เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ 101: สิ่งนี้คืออะไรและมีวิธีใช้อย่างไร

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ข้อดีของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
  3. ข้อเสียของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
  4. วิธีผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงิน
    1. การผสานการทํางานโดยตรงกับแต่ละเกตเวย์
    2. ผู้รวบรวมเกตเวย์การชําระเงิน
    3. แพลตฟอร์มการประสานระบบการชำระเงิน
    4. ปลั๊กอินแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
  5. วิธีรองรับเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
    1. ประเมินความต้องการของคุณ
    2. เลือกวิธีการผสานการทํางานของคุณ
    3. ติดตั้งใช้งานการผสานการทํางาน
    4. กําหนดค่ากฎการกําหนดเส้นทาง
    5. ติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพ
  6. ฟีเจอร์สําคัญที่ควรมองหาเมื่อผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

เกตเวย์การชําระเงินเป็นเทคโนโลยีที่อนุมัติการชําระเงินสําหรับธุรกรรมทางออนไลน์และที่จุดขายอย่างปลอดภัย ธุรกิจต่างๆ ใช้เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบเพื่อช่วยให้เครื่องมือประมวลผลของตนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสําหรับลูกค้า ขยายการเข้าถึง ตลอดจนรวบรวมข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมของตน

เราจะอธิบายถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ วิธีผสานการทํางานและสนับสนุนเกตเวย์เหล่านั้น ตลอดจนฟีเจอร์ต่างๆ ที่คุณควรมองหาขณะผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ข้อดีของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
  • ข้อเสียของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
  • วิธีผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงิน
  • วิธีสนับสนุนเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ
  • ฟีเจอร์สําคัญที่ควรมองหาเมื่อผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

ข้อดีของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

การใช้เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบจะช่วยขยายธุรกิจของคุณสู่กลุ่มเป้าหมายทั่วโลก ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงด้วย ด้านล่างนี้คือตัวอย่างข้อดีของการมีเกตเวย์หลากหลายแบบ

  • ระบบสำรองเชิงกลยุทธ์: ในธุรกรรมออนไลน์ ความล้มเหลวเพียงจุดเดียวอาจนำไปสู่การขาดทุนมหาศาล การผสานการทํางานของเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งได้โดยมีความต่อเนื่องเป็นหัวใจสำคัญ หากเกตเวย์หนึ่งดําเนินการไม่สําเร็จเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ ปัญหาทางเทคนิค หรือการบํารุงรักษาตามกําหนด อีกเกตเวย์หนึ่งก็สามารถดําเนินการได้เพื่อดำเนินธุรกรรมต่อไปโดยไม่มีข้อขัดข้อง ระบบสำรองนี้จะช่วยรักษาทั้งยอดขายและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า

  • การเจาะตลาดทั่วโลก: เกตเวย์การชําระเงินแต่ละแบบจะรองรับสกุลเงิน ภูมิภาค และวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป สําหรับธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ การใช้เกตเวย์หลากหลายแบบจะช่วยให้ธุรกิจส่งมอบประสบการณ์การเลือกซื้อที่เหมาะกับตลาดต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ขณะที่เกตเวย์หนึ่งอาจรองรับธุรกรรม SEPA ในยุโรป แต่อีกเกตเวย์หนึ่งอาจจัดการกับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมในตลาดเอเชียได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าในตลาดใหม่ๆ ได้อย่างมาก

  • การกำหนดเส้นทางที่แข่งขันได้: ค่าธรรมเนียมธุรกรรมจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเกตเวย์และประเภทธุรกรรมและผู้ให้บริการบัตรเครดิต เมื่อใช้งานอัลกอริทึมการกําหนดเส้นทางขั้นสูง ธุรกิจสามารถเลือกเกตเวย์ที่คุ้มค่าที่สุดสําหรับธุรกรรมแต่ละรายการโดยอิงตามการประเมินค่าธรรมเนียมแบบเรียลไทม์ได้ วิธีนี้ซึ่งเรียกว่าการกําหนดเส้นทางที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด อาจทําให้ประหยัดค่าธรรมเนียมธุรกรรมได้อย่างมากและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดําเนินงานด้านการเงินในระดับสูง

  • อัตราการอนุมัติ: เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบมีความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินและเทคโนโลยีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่ออัตราการอนุมัติธุรกรรม เกตเวย์ที่มีอัตราการอนุมัติสูงสําหรับธุรกรรมด้านสินเชื่อในสหรัฐอเมริกาอาจทำงานได้ไม่ดีนักเมื่อนำมาใช้กับธุรกรรมบัตรเครดิตในบราซิล การกระจายธุรกรรมไปยังเกตเวย์หลายๆ แบบจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มอัตราการอนุมัติโดยรวมได้ โดยใช้จุดแข็งของเกตเวย์แต่ละแบบตามประเภทธุรกรรมและตําแหน่งที่ตั้ง

  • ความต้องการของผู้บริโภค: ในยุคที่ประสบการณ์ของลูกค้ามักเป็นตัวกำหนดความภักดีต่อแบรนด์ การให้บริการตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่ง ผู้บริโภคแต่ละรายมีความชอบและระดับความเชื่อมั่นต่อวิธีการชําระเงินและเกตเวย์หลากหลายแบบที่แตกต่างกัน การให้บริการตัวเลือกหลากหลายแบบจะช่วยธุรกิจตอบโจทย์ด้านความต้องการของลูกค้า สร้างความเชื่อมั่น และปรับกระบวนการชําระเงินให้เป็นมืออาชีพได้

  • การลดความเสี่ยงและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: การพึ่งพาเกตเวย์เพียงแบบเดียวทําให้ธุรกิจเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของการให้บริการและเกิดช่องโหว่ในการปฏิบัติตามข้อกําหนด ทั้งนี้เนื่องจากเกตเวย์แบบต่างๆ มักมีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับระดับภูมิภาค เช่น GDPR ในยุโรปหรือ CCPA ในรัฐแคลิฟอร์เนีย การใช้เกตเวย์หลายๆ แบบช่วยให้ธุรกิจสามารถกระจายความเสี่ยงและรักษาความต่อเนื่องในการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการกํากับดูแลในทุกประเทศได้

  • ฟีเจอร์เฉพาะสําหรับเกตเวย์: เกตเวย์บางแบบมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับโมเดลธุรกิจบางประเภท เช่น บริการชําระเงินตามรอบบิล, ธุรกรรม B2B หรือการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ระบบป้องกันการฉ้อโกงขั้นสูง การสนับสนุนการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และการวิเคราะห์ข้อมูลโดยละเอียดจะช่วยปรับปรุงกระบวนการทําธุรกรรมและเพิ่มข้อมูลธุรกิจ

ข้อเสียของการมีเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

แม้โดยทั่วไปแล้ว การผสานการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบจะมีข้อดี แต่ธุรกิจก็อาจประสบกับความท้าทายด้านการผสานการทํางาน การจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ให้บริการ รายละเอียดมีดังนี้

  • การจัดการ: เกตเวย์แต่ละแบบมีอินเทอร์เฟซ การตั้งค่า และข้อกําหนดในการผสานการทํางานของตัวเอง ธุรกิจจึงต้องลงทุนด้านเวลาและทรัพยากรเพื่อจัดการระบบเหล่านี้ ตรวจสอบว่าทํางานร่วมกันได้ดี พร้อมทั้งติดตามดูประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง

  • ค่าใช้จ่าย: แม้ว่าการใช้เกตเวย์หลากหลายแบบอาจช่วยประหยัดเงินในส่วนค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่แข่งขันได้ แต่ก็อาจทําให้ค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงานสูงขึ้นได้ เกตเวย์แต่ละแบบอาจมีค่าธรรมเนียมการติดตั้ง การเรียกเก็บเงินรายเดือน และค่าธรรมเนียมธุรกรรของตัวเอง การใช้เกตเวย์หลายๆ แบบอาจทำค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปริมาณธุรกรรมที่ประมวลผลโดยแต่เกตเวย์ไม่เพียงพอที่จะช่วยลดต้นทุนได้

  • การผสานการทํางาน: การผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในทางเทคนิค เกตเวย์แต่ละแบบอาจต้องใช้ระเบียบการผสานการทํางานที่แตกต่างกันไป และการตรวจสอบว่าระบบทั้งหมดทํางานร่วมกันกับระบบส่วนกลางของธุรกิจได้นั้นต้องใช้ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรด้านไอทีจำนวนมาก

  • ประสบการณ์ของลูกค้า: การให้บริการวิธีการชําระเงินหลากหลายแบบอาจนําไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าที่ไม่ต่อเนื่องในบางครั้ง รูปแบบที่แตกต่างกันของอินเทอร์เฟซการชําระเงิน เวลาในการประมวลผล และตัวเลือกการชําระเงินที่ให้บริการในเกตเวย์ต่างๆ อาจทําให้ลูกค้าเกิดความสับสนหรือทำให้กระบวนการชำระเงินไม่ราบรื่น

  • ข้อมูลเชิงลึก: เมื่อธุรกรรมกระจายไปยังเกตเวย์หลายๆ แบบ การรวมและการวิเคราะห์ข้อมูลอาจทําได้ยากขึ้น ระบบกระจายข้อมูลนี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการติดตามแนวโน้มการขาย การทําความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมีข้อมูล

  • การสนับสนุนลูกค้า: หากพบปัญหาต่างๆ การแก้ปัญหาเหล่านั้นอาจซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อมีเกตเวย์หลายแบบเข้ามาเกี่ยวข้อง ลูกค้าอาจประสบปัญหาในการคืนเงินหรือการดึงเงินคืน และทีมสนับสนุนต้องเชี่ยวชาญในการจัดการกับการสอบถามข้อมูลในระบบต่างๆ

วิธีผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงิน

มีวิธีผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินอยู่หลายวิธี คุณเลือกระหว่างตัวเลือกต่อไปนี้หรือใช้จะวิธีการแบบผสมผสานก็ได้ เช่น ใช้การผสานการทํางานโดยตรงกับเกตเวย์บางแบบ และเลือกใช้แพลตฟอร์มการประสานระบบการชําระเงินหรือผู้ให้บริการชําระเงิน (PSP) สําหรับเกตเวย์อื่นๆ วิธีนี้จะสร้างความสมดุลระหว่างการปรับแต่งและความสะดวกในการใช้งาน ต่อไปนี้คือวิธีต่างๆ ในการผสานการทํางาน

การผสานการทํางานโดยตรงกับแต่ละเกตเวย์

การผสานการทํางานโดยตรงหมายถึงการผสานเกตเวย์การชําระเงินแต่ละแบบกับเว็บไซต์ของคุณโดยตรงโดยใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) และชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ซึ่งช่วยให้คุณปรับแต่งและควบคุมขั้นตอนการชําระเงิน อินเทอร์เฟซผู้ใช้ และการจัดการข้อมูลได้ยืดหยุ่นที่สุด แต่วิธีนี้อาจใช้เวลานานและมีความท้าทายในทางเทคนิคซึ่งจะต้องมีการบํารุงรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก API ของเกตเวย์อาจมีการเปลี่ยนแปลง

ผู้รวบรวมเกตเวย์การชําระเงิน

แพลตฟอร์มเหล่านี้ (เช่น Stripe) ให้บริการจุดผสานการทํางานเพียงจุดเดียวสําหรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย และบางครั้งก็เชื่อมโยงกับเกตเวย์พื้นฐานหลากหลายแบบ การผสานการทํางานวิธีนี้ช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการตั้งค่า และโดยทั่วไปจะช่วยจัดการเรื่องความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด อย่างไรก็ดี การปรับแต่งอาจมีราคาแพงกว่าการผสานการทํางานโดยตรง

แพลตฟอร์มการประสานระบบการชำระเงิน

แพลตฟอร์มเหล่านี้ทําหน้าที่เป็นชั้นกลางหรือมิดเดิลแวร์เลเยอร์ระหว่างเว็บไซต์ของคุณกับเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ โดยให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การส่งเงินแบบอัจฉริยะ การจัดการเมื่อดําเนินการไม่สําเร็จ และการรายงานในที่เดียว ซึ่งช่วยให้ผสานการทํางานและจัดการเกตเวย์หลากหลายแบบได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้ความยืดหยุ่นและการควบคุมมากกว่าผู้รวบรวม นอกจากนี้ยังมักประกอบด้วยฟีเจอร์สําหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและการลดค่าใช้จ่ายด้วย แต่ตัวเลือกนี้อาจมีราคาแพงกว่าตัวเลือกอื่นๆ และอาจต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคบางอย่างในการตั้งค่าและกําหนดค่า

ปลั๊กอินแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมมากมาย (เช่น Shopify, WooCommerce) มีปลั๊กอินหรือส่วนขยายที่ทำให้การผสานการทํางานกับเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบง่ายขึ้น แพลตฟอร์มเหล่านี้กำาหนดค่าและติดตั้งได้ง่ายเละมักจะมีการผสานการทํางานสําเร็จรูปกับเกตเวย์ยอดนิยมไว้อยู่แล้ว แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีตัวเลือกการปรับแต่งที่จำกัดเมื่อเทียบกับการผสานการทํางานโดยตรง อีกทั้งอาจไม่รองรับเกตเวย์หรือฟีเจอร์ที่ต้องการทั้งหมด

วิธีรองรับเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

หลังจากที่ตัดสินใจใช้เกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบสําหรับธุรกิจของคุณแล้ว คุณจะต้องวางแผน กําหนดค่า และคอยตรวจสอบการดําเนินงานต่อไป โปรดดูขั้นตอนในการต้นใช้งานดังนี้

ประเมินความต้องการของคุณ

  • กําหนดวิธีการชําระเงินและตําแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการรองรับ

  • ศึกษาเกี่ยวกับเกตเวย์ต่างๆ และเปรียบเทียบฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียม และวิธีการชําระเงินที่รองรับ

เลือกวิธีการผสานการทํางานของคุณ

  • ตัดสินใจว่าจะใช้การผสานการทํางานโดยตรง แพลตฟอร์มการประสานระบบการชําระเงิน, PSP หรือวิธีการแบบผสมผสาน พิจารณาแหล่งข้อมูลทางเทคนิค งบประมาณ และระดับการควบคุมที่คุณต้องการ

ติดตั้งใช้งานการผสานการทํางาน

  • ทำตามขั้นตอนในเอกสารประกอบและแนวทางที่เกตเวย์หรือแพลตฟอร์มแต่ละแห่งมีให้เพื่อผสานการทํางานกับระบบของคุณ

  • ทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าการผสานการทํางานทั้งหมดทํางานอย่างถูกต้อง

กําหนดค่ากฎการกําหนดเส้นทาง

  • หากคุณใช้แพลตฟอร์มการประสานระบบการชำระเงินหรือ PSP โปรดตั้งค่ากฎการกำหนดเส้นทางเพื่อกําหนดเกตเวย์ที่จะใช้สําหรับแต่ละธุรกรรม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการชําระเงิน สกุลเงิน จํานวนเงิน และระดับความเสี่ยง

ติดตามและเพิ่มประสิทธิภาพ

  • ติดตามอัตราความสําเร็จของธุรกรรม อัตราการปฏิเสธ และค่าธรรมเนียมการประมวลผลของเกตเวย์ต่างๆ

  • ปรับกฎการกำหนดเส้นทางและการตั้งค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพด้านค่าใช้จ่าย

ฟีเจอร์สําคัญที่ควรมองหาเมื่อผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบ

เมื่อผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินหลากหลายแบบกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณ ให้มองหาฟีเจอร์เหล่านี้เพื่อสร้างกระบวนการชําระเงินที่ดีที่สุดสําหรับคุณและลูกค้า

  • การกําหนดเส้นทางอัจฉริยะและกระจายงานแบบสมดุล (Load balancing): กําหนดเส้นทางธุรกรรมไปยังเกตเวย์ที่เหมาะสมที่สุดแบบไดนามิก โดยอิงตามประเภทธุรกรรม จํานวนเงิน สกุลเงิน บริษัทผู้ออกบัตร หรือประสิทธิภาพของเกตเวย์ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติ ลดค่าใช้จ่าย และช่วยให้มั่นใจว่าจะมีระบบสำรองในกรณีที่เกิดความขัดข้อง

  • ตรรกะการเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นและการลองซ้ำ: หากเกตเวย์หนึ่งดําเนินการไม่สําเร็จหรือธุรกรรมถูกปฏิเสธ การลองทําธุรกรรมอีกครั้งโดยอัตโนมัติด้วยเกตเวย์อื่นอาจช่วยหลีกเลี่ยงการสูญเสียยอดขายได้

  • การรายงานและการกระทบยอดในที่เดียว: การใช้แดชบอร์ดหรือระบบการรายงานแบบรวมศูนย์ที่รวมข้อมูลธุรกรรมจากทุกเกตเวย์จะทําให้การติดตาม การกระทบยอด และการวิเคราะห์การชําระเงินเป็นเรื่องง่าย

  • ระบบตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง มองหาฟีเจอร์อย่างการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 3D Secure, การยืนยันที่อยู่ การตรวจสอบความเร็ว หรืออัลกอริทึมตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูง ทั้งนี้เพื่อป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: ทำให้การปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) เป็นข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตาม

  • รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย: ความสามารถในการยอมรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Apple Pay, Google Pay) การโอนเงินผ่านธนาคาร และวิธีการชําระเงินในท้องถิ่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้เกตเวย์หลากหลายแบบ วิธีนี้จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้

  • ประสบการณ์การชําระเงินที่ปรับแต่งได้: มองหาความยืดหยุ่นในการปรับแต่งกระบวนการชำระเงินให้ตรงกับความต้องการด้านแบรนด์และประสบการณ์ผู้ใช้ของคุณ โดยมีตัวเลือกในการสร้างแบบฟอร์มการชําระเงินแบบกำหนดเอง การเพิ่มโลโก้ และการปรับภาษาให้เหมาะสมกับท้องถิ่น

  • ความสามารถในการขยายและความยืดหยุ่น: มองหาโซลูชันที่สามารถขยายไปพร้อมกับธุรกิจของคุณและรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือการเพิ่มกลยุทธ์การชําระเงินในอนาคต พิจารณาว่าคุณจะสามารถเพิ่มหรือนําเกตเวย์ออกได้อย่างง่ายดายตามต้องการหรือไม่

  • API และ SDK ที่เข้าใจง่ายสำหรับนักพัฒนา: API และ SDK ที่ครอบคลุมและได้รับการบันทึกข้อมูลอย่างดีสามารถลดความซับซ้อนของกระบวนการผสานการทำงาน และช่วยให้ปรับแต่งและควบคุมได้มากขึ้น

  • การสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้: การสนับสนุนลูกค้าที่รวดเร็วและมีข้อมูลที่ครอบคลุมถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผสานการทํางานหรือการใช้เกตเวย์การชําระเงินอย่างต่อเนื่อง

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe