานต่างๆ มากมาย รวมถึงการรายงานและการจัดการความเสี่ยง
การให้บริการด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนด (CaaS): หากการยกระดับการดําเนินงานตามข้อกําหนดเป็นเรื่องยาก คุณควรร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการ CaaS บริการเหล่านี้นําเสนอโซลูชันสําเร็จรูปที่จะคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของระเบียบข้อบังคับ เพื่อให้คุณปฏิบัติตามข้อกําหนดได้ต่อไปโดยไม่ต้องสร้างระบบด้วยตัวเอง
การปรับตัวและความคล่องตัว
การปฏิบัติตามข้อกําหนดอย่างคล่องตัว: สร้างเฟรมเวิร์กการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่มีความคล่องตัว ซึ่งตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของ PSD2 หรือภัยคุกคามด้านการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจกำหนดระยะเวลาที่ทีมของคุณจะต้องประเมินการอัปเดตล่าสุดและทําการปรับเปลี่ยนนโยบายและสแต็กเทคโนโลยีที่จําเป็น
การทํางานร่วมกันในแวดวง: เข้าร่วมกลุ่มอุตสาหกรรมและฟอรัมเพื่อให้ทันต่อแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและการเปลี่ยนแปลง PSD2 ร่วมมือกับเพื่อนในวงการเพื่อให้ทันเทรนด์ต่างๆ และแบ่งปันกลยุทธ์ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบเมื่อสภาพแวดล้อมด้านการกํากับดูแลมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
การสื่อสารกับลูกค้า
การให้ความรู้แก่ลูกค้าแบบเชิงรุก: ดึงดูดลูกค้าด้วยการสื่อสารที่ผ่านปรับแต่งอย่างเหมาะสม ใช้ข้อมูลเชิงลึกในการแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากนั้นจึงให้ข้อมูลที่เหมาะกับกลุ่มต่างๆ ผ่านข้อความในแอปที่ออกแบบให้เหมาะกับบุคคล การสัมมนาออนไลน์ที่ตรงเป้าหมาย หรือคําถามที่พบบ่อยแบบละเอียด
ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้: ปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าโดยคำนึงถึงข้อกําหนด PSD2 ด้วยในการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ทดสอบวิธีการตรวจสอบสิทธิ์แบบต่างๆ เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างความปลอดภัยกับความสะดวกสบาย และใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์มาปรับปรุงเส้นทางของผู้ใช้
การจัดการความเสี่ยง
การให้คะแนนความเสี่ยงแบบไดนามิก: พัฒนาโมเดลการให้คะแนนความเสี่ยงที่สามารถปรับได้แบบเรียลไทม์ และใช้ข้อมูลล่าสุดเพื่อทํานายและป้องกันความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนด นอกจากนี้ควรผสานการทํางานแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อเปลี่ยนจากแนวทางแบบตั้งรับมาใช้แนวทางแบบคาดการณ์ ซึ่งช่วยให้ตรวจพบปัญหาก่อนที่ปัญหาจะทวีความรุนแรงขึ้น
การประเมินบุคคลที่สามอย่างต่อเนื่อง: ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดและแนวทางการรักษาความปลอดภัยของ TPP อย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป โดยเครื่องมืออัตโนมัติจะช่วยให้คุณทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโปรไฟล์ความเสี่ยงอยู่เสมอ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ