ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อความติดตามหนี้: สิ่งนี้คืออะไร ต้องส่งเมื่อไหร่ และจะเขียนอย่างไร

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. เมื่อใดที่คุณควรจะต้องส่งข้อความติดตามหนี้
  3. เหตุใดข้อความติดตามหนี้จึงสําคัญ
  4. วิธีการเขียนข้อความติดตามหนี้: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
    1. ขั้นตอนที่ 1: เตรียมข้อมูลพื้นฐาน
    2. ขั้นตอนที่ 2: เลือกท่าที
    3. ขั้นตอนที่ 3: จัดโครงสร้างข้อความ
    4. ขั้นตอนที่ 4: พิจารณาวิธีการจัดส่ง
    5. ขั้นตอนที่ 5: เวลาและความถี่
    6. ขั้นตอนที่ 6: เก็บบันทึก
    7. ขั้นตอนที่ 7: ข้อควรพิจารณาทางกฎหมาย
    8. ขั้นตอนที่ 8: นําเสนอโซลูชันการชําระเงิน
    9. ขั้นตอนที่ 9: การแจ้งครั้งสุดท้าย
    10. ขั้นตอนที่ 10: ประเมินและปรับปรุง
  5. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเขียนข้อความติดตามหนี้
    1. ความชัดเจนและความโปร่งใส
    2. ท่าทีเป็นกลางและความเข้าอกเข้าใจ
    3. ให้ทางเลือกและการสนับสนุน
    4. หนักแน่นแต่ไม่บังคับ
    5. การเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูล
    6. เคล็ดลับการปรับแต่งเฉพาะบุคคล
    7. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพิ่มเติม
  6. Stripe จะช่วยได้อย่างไร

ข้อความติดตามหนี้คือการสื่อสารที่ธุรกิจส่งให้ลูกค้าเพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับการชําระเงินที่เลยกําหนด หรือแจ้งให้ทราบถึงธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ ข้อความเหล่านี้เป็นส่วนสําคัญในการจัดการลูกหนี้การค้าและเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปสําหรับธุรกิจที่มีโมเดลการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น บริการแบบสมัครสมาชิก ข้อความติดตามหนี้มีประโยชน์ต่อธุรกิจด้วยการช่วยป้องกันการเลิกใช้บริการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

หากดําเนินการอย่างรอบคอบและมีกลยุทธ์ ข้อความติดตามหนี้จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้การจัดการการติดตามหนี้ง่ายขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับแบรนนด์ ซึ่งเราจะมาดูวิธีการดำเนินการด้านล่างนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • เมื่อใดที่คุณควรจะต้องส่งข้อความติดตามหนี้
  • เหตุใดข้อความติดตามหนี้จึงสําคัญ
  • วิธีเขียนข้อความติดตามหนี้: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการเขียนข้อความติดตามหนี้
  • Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง

เมื่อใดที่คุณควรจะต้องส่งข้อความติดตามหนี้

ธุรกิจอาจต้องส่งข้อความติดตามหนี้ให้ลูกค้าในหลายสถานการณ์ ซึ่งได้แก่

  • เมื่อการชําระเงินเกินกําหนดชําระ: นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการส่งข้อความติดตามหนี้ หากลูกค้ายังไม่ได้ชําระเงินตามใบเรียกเก็บเงินภายในวันครบกําหนดชําระ การแจ้งเตือนอาจทำให้ลูกค้าทําการชําระเงิน

  • กรณีบริการแบบสมัครสมาชิกตามรอบ: ในโมเดลแบบชำระเงินตามรอบบิล ธุรกิจสามารถส่งข้อความติดตามหนี้ไปยังลูกค้าที่ชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าไม่สําเร็จ ข้อความเหล่านี้ช่วยเตือนให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลการชําระเงินเพื่อให้บัญชียังคงใช้งานได้

  • ก่อนการระงับบริการ: ในกรณีที่การไม่ชำระเงินอาจนำไปสู่การระงับบริการ การส่งข้อความติดตามหนี้ล่วงหน้าสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าทราบการดําเนินการที่กำลังจะเกิดขึ้นและเปิดโอกาสให้ลูกค้าแก้ไขสถานการ

  • หลังธุรกรรมถูกปฏิเสธ ธุรกรรมการชำระเงินอาจถูกปฏิเสธด้วเหตุผลหลายประการ เช่น เงินทุนไม่เพียงพอหรือบัตรหมดอายุ การส่งข้อความติดตามหนี้หลังจากการชําระเงินถูกปฏิเสธทำให้ลูกค้าทราบปัญหาและเปิดโอกาสให้ลูกค้าขอชำระเงินด้วยวิธีอื่น

  • กรณีการตั้งค่าการชําระเงินไม่สมบูรณ์: ลูกค้าอาจเริ่มขั้นตอนการชำระเงินแต่ยังทำไม่เสร็จ ข้อความติดตามหนี้อาจเตือนให้ลูกค้าตั้งค่าวิธีการชําระเงินให้เสร็จสิ้นได้

  • การอัปเดตบัญชีเป็นระยะ: ข้อความติดตามหนี้ช่วยเตือนลูกค้าให้อัปเดตรายละเอียดบัญชีของตัวเอง ซึ่งจะมีประโยชน์เป็นพิเศษหากวิธีการชําระเงินที่บันทึกไว้ในระบบใกล้จะหมดอายุ

  • เพื่อบังคับใช้เงื่อนไขที่อัปเดตใหม่: สามารถใช้ข้อความติดตามหนี้เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือนโยบายการชําระเงิน โดยเฉพาะหากมีผลกระทบต่อวิธีการหรือกำหนดการชำระเงิน

แม้ว่าเนื้อหาของข้อความติดตามหนี้จะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ แต่ข้อความการติดตามหนี้ทุกข้อความควรมีส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้

  • ระบุตัวตนผู้ส่งอย่างชัดเจน: ข้อความต้องระบุชื่อผู้ส่ง โดยระบุชื่อธุรกิจหรือแผนกการเรียกเก็บเงิน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

  • ข้อมูลลูกค้า: ระบุชื่อลูกค้าและข้อมูลบัญชีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการปรับแต่งข้อความสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะและทำให้ลูกค้าทราบว่าเป็นข้อความที่ตั้งใจส่งถึงตนเอง

  • ระบุรายละเอียดที่เจาะจงของปัญหา: ระบุเหตุผลการส่งข้อความแจ้งหนี้ว่าเป็นเรื่องการเลยกําหนดชําระเงิน บัตรถูกปฏิเสธ หรือจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลการชำระเงิน ระบุรายละเอียดที่เจาะจง เช่น เลขที่ วันที่ และยอดเงินที่ต้องชำระในใบแจ้งหนี้

  • ข้อความกระตุ้นให้ดําเนินการที่ชัดเจน: แจ้งให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจนว่าต้องทําอะไรต่อไป เช่น ต้องชำระเงิน อัปเดตรายละเอียดการชําระเงิน หรือการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

  • วิธีการชําระเงิน: ระบุคําแนะนําโดยละเอียดเกี่ยวกับการชําระเงิน รวมถึงวิธีการชําระเงิน และพอร์ทัลออนไลน์หรือลิงก์ที่ลูกค้าจะใช้ได้

  • วันครบกําหนดการแก้ไข: ระบุวันครบกําหนดที่ลูกค้าต้องดําเนินการ ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเร่งด่วนและแก้ไขปัญหารวดเร็วยิ่งขึ้น

  • ผลของการไม่ดำเนินการ: แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ได้ดําเนินการตามที่ควรต้องทำ ซึ่งอาจรวมถึงการค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า การระงับบริการ หรือการติดตามหนี้ต่อเนื่อง

  • ข้อมูลติดต่อ: เปิดช่องทางให้ลูกค้าติดต่อคุณได้หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ เช่น ให้หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลสําหรับการบริการลูกค้า

  • ท่าทีที่สุภาพและเคารพ: รักษาท่าทีที่อ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ ซึ่งจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการชำระเงินก็ตาม

  • การแจ้งเตือนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัย: เตือนลูกค้าไม่ให้ส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตผ่านอีเมล แล้วแนะนําให้ลูกค้าไปใช้วิธีการสื่อสารหรือการชําระเงินที่ปลอดภัย

เหตุใดข้อความติดตามหนี้จึงสําคัญ

ขณะที่มองหาวิธีพัฒนาประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าและเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ธุรกิจอาจมองข้ามการสื่อสารเกี่ยวกับธุรกรรมอย่างข้อความติดตามหนี้ได้ง่าย แต่องค์ประกอบเล็กๆ เหล่านี้เมื่อรวมกันเข้าก็สามารถส่งผลต่อภาพจำที่ลูกค้ามีต่อบริษัทได้ ต่อไปนี้คือสาเหตุว่าทำไมข้อความติดตามหนี้จึงสําคัญ

  • การรักษากระแสเงินสด: การชําระเงินที่ทันเวลาเเป็นสิ่งสําคัญต่อสถานะทางการเงินของทุกธุรกิจ ข้อความติดตามหนี้ช่วยให้แน่ใจว่าหนี้การค้าจะได้รับการจัดเก็บอย่างทันท่วงที

  • การลดหนี้เสีย: การติดตามการชําระเงินที่เลยกําหนดชําระอย่างแข็งขันด้วยข้อความติดตามหนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดหนี้เสียที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญสำหรับงบดุลที่ดี

  • ปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้า: ข้อความติดตามหนี้เป็นโอกาสในการสื่อสารกับลูกค้าเป็นประจํา หากทำอย่างถูกต้อง การสื่อสารเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแม้ในบริบทของการเรียกเก็บหนี้

  • ส่งเสริมความรับผิดชอบของลูกค้า: การส่งข้อความติดตามหนี้เป็นประจําช่วยเตือนลูกค้าถึงภาระหน้าที่ในการชําระเงิน และกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมการชําระเงินที่ตรงเวลา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและลูกค้า

  • การระบุและแก้ไขปัญหา: บางครั้งการไม่ชําระเงินก็เกิดจากการเข้าใจผิดหรือข้อผิดพลาด ข้อความติดตามหนี้เปิดให้เกิดการสื่อสารเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าโดยรวม

  • ย้ำเตือนเงื่อนไขการชําระเงิน: ข้อความเหล่านี้ย้ำถึงข้อกําหนดและเงื่อนไขการชําระเงินที่ได้ตกลงกันไว้ รวมทั้งใช้เพื่อการยืนยันว่าลูกค้าทราบและปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้

  • แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ: ข้อความติดตามหนี้ที่จัดทำอย่างดีสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของธุรกิจคุณ ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณจริงจังกับกระบวนการทางการเงินและความสัมพันธ์กับลูกค้า

  • ส่งเสริมการรักษาลูกค้า: ข้อความติดตามหนี้เป็นส่วนสําคัญในการรักษาลูกค้า โดยแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณรับมือกับสถานการณ์ที่อาจส่งผลเสีย เช่น การชําระเงินที่ล่าช้า ด้วยยุทธวิธีและการทํางานแบบมืออาชีพ

  • ให้การคุ้มครองทางกฎหมาย: ในกรณีที่มีการโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับการชําระเงิน บันทึกข้อความติดตามหนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ว่าธูรกิจของคุณได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่จําเป็นเพื่อเรียกเก็บหนี้

  • ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า: แม้ว่าจะขัดกับความรู้สึก แต่ข้อความติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวมได้ด้วยการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และให้ตัวเลือกกับลูกค้าในการแก้ไขปัญหาการชําระเงิน

วิธีการเขียนข้อความติดตามหนี้: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน

โดยปกติข้อความติดตามหนี้จะไม่ยาว แต่ยังต้องมีการวางแผน นี่คือคู่มือการเขียนข้อความติดตามหนี้ที่ได้ผล:

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมข้อมูลพื้นฐาน

  • ระบุตัวลูกค้า: ตรวจสอบว่าคุณมีรายละเอียดของลูกค้าที่ถูกต้อง รวมถึงชื่อและข้อมูลติดต่อ

  • ตรวจสอบรายละเอียดบัญชี: ยืนยันข้อมูลยอดที่เลยกําหนดชําระ รวมถึงหมายเลขใบแจ้งหนี้ จํานวนเงินครบกําหนดชําระทั้งหมด และวันครบกําหนดชําระ

ขั้นตอนที่ 2: เลือกท่าที

  • เป็นมืออาชีพและสุภาพ: ตรวจสอบว่าข้อความของคุณมีท่าทีที่มีมารยาท

  • ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น: หากจําเป็นต้องเตือนเพิ่มเติม ให้ค่อยๆ ใช้ท่าทียืนยันหนักแน่นขึ้นแต่ยังคงแสดงถึงความเคารพ

ขั้นตอนที่ 3: จัดโครงสร้างข้อความ

  • บรรทัดหัวเรื่อง: บรรทัดหัวเรื่องควรตรงประเด็นและช่วยให้ลูกค้าเห็นได้ง่าย เช่น "การแจ้งเตือน: ใบแจ้งหนี้หมายเลข 12345 เลยกําหนดชําระ"

  • คําทักทาย: ใช้คําทักทายที่สุภาพและเป็นส่วนตัว เช่น "เรียน [ชื่อลูกค้า]"

  • ย่อหน้าแรก ระบุวัตถุประสงค์: กล่าวถึงจุดประสงค์ของอีเมลคร่าวๆ ตัวอย่างเช่น "ฉันติดต่อมาเพื่อแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับการชําระเงินที่ค้างชําระในใบแจ้งหนี้หมายเลข #12345"

  • ย่อหน้าที่สอง ระบุรายละเอียด: ใส่ข้อมูลเฉพาะ เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ ยอดเงินรวมที่ครบกําหนดชําระ วันครบกําหนด และค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้า (หากมี)

  • ย่อหน้าที่สาม ให้ความช่วยเหลือ: แสดงความยินดีที่จะช่วยในกรณีที่มีปัญหาหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับการชําระเงิน

  • ย่อหน้าปิด: จบด้วยการกระตุ้นให้ดําเนินการ เช่น ขอให้ชําระเงินภายในวันที่ระบุ และขอบคุณลูกค้าที่ให้เวลาและความสนใจ

  • ส่วนลงชื่อ: ใส่ข้อมูลที่ติดต่อของคุณส่วนลงชื่อ

ขั้นตอนที่ 4: พิจารณาวิธีการจัดส่ง

  • อีเมล: อีเมลเป็นวิธีการส่งข้อความติดตามหนี้ที่ใช้กันมากที่สุด

  • จดหมาย: คุณสามารถส่งจดหมายแบบกระดาษเเพื่อติดตามผลหากลูกค้าไม่ตอบกลับอีเมล

  • โทรศัพท์: ในบางกรณี การโทรศัพท์อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า และกระตุ้นให้ดําเนินการได้เร็วกว่าอีเมล

ขั้นตอนที่ 5: เวลาและความถี่

  • การแจ้งเตือนครั้งแรก: ส่งการแจ้งเตือนครั้งแรกหลังจากเลยกําหนดการชำระเงินไม่นาน

  • การแจ้งเตือนฉบับติดตาม: ส่งการแจ้งเตือนเพิ่มเติมตามรอบเวลาประจํา เช่น รายสัปดาห์หรือทุกสองสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบกลับ

ขั้นตอนที่ 6: เก็บบันทึก

  • บันทึกการสื่อสาร: เก็บบันทึกการโต้ตอบทั้งหมดเป็นเอกสารเพื่อใช้อ้างอิง

ขั้นตอนที่ 7: ข้อควรพิจารณาทางกฎหมาย

  • รู้กฎหมาย: รับทราบกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการเรียกเก็บหนี้สินในภูมิภาคของคุณเพื่อให้แน่ใจถึงการปฏิบัติตามข้อกําหนด

ขั้นตอนที่ 8: นําเสนอโซลูชันการชําระเงิน

  • ตัวเลือกที่ยืดหยุ่น: หากเป็นไปได้ ให้จัดทําแผนการชําระเงินหรือโซลูชันอื่นๆ ให้ลูกค้าที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน

ขั้นตอนที่ 9: การแจ้งครั้งสุดท้าย

หากจําเป็น ให้ส่งการแจ้งเตือนครั้งสุดท้ายที่ระบุผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ชําระเงิน เช่น การดําเนินการทางกฎหมายหรือการรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานด้านเครดิต

ขั้นตอนที่ 10: ประเมินและปรับปรุง

  • ความคิดเห็นและการปรับปรุง: วิเคราะห์การตอบสนองและประสิทธิภาพของข้อความ และปรับกลยุทธ์ตามความจำเป็น

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเขียนข้อความติดตามหนี้

วิธีการและเวลาในการส่งข้อความติดตามหนี้มีความสำคัญเท่าๆ กับ เนื้อหาของข้อความ ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเขียนข้อความติดตามหนี้

ความชัดเจนและความโปร่งใส

  • แจ้งปัญหาอย่างชัดเจน: ระบุการชําระเงินที่เลยกําหนดชําระ รวมถึงหมายเลขใบแจ้งหนี้ จํานวนเงินที่ครบกําหนดชําระ และวันครบกําหนดชําระเดิม

  • บอกบริบท: อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับที่มาของใบแจ้งหนี้ (เช่น การซื้อล่าสุด การต่ออายุการสมัครใช้บริการ)เพื่อช่วยเตือนความจำของลูกค้า

  • หลีกเลี่ยงความกำกวม: ใช้ภาษาที่กระชับและตรงไปตรงมาเพื่อลดความสับสน

ท่าทีเป็นกลางและความเข้าอกเข้าใจ

  • รักษาความเป็นมืออาชีพ: ใช้ท่าทีที่เป็นกลางและให้เกียรติ หลีกเลี่ยงภาษาที่รุนแรงหรือกล่าวโทษ

  • รับทราบความเป็นจริง: รับรู้ว่าการไม่ชําระเงินอาจไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาและอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงด้านการเงินของลูกค้าหรือความผิดพลาดทางเทคนิค

  • แสดงความเข้าใจ: ใช้วลีเช่น "เราเข้าใจว่า ..." หรือ "เรายินดีให้ความช่วยเหลือ" เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมความร่วมมือ

ให้ทางเลือกและการสนับสนุน

  • รับชำระเงินหลายวิธี: ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายด้วยพอร์ทัลออนไลน์ การชําระเงินทางโทรศัพท์ และตัวเลือกการชำระเงินที่จุดขาย

  • นําเสนอโซลูชันที่ยืดหยุ่น: พิจารณารับชำระเงินบางส่วน ขยายวันครบกำหนด หรือหาทางเลือกอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  • ให้คําแนะนําที่เข้าถึงได้: ทํากระบวนการชําระเงินให้ง่ายขึ้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ สําหรับแต่ละวิธี

  • สร้างช่องทางการสนับสนุน: ช่วยให้ลูกค้าติดต่อคุณได้ง่าย หากมีข้อสงสัยหรือข้อกังวล

หนักแน่นแต่ไม่บังคับ

  • เน้นความสําคัญของการชําระเงิน: ใช้ภาษาที่สุภาพแต่ตรงเพื่อเตือนลูกค้าเกี่ยวกับภาระหน้าที่ของตัวเอง

  • มุ่งเน้นข้อเท็จจริงและผลลัพธ์ที่ตามมา: หลีกเลี่ยงการเล่นกับอารมณ์หรือการคุกคามโดยอ้อม แจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้าหรือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาหากไม่ได้รับการชําระเงิน

  • ใช้ท่าทีที่มีมารยาท: ปฏิบัติกับลูกค้าด้วยความเคารพแม้ในกรณีที่การชําระเงินเลยกําหนด

การเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูล

  • ติดตามการตอบสนองของลูกค้า: ติดตามปฏิกิริยาว่าลูกค้าตอบสนองต่อรูปแบบ ท่าที และตัวเลือกต่างๆ อย่างไร วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุว่าอะไรได้ผลที่สุด

  • ปรับแต่งวิธีการของคุณ: ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงข้อความของคุณ ปรับแต่งเนื้อหาและท่าทีมตามการโต้ตอบที่สำเร็จ

  • ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ตรวจสอบและแก้ไขกลยุทธ์การติดตามหนี้เป็นประจําโดยพิจารณาจากข้อมูลใหม่และความคิดเห็นของลูกค้า

เคล็ดลับการปรับแต่งเฉพาะบุคคล

  • เรียกลูกค้าด้วยชื่อ

  • อ้างอิงประวัติการชําระเงินหรือรายละเอียดการซื้อ

  • ใช้ท่าทีที่เป็นมิตรและสุภาพซึ่งสะท้อนน้ำเสียงของแบรนด์

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพิ่มเติม

  • เริ่มด้วยการแจ้งเตือนที่เป็นมิตรก่อนเพิ่มท่าทีที่หนักแน่นขึ้น

  • ใช้บรรทัดชื่อเรื่องที่อธิบายเนื้อหาของข้อความได้แม่นยํา

  • ใช้ข้อความที่กระชับและตรงประเด็น

  • มีตัวเลือกช่องทางติดต่อหลายทางเพื่อความสะดวกของลูกค้า

  • พิจารณาใช้บริการการติดตามหนี้มืออาชีพในสถานการณ์ที่ซับซ้อน

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

Stripe ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงการสนับสนุนด้านการจัดการการติดตามหนี้ที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยเสริมกลยุทธ์ของคุณที่คิดมาอย่างรอบคอบ ต่อไปนี้คือภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ Stripe ช่วยได้ในการจัดการการติดตามหนี้

  • เครื่องมือเรียกชําระเงินขั้นสูง: การจัดการการติดตามหนี้ของ Stripe มีอัลกอริทึมขั้นสูงซึ่งวิเคราะห์เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพยายามเรียกเก็บเงินซ้ำโดยอ้างอิงจากข้อมูลอุตสาหกรรมและรูปแบบการชําระเงินของลูกค้าแต่ละราย วิธีนี้จะเพิ่มอัตราความสําเร็จของการเรียกชำระเงินที่ไม่สําเร็จ

  • เทมเพลตอีเมลที่ปรับแต่งได้: Stripe ให้บริการเทมเพลตอีเมลที่ปรับแต่งได้ที่ออกแบบมาเพื่อการสื่อสารการติดตามหนี้โดยเฉพาะ เทมเพลตเหล่านี้สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับน้ำเสียงและภาษาของแบรนด์ อีกทั้งยังมอบประสบการณ์ลูกค้าที่สอดคล้องกันได้ นอกจากนี้ ยังกำหนดตำแหน่งให้ใส่ ชื่อลูกค้า จํานวนเงินที่ต้องชําระ และวันครบกําหนดการชําระเงิน ทําให้การสื่อสารแต่ละครั้งเป็นแบบส่วนตัวและสอดคล้องกับลูกค้า

  • ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่นสําหรับลูกค้า: Stripe ให้บริการวิธีการชําระเงินและสกุลเงินที่หลากหลาย ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้ลูกค้าเลือกวิธีการชําระเงินได้เอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของธุรกรรม นอกจากนี้ Stripe ยังผสานการทํางานกับระบบการเรียกเก็บเงินหลายระบบ ซึ่งช่วยให้อัปเดตข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าได้ง่าย

  • การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์: แดชบอร์ดของ Stripe มีการแจ้งเตือนการชำระเงินไม่สำเร็จและการเรียกชำระเงินสำเร็จแบบเรียลไทม์ การตอบสนองทันทีนี้ช่วยให้ธุรกิจแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและติดตามการดําเนินการติดตามหนี้ได้

  • การวิเคราะห์และการรายงานเชิงลึก: Stripe ให้ข้อมูลการวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับการพยายามชําระเงิน อัตราความสําเร็จ และการตอบสนองการสื่อสารติดตามหนี้ของลูกค้า ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้พัฒนากลยุทธ์การติดตามหนี้ ระบุปัญหาทั่วไปที่ทําให้เกิดการชําระเงินไม่สําเร็จ และทําความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีขึ้น

  • อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) สําหรับโซลูชันประเภทออกแบบเอง: Stripe มีAPIรองรับอย่างครอบคลุม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจผสานขั้นตอนการจัดการการติดตามหนี้เข้ากับระบบที่ออกแบบเองหรือแอปพลิเคชันของบริษัทอื่นได้ ความยืดหยุ่นนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อธุรกิจที่ต้องการกลยุทธ์ด้านการเรียกชำระเงินและการสื่อสารกับลูกค้าที่เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้