สําหรับธุรกิจส่วนใหญ่ การรับรู้รายรับในทางทฤษฎีจะง่ายกว่าในทางปฏิบัติ เพราะความเป็นจริงของการทําธุรกิจแบบวันต่อวันทําให้เกิดความซับซ้อนหลายชั้น เมื่อคุณพิจารณาฟีเจอร์ทั่วไป เช่น ค่าบริการแบบแบ่งระดับ การแบ่งชําระตามสัดส่วน การรวมผลิตภัณฑ์หรือบริการ และตัวเลือกการชําระเงินแบบไดนามิก หลักเกณฑ์การรับรู้รายรับอาจสร้างความสับสน
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับเหตุผลที่การรับรู้รายเป็นสิ่งสำคัญ วิธีต่างๆ ที่ธุรกิจต่างสามารถนําไปใช้สร้างการรายงานรายรับที่ถูกต้องแม่นยํา และวิธีที่โซลูชันการรับรู้รายรับในตัวของ Stripe สามารถทําให้ง่ายขึ้น
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การรับรู้รายรับตาม ASC 606 คืออะไร
- เหตุใดการรับรู้รายรับจึงสําคัญ
- การเลือกวิธีการรับรู้รายรับ
- วิธีการรับรู้รายรับมีอะไรบ้าง
- วิธีทําให้การรับรู้รายง่ายขึ้น
การรับรู้รายรับตาม ASC 606 คืออะไร
ASC 606 คือชุดมาตรฐานและแนวทางที่กํากับดูแลวิธีที่ธุรกิจใช้การรับรู้รายรับ คณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IASB) และคณะกรรมการมาตรฐานการบัญชีการเงิน (FASB) ออก ASC 606 ในปี 2014 และธุรกิจทั่วโลกและอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ยอมรับและใช้มาตรฐานนี้ ในฐานะธุรกิจ คุณต้องดําเนินงานภายใต้กฎและข้อบังคับเฉพาะเหล่านี้เมื่อคํานวณและรายงานรายรับของคุณ
ASC 606 มีเฟรมเวิร์กที่ยืดหยุ่นและประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสําหรับการรับรู้รายรับ ซึ่งรวมถึงจำนวนเงินและกําหนดเวลา ซึ่งช่วยให้เตรียมงบการเงินง่ายขึ้น ต่อไปนี้คือบทสรุปสั้นๆ
1. ระบุสัญญาของลูกค้า
ขั้นตอนนี้จะระบุเกณฑ์ที่ธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามเมื่อสร้างสัญญากับลูกค้าเพื่อจัดหาสินค้าหรือบริการ
2. ระบุภาระหน้าที่ด้านประสิทธิภาพการทำงานในสัญญา
ส่วนนี้จะอธิบายว่าธุรกิจจะดําเนินการตามภาระหน้าที่ด้านประสิทธิภาพการทำงานตามที่ระบุไว้ในสัญญาอย่างไร
3. กําหนดราคาธุรกรรม
ส่วนนี้จะให้รายละเอียดว่าปัจจัยใดบ้างที่ธุรกิจต้องพิจารณาเมื่อกําหนดราคาธุรกรรม (จํานวนเงินที่ธุรกิจของคุณคาดว่าจะได้รับคืนจากการออกสินค้าหรือบริการให้ลูกค้า)
4. จัดสรรราคาธุรกรรม
ส่วนนี้จะแสดงแนวทางที่ใช้ในการจัดสรรราคาธุรกรรมสําหรับภาระหน้าที่ด้านประสิทธิภาพที่ต่างกันของสัญญา และราคาที่ลูกค้าตกลงว่าจะจ่ายให้สำหรับภาระหน้าที่แต่ละแบบ
5. รับรู้รายรับเมื่อธุรกิจทำตามภาระหน้าที่ด้านประสิทธิภาพ
ส่วนนี้ระบุวิธีที่คุณจะรับรู้รายรับเมื่อธุรกิจของคุณทำตามภาระผูกพันด้านประสิทธิภาพการทำงานที่แตกต่างกันแต่ละแบบ
เหตุใดการรับรู้รายรับจึงสําคัญ
GAAP ("หลักการทำบัญชีที่ยอมรับโดยทั่วไป") ในการทําบัญชีแบบเกณฑ์คงค้าง การรับรู้รายรับของ ASC 606 ระบุสถานการณ์หรือเงื่อนไขที่จะต้องรับรู้รายรับของธุรกิจ และระบุวิธีนำมาพิจารณา โดยระบุว่า:
- จะรับรู้รายรับเมื่อได้รับรายรับและลูกค้าได้รับสินค้าหรือบริการเต็มจํานวน แทนที่จะรับรู้เมื่อได้รับการชำระเงิน
- ต้องมีการรับประกันตามสมควรว่าจะได้รับรายรับนั้นจริง
- จะรายงานรายรับและต้นทุนที่เกี่ยวข้องในรอบการทําบัญชีปัจจุบัน
รายรับจากยอดขายเป็นหนึ่งในเครื่องหมายหลักที่วัดความสําเร็จของธุรกิจ ซึ่งหมายความว่าธุรกิจอาจต้องจัดโครงสร้างแนวทางการทําบัญชีในลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์รายรับที่น่าพึงพอใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แน่นอนว่าการทำเช่นนี้สามารถส่งผลให้เห็นภาพรวมผลกําไรและการประเมินมูลค่าของบริษัทที่ทำเข้าใจผิด ซึ่งมีผลต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า แม้ว่าธุรกิจจะไม่ได้ตั้งใจทําให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวทางการรับรู้รายรับ แต่ก็เป็นไปได้ว่าระเบียบวิธีการทําบัญชีของพวกเขานั้นมีข้อบกพร่องทําให้รายงานทางการเงินสับสนหรือไม่ถูกต้อง ที่อาจไม่ได้สื่อถึงข้อมูลสําคัญที่ผู้บริหารของธุรกิจและผู้ถือหุ้นจําเป็นต้องรู้
มีหลายสาเหตุที่ธุรกิจอาจใช้แนวทางการรับรู้รายรับที่้ไม่ได้มาตรฐาน ด้วยเหตุนี้จึงสําคัญอย่างยิ่งที่ธุรกิจทุกรายต้องดําเนินงานนี้ตามนโยบายและแนวทางที่ปรับตามมาตรฐาน แนวทางเหล่านี้จะช่วยสร้างเกณฑ์มาตรฐานทางการเงินที่สอดคล้องกันระหว่างบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมทั้งให้ข้อมูลทางการเงินในอดีตของบริษัทเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อให้เข้าใจความไม่สอดคล้องและแนวโน้มต่างๆ หลักการบัญชีเหล่านี้เป็นภาษาสากลสำหรับโลกธุรกิจในวงกว้างสําหรับใช้ตรวจสอบงบการเงินของบริษัท
การเลือกวิธีการรับรู้รายรับ
วิธีการรับรู้รายรับแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย จึงเป็นเรื่องสําคัญที่จะต้องทําความเข้าใจว่าวิธีการเหล่านั้นมีอะไรบ้าง รวมถึงกรณีการใช้งานและผลกระทบต่างๆ ก่อนที่จะเลือกหนึ่งวิธีสำหรับธุรกิจของคุณ โปรดทราบว่าการรับรู้รายรับไม่เพียงรวมวิธีการบันทึกรายรับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการระบุและจัดสรรต้นทุนที่เกิดขึ้นในการรับและดําเนินการตามสัญญา (เช่น ค่าคอมมิชชันการขาย ค่าแรง และวัสดุ)
อุตสาหกรรม ธุรกิจ โมเดลธุรกิจ และภาระผูกพันตามสัญญาที่เฉพาะเจาะจงของคุณจะเป็นตัวกําหนดวิธีการรับรู้รายรับที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ตัวเลือกที่ถูกต้องคือตัวเลือกที่อธิบายความเป็นจริงทางการเงินของธุรกิจคุณได้อย่างถูกต้องที่สุด เมื่อคุณเลือกวิธีการรับรู้รายรับ คุณจําเป็นต้องทําความเข้าใจ "ภาระหน้าที่ด้านประสิทธิภาพการทำงาน" ของธุรกิจและวิธีการส่งมอบภาระหน้าที่ดังกล่าวตามที่ ASC 606 กําหนดไว้
การเลือกวิธีที่ผิดอาจทำให้ข้อมูลทางการเงินของคุณ ทั้งรายรับ ผลกําไร และค่าใช้จ่ายสูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริงได้ง่ายๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาด มีความรับผิดทางภาษีมากขึ้น และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนลดลง การรับรู้รายรับเป็นแง่มุมที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงในการดําเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมคุณจึงไม่เพียงต้องปรับทีมบัญชีให้เข้ากับแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ดีที่สุด เท่านั้น แต่ต้องแน่ใจด้วยว่าสแต็กเทคโนโลยีของคุณได้รับการปรับให้เหมาะสมอย่างชาญฉลาดเพื่อพิจารณาความซับซ้อนของการรับรู้รายรับ
วิธีการรับรู้รายรับมีอะไรบ้าง
แม้ว่าธุรกิจทุกแห่งจะใช้ ASC 606 เป็นเฟรมเวิร์กสําหรับการรับรู้รายรับ แต่ก็มีหลายวิธีในการรับรู้รายรับเป็นรายรับในงบการเงิน ดังที่ระบุไว้ด้านล่างและในตัวอย่างการรับรู้รายรับเหล่านี้
1. ตามยอดขาย
เมื่อใช้การรับรู้รายรับตามยอดขาย คุณจะรับรู้รายรับเมื่อมีการขายหรือธุรกรรมเกิดขึ้น วิธีนี้พบมากในร้านค้าปลีก เนื่องจากลูกค้าสามารถเดินเข้ามาในร้านค้า ทําการซื้อ และกลับออกไปพร้อมกับสินค้า จึงเหมาะสมที่จะรับรู้รายรับในตอนนั้นเลย หรือตัวอย่างเช่น หากลูกค้าสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์ด้วยแพ็กเกจรายเดือนโดยทำสัญญารายปี และมูลค่ารวมของสัญญาเท่ากับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐตลอดทั้งปี คุณจะรับรู้รายรับที่ได้รับขณะที่เกิดธุรกรรมขึ้น นั่นหมายความว่าคุณจะได้รับรายรับ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินรวมทั้งหมด 2,400 ดอลลาร์สหรัฐตลอดอายุการใช้งานของสัญญา
โปรดทราบว่าวิธีนี้จะถือว่าธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์เมื่อจัดส่งสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า ไม่ใช่เมื่อได้รับการชําระเงิน บางครั้งสองสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่กฎการรับรู้รายรับของคุณควรพิจารณาเมื่อมีการดําเนินการตามภาระผูกพัน ไม่ใช่เมื่อได้รับการชําระเงิน
2. เปอร์เซ็นต์การดำเนินการเสร็จสมบูรณ์
ธุรกิจที่ทํางานกับสัญญาระยะยาวหรือสัญญาที่มีมูลค่าสูง เช่น การก่อสร้างเชิงพาณิชย์ มักจะใช้วิธีการรับรู้รายรับตามการดำเนินการที่เสร็จสมบูรณ์ แม้โครงการจะยังอยู่ระหว่างดําเนินการ แต่ธุรกิจเหล่านี้ก็ต้องพิสูจน์ว่าตนกําลังสร้างรายรับอยู่ด้วยการกําหนดตัวบ่งชี้หรือเป้าหมายระหว่างทางเพื่อแสดงความคืบหน้าของสัญญา รายรับจะได้รับการจัดสรรไปยังเป้าหมายเหล่านั้นขณะที่ดําเนินการตลอดระยะเวลาโครงการ ธุรกิจยังใช้วิธีนี้ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นขณะที่สัญญดําเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ได้ด้วย
วิธีเปอร์เซ็นต์การดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ช่วยให้รับรู้รายรับได้ใกล้เคียงกับเวลาจริง แทนที่จะเป็นเมื่อสิ้นสุดสัญญาเท่านั้น ซึ่งหมายความว่างบการเงินของคุณจะเห็นรายรับที่สอดคล้องกันและคาดการณ์ได้มากขึ้น โดยมีการพุ่งขึ้นหรือลงน้อยกว่า
เมื่อใช้วิธีนี้ โปรดตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณกําลังเขียนสัญญาที่บังคับใช้ได้โดยกฎหมายของเขตอํานาจศาลของคุณ โดยมีตัวบ่งชี้ความคืบหน้าที่ชัดเจนและระบุปริมาณได้ คุณยังสามารถใช้วิธีการนี้เพื่อรับรู้รายรับแยกตามต้นทุนได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าต้นทุนของโครงการคือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ คุณอาจถือว่าต้นทุนดังกล่าวสมบูรณ์ 50% เมื่อต้นทุนที่เกิดขึ้นคือ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. สัญญาที่เสร็จสมบูรณ์
วิธีแบบสัญญาที่เสร็จสมบูรณ์จะรับรู้รายรับเฉพาะเมื่อดําเนินการตามสัญญาเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณขายเก้าอี้ 600 ตัวให้ลูกค้า และจัดส่งด้วยการส่งเก้าอี้ 200 ตัวใน 3 รอบบัญชีที่แตกต่างกัน สัญญาดังกล่าวจะไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์จนกว่าจะได้รับการจัดส่งครั้งสุดท้ายในรอบที่สาม จะมีการรับรู้รายรับจากสัญญาทั้งฉบับในระหว่างรอบบัญชีเมื่อมีการจัดส่งขั้นสุดท้าย
วิธีนี้ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าจะมีการรับรู้รายรับในรอบการทําบัญชีที่ถูกต้อง มักจะใช้สําหรับโครงการระยะสั้น หรือโครงการระยะยาวที่ไม่สามารถใช้เปอร์เซ็นต์การดําเนินการเสร็จสมบูรณ์ได้เนื่องจากไม่มีตัวบ่งชี้ความคืบหน้า วิธีแบบสัญญาที่เสร็จสมบูรณ์อาจไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณหากธุรกิจมีระยะเวลาส่งคืนสินค้าที่ยาวหรือให้การรับประกันแบบขยายระยะเวลา เนื่องจากคุณอาจต้องจัดการกับธุรกรรมในรอบการทําบัญชีที่แตกต่างกัน
4. การกู้คืนต้นทุน (หรือความสามารถในการกู้คืน)
วิธีการกู้คืนต้นทุนจะรับรู้รายรับเมื่อมีการกู้คืนต้นทุนจากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ส่งมอบไปแล้ว แทนที่จะต้องบันทึกรายรับแล้วมาหักกับค่าใช้จ่าย วิธีนี้จะรอให้มีการคำนวณค่าใช้จ่ายในสัญญาเสร็จก่อน จากนั้นจึงทําเครื่องหมายรายรับที่เหลือว่าเป็นรายได้ วิธีนี้เป็นตัวเลือกการรับรู้รายรับที่ปลอดภัยมากที่สุด และมักจะใช้โดยธุรกิจที่ประสบปัญหาการชําระเงินล่าช้าหรือไม่สามารถประมาณค่าใช้จ่าย (หรือต้นทุนของสินค้าและบริการ) ที่จําเป็นสำหรับการทำสัญญา
5. ผ่อนชำระ
วิธีการผ่อนชําระนี้เหมาะสําหรับธุรกิจที่ลูกค้าชําระเงินค่าสินค้าหรือบริการในช่วงหลายเดือนหรือหลายปี หรือธุรกิจที่ไม่สามารถทราบล่วงหน้าหรือแม้แต่รับประกันว่าจะได้รับการชําระเงินเมื่อใด ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าซื้อโทรศัพท์มือถือในราคา 1,200 ดอลลาร์สหรัฐและชําระเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนเป็นเวลา 1 ปี ธุรกิจจะรับรู้รายรับที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อได้รับในแต่ละเดือน
วิธีนี้ช่วยให้ธุรกิจรับรู้รายรับตามที่ปรากฏ เนื่องจากมีโอกาสเสมอที่จะไม่ได้รับการชําระเงินเต็มจํานวน
วิธีการรับรู้รายรับอื่นๆ ได้แก่
- เกณฑ์คงค้าง
ด้วยวิธีนี้ การชําระเงินล่วงหน้าจะได้รับการบันทึกเป็นสินทรัพย์ที่ชําระล่วงหน้าก่อน และต่อมาจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่จัดส่งสินค้าหรือบริการแล้ว - สัญญาซื้อขายหลักทรัพย์
วิธีนี้เป็นไปตามกฎกรรมสิทธิ์หากโบรกเกอร์ทํางานตามแนวทางของ IRS และ SEC อย่างชัดเจน - ประสิทธิภาพการทํางานตามสัดส่วน
นี่คือเวอร์ชันที่ปรับเปลี่ยนของวิธีการแบบเปอร์เซ็นต์การดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ - การประเมิน
วิธีการนี้ใช้โดยตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยช่วยให้สามารถลดผลกําไรที่รับรู้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาประเมิน - ค่ามัดจํา
วิธีนี้จะใช้สําหรับการชําระเงินที่ถือเป็นการมัดจำ ซึ่งอาจมีการยกเลิกได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง - ธุรกรรมที่แจ้งหนี้แล้วแต่ยังไม่ส่งมอบ
วิธีนี้มักใช้เพื่อแสดงสินทรัพย์ของบริษัทให้ดูเกินจริง และอาจเป็นสัญญาณของธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง
วิธีทําให้การรับรู้รายรับง่ายขึ้น
ไม่ว่าคุณจะกําลังดําเนินธุรกิจประเภทใด เป็นสิ่งสําคัญที่ทีมการเงินของคุณจะต้องรับรู้รายรับได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามข้อกําหนด และเพื่อให้คุณเข้าใจอย่างสมบูรณ์ว่าธุรกิจสร้างรายได้อย่างไรและเมื่อไหร่ ช่วยให้คุณมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีกลยุทธ์ แม้ว่าการรับรู้รายรับจะเป็นหัวข้อที่ซับซ้อน แต่การจัดการแง่มุมนี้ให้ธุรกิจของคุณก็ไม่จําเป็นซับซ้อนเสมอไป
โซลูชันอย่าง Revenue Recognition ของ Stripe ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทําบัญชีแบบเกณฑ์คงค้าง และทำให้การกําหนดค่ารายงานรายรับเป็นอัตโนมัติเพื่อทําให้การปฏิบัติตามข้อกําหนด ASC 606 และ IFRS 15 เป็นเรื่องง่าย Revenue Recognition ของ Stripe ช่วยรับมือสถานการณ์ซึ่งมักทําให้เกิดความยุ่งยากในการทําบัญชี เช่น การอัปเกรด การดาวน์เกรด การแบ่งชําระตามสัดส่วน การคืนเงิน และการโต้แย้งการชําระเงินได้อย่างง่ายดาย ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยํา คุณจึงจัดเตรียมงบการเงินที่พร้อมสําหรับการตรวจสอบและมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างละเอียด
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ