อีเมลติดตามหนี้คือข้อความที่ธุรกิจส่งให้ลูกค้าเพื่อเตือนเกี่ยวกับการชําระเงินที่เลยกําหนดหรือแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การเรียกเก็บเงินตามรอบบิลหรือการเรียกเก็บเงินต่อเนื่อง อีเมลเหล่านี้มีส่วนสําคัญในการจัดการหนี้การค้า
อีเมลติดตามหนี้เป็นวิธีการแจ้งลูกค้าที่ตรงไปตรงมาให้ดําเนินการเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิน แต่วิธีที่ธุรกิจเขียน ส่ง และจัดการข้อความเหล่านี้อาจแตกต่างกันออกไป ด้านล่างนี้เราจะอธิบายสิ่งที่ธุรกิจต้องทราบเกี่ยวกับอีเมลติดตามหนี้ว่าควรมีข้อมูลใดบ้าง ควรส่งเมื่อไหร่และส่งอย่างไร และวิธีเพิ่มโอกาสที่จะได้รับผลลัพธ์เป็นการชําระเงินที่สำเร็จ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- คุณต้องส่งอีเมลติดตามหนี้เมื่อใด
- เหตุใดอีเมลติดตามหนี้จึงสําคัญ
- วิธีเขียนอีเมลติดตามหนี้ คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับอีเมลติดตามหนี้
- Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง
คุณต้องส่งอีเมลติดตามหนี้เมื่อใด
ต่อไปนี้คือสาเหตุบางประการที่ธุรกิจจะส่งอีเมลติดตามหนี้
ธุรกรรมการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ: หนึ่งในทริกเกอร์ที่พบบ่อยที่สุดสําหรับอีเมลติดตามหนี้คือธุรกรรมการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ ธุรกรรมที่ไม่สําเร็จเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เงินในบัญชีของลูกค้าไม่เพียงพอ บัตรเครดิตหมดอายุ หรือธนาคารปฏิเสธ
ข้อมูลบัตรเครดิตที่หมดอายุ: บางครั้งลูกค้าลืมอัปเดตข้อมูลบัตรเครดิต เมื่อบัตรใบเก่าหมดอายุ การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่สร้างด้วยบัตรใบนั้นจะดําเนินการไม่สําเร็จ และส่งผลให้เกิดอีเมลติดตามหนี้เพื่อขอข้อมูลการชําระเงินที่อัปเดต
ธนาคารปฏิเสธหรือปัญหาการอนุมัติวงเงิน: บางครั้งธนาคารปฏิเสธธุรกรรมเนื่องจากสงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง เงินทุนไม่เพียงพอ หรือเมื่อลูกค้าใช้จ่ายครบวงเงินแล้ว การปฏิเสธเหล่านี้ทำให้ต้องสื่อสารกับลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหา
ข้อผิดพลาดของวิธีการชําระเงิน: ข้อผิดพลาดในรายละเอียดวิธีการชําระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีหรือรหัสยืนยันบัตร (CVV) ที่ไม่ถูกต้องอาจทําให้ทําธุรกรรมไม่สําเร็จ ในกรณีเช่นนี้ อีเมลติดตามหนี้จะขอให้ลูกค้ายืนยันและแก้ไขข้อมูลการชําระเงิน
การต่ออายุการสมัครใช้บริการ: ธุรกิจที่มีโมเดลแบบสมัครใช้บริการมักจะส่งอีเมลติดตามหนี้เมื่อมีการต่ออายุที่ใกล้ครบกําหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องยืนยันรายละเอียดการชําระเงินหรือแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการ
ปัญหาทางเทคนิคในการประมวลผลการชําระเงิน: เมื่อเกิดข้อบกพร่องทางเทคนิคในฝั่งของธุรกิจหรือฝั่งผู้ประมวลผลการชำระเงิน อาจทําให้ทำธุรกรรมไม่สําเร็จและจําเป็นต้องสื่อสารกับลูกค้าเพื่อลองชําระเงินอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดหรือนโยบายการชําระเงิน: หากธุรกิจอัปเดตข้อกําหนดหรือนโยบายการชําระเงิน บริษัทอาจส่งอีเมลติดตามหนี้เพื่อแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การทำเช่นนี้มีความสําคัญเป็นพิเศษหากลูกค้าต้องดําเนินการบางอย่าง เช่น ยอมรับข้อกําหนดใหม่ หรือการอัปเดตข้อมูลการเรียกเก็บเงิน
เหตุใดอีเมลติดตามหนี้จึงสําคัญ
ถ้าดูเผินๆ อีเมลติดตามหนี้อาจไม่สําคัญ แต่อีเมลนี้เป็นกุญแจสําคัญสู่ความสําเร็จของธุรกิจ เหตุผลมีดังนี้
อีเมลเหล่านี้ช่วยกู้คืนรายรับที่สูญเสีย: เมื่อชําระเงินไม่สําเร็จ ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียรายรับนั้นไป หากเกิดขึ้นบ่อยเกินไป อาจเป็นส่งผลเสียต่อผลกําไรของคุณอย่างรุนแรง การใช้แคมเปญการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพอาจกู้คืนการชําระเงินที่เลยกําหนดได้เป็นจํานวนมาก
ป้องกันการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ: การชําระเงินที่ขาดชําระมักนําไปสู่การหยุดชะงักของบริการหรือการระงับบัญชีซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าไม่พอใจและเลิกใช้บริการ อีเมลติดตามหนี้จะช่วยเตือนลูกค้าเกี่ยวกับยอดคงเหลือที่ค้างชําระและให้คําแนะนําในการแก้ไขปัญหา ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์อีเมลติดตามหนี้อัจฉริยะของ Chargebeeช่วยกู้คืนรายรับให้ลูกค้าได้กว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 การสื่อสารเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ ในขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์อันมีค่าที่มีอยู่แล้ว
อีเมลช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: อีเมลติดตามหนี้ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้ ธุรกิจสามารถหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่ไม่จําเป็นและรักษาการโต้ตอบกับลูกค้าให้เป็นบวกด้วยข้อความแจ้งข้อมูลที่ทันเวลาซึ่งให้ตัวเลือกในการชําระเงินที่ง่ายดาย
ช่วยทำให้กระบวนการเรียกเก็บเงินเป็นอัตโนมัติ: การทําให้อีเมลติดตามหนี้เป็นอัตโนมัติช่วยให้พนักงานของธุรกิจมีเวลาไปทำงานอื่นๆ การจัดทำอีเมลเป็นชุดที่ค่อยๆ เพิ่มความเร่งด่วนทำให้ธุรกิจสามารถจัดการกับบัญชีที่เลยกําหนดจํานวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องดําเนินการเองในทุกกรณี
อีเมลเป็นด่านป้องกันข้อผิดพลาดของมนุษย์: บางครั้งการขาดชำระเงินอาจเกิดจากความหลงลืมง่ายๆ อีเมลติดตามหนี้เป็นการแจ้งเตือนอย่างสุภาพซึ่งแจ้งให้ลูกค้าแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่ปัญหาจะใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับธุรกิจที่มีระบบการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อน หรือธุรกิจที่มีลูกค้าที่ใช้แพ็กเกจการชําระเงินตามแผนล่วงหน้า
วิธีเขียนอีเมลติดตามหนี้: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับการเขียนอีเมลติดตามหนี้
ก่อนการเขียน
ระบุและแบ่งส่วน: ระบุบัญชีที่เลยกําหนดแล้วจัดหมวดหมู่ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ยอดเงิน ระยะเวลาที่ค้างชําระ และประวัติการชําระเงิน ซึ่งจะช่วยปรับข้อความและลําดับเวลาของการส่งเรื่องต่อ
รวบรวมข้อมูล: ดึงรายละเอียดของลูกค้า เช่น ข้อมูลติดต่อ ข้อมูลจำเพาะในใบแจ้งหนี้ การพยายามชําระเงินครั้งก่อน และการสื่อสารก่อนหน้าที่เกี่ยวกับยอดที่เลยกําหนดชําระ
เลือกเวลาและความถี่: กําหนดเวลาที่เหมาะสมเพื่อส่งอีเมลฉบับแรก (เช่น ตอนเช้า วันธรรมดา) กําหนดเวลาส่งอีเมลในครั้งต่อๆ ไปโดยเพิ่มรอบระยะเวลาเรื่อยๆ ตามกลุ่มลูกค้า (เช่น 3 วัน, 7 วัน, 14 วัน)
การเขียนอีเมล
สูตรบรรทัดหัวเรื่อง: สูตรที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้ผลสําหรับการเขียนอีเมลติดตามหนี้จะเป็นไปตามรูปแบบนี้: "[ต้องดําเนินการ] - [ปัญหาใบแจ้งหนี้/การชําระเงิน] - [ชื่อธุรกิจ]" (เช่น "ต้องดําเนินการ: อัปเดตการชําระเงินสําหรับ[หมายเลขใบแจ้งหนี้] - [ชื่อธุรกิจ]")
คําทักทายและบริบท: เรียกลูกค้าด้วยชื่อ แล้วพูดถึงความสัมพันธ์ของลูกค้ากับธุรกิจของคุณคร่าวๆ
ระบุปัญหา: อธิบายถึงการชําระเงินที่เลยกําหนด และระบุหมายเลขใบแจ้งหนี้ จํานวนเงิน และวันที่ครบกําหนด เน้นที่ข้อเท็จจริงและหลีกเลี่ยงภาษาที่เป็นการกล่าวหา
ความเร่งด่วนและผลที่ตามมา: ไฮไลต์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ชําระเงิน (ค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้า การระงับบริการ การจํากัดบัญชี ฯลฯ) ใช้วลีอย่าง "หลีกเลี่ยงปัญหาขัดข้องในบริการ" หรือ "อัปเดตบัญชีของคุณเพื่อให้เข้าถึงต่อไปได้"
คํากระตุ้นให้ดําเนินการ (CTA): ช่วยให้ลูกค้าแก้ปัญหาได้ง่าย ใส่ปุ่มหรือลิงก์ที่มองเห็นได้ไปที่พอร์ทัลการชําระเงินออนไลน์ หรือมอบตัวเลือกการชําระเงินแบบอื่น
เสนอการสนับสนุนและแหล่งข้อมูล: แสดงความเข้าอกเข้าใจและความยินดีที่จะช่วยเหลือ ระบุช่องทางการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น โทรศัพท์หรือแชทสด รวมถึงแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น คําถามที่พบบ่อยหรือคู่มือการชําระเงิน
การลงท้ายในเชิงบวก: ย้ำถึงคุณค่าที่คุณมอบให้อีกครั้ง และแสดงความปรารถนาที่จะรักษาความสัมพันธ์ของคุณต่อไป ใช้วลีอย่าง "เราขอขอบคุณที่ทำธุรกิจกับเรา" หรือ "เราหวังว่าจะได้แก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว"
หลังการเขียน
ติดตามและวิเคราะห์: ติดตามดูอัตราการเปิดและคลิกผ่าน วิธีการแก้ไขการชําระเงิน และคําติชมจากลูกค้า เพื่อปรับกลยุทธ์การติดตามหนี้และข้อความสื่อสารของคุณ
โพรโทคอลการส่งเรื่องต่อ: กําหนดขั้นตอนการส่งเรื่องต่อสําหรับบัญชีที่ยังมีหนี้ค้างชําระหลังอีเมลฉบับสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นการโทร ส่งจดหมาย หรือการดําเนินการทางกฎหมาย
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับอีเมลติดตามหนี้
อีเมลติดตามหนี้ที่ประสบความสําเร็จจะช่วยแจ้งให้ลูกค้าทราบและดําเนินการ คุณจะต้องส่งสารข้อมูลสําคัญว่า "นี่คือปัญหาและนี่คือสิ่งที่เราต้องการให้คุณดําเนินการ" ขณะเลือกวิธีการและช่วงเวลาที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยได้
ตัวอีเมลเอง
บรรทัดหัวเรื่อง
ชัดเจนและกระชับ: ระบุการดําเนินการที่จําเป็นและชื่อธุรกิจ (เช่น "ต้องดําเนินการ: อัปเดตการชําระเงินสําหรับ[หมายเลขใบแจ้งหนี้]")
ใช้ความเร่งด่วน: ไฮไลต์สถานะเลยกําหนดชําระโดยไม่ก้าวร้าว (เช่น "การแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย: หลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของบริการ")
ปรับแต่งให้เหมาะกับบุคคล หากทําได้: ระบุชื่อลูกค้าหรือหมายเลขใบแจ้งหนี้
คําทักทาย
เป็นมิตรและเป็นมืออาชีพ: เรียกลูกค้าตามชื่อและรับทราบเกี่ยวกับการทำธุรกิจของลูกค้า
หลีกเลี่ยงการใช้คำเปิดทั่วไป: เลือก "สวัสดี [ชื่อลูกค้า]" แทนที่จะใช้ "เรียนลูกค้า"
เนื้อความ
ระบุปัญหา: อธิบายเกี่ยวกับการชําระเงินที่เลยกําหนด รวมถึงยอดเงินและวันที่ครบกําหนด
ย้ําถึงผลที่ตามมา: อธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับผลที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้าหรือการหยุดชะงักของบริการ
มอบโซลูชันที่หลากหลาย: มอบวิธีชําระเงินโดยตรงที่ง่ายดาย (เช่น พอร์ทัลออนไลน์ การโทร)
ปรับแต่งข้อความเฉพาะบุคคล: ปรับแต่งน้ำเสียงและเนื้อหาตามระยะเวลาที่มีหนี้ค้างชําระและประวัติลูกค้า
ใช้จุดสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหรือย่อหน้าสั้น: ทำให้ข้อความสามารถอ่านรู้เรื่องแม้มองผ่านๆ เพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกตกใจ
คำกระตุ้นให้ดําเนินการ
โดดเด่นและชัดเจน: ใส่ปุ่ม CTA ที่เห็นชัดหรือลิงก์ไปยังพอร์ทัลการชําระเงิน
ใช้คํากริยาการดําเนินการ: กระตุ้นให้ดําเนินการทันที (เช่น "ชําระเงินตอนนี้" หรือ "อัปเดตการชําระเงิน")
การลงท้าย
เชิงบวกและเน้นอนาคต: แสดงความชื่นชมสําหรับการร่วมทำธุรกิจของลูกค้าและหวังว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
เปิดช่องในการสื่อสาร: ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหากจําเป็น
เคล็ดลับทั่วไป
แบ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณ: จัดทำข้อความและลําดับเวลาของการส่งเรื่องต่อที่แตกต่างกันตามระยะเวลาที่มีหนี้ค้างชําระและประวัติการชําระเงิน
ติดตามและวิเคราะห์: ติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพของอีเมล การแก้ไขปัญหาการชําระเงิน และความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณอย่างละเอียด
ใช้ระบบอัตโนมัติในจุดที่ทำได้: ใช้การกําหนดเวลาอีเมลและการเชื่อมต่อกับการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) เพื่อความมีประสิทธิภาพ
ทดสอบและปรับแต่ง: ทดสอบบรรทัดชื่อเรื่อง, CTA และการส่งข้อความที่แตกต่างกันเพื่อค้นหาว่าแบบไหนใช้ได้ดีที่สุด
รักษาน้ำเสียงที่เป็นมืออาชีพ: หลีกเลี่ยงภาษาที่เป็นการกล่าวหาหรือกลยุทธ์ที่ก้าวร้าว
เน้นที่การสื่อสารโดยตรง: ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและกระชับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน
ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการจัดการอีเมลติดตามหนี้แบบองค์รวมมากขึ้น
การเพิ่มประสิทธิภาพก่อนอีเมล
การตรวจจับตั้งแต่เนิ่นๆ: นําระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อให้ระบุบัญชีที่เลยกําหนดได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ทําการแทรกแซงได้ทันเวลาก่อนที่จะมีหนี้ค้างชําระเป็นจำนวนมาก
การปรับปรุงข้อมูล: รักษาข้อมูลลูกค้าให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ โดยรวมถึงช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าต้องการและพฤติกรรมการชําระเงิน วิธีนี้จะช่วยให้คุณปรับแต่งและกําหนดเป้าหมายการเข้าถึงให้เหมาะกับบุคคลได้
การแบ่งกลุ่มหนี้ค้างชำระ: จัดหมวดหมู่บัญชีที่เลยกําหนดชําระตามปัจจัยต่างๆ เช่น ยอดเงิน ระยะเวลา และเหตุผลในการไม่ชําระเงิน
การเพิ่มประสิทธิภาพอีเมล
การปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล: ปรับแต่งเนื้อหาอีเมลตามประวัติและความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่แค่ชื่อ ใช้แท็กแบบไดนามิกสําหรับรายละเอียดใบแจ้งหนี้ ตัวเลือกการชําระเงิน และคําทักทายสําหรับแต่ละบุคคล
ระบบอัตโนมัติและการกําหนดเวลา: ทำให้ทริกเกอร์ลำดับอีเมลเป็นอัตโนมัติตามระยะของหนี้ค้างชำระ กําหนดเวลาส่งอีเมลเพื่อให้ส่งในวันและเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาจากตําแหน่งที่ตั้งและเขตเวลาของลูกค้า
การทดสอบ A/B: ทดสอบบรรทัดหัวเรื่อง, CTA และรูปแบบเนื้อหาที่แตกต่างกันอยู่เรื่อยๆ เพื่อระบุการส่งข้อความที่มีประสิทธิภาพที่สุดสําหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
การสื่อสารหลายช่องทาง: ใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายนอกเหนือจากอีเมล เช่น SMS หรือการแจ้งเตือนภายในแอป วิธีนี้ช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้ถึง 41% ตามรายงานแนวโน้มดิจิทัลประจําปี 2022 ของ Adobe โดยคนเหล่านี้เลือกซื้อสินค้าบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทุกวันหรือทุกสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่าจะเห็นการแจ้งเตือนในโทรศัพท์มากกว่า วิธีการสื่อสารอื่นๆ เช่น การโทรหรือไปรษณียบัตร อาจมีประโยชน์ในการกู้คืนรายรับด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มประชากรนั้นๆ
หลังอีเมล
การรายงานและการติดตามการชําระเงิน: ติดตามดูอัตราการเปิดอีเมล การคลิกผ่าน และการแก้ไขปัญหาการชําระเงินเพื่อวัดประสิทธิภาพของแคมเปญและระบุส่วนที่ควรปรับปรุง
โพรโทคอลการส่งเรื่องต่อ: กําหนดขั้นตอนการส่งเรื่องต่อสําหรับบัญชีที่ยังมีหนี้ค้างชําระหลังอีเมลฉบับสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นการโทร ส่งจดหมาย หรือการดําเนินการทางกฎหมาย โดยขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของกรณีและประวัติการสื่อสารของลูกค้า
การปฏิบัติตามข้อกําหนดและข้อบังคับ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้นตอนการติดตามหนี้ของคุณเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเรื่องการเก็บหนี้และการสื่อสารกับลูกค้า
การจัดการความสัมพันธ์
มุ่งเน้นที่ประสบการณ์ของลูกค้า: คงความเข้าอกเข้าใจในการสื่อสารทุกครั้ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การได้รับชําระเงิน ไปพร้อมๆ กับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
เสนอการสนับสนุนและแหล่งข้อมูล: ระบุแหล่งข้อมูลและช่องทางการสนับสนุนที่ช่วยให้ลูกค้าแก้ไขปัญหาการชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว
หลังการแก้ไข: ส่งข้อความขอบคุณหลังจากชําระเงินสําเร็จ และมอบรางวัลจูงใจสําหรับการชําระเงินที่ทันเวลาในอนาคตเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมการชําระเงินที่เป็นบวก
Stripe จะช่วยได้อย่างไร
อีเมลติดตามหนี้เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่คุณใช้ได้ การทํางานกับ Stripe เพื่อรองรับการชําระเงินและการเรียกเก็บเงินช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าที่มีคุณค่า ซึ่งสามารถนำไปใช้พิจารณาการเลือกกลยุทธ์การติดตามหนี้ที่แม่นยํามากขึ้นได้ Stripe ยังมีฟีเจอร์ในตัวที่ช่วยลดภาระให้ทีมของคุณในส่วนการจัดการการติดตามหนี้อีกด้วย สิ่งที่ Stripe ช่วยคุณได้มีดังนี้
ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ข้อมูลการชําระเงินอย่างละเอียด: Stripe ให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับประวัติการชําระเงินของลูกค้า รวมถึงความพยายามชําระเงินที่ไม่สําเร็จ วิธีการชําระเงินที่ต้องการ และรูปแบบหนี้ค้างชําระที่ผ่านมา ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าตามความเสี่ยงและปรับกลยุทธ์การติดตามหนี้ให้สอดคล้องกันได้
การรายงานอัตโนมัติ: การอัปเดตแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการชําระเงินที่ค้างชําระจะช่วยคุณติดตามความคืบหน้าและระบุบัญชีที่จําเป็นต้องตรวจสอบทันทีได้ วิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้สามารถแทรกแซงในเชิงรุกและหลีกเลี่ยงการส่งเรื่องต่อโดยไม่จําเป็น
ขั้นตอนการทํางานที่มีประสิทธิภาพ
Smart Retries และระบบอัตโนมัติสําหรับการติดตามหนี้: Stripe จะลองเรียกเก็บเงินที่ดําเนินการไม่สําเร็จซ้ําโดยอัตโนมัติตามอัลกอริทึมอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มอัตราความสําเร็จสูงสุดโดยไม่เพิ่มภาระให้ทีมของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถกําหนดค่าลําดับอีเมลอัตโนมัติที่ทริกเกอร์ตามระยะเวลาหนี้ค้างชําระที่ระบุ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรอันมีค่า
การอัปเดตการชําระเงินที่ง่ายดาย: Stripe ทําให้กระบวนการอัปเดตข้อมูลการชําระเงินง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถดําเนินการนี้ภายในแพลตฟอร์มได้โดยไม่ต้องติดต่อทีมของคุณ ซึ่งจะช่วยลดภาระด้านการสนับสนุนและเร่งการแก้ไขปัญหาการชําระเงินให้เร็วขึ้น
การควบคุมที่ปรับแต่งได้
เทมเพลตอีเมลที่ยืดหยุ่น: ออกแบบและปรับแต่งอีเมลติดตามหนี้ตามน้ำเสียงของแบรนด์และการแบ่งกลุ่มลูกค้าของคุณ แพลตฟอร์มของ Stripe มีเทมเพลตสําเร็จรูปและตัวเลือกการปรับแต่งสําหรับบรรทัดชื่อเรื่อง เนื้อหา และ CTA
เส้นทางการส่งเรื่องต่อที่กําหนดค่าได้: กําหนดโปรโตคอลการส่งเรื่องต่อของคุณเองสําหรับหนี้ค้างชําระที่ไม่ได้รับการแก้ไข Stripe ให้คุณตั้งค่าทริกเกอร์ที่เฉพาะเจาะจงสําหรับการโทร จดหมาย หรือตัวแทนเรียกเก็บหนี้ภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่าได้ดําเนินการที่เหมาะสมตามสถานการณ์
นอกเหนือจากฟีเจอร์เหล่านี้ โครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้และปลอดภัยของ Stripe ช่วยให้สื่อสารการติดตามหนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ และมีการผสานการทํางานกับระบบการเรียกเก็บเงินของคุณอย่างราบรื่น ซึ่งช่วยให้คุณดําเนินการต่อไปนี้ได้
มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติงานธุรกิจหลัก: การทำให้งานที่เป็นกิจวัตรดำเนินไปโดยอัตโนมัติและการใช้ข้อมูลเชิงลึกจะช่วยให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นที่กิจกรรมที่มีมูลค่าสูงได้
รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในเชิงบวก: การสื่อสารการติดตามหนี้ที่ตรงเป้าหมายและตรงเวลาจะช่วยลดความยุ่งยากและรักษาความไว้วางใจของลูกค้า
เพิ่มการกู้คืนรายรับ: ขั้นตอนการทํางานที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนําไปสู่อัตราการเรียกเก็บเงินได้สูงขึ้นและกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ