อธิบายการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การผสานการทํางาน CRM คืออะไร
  3. การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีวิธีการทํางานอย่างไร
    1. การเชื่อมต่อ
    2. การซิงโครไนซ์
    3. การประมวลผลการชําระเงิน
    4. การรายงาน
    5. ประสบการณ์ของลูกค้า
  4. มีวิธีผสานการทํางานการชําระเงินแบบใดบ้าง
  5. ประโยชน์จากการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
    1. โปรไฟล์ลูกค้า
    2. กระบวนการทางการเงินแบบอัตโนมัติ
    3. ข้อมูลแบบเรียลไทม์
    4. การรายงานด้านการเงิน
    5. การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    6. ประสบการณ์ของลูกค้า
    7. รายรับ
    8. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
    9. ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า
    10. การตรวจจับการฉ้อโกง
  6. ความท้าทายในการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
    1. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    2. ความเข้ากันได้ของระบบ
    3. ความซับซ้อนทางเทคนิค
    4. การจัดสรรต้นทุนและทรัพยากร
    5. การย้ายข้อมูลและการซิงโครไนซ์
    6. การฝึกอบรมผู้ใช้และการนําไปใช้
    7. การปรับขนาด
    8. ประสบการณ์ของลูกค้า
    9. การประสานงานกับผู้ให้บริการ

การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) คือการเชื่อมต่อระหว่างระบบ CRM และแพลตฟอร์มการประมวลผลการชําระเงิน การผสานการทํางานการชําระเงินช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชําระเงินได้โดยตรงในอินเทอร์เฟซ CRM ทําให้ไม่จําเป็นต้องสลับระบบไปมา กระบวนการชําระเงินที่ง่ายขึ้นจะมอบประสบการณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า รวมทั้งมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าและประสิทธิภาพการขาย โดยการรวมข้อมูลทางการเงินและข้อมูลลูกค้าไว้

ซอฟต์แวร์ CRM เป็นที่นิยมสําหรับธุรกิจทุกขนาด ตัวอย่างเช่น รายรับของตลาดซอฟต์แวร์ CRM คาดว่าจะถึง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM ประโยชน์ และความท้าทาย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การผสานการทํางาน CRM คืออะไร
  • การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีวิธีการทํางานอย่างไร
  • มีวิธีผสานการทํางานการชําระเงินแบบใดบ้าง
  • ประโยชน์จากการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM
  • ความท้าทายในการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM

การผสานการทํางาน CRM คืออะไร

การผสานการทํางาน CRM คือแนวทางการเชื่อมต่อระบบ CRM กับแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์หรือเครื่องมืออื่นๆ เช่น แพลตฟอร์มการตลาดผ่านอีเมล ซอฟต์แวร์การบัญชี แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทําให้กระบวนการต่างๆ ทำงานได้โดยอัตโนมัติ การผสานการทํางาน CRM สร้างระบบที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสําหรับธุรกิจในหลากหลายแง่มุม โดยจะลดความจำเป็นในการป้อนข้อมูลลงในระบบต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดได้

การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีวิธีการทํางานอย่างไร

การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM เชื่อมโยงระบบ CRM ของคุณกับผู้ประมวลผลการชําระเงินหรือเกตเวย์ ซึ่งทําให้ธุรกิจของคุณรับการชําระเงินได้ภายใน CRM ได้โดยตรง วิธีการทํางานมีดังนี้

การเชื่อมต่อ

ส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ช่วยจัดการการสื่อสารระหว่างระบบ CRM กับเกตเวย์การชําระเงินหรือตัวประมวลผล โปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ปลอดภัยจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ได้รับการเข้ารหัสและมีการปกป้องจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

การซิงโครไนซ์

CRM จัดเก็บและจัดการรายละเอียดการชําระเงินของลูกค้า เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตและหมายเลขบัญชีธนาคาร ทั้งยังสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ครอบคลุมและเป็นปัจจุบัน ระบบจะอัปเดตธุรกรรมการชําระเงิน ประวัติการซื้อ สถานะการชําระเงิน และใบเสร็จโดยอัตโนมัติ

การประมวลผลการชําระเงิน

เมื่อลูกค้าชําระเงิน CRM จะส่งรายละเอียดธุรกรรมไปยังเกตเวย์การชําระเงินเพื่อขออนุมัติ จากนั้นเกตเวย์จะประมวลผลและยืนยันการชําระเงิน

นอกจากนี้ CRM ยังสร้างใบแจ้งหนี้ ใบแจ้งยอดการเรียกเก็บเงิน และการแจ้งเตือนสําหรับการชําระเงินที่ครบกําหนดชําระได้ด้วย สําหรับบริการแบบสมัครสมาชิก ระบบนี้สามารถจัดการรอบการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยจะประมวลผลการชําระเงินแบบอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่ระบุ

การรายงาน

CRM ที่ผสานการทํางานจะช่วยสร้างรายงานทางการเงินอย่างละเอียดซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับช่องทางรายรับ สถานะการชําระเงิน และรูปแบบการชําระเงินของลูกค้า ธุรกิจต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลนี้เพื่อทําความเข้าใจรูปแบบการซื้อให้ดียิ่งขึ้น ระบุลูกค้าที่มีมูลค่าการซื้อสูง และปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดของตนเองได้

ประสบการณ์ของลูกค้า

การผสานการทํางานการชําระเงิน CRM จะมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถจัดการวิธีการชําระเงิน ดูประวัติธุรกรรม และอัปเดตข้อมูลการเรียกเก็บเงินผ่านพอร์ทัลบริการตัวเองของ CRM ได้

มีวิธีผสานการทํางานการชําระเงินแบบใดบ้าง

ต่อไปนี้คือวิธีการผสานการทํางานการชําระเงินที่ใช้กันทั่วไป

  • เกตเวย์การชําระเงิน: เกตเวย์การชําระเงินคือผู้ให้บริการบุคคลที่สามที่ช่วยอํานวยความสะดวกด้านธุรกรรมออนไลน์ โดยจะส่งข้อมูลการชําระเงินระหว่างลูกค้า ธุรกิจ และสถาบันการเงินอย่างปลอดภัย

  • การผสานการทํางานโดยตรง: การผสานการทํางานโดยตรงจะเชื่อมโยงผู้ประมวลผลการชําระเงินกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธุรกิจ วิธีนี้ไม่จําเป็นต้องใช้เกตเวย์การชําระเงินของบริษัทอื่นและเปิดโอกาสให้ธุรกิจควบคุมกระบวนการชําระเงินได้มากขึ้น

  • หน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่น: ผู้ประมวลผลการชําระเงินสามารถเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังหน้าการชําระเงินในระบบที่ปลอดภัย เพื่อการผสานการทํางานที่ง่ายขึ้นและลดภาระด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI สําหรับธุรกิจ

  • ปลั๊กอินและส่วนขยาย: แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและระบบ CRM จํานวนมากมีปลั๊กอินหรือส่วนขยายสําหรับการผสานการทํางานกับผู้ประมวลผลการชําระเงินยอดนิยมอย่างง่ายดาย การผสานการทํางานสําเร็จรูปเหล่านี้ประหยัดทั้งเวลาและแรงงานเมื่อเทียบกับการผสานการทํางานที่ออกแบบเอง

ประโยชน์จากการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM

การผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM สามารถมอบประโยชน์ดังต่อไปนี้

โปรไฟล์ลูกค้า

  • CRM สามารถสร้างรายงานแบบละเอียดที่แสดงประวัติธุรกรรมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว แจ้งข้อมูลเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และช่วยอํานวยความสะดวกในการจัดการความสัมพันธ์

  • ธุรกิจต่างๆ สามารถนําข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการซื้อและพฤติกรรมการชําระเงินมาใช้ปรับแต่งกลยุทธ์การตลาด คาดการณ์การซื้อในอนาคต และระบุโอกาสในการขายต่อยอดหรือการขายที่เกี่ยวโยงได้

กระบวนการทางการเงินแบบอัตโนมัติ

  • CRM สามารถสร้างและส่งใบแจ้งหนี้ ติดตามสถานะการชําระเงิน และส่งการแจ้งเตือนสําหรับใบแจ้งหนี้ที่เลยกําหนดชําระได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ การดึงเงินคืน หรือกิจกรรมที่น่าสงสัยได้ด้วย

  • ระบบสามารถจัดการการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าและการชําระเงินตามรอบบิล อํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่ตรงเวลา และลดอัตราการเลิกใช้บริการด้วยกระบวนการต่ออายุอัตโนมัติ

ข้อมูลแบบเรียลไทม์

  • CRM แสดงข้อมูลรายรับแบบเรียลไทม์ที่แบ่งตามผลิตภัณฑ์ ภูมิภาค หรือช่องทางการขาย ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนได้ทันที

  • ธุรกิจสามารถปรับแต่งการวิเคราะห์ระบบเพื่อมุ่งเน้นไปที่เมตริกเฉพาะเจาะจง เช่น รายรับที่เกิดขึ้นซ้ําต่อเดือน (MRR), มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) หรือมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย (ATV)

การรายงานด้านการเงิน

  • CRM สร้างรายงานแบบละเอียดเกี่ยวกับกระแสรายรับที่แบ่งตามรอบเวลา ข้อมูลประชากรของลูกค้า หรือสายผลิตภัณฑ์ โดยแสดงข้อมูลว่ากลุ่มและแนวโน้มใดทํากําไรได้

  • ระบบสามารถติดตามอัตราความสําเร็จของวิธีการชําระเงินและเกตเวย์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา โดยปรับแต่งกระบวนการชําระเงินเพื่ออัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่สูงขึ้น

การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • CRM สามารถผสานการทํางานกับระบบการประมวลผลการชําระเงินที่เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) โดยตรงเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

  • ระบบนี้ช่วยเก็บบันทึกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดอย่างละเอียด ทําให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายเป็นเรื่องง่าย และช่วยอํานวยความสะดวกให้กับการตรวจสอบ

ประสบการณ์ของลูกค้า

  • ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้าจัดการวิธีการชําระเงิน ดูประวัติธุรกรรม และดาวน์โหลดใบแจ้งหนี้ได้โดยตรงจากอินเทอร์เฟซเดียวที่แสนสะดวก

  • CRM สามารถใช้ข้อมูลที่ผสานการทํางานเพื่อส่งการแจ้งเตือนการชําระเงิน ข้อเสนอส่งเสริมการขาย และการสื่อสารเพื่อติดตามผลที่ปรับเฉพาะ ซึ่งจะส่งเสริมการมีส่วนร่วม

รายรับ

  • ระบบจะติดตามการชําระเงินและบัญชีที่เลยกําหนดชําระโดยอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงการจัดการกระแสเงินสด และลดความเสี่ยงของการไม่ชําระเงินที่หรือชำระล่าช้า

  • CRM ใช้ข้อมูลการชําระเงินในอดีตเพื่อสร้างการคาดการณ์รายรับที่แม่นยํามากขึ้น ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการทํางบประมาณและการวางแผนเชิงกลยุทธ์

ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

  • CRM ทําให้การกระทบยอดการชําระเงินกับบัญชีลูกค้าเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดจากการดําเนินการด้วยตนเองและภาระงานในการดูแลระบบ

  • ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและการประสานงานได้โดยการผสานรวมขั้นตอนการประมวลผลการชําระเงินกับกระบวนการขายและการสนับสนุนใน CRM

ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

  • ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลการชําระเงินที่ผสานการทํางานเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงตามพฤติกรรมการใช้จ่าย ประวัติการชําระเงิน และความถี่ในการซื้อ

  • CRM สามารถคํานวณ CLTV ได้ด้วยการรวมประวัติการซื้อเข้ากับข้อมูลการชําระเงิน ข้อมูลนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ระบุลูกค้าที่มีมูลค่าการซื้อสูงและลูกค้าที่เสี่ยงต่อการเลิกซื้อสินค้า/ใช้บริการได้

การตรวจจับการฉ้อโกง

  • ระบบแบบผสานรวมสามารถวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมเพื่อตรวจจับความผิดปกติและกิจกรรมฉ้อโกง

  • ธุรกิจสามารถนําการแจ้งเตือนอัตโนมัติมาใช้กับกิจกรรมที่น่าสงสัย เช่น การพยายามชําระเงินไม่สําเร็จหลายครั้งและยอดธุรกรรมที่ผิดปกติ

ความท้าทายในการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM

ปัญหาบางประการที่เกี่ยวข้องกับการผสานการทํางานการชําระเงินกับระบบ CRM มีดังนี้

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกําหนด

การผสานการทํางานจําเป็นต้องปฏิบัติตาม PCI DSS, ใช้วิธีเข้ารหัสแบบรัดกุม และทำตามข้อกําหนดทางกฎหมายต่างๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคหรืออุตสาหกรรม

ความเข้ากันได้ของระบบ

API ของ CRM และเกตเวย์การชําระเงินจะต้องทํางานร่วมกันได้ ซึ่งอาจต้องอาศัยการพัฒนาที่ออกแบบเอง การผสานการทํางานกับระบบ CRM หรือเกตเวย์การชําระเงินแบบเก่าอาจต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ หรือแม้กระทั่งการแทนที่องค์ประกอบที่ล้าสมัย

ความซับซ้อนทางเทคนิค

ธุรกิจต่างๆ อาจต้องพัฒนาหรือกําหนดค่ามิดเดิลแวร์ เพื่ออํานวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่าง CRM กับระบบการชําระเงิน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังต้องมีระบบจัดการข้อผิดพลาดเพื่อจัดการธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ ปัญหาการซิงโครไนซ์ และปัญหาอื่นๆ

การจัดสรรต้นทุนและทรัพยากร

การผสานการทํางานครั้งแรกอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ที่อาจต้องดำเนินการ นอกจากนี้ ยังต้องมีการบํารุงรักษาและการอัปเดตเป็นประจําเพื่อให้คงความปลอดภัยและใช้งานได้อีกด้วย

การย้ายข้อมูลและการซิงโครไนซ์

ธุรกิจจะต้องรักษาความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลในขั้นตอนการรับส่งระหว่างระบบการชําระเงินกับ CRM และจะต้องทําการซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดมีความเป็นปัจจุบัน

การฝึกอบรมผู้ใช้และการนําไปใช้

ธุรกิจควรฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ใช้ระบบผสานการทํางานแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังอาจต้องรับมือกับการต่อต้านจากพนักงานที่คุ้นเคยกับระบบเก่าๆ

การปรับขนาด

ธุรกิจต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ผสานการทํางานสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมและข้อมูลลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ รวมทั้งคงประสิทธิภาพให้อยู่ในระดับสูงแม้ในขณะที่มีปริมาณการใช้งานมาก

ประสบการณ์ของลูกค้า

การผสานการทำงานอาจทําให้ระบบหยุดทํางานชั่วคราว ซึ่งทําให้เกิดปัญหาต่อการบริการลูกค้าและการทำธุรกรรมได้ ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการผสานการทํางานจะไม่ส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ เช่น ความล่าช้าในการตอบกลับหรือมีขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก

การประสานงานกับผู้ให้บริการ

การผสานการทํางานต้องอาศัยการประสานงานระหว่างผู้ให้บริการหลายรายเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงระดับบริการ (SLA) และเพื่อให้ระบบที่ผสานทํางานได้อย่างเสถียร

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe