แบบฟอร์ม การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า คือเอกสารดิจิทัลที่รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลการชำระเงินสำหรับบริการหรือการชำระเงินตามรอบบิล :ซึ่งใช้โดยธุรกิจที่ดำเนินงานในรูปแบบชำระเงินตามรอบบิลหรือโมเดลการสมัครสมาชิกที่มีการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกสัปดาห์ เดือน หรือปี แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจที่ใหบริการชำระเงินตามรอบบิลทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะ เติบโตในตลาดถึง 68% ระหว่างปี 2024 ถึง 2028
การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าช่วยให้การชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าอัตโนมัติและธุรกิจที่มีบริการชำระเงินตามรอบบิลเป็นไปได้จริง แบบฟอร์มเหล่านี้คือหน้าเว็บหรือหน้าต่างป๊อปอัปที่ลูกค้ากรอกข้อมูลเมื่อยอมรับการเรียกเก็บเงินแบบแผนล่วงหน้าสำหรับบริการสตรีมมิง แผนอาหาร การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) หรือสินค้าประเภทอื่นๆ ที่จัดส่งตามกำหนดเวลาปกติ
ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าเหตุใดธุรกิจจึงควรใช้แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า วิธีการสร้างแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และข้อผิดพลาดทั่วไปที่มักเกิดขึ้นเกี่ยวกับแบบฟอร์มเหล่านี้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- เหตุใดธุรกิจจึงควรใช้แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
- แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าควรมีอะไรบ้าง
- วิธีสร้างแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า
- Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง
- ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในแบบฟอร์มเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าคืออะไร
เหตุใดธุรกิจจึงควรใช้แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
ไม่ว่าจะเป็นบริการชำระเงินตามรอบบิลประเภทใด ตั้งแต่ กล่อง ผักผลไม้รายสัปดาห์ไปจนถึงแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์แบบทำงานร่วมกัน ล้วนมีช่วงเวลาสำคัญที่ลูกค้ากรอกข้อมูลการชำระเงิน เลือกช่องยอมรับการเรียกเก็บเงินแบบต่อเนื่อง และยืนยันความถี่ในการชำระเงิน นั่นแหละคือกระบวนการทำงานของแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
ต่อไปนี้คือวิธีที่แบบฟอร์มเหล่าช่วยสนับสนุนต่อธุรกิจ:
กระแสรายได้อัตโนมัติ: หลายบริษัทอาศัยการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แทนที่จะต้องติดตามการชำระเงินจากลูกค้าในทุกๆ เดือน พวกเขาสามารถมั่นใจได้ว่าระบบจะเรียกเก็บเงินให้อัตโนมัติ
ประหยัดเวลาในการจัดการ: แบบฟอร์มที่ออกแบบมาอย่างดีจะสามารถจัดการการเรียกเก็บเงินซ้ำให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดงานที่เจ้าหน้าที่ในทีมการเงินหรือทีมสนับสนุนจะต้องทำเอง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามยอดค้างชำระ หรือการส่งใบ แจ้งหนี้ ซ้ำ
ลดข้อผิดพลาดและข้อโต้แย้ง: การเรียกเก็บเงินแบบแมนวลอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดเล็กๆ ได้ เช่น พิมพ์ที่อยู่ผิด บัตรหมดอายุ หรือเรียกเก็บเงินซ้ำโดยไม่ตั้งใจ การทำให้กระบวนการต่างๆ ทำงานโดยอัตโนมัติ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อความผิดพลาดเหล่านี้ได้
ประสบการณ์ของลูกค้า: ลูกค้าต้องการทราบว่าบริการหรือผลิตภัณฑ์จะมาถึงและการชําระเงินจะเกิดขึ้นโดยไม่มีขั้นตอนเพิ่มเติมใดๆ แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าทําให้ประสบการณ์นั้นเป็นไปได้
ความชัดเจนทางกฎหมาย: ในหลายประเทศ คุณไม่สามารถเก็บข้อมูลบัตรของลูกค้าและเรียกเก็บเงินอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน ซึ่งแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าจะช่วยตอบโจทย์ในข้อกำหนดนี้
แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าควรมีอะไรบ้าง
มีองค์ประกอบมาตรฐานที่มักปรากฏในแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยทั่วไปแล้ว จะมีช่องต่างๆ ที่ลูกค้าควรกรอก ดังนี้
ชื่อ ที่อยู่อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า
ที่อยู่สำหรับจัดส่งของลูกค้า
ข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า (เช่น รายละเอียดของบัตรเครดิต ที่อยู่การเรียกเก็บเงิน)
การอนุมัติการชำระเงิน (เช่น ช่องทำเครื่องหมายที่ยอมรับ การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า หรือช่องลายเซ็น)
ช่องรหัสคูปองหรือส่วนเสริมที่มีให้ (ถ้ามี)
ต่อไปนี้คือข้อมูลที่ธุรกิจควรแจ้งให้ลูกค้าทราบ:
ระดับแผนที่เลือก (เช่น Basic, Standard, Premium)
ความถี่ของการเรียกเก็บเงิน
วันที่ต่ออายุและวันที่เริ่มต้น
ข้อกำหนดและเงื่อนไข (มักจะเป็นลิงก์ไปเอกสารที่มีเนื้อหาเยอะ)
ข้อมูลสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังจะชำระ ก่อนที่ลูกค้าจะคลิกส่งแบบฟอร์มขั้นสุดท้าย จะช่วยป้องกันความสับสน เมื่อลูกค้าคลิก “ยืนยัน” แล้ว ควรแสดงข้อความ เช่น “ขอบคุณที่ลงทะเบียน!” เพื่อยืนยันว่าการสมัครเสร็จสมบูรณ์ และควรใส่ขั้นตอนถัดไปที่ลูกค้าควรทำด้วย
วิธีสร้างแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า
แบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้ามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อธุรกิจของคุณได้ หากแบบฟอร์มสามารถกรอกได้ง่ายและรวดเร็ว มันจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณได้ แต่หากแบบฟอร์มนั้นดูยุ่งยากหรือเข้าใจยาก ลูกค้าอาจเริ่มสงสัยว่าสินค้าของคุณจะด้อยคุณภาพในลักษณะเดียวกันหรือไม่
ต่อไปนี้คือวิธีที่คุณสามารถจัดโครงสร้างแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินเพื่อให้ลูกค้าของคุณสบายใจ:
โปร่งใสเกี่ยวกับราคา: หลีกเลี่ยงการทำให้ลูกค้ารู้สึกตกใจภายหลัง หากค่าบริการรายเดือนคือ $20 ควรระบุให้ชัดเจน พร้อมแสดงภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน
ระบุขั้นตอนด้านความปลอดภัยของคุณ: หากคุณจัดการระบบการชำระเงินภายในองค์กรเอง ควรมีข้อความสั้นๆ ที่กล่าวถึงการเข้ารหัสข้อมูลหรือการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของข้อมูลในอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) หากคุณใช้แพลตฟอร์มที่มีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น Stripe หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ควรระบุไว้ในแบบฟอร์ม ทั้งนี้ ข้อความสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัดสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าข้อมูลการชำระเงินของพวกเขาจะปลอดภัย
ลดขั้นตอนให้เหลือน้อยที่สุด: ไม่มีใครอยากกรอกแบบฟอร์มที่ยาวเหยียด ถามเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
Stripe จะช่วยได้อย่างไร
Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ตามที่คุณต้องการได้ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าง่ายๆ ไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน หรือสัญญาที่ตกลงกันทางการขาย เริ่มรับชำระเงินแบบตามแผนล่วงหน้าจากทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ด หรือสามารถสร้างการผสานการทำงานแบบกำหนดเองโดยใช้ API ได้
Stripe Billing สามารถช่วยคุณในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- เสนอราคาที่ยืดหยุ่น: ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เร็วขึ้นด้วยโมเดลการตั้งราคาที่ยืดหยุ่น ซึ่งรวมถึงการคิดค่าบริการตามการใช้งาน แบ่งตามขั้น ค่าธรรมเนียมคงที่บวกการใช้งานเกิน และอีกมากมาย ระบบยังรองรับการใช้คูปอง การทดลองใช้ฟรี การแบ่งชำระตามสัดส่วน และส่วนเสริมที่ติดตั้งมาในตัว
- ขยายไปทั่วโลก:เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินด้วยการเสนอวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับวิธีการชำระเงินในแต่ละประเทศมากกว่า 100 วิธีและสกุลเงินกว่า 130 สกุล
- เพิ่มรายได้และลดอัตราการเลิกใช้บริการ: เพิ่มการเก็บรายได้และลดการเลิกใช้บริการโดยไม่สมัครใจด้วย Smart Retries และระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการกู้คืน เครื่องมือกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกู้คืนรายได้กว่า $6.5 พันล้านในปี 2024
- เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้เครื่องมือภาษีแบบโมดูลาร์ รายงานรายได้ และเครื่องมือข้อมูลของ Stripe เพื่อรวมระบบรายรับหลายระบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นได้อย่างง่ายดาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Stripe Billing หรือ เริ่มใช้งาน วันนี้
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในแบบฟอร์มเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าคืออะไร
แม้ว่าคุณจะมีสินค้าที่ดีที่สุด แต่ข้อผิดพลาดหรือจุดที่มองข้ามในแบบฟอร์มเรียกเก็บเงินของคุณ อาจทำให้ลูกค้าที่มีโอกาสมาใช้บริการตัดสินใจหันหลังจากธุรกิจของคุณได้ ต่อไปนี้คือข้อควรระวังบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการสมัครสมาชิกของคุณ
ขอข้อมูลมากเกินไปตั้งแต่ต้น: หากแบบฟอร์มขอข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ผู้ใช้บางคนอาจเลือกที่จะยกเลิกการกรอกแบบฟอร์ม ควรขอแค่ข้อมูลพื้นฐานเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลและทำขั้นตอนให้เสร็จสมบูรณ์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรถามหลังจากที่ลูกค้าสมัครสมาชิกแล้ว หรือแยกข้อมูลเหล่านั้นออกมาเป็นส่วนที่ไม่บังคับกรอก
ซ่อนราคาหรือค่าธรรมเนียม: บางแบบฟอร์มมีการซ่อนค่าธรรมเนียมรายเดือนไว้มุมเล็กๆ หรือระบุเฉพาะภาษีในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกตกใจเมื่อเห็นยอดรวมทั้งหมด ควรแจ้งราคาชัดเจน รวมถึงความถี่ในการเก็บเงิน และรายละเอียดอื่นๆ ที่มีผลต่อราคาสุดท้าย แสดงราคาบนหน้าจอเดียวกับช่องกรอกข้อมูล บัตรเครดิต หรือในสรุปข้อมูลสำคัญที่อยู่ด้านบนของแบบฟอร์ม
การจัดวางแบบฟอร์มที่เข้าใจยากหรือออกแบบไม่ดี: หากช่องกรอกข้อมูลมีป้ายชื่อผิดพลาด วางชิดกันเกินไป หรือจัดเรียงในลำดับที่ไม่เหมาะสม ลูกค้าจะรู้สึกหงุดหงิด ควรจัดกลุ่มช่องกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเหมาะสม เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการชำระเงิน แล้วจึงตรวจสอบความถูกต้อง ระบุคำแนะนำสั้นๆ เมื่อต้องการให้ลูกค้าทำสิ่งใดที่ไม่ชัดเจนในทันที
ไม่แจ้งให้ทราบถึงการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า: หากลูกค้าไม่ทราบว่าจะถูกเรียกเก็บเงินแบบต่อเนื่อง อาจทำให้พวกเขาพยายาม โต้แย้งการเรียกเก็บเงิน ในภายหลัง ควรมีช่องการเครื่องหมายหรือตัวข้อความที่ระบุว่า “ข้าพเจ้าเข้าใจและยอมรับที่จะถูกเรียกเก็บเงินจำนวน $X อย่างต่อเนื่อง” และบันทึกการยินยอมนี้ไว้ในระบบของคุณ
แยกขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ให้กระจายไปหลายหน้า: บางแบบฟอร์มมีการกระจายขั้นตอนสำคัญออกไปในหลายหน้า ซึ่งอาจทำให้การดำเนินการของลูกค้าไปราบรื่น เช่น ลูกค้าอาจต้องยืนยันอีเมลในหน้าต่างแยกก่อนที่จะทำการชำระเงินให้เสร็จสิ้น ควรทำให้กระบวนการทำงานเรียบง่ายที่สุด และหากจำเป็นต้องมีหลายหน้า ควรแจ้งจำนวนขั้นตอนที่เหลือให้ผู้ใช้ทราบ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ว่ากำลังใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
ไม่ให้ความสำคัญกับการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่: รูปแบบการจัดวางที่ดูดีบนเดสก์ท็อป อาจดูสับสนหรือไม่เหมาะสมเมื่อเปิดบนโทรศัพท์มือถือ ควรทดสอบแบบฟอร์มบนอุปกรณ์หลายขนาด เพื่อให้แน่ใจว่าช่องกรอกข้อมูลมีขนาดใหญ่พอ และภาพหรือองค์ประกอบการออกแบบที่มีขนาดใหญ่ไม่ทำให้แบบฟอร์มเลื่อนออกนอกหน้าจอ
ไม่ส่งข้อความยืนยัน: หากผู้ใช้กดปุ่ม “ส่ง” แล้วเจอหน้าเว็บว่างเปล่าหรือหน้าโหลดซ้ำ ผู้ใช้อาจสงสัยว่าแบบฟอร์มถูกส่งเรียบร้อยหรือไม่ แล้วอาจทำการกดส่งซ้ำ ซึ่งทำให้เกิดการเรียกเก็บเงินซ้ำสองครั้ง หรืออาจรู้สึกหงุดหงิดแล้วปิดหน้าเว็บไปเลย ควรใส่ข้อความยืนยันความสำเร็จที่อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นและขั้นตอนถัดไปคืออะไร เช่น “เรียบร้อยแล้ว! โปรดรอรับอีเมลต้อนรับในอีกสักครู่”
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ