บัตรชำระเงินหรือ Value card คnออะไร สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Issuing
Issuing

Stripe Issuing เป็นผู้มอบระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรกว่า 200 ล้านใบที่สร้างขึ้นในระบบ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ประเภทของบัตรชำระเงิน
  3. บัตรชำระเงินมีหลักการทำงานอย่างไร
  4. บัตรชําระเงินใช้ทําอะไรได้บ้าง
    1. การให้เป็นของขวัญ และการใช้จ่ายส่วนบุคคล
    2. การขนส่งและการเดินทาง
    3. ธุรกิจและบัญชีเงินเดือน
    4. การศึกษา และชีวิตในมหาวิทยาลัย
    5. โครงการของรัฐบาลและสังคม
  5. ธุรกิจประเภทใดบ้างใช้บัตรชำระเงินบ่อยมากที่สุด
  6. ประโยชน์ของการออกบัตชำระเงินในฐานะธุรกิจ
  7. ความท้าทายที่มาพร้อมกับบัตรชำระเงิน
    1. ความท้าทายสําหรับผู้ใช้
    2. ความท้าทายสําหรับผู้ออกบัตร

Value card คือบัตรชําระเงินประเภทหนึ่งที่มีการเก็บเงินทุนไว้โดยตรงบนบัตร แทนที่จะมอบสิทธิ์เข้าถึงเงินทุนในบัญชีแยกต่างหากหรือจากวงเงินเครดิต บัตรเหล่านี้เติมเงินไว้ล่วงหน้าและใช้ซื้อสินค้าได้จนกว่ายอดคงเหลือจะหมด

บัตรชำระเงินมีบทบาทอย่างมากในตลาด บัตรของขวัญ ซึ่งเป็นบัตรการชำระเงินประเภทหนึ่ง มีมูลค่าตลาดทั่วโลกที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจาก 984 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033 ด้านล่างนี้เราจะอธิบายวิธีการทํางานของบัตรการชำระเงิน วิธีที่ธุรกิจใช้บัตรเหล่านั้นได้ รวมถึงประโยชน์และความท้าทายที่มาพร้อมกับบัตร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ประเภทบัตรชำระเงิน
  • บัตรชําระเงินมีกลไกการทำงานอย่างไร
  • บัตรชําระเงินใช้ทําอะไร
  • ธุรกิจประเภทใดบ้างใช้บัตรชำระเงินบ่อยมากที่สุด
  • ประโยชน์ของการออกบัตรชำระเงินในฐานะธุรกิจ
  • ความท้าทายที่มาพร้อมกับบัตรชำระเงิน

ประเภทของบัตรชำระเงิน

บัตรชำระเงินอาจมาในหลายรูปแบบ ได้แก่

  • บัตรเดบิตแบบเติมเงิน: บัตรประเภทนี้ทำงานในลักษณะคล้ายกับบัตรเดบิต แต่มีการเติมเงินไว้ล่วงหน้า ผู้ใช้สามารถเติมเงินใหม่ได้ตามต้องการ บัตรประเภทนี้จะมีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือผู้ที่ต้องการจัดการการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

  • บัตรของขวัญ: บัตรประเภทนี้จะออกโดยผู้ค้าปลีก และเติมเงินจํานวนหนึ่งไว้ล่วงหน้าเพื่อนําไปใช้จ่ายที่ร้านหรือสำหรับบริการที่เกี่ยวข้อง บัตรประเภทนี้นิยมให้เป็นของขวัญและเครื่องมือส่งเสริมการขาย

  • บัตรเดินทาง: บัตรประเภทนี้ใช้ในบบขนส่งสาธารณะสำหรับการจ่ายค่าโดยสาร ผู้ใช้สามารถเติมเงินในบัตรเหล่านี้ล่วงหน้า และระบบจะหักเงินในบัตรขณะเดินทาง

  • บัตรบัญชีเงินเดือน: เป็นบัตรที่นายจ้างมอบให้พนักงานเพื่อชําระค่าแรงหรือเงินเดือนโดยการเติมจํานวนเงินลงในบัตร บัตรนี้มักใช้สําหรับพนักงานที่ไม่มีบัญชีธนาคาร

  • บัตรสวัสดิการของรัฐ: หน่วยงานของรัฐใช้บัตรนี้เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ประกันสังคม ค่าตอบแทนการว่างงาน และเงินสนับสนุนอื่นๆ ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์โดยตรง

  • บัตร Health Savings Account (HSA): บัตรนี้เชื่อมโยงกับ HSA และช่วยให้ผู้ใช้ชำระค่ารักษาพยาบาลที่เข้าเงื่อนไขได้โดยตรงจากบัญชีของพวกเขา

  • บัตรโทรคมนาคม: บัตรประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้ชําระเงินล่วงหน้าสําหรับบริการโทรศัพท์มือถือ เช่น การโทร ข้อความ และอินเทอร์เน็ตได้

  • บัตรสําหรับบัญชีการใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น (FSA): บัตรประเภทนี้ใช้สำหรับการจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เข้าเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย โดยใช้เงินก่อนหักภาษีโดยตรงจาก FSA ที่เชื่อมโยง

บัตรชำระเงินมีหลักการทำงานอย่างไร

บัตรชําระเงินจะจัดเก็บเงินเป็นจํานวนหนึ่งไว้ในบัตรโดยตรง ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ในแถบชิปหรือแถบแม่เหล็ก สิ่งนี้แตกต่างจากบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต ซึ่งจะดึงเงินจากบัญชีภายนอกที่เชื่อมโยงกับบัตร

วิธีการทํางานมีดังนี้

  • การเติมเงิน: ในตอนแรก บัตรจะได้รับการเติมเงินจำนวนเงินที่กําหนดไว้ล่วงหน้า อาจจะโดยบริษัทผู้ออกบัตรหรือผู้ใช้ มูลค่านี้จะจัดเก็บอยู่ในเทคโนโลยีแบบผสานรวมในตัวของบัตร

  • การซื้อ: เมื่อบุคคลทั่วไปใช้บัตรเพื่อทําการซื้อ เทอร์มินัลจะอ่านข้อมูลของบัตรและยืนยันมูลค่าที่จัดเก็บไว้ หากมีเงินเพียงพอ ระบบจะหักยอดเงินธุรกรรมออกจากยอดคงเหลือในบัตร ไม่จำเป็นต้องมีบัญชีภายนอกหรือการอนุญาตเครือข่ายสำหรับบัตรแบบวงปิด (Closed-loop) ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะกับธุรกิจเฉพาะเท่านั้น บัตรแบบวงเปิดหรือ Open-loop (เช่น บัตรของขวัญ Visa หรือ Mastercard) ทำงานในลักษณะเดียวกับบัตรเดบิต เนื่องจากต้องได้รับอนุญาตจากเครือข่ายจึงจะทำธุรกรรมได้

  • การตรวจสอบยอดคงเหลือ: โดยปกติแล้ว คุณสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือบนบัตรได้โดยไปที่พอร์ทัลออนไลน์ที่บริษัทผู้ออกบัตรจัดหาให้ โดยใช้ ATM หรือเทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย (POS) หรือโทรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า

  • การเติมเงินอีกครั้ง: เติมเงินเข้าบัตรชำระเงินล่วงหน้าเพื่อเพิ่มยอดคงเหลือที่ใช้ได้สําหรับการใช้งานในครั้งต่อๆ ไป คุณสามารถทํได้ผ่านวิธีการออนไลน์ ในจุดบริการเติมเงินที่กำหนด หรือบางครั้งก็ดําเนินการที่ระบบบันทึกการขายก็ได้

  • การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัย: บัตรชำระเงินจํานวนมากมีการป้องกันที่คล้ายกันกับบัตรเดบิต หากบัตรสูญหายหรือถูกขโมย ปกติแล้วคุณจะรายงานให้บริษัทผู้ออกบัตรทราบ ซึ่งอาจดำเนินการบล็อกบัตรใบดังกล่าวและออกบัตรใบใหม่พร้อมกับโอนเงินที่เหลืออยู่ไปยังบัตรใบใหม่

บัตรชําระเงินใช้ทําอะไรได้บ้าง

บัตรชำระเงินเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ ต่อไปนี้เป็นกรณีการใช้งานโดยทั่วไปของบัตรชำระเงิน

การให้เป็นของขวัญ และการใช้จ่ายส่วนบุคคล

  • บัตรของขวัญ: บัตรของขวัญ (ทั้งแบบจับต้องได้และดิจิทัล) เป็นของขวัญที่ได้รับความนิยมสําหรับวันเกิด วันหยุด หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ผู้รับเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ต้องการได้เองจากผู้ค้าปลีกบางรายหรือจากเครือข่ายบัตรรายใหญ่

  • บัตรเดบิตแบบเติมเงิน: บัตรเดบิตแบบเติมเงินมีไว้สําหรับการซื้อประจําวันหรือการช็อปปิ้งออนไลน์ บัตรจะช่วยให้การบริหารการใช้จ่ายและงบประมาณเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่อาจไม่มีบัญชีธนาคารหรือต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการเบิกเงินเกินบัญชี

  • บัตรโทรศัพท์: สามารถใช้บัตรโทรศัพท์เพื่อชําระค่าโทรศัพท์ทางไกลหรือระหว่างประเทศได้

การขนส่งและการเดินทาง

  • บัตรเดินทาง: บัตรเดินทางใช้กันอย่างแพร่หลายในการขนส่งสาธารณะ บัตรนี้จะจัดเก็บข้อมูลค่าโดยสารหรือตั๋วสําหรับการเดินทางโดยรถโดยสาร รถไฟ และรถไฟใต้ดิน

  • บัตรทางด่วน: บัตรทางด่วนทำให้การเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์บนทางหลวงรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น

  • บัตรสําหรับการเดินทาง: บริษัทบางแห่งเสนอบัตรเดินทางแบบเติมเงินสำหรับจุดหมายปลายทางหรือสายการบินเฉพาะ ลูกค้าสามารถดําเนินการเติมเงินและจัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างปลอดภัย

ธุรกิจและบัญชีเงินเดือน

  • บัตรบัญชีเงินเดือน: นายจ้างจะออกบัตรบัญชีเงินเดือนเพื่อจ่ายค่าแรงหรือเงินเดือน บัตรเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับพนักงานที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือต้องการใช้วิธีการชําระเงินผ่านบัตร

  • โปรแกรมรางวัลและคะแนนสะสม: บริษัทต่างๆ ใช้บัตรชำระเงินในการตอบแทนพนักงานหรือลูกค้า

  • การจัดการค่าใช้จ่าย: ธุรกิจต่างๆ ใช้บัตรชำระเงินเพื่อควบคุมและติดตามการใช้จ่ายของพนักงาน ซึ่งจะทําให้การรายงานค่าใช้จ่ายและการกระทบยอดง่ายขึ้น

การศึกษา และชีวิตในมหาวิทยาลัย

  • บัตนักศึกษา: นักศึกษาใช้บัตรนักศึกษาในการระบุตัวตน เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และชำระค่าบริการต่างๆ ในมหาวิทยาลัย เช่น ค่าอาหาร ค่าซักรีด หรือค่าซื้อหนังสือ

  • แพ็กเกจอาหาร: บัตรเครดิตสําหรับมื้ออาหารจะมีเครดิตสำหรับการรับประทานอาหารจำนวนหนึ่งเติมไว้ล่วงหน้า นักศึกษาสามารถจัดการค่าอาหารในมหาวิทยาลัยได้สะดวก

โครงการของรัฐบาลและสังคม

  • การจ่ายสวัสดิการ:รัฐบาลใช้บัตรชำระเงินพื่อแจกจ่ายสิทธิประโยชน์ เช่น ค่าชดเชยการว่างงานหรือความช่วยเหลือด้านอาหาร

  • การบรรเทาภัยพิบัติ: บัตรชําระเงินสามารถมอบสิทธิ์เข้าถึงเงินให้กับบุคคลทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือกรณีฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ธุรกิจประเภทใดบ้างใช้บัตรชำระเงินบ่อยมากที่สุด

บัตรชำระเงินเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสําหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ธุรกิจบางประเภทที่ใช้บ่อยที่สุด มีดังนี้

  • ร้านค้าปลีก: ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกเฉพาะทางต่างใช้บัตรของขวัญเพื่อกระตุ้นยอดขายและกระตุ้นให้ลูกค้ามีความภักดี ผู้ค้าปลีกสามารถออกบัตรชำระเงินในแบรนด์ของตนเพื่อโปรโมตธุรกิจเดิมและติดตามรูปแบบการใช้จ่ายของลูกค้าได้ บัตรเหล่านี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในการเป็นของขวัญในช่วงวันหยุดและโอกาสพิเศษ

  • ร้านอาหารและคาเฟ่: ร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ มักออกบัตรของขวัญ ส่วนร้านสไตล์โรงอาหารและร้านอาหารจานด่วนต่างๆ มักใช้บัตรชำระเงินเพื่อทำธุรกรรมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โรงอาหารของมหาวิทยาลัยมักใช้บัตรมื้ออาหาร (บัตรชำระเงินประเภทหนึ่ง) เพื่อให้นักศึกษาจัดการค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารของพวกเขา

  • บริษัทคมนาคมและขนส่ง: ระบบขนส่งสาธารณะใช้บัตรชําระเงิน (บัตรค่าโดยสารหรือบัตรเดินทาง) กันอย่างแพร่หลายสำหรับการชําระเงินแบบไร้สัมผัสที่รวดเร็ว ทางด่วนและสะพานบางแห่งใช้บัตรผ่านแบบเติมเงินเพื่อให้ผ่านได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและลดความแออัดที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง และบางครั้งสายการบินและตัวแทนท่องเที่ยวก็เสนอบัตรเติมเงินเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง

  • สถานที่บันเทิงและสันทนาการ: โรงภาพยนตร์ สวนสนุก และสถานที่บันเทิงหลายประเภทขายบัตรชําระเงินหรือบัตรของขวัญเพื่อการเข้าชม รับประทานอาหาร และการซื้อสินค้า นอกจากนี้ ร้านเกมและศูนย์เกมยังใช้บัตรเติมเงินเพื่อให้ลูกค้าเล่นเกมและติดตามเงินรางวัลของตนอีกด้วย ยิมและสตูดิโอออกกําลังกายบางแห่งมีบัตรสมาชิกแบบเติมเงินเพื่อใช้สิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ และซื้อบริการเพิ่มเติม

  • บริษัทโทรคมนาคม: ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบางรายเสนอบัตรชําระเงินสําหรับการซื้ออินเทอร์เน็ตหรือการโทรเพิ่มเติมบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ผู้ที่ไม่มีแพ็กเกจโทรศัพท์แบบเดิมหรือผู้ที่จําเป็นต้องชําระเงินค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศก็อาจใช้บัตรโทรศัพท์แบบเติมเงินด้วยเช่นกัน

  • นายจ้างและผู้ให้บริการเงินเดือน: บริษัทหลายแห่งใช้บัตรบัญชีเงินเดือนเป็นทางเลือกสําหรับการเลือกจ่ายเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับพนักงานที่ไม่มีบัญชีธนาคาร โดยอาจจะใช้บัตรชำระเงินสําหรับรางวัลจูงใจพนักงาน รางวัล หรือโปรแกรมเงินคืนค่าใช้จ่ายด้วย

  • หน่วยงานราชการและองค์กรไม่แสวงผลกําไร: หน่วยงานของรัฐมักจะออกบัตรชําระเงินเพื่อแจกจ่ายสวัสดิการต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนในการว่างงานหรือการให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร องค์กรไม่แสวงผลกําไรบางรายอาจใช้บัตรเหล่านี้ในการระดมทุนหรือมอบความช่วยเหลือทางการเงิน

  • อีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มออนไลน์: มีการใช้บัตรของขวัญดิจิทัลสําหรับการซื้อออนไลน์มากขึ้น แพลตฟอร์มเกมออนไลน์และโลกดิจิทัลมักจะใช้บัตรชําระเงินสําหรับการซื้อและธุรกรรมในเกม

ประโยชน์ของการออกบัตชำระเงินในฐานะธุรกิจ

ต่อไปนี้คือประโยชน์บางส่วนของบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจต่างๆ

  • การจัดการค่าใช้จ่าย: ธุรกิจต่างๆ สามารถออกบัตรที่มีการกำหนดวงเงินการใช้จ่ายไว้ล่วงหน้าและมีข้อจำกัดสำหรับหมวดหมู่ธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง การทําเช่นนี้จะช่วยให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทและป้องกันการใช้จ่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต ธุรกิจสามารถตรวจสอบธุรกรรมที่ทําขึ้นโดยใช้บัตรชำระเงินได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้พนักงานทราบข้อมูลการใช้จ่ายของตนเองได้ทันที และเปิดโอกาสให้พนักงานระบุข้อมูลที่ไม่ตรงกันหรือกรณีที่อาจเป็นการฉ้อโกง นอกจากนี้ บัตรชําระเงินยังช่วยลดต้นทุนการบริหารและประหยัดเวลาอันมีค่าของทีมงานการเงินได้ด้วยการลดการรายงานค่าใช้จ่ายด้วยตนเองและกระบวนการคืนเงิน

  • กระแสเงินสด: ธุรกิจต่างๆ จะได้รับเงินจากบัตรชำระเงินทันทีหลังจากเปิดใช้งานหรือเติมเงินในบัตรใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและเสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจสามารถคาดการณ์กระแสรายรับได้ดีขึ้นและทําการตัดสินใจทางการเงินอย่างมีข้อมูลมากขึ้นโดยอิงตามรูปแบบการใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้

  • ความภักดีและการมีส่วนร่วมของลูกค้า: ธุรกิจที่ให้รางวัลหรือส่วนลดผ่านบัตชำระเงินสามารถสร้างแรงจูงใจให้กลับมาทำธุรกิจซ้ำและสร้างความภักดีของลูกค้าได้ ลูกค้ามีแนวโน้มมากขึ้นที่จะกลับมาใช้บริการธุรกิจที่ทำให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับความชื่นชม

  • การเข้าถึงตลาด: บัตรชําระเงินเป็นตัวเลือกการชําระเงินที่เข้าถึงได้สําหรับผู้ที่อาจไม่มีบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตแบบเดิม ๆ รวมถึงเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่และกระแสรายรับที่เป็นไปได้ ธุรกิจที่มีบัตรระบบเปิดที่ลิงก์กับเครือข่ายการชําระเงินรายใหญ่จะสามารถรับการชําระเงินจากลูกค้าทั่วโลกและขยายการเข้าถึงได้เกินขอบเขตทางภูมิศาสตร์

  • ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง: โดยทั่วไปแล้ว บัตรชำระเงินจะใช้ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสและการแปลงเป็นโทเค็นเพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตรที่ละเอียดอ่อนและลดความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูล ในกรณีที่เกิดการสูญหายหรือการโจรกรรม โดยทั่วไปธุรกิจสามารถจํากัดความรับผิดต่อยอดคงเหลือในบัตรได้

  • การรับรู้แบรนด์: บัตรชำระเงินซึ่งมีแบรนด์ทำหน้าที่เสมือนตัวเตือนใจให้รับรู้ถึงธุรกิจทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บัตรดังกล่าว สิ่งนี้ช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และการจดจำในหมู่ลูกค้าและลูกค้าเป้าหมาย ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับแบรนด์ของตนได้โดยการให้ตัวเลือกการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย

  • ช่องทางสร้างรายรับ: ธุรกิจอาจสร้างรายรับเพิ่มเติมได้ผ่านค่าธรรมเนียมการเปิดใช้งาน ค่าธรรมเนียมการบํารุงรักษารายเดือน หรือค่าธรรมเนียมธุรกรรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโปรแกรมบัตรและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ในบางกรณี ธุรกิจอาจได้รับดอกเบี้ยจากเงินที่ไม่ได้ใช้ซึ่งเก็บไว้ในบัตรชำระเงิน ซึ่งเป็นแหล่งรายรับเพิ่มเติมที่มาจากการดําเนินการนี้

  • ข้อมูลลูกค้า: ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมจากบัตรชําระเงินเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลประชากรของลูกค้า พฤติกรรมการใช้จ่าย และค่ากําหนดของผลิตภัณฑ์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนําข้อมูลนี้ไปใช้สร้างแคมเปญการตลาดและโปรโมชันที่มีการกําหนดเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้

  • ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น: บัตรชําระเงินเป็นตัวเลือกที่รวดเร็ว ปลอดภัย และการชําระเงินแบบไร้สัมผัส นอกจากนี้ยังทำให้การเติมเงินเป็นเรื่องง่ายและสามารถช่วยลูกค้าหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการเบิกเงินเกินบัญชีที่อาจเกิดขึ้นกับบัตรเดบิตได้

  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน: โปรแกรมบัตรชำระเงินอาจทําให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่งได้ โดยสามารถดึงดูดลูกค้าที่กําลังมองหาตัวเลือกการชําระเงินทางเลือกและความสะดวกสบายในระดับสูง

ความท้าทายที่มาพร้อมกับบัตรชำระเงิน

แม้ว่าบัตรชำระเงินจะมีมูลค่าในระดับสูง แต่ก็มีความยุ่งยากด้วยเช่นกัน นี่คือข้อเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้นสําหรับบัตรชำระเงิน

ความท้าทายสําหรับผู้ใช้

  • ค่าธรรมเนียม: บัตรชําระเงินบางใบมีค่าธรรมเนียมสูง ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการเปิดใช้งาน ค่าธรรมเนียมการบํารุงรักษารายเดือน ค่าธรรมเนียมการเติมเงินใหม่ และค่าธรรมเนียมที่ไม่ได้ใช้งาน สิ่งนี้สามารถทำลายมูลค่าของบัตรได้

  • การใช้งานแบบจํากัด: บัตรชําระมูลเงินบางใบใช้ได้เฉพาะกับผู้ค้าปลีกบางรายหรือบริการบางอย่างเท่านั้น

  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: หากบัตรมูลค่าที่จัดเก็บไว้สูญหายหรือถูกขโมยและไม่ได้รับการป้องกันอย่างเพียงพอจาก PIN หรือมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ทุกคนที่มีสิทธิ์เข้าถึงบัตรดังกล่าวก็สามารถใช้เพื่อทําการซื้อได้

  • ไม่มีการสร้างเครดิต: บัตรชําระเงินไม่ได้ช่วยให้ผู้ใช้สร้างเครดิตได้

  • ปัญหายอดคงเหลือ: ผู้ใช้บางกลุ่มอาจประสบปัญหาในการติดตามยอดคงเหลือของตน และอาจมียอดเงินคงเหลือเพียงเล็กน้อยซึ่งยากต่อการใช้จ่าย

ความท้าทายสําหรับผู้ออกบัตร

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: บริษัทผู้ออกบัตรต้องสํารวจสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่ซับซ้อน รวมถึงกฎหมายและกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ไม่มีการอ้างสิทธิ์

  • ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง: บัตรชำระเงินนั้นเสียงต่อการฉ้อโกงประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงการโคลนและการเติมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนําไปสู่การสูญเสียทางการเงินและความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทผู้ออกบัตร

  • ปัญหาทางเทคนิค: ผู้ออกบัตรจะต้องดําเนินการและรักษาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่จําเป็นต่อการรองรับการออกบัตร การเติมเงิน และการประมวลผลบัตรชําระเงิน

  • ความอิ่มตัวของตลาด: ผู้เข้าร่วมรายใหม่อาจประสบความยุ่งยากในการสร้างความแตกต่างให้กับข้อเสนอของตนในตลาด เช่น ร้านค้าปลีก ซึ่งมีบัตรของขวัญและตัวเลือกเติมเงินอื่นๆ ที่มากมายอยู่แล้ว

  • ความไม่พึงพอใจของลูกค้า: บัตรชําระเงินอาจมาพร้อมค่าธรรมเนียมสูง วันหมดอายุ หรือปัญหาด้านบริการซึ่งทําให้ลูกค้าไม่พอใจและสามารถสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์ได้

  • ความรับผิดในการแลกรับ: ผู้ให้บริการต้องจัดการผลกระทบทางบัญชีและการเงินสำหรับเงินในบัตรที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งเรียกว่าการเสียหาย การดําเนินการนี้อาจส่งผลต่อการรายงานทางการเงินและการรับรู้รายรับ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Issuing

Issuing

ระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Stripe Docs เกี่ยวกับ Issuing

ดูวิธีใช้ Stripe Issuing API สร้าง จัดการ และแจกจ่ายบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจของคุณ