การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) คือการเชื่อมต่อระหว่างระบบ CRM และแพลตฟอร์มการประมวลผลการชําระเงิน การผสานการทํางานการชําระเงินช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชําระเงินได้โดยตรงในอินเทอร์เฟซ CRM ทําให้ไม่จําเป็นต้องสลับระบบไปมา กระบวนการชําระเงินที่ง่ายขึ้นจะมอบประสบการณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า รวมทั้งมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าและประสิทธิภาพการขาย โดยการรวมข้อมูลทางการเงินและข้อมูลลูกค้าไว้
ซอฟต์แวร์ CRM เป็นที่นิยมสําหรับธุรกิจทุกขนาด ตัวอย่างเช่น รายรับของตลาดซอฟต์แวร์ CRM คาดว่าจะถึง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM ประโยชน์ และความท้าทาย
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การผสานการทํางาน CRM คืออะไร
- การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีวิธีการทํางานอย่างไร
- มีวิธีผสานการทํางานการชําระเงินแบบใดบ้าง
- ประโยชน์จากการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
- ความท้าทายในการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
การผสานการทํางาน CRM คืออะไร
การผสานการทํางาน CRM คือแนวทางการเชื่อมต่อระบบ CRM กับแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์หรือเครื่องมืออื่นๆ เช่น แพลตฟอร์มการตลาดผ่านอีเมล ซอฟต์แวร์การบัญชี แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทําให้กระบวนการต่างๆ ทำงานได้โดยอัตโนมัติ การผสานการทํางาน CRM สร้างระบบที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสําหรับธุรกิจในหลากหลายแง่มุม โดยจะลดความจำเป็นในการป้อนข้อมูลลงในระบบต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดได้
การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีวิธีการทํางานอย่างไร
การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM เชื่อมโยงระบบ CRM ของคุณกับผู้ประมวลผลการชําระเงินหรือเกตเวย์ ซึ่งทําให้ธุรกิจของคุณรับการชําระเงินได้ภายใน CRM ได้โดยตรง วิธีการทํางานมีดังนี้
การเชื่อมต่อ
ส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ช่วยจัดการการสื่อสารระหว่างระบบ CRM กับเกตเวย์การชําระเงินหรือตัวประมวลผล โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ปลอดภัยจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ได้รับการเข้ารหัสและมีการปกป้องจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
การซิงโครไนซ์
CRM จัดเก็บและจัดการรายละเอียดการชําระเงินของลูกค้า เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตและหมายเลขบัญชีธนาคาร ทั้งยังสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุมและเป็นปัจจุบัน ระบบจะอัปเดตธุรกรรมการชําระเงิน ประวัติการซื้อ สถานะการชําระเงิน และใบเสร็จโดยอัตโนมัติ
การประมวลผลการชําระเงิน
เมื่อลูกค้าชําระเงิน CRM จะส่งรายละเอียดธุรกรรมไปยังเกตเวย์การชําระเงินเพื่อขออนุมัติ จากนั้นเกตเวย์จะประมวลผลและยืนยันการชําระเงิน
นอกจากนี้ CRM ยังสร้างใบแจ้งหนี้ ใบแจ้งยอดการเรียกเก็บเงิน และการแจ้งเตือนสําหรับการชําระเงินที่ครบกําหนดชําระได้ด้วย สําหรับบริการแบบสมัครสมาชิก ระบบนี้สามารถจัดการรอบการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยจะประมวลผลการชําระเงินแบบอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่ระบุ
การรายงาน
CRM ที่ผสานการทํางานจะช่วยสร้างรายงานทางการเงินอย่างละเอียดซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่องทางรายรับ สถานะการชําระเงิน และรูปแบบการชําระเงินของลูกค้า ธุรกิจต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลนี้เพื่อทําความเข้าใจรูปแบบการซื้อให้ดียิ่งขึ้น ระบุลูกค้าที่มีมูลค่าการซื้อสูง และปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดของตนเองได้
ประสบการณ์ของลูกค้า
การผสานการทํางานการชําระเงิน CRM จะมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถจัดการวิธีการชําระเงิน ดูประวัติธุรกรรม และอัปเดตข้อมูลการเรียกเก็บเงินผ่านพอร์ทัลบริการตัวเองของ CRM ได้
มีวิธีผสานการทํางานการชําระเงินแบบใดบ้าง
ต่อไปนี้คือวิธีการผสานการทํางานการชําระเงินที่ใช้กันทั่วไป
เกตเวย์การชําระเงิน: เกตเวย์การชําระเงินคือผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่ช่วยอํานวยความสะดวกด้านธุรกรรมออนไลน์ โดยจะส่งข้อมูลการชําระเงินระหว่างลูกค้า ธุรกิจ และสถาบันการเงินอย่างปลอดภัย
การผสานการทํางานโดยตรง: การผสานการทํางานโดยตรงจะเชื่อมโยงผู้ประมวลผลการชําระเงินกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธุรกิจ วิธีนี้ไม่จําเป็นต้องใช้เกตเวย์การชําระเงินของบริษัทอื่นและเปิดโอกาสให้ธุรกิจควบคุมกระบวนการชําระเงินได้มากขึ้น
หน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่น: ผู้ประมวลผลการชําระเงินสามารถเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังหน้าการชําระเงินในระบบที่ปลอดภัย เพื่อการผสานการทํางานที่ง่ายขึ้นและลดภาระด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI สําหรับธุรกิจ
ปลั๊กอินและส่วนขยาย: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบ CRM จํานวนมากมีปลั๊กอินหรือส่วนขยายสําหรับการผสานการทํางานกับผู้ประมวลผลการชําระเงินยอดนิยมอย่างง่ายดาย การผสานการทํางานสําเร็จรูปเหล่านี้ประหยัดทั้งเวลาและแรงงานเมื่อเทียบกับการผสานการทํางานที่ออกแบบเอง
ประโยชน์จากการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM สามารถมอบประโยชน์ดังต่อไปนี้
โปรไฟล์ลูกค้า
CRM สามารถสร้างรายงานแบบละเอียดที่แสดงประวัติธุรกรรมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว แจ้งข้อมูลเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และช่วยอํานวยความสะดวกในการจัดการความสัมพันธ์
ธุรกิจต่างๆ สามารถนําข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการซื้อและพฤติกรรมการชําระเงินมาใช้ปรับแต่งกลยุทธ์การตลาด คาดการณ์การซื้อในอนาคต และระบุโอกาสในการขายต่อยอดหรือการขายที่เกี่ยวโยงได้
กระบวนการทางการเงินแบบอัตโนมัติ
CRM สามารถสร้างและส่งใบแจ้งหนี้ ติดตามสถานะการชําระเงิน และส่งการแจ้งเตือนสําหรับใบแจ้งหนี้ที่เลยกําหนดชําระได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ การดึงเงินคืน หรือกิจกรรมที่น่าสงสัยได้ด้วย
ระบบสามารถจัดการการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าและการชําระเงินตามรอบบิล อํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่ตรงเวลา และลดอัตราการเลิกใช้บริการด้วยกระบวนการต่ออายุอัตโนมัติ
ข้อมูลแบบเรียลไทม์
CRM แสดงข้อมูลรายรับแบบเรียลไทม์ที่แบ่งตามผลิตภัณฑ์ ภูมิภาค หรือช่องทางการขาย ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนได้ทันที
ธุรกิจสามารถปรับแต่งการวิเคราะห์ระบบเพื่อมุ่งเน้นไปที่เมตริกเฉพาะเจาะจง เช่น รายรับที่เกิดขึ้นซ้ําต่อเดือน (MRR), มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) หรือมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย (ATV)
การรายงานด้านการเงิน
CRM สร้างรายงานแบบละเอียดเกี่ยวกับกระแสรายรับที่แบ่งตามรอบเวลา ข้อมูลประชากรของลูกค้า หรือสายผลิตภัณฑ์ โดยแสดงข้อมูลว่ากลุ่มและแนวโน้มใดทํากําไรได้
ระบบสามารถติดตามอัตราความสําเร็จของวิธีการชําระเงินและเกตเวย์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา โดยปรับแต่งกระบวนการชําระเงินเพื่ออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่สูงขึ้น
การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
CRM สามารถผสานการทํางานกับระบบการประมวลผลการชําระเงินที่เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) โดยตรงเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ระบบนี้ช่วยเก็บบันทึกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดอย่างละเอียด ทําให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายเป็นเรื่องง่าย และช่วยอํานวยความสะดวกให้กับการตรวจสอบ
ประสบการณ์ของลูกค้า
ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้าจัดการวิธีการชําระเงิน ดูประวัติธุรกรรม และดาวน์โหลดใบแจ้งหนี้ได้โดยตรงจากอินเทอร์เฟซเดียวที่แสนสะดวก
CRM สามารถใช้ข้อมูลที่ผสานการทํางานเพื่อส่งการแจ้งเตือนการชําระเงิน ข้อเสนอส่งเสริมการขาย และการสื่อสารเพื่อติดตามผลที่ปรับเฉพาะ ซึ่งจะส่งเสริมการมีส่วนร่วม
รายรับ
ระบบจะติดตามการชําระเงินและบัญชีที่เลยกําหนดชําระโดยอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงการจัดการกระแสเงินสด และลดความเสี่ยงของการไม่ชําระเงินที่หรือชำระล่าช้า
CRM ใช้ข้อมูลการชําระเงินในอดีตเพื่อสร้างการคาดการณ์รายรับที่แม่นยํามากขึ้น ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการทํางบประมาณและการวางแผนเชิงกลยุทธ์
ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
CRM ทําให้การกระทบยอดการชําระเงินกับบัญชีลูกค้าเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดจากการดําเนินการด้วยตนเองและภาระงานในการดูแลระบบ
ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและการประสานงานได้โดยการผสานรวมขั้นตอนการประมวลผลการชําระเงินกับกระบวนการขายและการสนับสนุนใน CRM
ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลการชําระเงินที่ผสานการทํางานเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงตามพฤติกรรมการใช้จ่าย ประวัติการชําระเงิน และความถี่ในการซื้อ
CRM สามารถคํานวณ CLTV ได้ด้วยการรวมประวัติการซื้อเข้ากับข้อมูลการชําระเงิน ข้อมูลนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ระบุลูกค้าที่มีมูลค่าการซื้อสูงและลูกค้าที่เสี่ยงต่อการเลิกซื้อสินค้า/ใช้บริการได้
การตรวจจับการฉ้อโกง
ระบบแบบผสานรวมสามารถวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมเพื่อตรวจจับความผิดปกติและกิจกรรมฉ้อโกง
ธุรกิจสามารถนําการแจ้งเตือนอัตโนมัติมาใช้กับกิจกรรมที่น่าสงสัย เช่น การพยายามชําระเงินไม่สําเร็จหลายครั้งและยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ
ความท้าทายในการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
ปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีดังนี้
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
การผสานการทํางานจําเป็นต้องปฏิบัติตาม PCI DSS, ใช้วิธีเข้ารหัสแบบรัดกุม และทำตามข้อกําหนดทางกฎหมายต่างๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคหรืออุตสาหกรรม
ความเข้ากันได้ของระบบ
API ของ CRM และเกตเวย์การชําระเงินจะต้องทํางานร่วมกันได้ ซึ่งอาจต้องอาศัยการพัฒนาที่ออกแบบเอง การผสานการทํางานกับระบบ CRM หรือเกตเวย์การชําระเงินแบบเก่าอาจต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ หรือแม้กระทั่งการแทนที่องค์ประกอบที่ล้าสมัย
ความซับซ้อนทางเทคนิค
ธุรกิจต่างๆ อาจต้องพัฒนาหรือกําหนดค่ามิดเดิลแวร์ เพื่ออํานวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่าง CRM กับระบบการชําระเงิน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังต้องมีระบบจัดการข้อผิดพลาดเพื่อจัดการธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ ปัญหาการซิงโครไนซ์ และปัญหาอื่นๆ
การจัดสรรต้นทุนและทรัพยากร
การผสานการทํางานครั้งแรกอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ที่อาจต้องดำเนินการ นอกจากนี้ ยังต้องมีการบํารุงรักษาและการอัปเดตเป็นประจําเพื่อให้คงความปลอดภัยและใช้งานได้อีกด้วย
การย้ายข้อมูลและการซิงโครไนซ์
ธุรกิจจะต้องรักษาความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลในขั้นตอนการรับส่งระหว่างระบบการชําระเงินกับ CRM และจะต้องทําการซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดมีความเป็นปัจจุบัน
การฝึกอบรมผู้ใช้และการนําไปใช้
ธุรกิจควรฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ใช้ระบบผสานการทํางานแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังอาจต้องรับมือกับการต่อต้านจากพนักงานที่คุ้นเคยกับระบบเก่าๆ
การปรับขนาด
ธุรกิจต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ผสานการทํางานสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งคงประสิทธิภาพให้อยู่ในระดับสูงแม้ในขณะที่มีปริมาณการใช้งานมาก
ประสบการณ์ของลูกค้า
การผสานการทำงานอาจทําให้ระบบหยุดทํางานชั่วคราว ซึ่งทําให้เกิดปัญหาต่อการบริการลูกค้าและการทำธุรกรรมได้ ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการผสานการทํางานจะไม่ส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ เช่น ความล่าช้าในการตอบกลับหรือมีขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก
การประสานงานกับผู้ให้บริการ
การผสานการทํางานต้องอาศัยการประสานงานระหว่างผู้ให้บริการหลายรายเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงระดับบริการ (SLA) และเพื่อให้ระบบที่ผสานทํางานได้อย่างเสถียร
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ