การเรียกเก็บเงินซ้ำเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจพยายามประมวลผลการชำระเงินหลังจากความพยายามครั้งแรกไม่สำเร็จ นี่เป็นสถานการณ์ทั่วไปในโมเดลการชำระเงินออนไลน์ การสมัครใช้บริการ และการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า สําหรับธุรกิจ เป้าหมายหลักในการเรียกเก็บเงินซ้ำคือการทําธุรกรรมให้สําเร็จโดยที่ลูกค้าไม่ต้องดําเนินการเพิ่มเติม

ด้านล่างนี้ เราจะดูว่าเหตุใดการชำระเงินไม่สำเร็จจึงเกิดขึ้น เหตุใดการเรียกเก็บเงินซ้ำจึงมีความสำคัญ และธุรกิจควรใช้กลวิธีใดเพื่อลองชำระเงินใหม่สำเร็จ เนื่องจากตลาดการชําระเงินทั่วโลกคาดว่าจะมีรายรับเกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ธุรกิจจึงควรทําความเข้าใจการลองเรียกเก็บเงินซ้ำและวิธีจัดการการเรียกเก็บเงินซ้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• เหตุใดการชําระเงินที่ไม่สําเร็จจึงเกิดขึ้น
  
• ทําไมการลองเรียกเก็บเงินซ้ำจึงเป็นส่วนสําคัญในการกู้คืนรายรับ
  
• การลองเรียกเก็บเงินซ้ำมีขั้นตอนการทำงานอย่างไร
  
• ความท้าทายสําหรับธุรกิจเกี่ยวกับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ
  
• แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ
  
• Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง
  

เหตุใดการชําระเงินที่ไม่สําเร็จจึงเกิดขึ้น

มีสาเหตุหลายประการที่ทําให้การชําระเงินไม่สําเร็จ สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่:

เหตุผลทางเทคนิค

• ระบบขัดข้อง: ระบบประมวลผลการชําระเงินอาจประสบปัญหาขัดข้องชั่วคราวเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค การโอเวอร์โหลด หรือการบํารุงรักษา

• ปัญหาเครือข่าย: การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่ดีหรือการหยุดชะงักของการสื่อสารระหว่างลูกค้า ธุรกิจ และผู้ประมวลผลการชําระเงิน

• ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์: ข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์การชำระเงินอาจนำไปสู่การประมวลผลที่ไม่ถูกต้องและธุรกรรมไม่สำเร็จ

• การละเมิดด้านความปลอดภัย: การโจมตีทางไซเบอร์และปัญหาความปลอดภัยอื่นๆ อาจทำให้ระบบการชำระเงินตกอยู่ในความเสี่ยงและเกิดการหยุดชะงักได้

เหตุผลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า

• เงินทุนไม่เพียงพอ: นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสําหรับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

• ข้อมูลไม่ถูกต้อง: ป้อนรายละเอียดของบัตรไม่ถูกต้อง เช่น หมายเลข วันหมดอายุ หรือรหัส CVV ส่งผลให้ธุรกรรมถูกปฏิเสธ

• บัตรที่หมดอายุ: การพยายามใช้บัตรที่หมดอายุจะทําให้ชําระเงินไม่สําเร็จ

• เกินวงเงิน: หากลูกค้าใช้บัตรเครดิตเกินวงเงิน ระบบจะทริกเกอร์การปฏิเสธจากธนาคารที่ออกบัตร

• กิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง: ธนาคารอาจปฏิเสธธุรกรรมที่น่าสงสัยเพื่อปกป้องลูกค้าจากการฉ้อโกง แม้ว่าธุรกรรมเหล่านี้จะเป็นการพยายามชําระเงินที่ถูกต้องก็ตาม

เหตุผลทางธุรกิจ

• ระบบการชําระเงินที่ล้าสมัย: ธุรกิจที่ใช้ระบบการชำระเงินที่ล้าสมัยหรือไม่เข้ากันอาจพบปัญหาความเข้ากันได้

• ข้อผิดพลาดในการเรียกเก็บเงิน: ข้อมูลการเรียกเก็บเงินไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์อาจทําให้เกิดความล่าช้าหรือถูกปฏิเสธได้

• มาตรการป้องกันการฉ้อโกงไม่เพียงพอ: มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไม่เข้มงวดอาจทําให้ธุรกิจเสี่ยงต่อธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง ซึ่งทําให้เกิดการดึงเงินคืนและการชำระเงินไม่สําเร็จ

เหตุผลอื่นๆ

• ปัญหาเกี่ยวกับบริษัทผู้ออกบัตร: ปัญหาเกี่ยวกับธนาคาร เช่น การบํารุงรักษาระบบหรือการปิดใช้บัตร อาจทําให้การชําระเงินไม่สําเร็จ

• ธุรกรรมต่างประเทศ การแปลงสกุลเงินและค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศอาจทําให้เกิดการปฏิเสธการชำระเงิน หรือต้องมีการยืนยันเพิ่มเติมก่อนจึงจะดําเนินการชําระเงินได้

• ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการหรือการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า: ปัญหาเกี่ยวกับระบบเรียกเก็บเงินอัตโนมัติหรือข้อมูลการชำระเงินที่ล้าสมัยซึ่งเก็บไว้ในระบบอาจนำไปสู่ธุรกรรมที่ไม่สำเร็จสำหรับการสมัครใช้บริการหรือบริการการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

ทําไมการลองเรียกเก็บเงินซ้ำจึงเป็นส่วนสําคัญในการกู้คืนรายรับ

การลองเรียกเก็บเงินซ้ำเป็นกุญแจสําคัญในการกู้คืนรายรับ และโปรแกรมการจัดการการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้า เหตุผลมีดังนี้

• ลดอัตราการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
  การชําระเงินไม่สําเร็จมักจะส่งผลให้เกิดการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อลูกค้าเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่เพราะเลือกที่จะออกไป แต่เพราะอุปสรรคด้านการชำระเงินขัดขวางการต่ออายุการสมัครสมาชิกของพวกเขา การลองเรียกเก็บเงินซ้ำสำหรับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จจะช่วยให้ธุรกิจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ แต่จะรักษาไว้ซึ่งลูกค้าที่ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจสูญเสียไป

• ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
  การลองเรียกเก็บเงินซ้ำที่ง่ายดายช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องป้อนรายละเอียดการชำระเงินซ้ำหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาการชำระเงิน กระบวนการที่ราบรื่นนี้ช่วยประหยัดเวลาและลดความไม่พึงพอใจ ซึ่งนําไปสู่ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า

• ปรับปรุงความสม่ำเสมอของกระแสเงินสด
  การลองเรียกเก็บเงินซ้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดด้วยการกู้คืนรายได้จากธุรกรรมที่ไม่สำเร็จในตอนแรก ส่งผลให้ธุรกิจมีกระแสรายได้ที่มั่นคงและคาดเดาได้มากขึ้น

• ช่วยให้ใช้กลยุทธ์การเรียกเก็บเงินซ้ำอัจฉริยะได้
  การวิเคราะห์ข้อมูลจากการชำระเงินที่ไม่สำเร็จช่วยให้ทราบถึงกลยุทธ์การลองเรียกเก็บเงินซ้ำอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจเวลาที่ธุรกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดหรือเหตุผลทั่วไปของการดำเนินการไม่สำเร็จสามารถเป็นแนวทางในการจัดการกับการลองซ้ำและเพิ่มอัตราความสำเร็จได้

• ลดการสูญเสียบริการ
  สําหรับธุรกิจที่มีโมเดลการสมัครใช้บริการ การดูแลให้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสําคัญในการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า การลองเรียกเก็บเงินซ้ำจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการหยุดชะงักอันเนื่องมาจากการชําระเงินไม่สําเร็จ ช่วยให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่คาดหวังโดยไม่มีปัญหาขัดข้อง

• ลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน
  การจัดการการชําระเงินที่ไม่สําเร็จแต่ละรายการด้วยตนเองนั้นต้องใช้ทรัพยากร ระบบการลองชำระเงินซ้ำอัตโนมัติช่วยลดความจำเป็นในการเข้าไปแทรกแซงทางการบริหารที่ซับซ้อน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น

• เพิ่มอัตราธุรกรรมที่สําเร็จ
  การลองเรียกเก็บเงินซ้ำช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสครั้งที่สองในการประมวลผลธุรกรรม เพิ่มอัตราความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินสถานะทางการเงินและประสิทธิภาพของระบบการประมวลผลการชำระเงิน

• เพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าให้สูงสุด
  มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) เป็นเมตริกที่สําคัญสําหรับธุรกิจ โดยเฉพาะกับโมเดลการสมัครใช้บริการ การป้องกันการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ ช่วยให้ธุรกิจรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้สูงสุดจากลูกค้าแต่ละรายในระยะยาว

• รองรับรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย
  วิธีการชําระเงินต่างๆ มีอัตราและเหตุผลการดําเนินการไม่สําเร็จแตกต่างกันไป ธุรกิจสามารถพัฒนากลไกการลองเรียกเก็บเงินซ้ำที่ปรับแต่งเพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดที่เจาะจงและลักษณะเฉพาะของวิธีการชำระเงินที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้กระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• รับรองถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
  การประมวลผลการชําระเงินต้องเป็นไปตามข้อกําหนดทางกฎหมายหลากหลายประการ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและวิธีการชําระเงิน กลไกการลองเรียกเก็บเงินซ้ำที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมช่วยรับรองว่ามีการปฏิบัติตามข้อกําหนด โดยพิจารณาจากข้อบังคับเหล่านี้ โดยท้ายที่สุดแล้วจะช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมายและการเงินที่อาจเกิดขึ้น

การลองเรียกเก็บเงินซ้ำมีขั้นตอนการทำงานอย่างไร

การลองเรียกเก็บเงินซ้ำอาจทํางานได้หลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของระบบการชําระเงินและสาเหตุที่การชําระเงินไม่สําเร็จ รายละเอียดมีดังนี้

• อิงตามเหตุผลที่ดําเนินการไม่สําเร็จ
  วิธีการลองเรียกเก็บเงินซ้ำมักจะขึ้นอยู่กับเหตุผลที่เจาะจงสําหรับการดำเนินการไม่สำเร็จในครั้งแรก ตัวอย่างเช่น หากการชําระเงินไม่สําเร็จเนื่องจากมีเงินทุนไม่เพียงพอ ระบบอาจกําหนดเวลาในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำอีกครั้งในภายหลัง โดยให้เวลาลูกค้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในทางตรงกันข้าม สําหรับข้อผิดพลาดทางเทคนิค การเรียกเก็บเงินซ้ำอาจเกิดขึ้นเกือบจะในทันที

• กลยุทธ์เกี่ยวกับระยะเวลา
  กําหนดเวลาในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำเป็นสิ่งสําคัญ ระบบบางระบบใช้ช่วงเวลาเดิมที่กำหนดไว้ ในขณะที่บางระบบใช้ช่วงเวลาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับข้อมูลธุรกรรมในอดีตและพฤติกรรมของลูกค้า ตัวอย่างเช่นการลองเรียกเก็บเงินซ้ำในตอนเช้าอาจประสบความสําเร็จมากขึ้นสําหรับกลุ่มประชากรบางรายในบางวัน เนื่องจากตรงกับวันที่เงินเดือนเข้าบัญชี

• อัลกอริทึมการลองเรียกเก็บเงินซ้ำอัจฉริยะ
  ระบบการชําระเงินขั้นสูงใช้อัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมที่ผ่านมา อัลกอริทึมเหล่านี้สามารถคาดการณ์เวลาและวิธีการที่เหมาะสมสําหรับการพยายามเรียกเก็บเงินซ้ำจากการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสําเร็จได้ โดยจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประวัติการทำธุรกรรม เวลาของวัน วิธีการชำระเงิน และแม้กระทั่งวันในสัปดาห์

• วิธีการชําระเงินที่หลากหลาย
  ในกรณีที่ลูกค้ามีวิธีการชำระเงินหลายวิธีในระบบ ธุรกรรมที่ไม่สำเร็จในวิธีหนึ่งอาจทริกเกอร์ให้เกิดการลองเรียกเก็บเงินซ้ำโดยใช้วิธีอื่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความล่าช้าในการประมวลผลการชําระเงิน และเพิ่มโอกาสในการกู้คืนได้สําเร็จ

• การแจ้งเตือนลูกค้า
  ระบบบางระบบรวมการแจ้งเตือนลูกค้าไว้ในขั้นตอนการเรียกเก็บเงินซ้ำ นั่นหมายความว่าลูกค้าจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จและการลองซ้ำที่กำลังจะเกิดขึ้น และจะได้รับตัวเลือกในการอัปเดตข้อมูลการชำระเงินของตนหากจำเป็น ความโปร่งใสนี้สามารถปรับปรุงความเชื่อมั่นของลูกค้า และลดอัตราการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

• การปฏิบัติตามข้อกําหนดและข้อบังคับ
  การลองเรียกเก็บเงินซ้ำต้องเป็นไปตามข้อบังคับด้านธนาคารและการเงิน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับจํานวนการเรียกเก็บเงินซ้ำที่อนุญาต ระยะเวลาระหว่างการลองซ้ำ และข้อกําหนดการสื่อสารลูกค้า

• จำนวนครั้งในการเรียกเก็บเงินซ้ำที่ปรับแต่งได้
  ธุรกิจต่างๆ มักกำหนดขีดจำกัดจำนวนครั้งในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำในกรณีที่ชำระเงินไม่สำเร็จ เพื่อหลีกเลี่ยงความหงุดหงิดของลูกค้าและค่าธรรมเนียมธนาคารที่อาจเกิดขึ้น โดยปกติขีดจํากัดเหล่านี้จะปรับแต่งได้ตามความต้องการทางธุรกิจและโปรไฟล์ลูกค้า

• แนวทางปฏิบัติในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
  อุตสาหกรรมต่างๆ อาจมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกันสําหรับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ ตัวอย่างเช่น บริการแบบสมัครสมาชิกอาจมีกําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ำที่ยืดหยุ่นกว่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มการซื้อครั้งเดียว ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะที่ต่อเนื่องของความสัมพันธ์กับลูกค้า

• ขั้นตอนสำรอง
  ในกรณีที่ลองเรียกเก็บเงินซ้ำอย่างต่อเนื่องไม่สําเร็จ ระบบจะเปิดใช้งานขั้นตอนสํารอง ข้อมูลเหล่านี้อาจรวมถึงการติดต่อลูกค้าเพื่อขอข้อมูลการชําระเงินใหม่ หรือในกรณีที่มีการสมัครใช้บริการ ก็จะระงับบริการชั่วคราวจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

• การผสานการทํางานกับระบบการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
  กลไกการลองเรียกเก็บเงินซ้ำมักจะผสานการทำงานกับระบบ CRM วิธีนี้ช่วยให้ธุรกิจได้รับมุมมองแบบองค์รวมของการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับธุรกิจ ช่วยให้สามารถใช้กลยุทธ์การลองเรียกเก็บเงิยซ้ำแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยพิจารณาถึงความสัมพันธ์โดยรวมของลูกค้าและคุณค่าที่มีต่อธุรกิจ

ความท้าทายสําหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ

ในระบบการชำระเงินใดๆ การจัดการกับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำอาจเต็มไปด้วยความท้าทายมากมาย นี่คืออุปสรรคที่พบบ่อยที่คุณอาจต้องเผชิญและวิธีเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น:

ความท้าทาย: การจําแนกความแตกต่างระหว่างประเภทธุรกรรมที่ไม่สําเร็จ

ในระบบการชําระเงินที่ซับซ้อน การหาความแตกต่างระหว่างประเภทธุรกรรมที่ดําเนินการไม่สําเร็จอาจทําได้ยาก กรณีที่ไม่สําเร็จอาจมีตั้งแต่ปัญหาทั่วไป เช่น การหยุดทํางานของเครือข่ายไปจนถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยไม่สําเร็จ หรือปัญหาเรื่องวงเงิน การดำเนินการไม่สำเร็จแต่ละประเภทต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน และการจําแนกหมวดหมู่ที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่กลยุทธ์ลองซ้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนด้านการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น และ/หรือความไม่พึงพอใจของลูกค้า

โซลูชัน: การวิเคราะห์การวินิจฉัยขั้นสูง

การนำการวิเคราะห์การวินิจฉัยที่ซับซ้อนมาใช้กับแมชชีนเลิร์นนิงสามารถวิเคราะห์และจัดประเภทความล้มเหลวของธุรกรรมได้แม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยแยกแยะความแตกต่างระหว่างประเภทความล้มเหลวชั่วคราวและต่อเนื่อง และช่วยให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลองใหม่ตามความต้องการและเพิ่มอัตราความสำเร็จได้

ความท้าทาย: การเพิ่มประสิทธิภาพของอัลกอริทึมการลองซ้ำ

อัลกอริทึมการลองซ้ำแบบมาตรฐานมักจะขาดความยืดหยุ่นในการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ความล้มเหลวที่แตกต่างกัน ซึ่งจะไม่พิจารณาตัวแปรต่างๆ เช่น พฤติกรรมของลูกค้า ประเภทของธุรกรรม หรือรหัสข้อผิดพลาดที่เฉพาะเจาะจง ในทางกลับกัน ระยะเวลาและความถี่ในการลองซ้ำที่ไม่ถูกต้องสามารถทำให้อัตราการไม่สำเร็จและประสิทธิภาพการทำงานเลวร้ายลงได้

โซลูชัน: การกําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ำแบบไดนามิก

การพัฒนาอัลกอริทึมการเรียกเก็บเงินซ้ำแบบไดนามิกซึ่งจะปรับตามปัจจัยต่างๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทําธุรกรรมที่สําเร็จ กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเวลาในการลองซ้ำและความถี่ ทําให้อัตราความสําเร็จสอดคล้องกับต้นทุนการปฏิบัติงานและประสบการณ์ของลูกค้า

ความท้าทาย: การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัยในการลองซ้ำ

การทำให้แน่ใจว่าการลองเรียกเก็บเงินซ้ำแต่ละครั้งสอดคล้องกับมาตรฐานกฎระเบียบและโปรโตคอลความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนั้นเป็นงานที่ซับซ้อน แต่ก็เป็นงานที่สำคัญ ความต้องการด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และจำเป็นต้องให้ธุรกิจต่างๆ อัปเดตกระบวนการอย่างต่อเนื่อง การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือการละเมิดความปลอดภัยในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางกฎหมายและชื่อเสียง

โซลูชัน: การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดอย่างต่อเนื่องและการเข้ารหัสขั้นสูง

การใช้การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดอย่างต่อเนื่องและเทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงช่วยรับประกันว่าการลองเรียกเก็บเงินซ้ำมีความปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกําหนด การอัปเดตและการตรวจสอบระบบเหล่านี้เป็นประจำเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะได้ก้าวล้ำหน้าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ

ความท้าทาย: ลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ

การลองเรียกเก็บเงินซ้ำจะเพิ่มต้นทุนการดำเนินงาน และการแทรกแซงด้วยตนเองในกระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ บวกกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นและการสอบถามบริการลูกค้า สามารถทำให้ต้นทุนเหล่านี้เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว การจัดการค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับรักษาอัตราความสำเร็จที่สูงในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำถือเป็นการรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อน

โซลูชัน: การวิเคราะห์ผลประโยชน์และการทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ

การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์อย่างละเอียดถี่ถ้วนของกลยุทธ์การลองเรียกเก็บเงินซ้ำสามารถระบุกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณได้ การปรับกระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำให้เป็นอัตโนมัติจะช่วยลดแรงงานคนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความสอดคล้องและความถูกต้องแม่นยําในการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ

ความท้าทาย: การผสมผสานเทคโนโลยีและวิธีการชําระเงินใหม่ๆ

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีและวิธีการชำระเงินก่อให้เกิดความท้าทายในการรักษาระบบการชำระเงินให้ทันสมัยและเข้ากันได้ การไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการชำระเงินใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วอาจส่งผลให้สูญเสียธุรกรรมและความพึงพอใจของลูกค้าลดลง

โซลูชัน: สถาปัตยกรรมระบบที่คล่องตัว

การสร้างสถาปัตยกรรมระบบการชําระเงินที่คล่องตัวช่วยให้ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้าง API ที่ยืดหยุ่นและส่วนประกอบของระบบโมดูลาร์ที่สามารถบูรณาการแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ๆ ได้ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบยังคงมีความเกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ

มีตัวแปรมากมายที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างกลยุทธ์การกู้คืนรายได้และการจัดการการติดตตามหนี้แบบต่างๆ เมื่อคุณจัดทํากลยุทธ์การลองเรียกเก็บเงินซ้ำสำหรับธุรกิจ ให้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดต่อไปนี้

• รอบการเรียกเก็บเงินซ้ำที่ควบคุมโดยข้อมูล
  ใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อกำหนดช่วงเวลาการลองซ้ำที่เหมาะสมที่สุด วิเคราะห์รูปแบบการชำระเงินของลูกค้า ประเภทของธุรกรรม และอัตราความสำเร็จในอดีต เพื่อกำหนดตารางการลองเรียกเก็บเงินซ้ำที่ปรับแต่งอย่างเหมาะสม นอกเหนือจากกรอบเวลาการลองเรียกเก็บเงินซ้ำแบบทั่วไปแล้ว จะมีการใช้ข้อมูลเพื่อคาดการณ์เวลาที่มีประสิทธิผลสูงสุดสำหรับการพยายามลองซ้ำ และเพิ่มความเป็นไปได้ของธุรกรรมที่ประสบความสำเร็จ

• กลยุทธ์การสื่อสารที่ปรับแต่งเอง
  พัฒนาแผนการสื่อสารที่สอดคล้องกับกระบวนการลองซ้ำ การดําเนินการนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อความที่กําหนดเองไปให้ลูกค้า โดยอิงตามเหตุผลในการทําธุรกรรมที่ดําเนินการไม่สําเร็จ ตัวอย่างเช่น หากการชําระเงินไม่สําเร็จเนื่องจากบัตรหมดอายุ ระบบจะแนะนําให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลการชําระเงิน การทดสอบ A/B จะช่วยคุณปรับข้อความเหล่านี้ให้เหมาะสมกับฐานลูกค้าของคุณ

• การจัดการความเสี่ยงแบบปรับเปลี่ยนได้
  ผสานการทํางานของโมเดลการประเมินความเสี่ยงแบบไดนามิกเข้ากับกระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ โมเดลนี้จะประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมประเภทต่างๆ ที่ไม่สําเร็จ และปรับกลยุทธ์การเรียกเก็บเงินซ้ําให้สอดคล้องกัน ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง ระบบจะยกระดับปัญหาไปยังกระบวนการตรวจสอบด้วยตนเองหรือทีมการตรวจจับการฉ้อโกงเฉพาะทาง

• การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
  ติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับทั่วโลกและระดับภูมิภาคที่ส่งผลกระทบต่อการลองเรียกเก็บเงินซ้ำสำหรับการชําระเงิน และนําระบบต่างๆ มาใช้อัปเดตเพื่อรองรับข้อบังคับใหม่โดยอัตโนมัติ ขั้นตอนนี้มีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจระหว่างประเทศที่พบการเปลี่ยนแปลงด้านกฎข้อบังคับในเขตอํานาจศาล กลุ่มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ การชําระเงินข้ามพรมแดนมียอดสูงถึง 150 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้านั้น

• ตรรกะการลองเรียกเก็บเงินซ้ำโดยลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
  นํามุมมองที่เน้นลูกค้ามาใช้ในตรรกะการลอเรียกเก็บเงินซ้ำของคุณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทําความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้า และการปรับแต่งขั้นตอนการเรียกเก็บเงินซ้ำให้เหมาะกับความต้องการเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าบางรายอาจต้องการลองเรียกเก็บเงินซ้ำในวันที่เฉพาะเจาะจงของเดือน หรือหลังจากได้รับการแจ้งเตือน

• การผสานการทํางานเทคโนโลยีขั้นสูง
  ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการประมวลผลการชําระเงินและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งรวมถึงการใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อการวิเคราะห์ตามการคาดการณ์ บล็อกเชน เพื่อการบันทึกธุรกรรมที่ปลอดภัย และวิธีการเข้ารหัสขั้นสูงสําหรับการป้องกันข้อมูล การติดตามข่าวสารล่าสุดจากเทคโนโลยีล่าสุดไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิผลของกระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความไว้วางใจจากลูกค้าอีกด้วย

• การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการอย่างต่อเนื่อง
  หมั่นตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการลองเรียกเก็บเงินซ้ำ การดําเนินการนี้จะเป็นการดําเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงเมตริกวัดประสิทธิภาพการตรวจสอบและข้อเสนอแนะของลูกค้า ใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณและปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและความต้องการของลูกค้า

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

Stripe มีฟีเจอร์ในตัวที่ธุรกิจต่างๆ สามารถนําไปใช้สร้างกลยุทธ์ที่สะดวกต่อการกู้คืนรายรับ การจัดการการติดตามหนี้ และการลองเรียกเก็บเงินซ้ํา สิ่งที่ Stripe ช่วยคุณได้มีดังนี้

• ตรรกะการลองซ้ำอัตโนมัติ
  ตรรกะการลองซ้ำอัตโนมัติออกแบบมาเพื่อปรับเวลาและความถี่ของการลองเรียกเก็บเงินซ้ำให้เหมาะสม ระบบนี้ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการชําระเงินที่ผ่านมา จึงช่วยกําหนดเวลาที่ดีที่สุดในการเรียกเก็บเงินซ้ำสำหรับรายการที่ดําเนินการไม่สําเร็จได้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่การเรียกเก็บเงินจะสําเร็จ ไปพร้อมๆ กับการลดจํานวนครั้งที่ไม่จําเป็น

• เครื่องมือการติดตามหนี้อัจฉริยะ
  Stripe มีเครื่องมือการติดตามหนี้ขั้นสูงที่ธุรกิจสามารถปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะเจาะจงได้ เครื่องมือเหล่านี้จะส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติให้ลูกค้าเมื่อชําระเงินไม่สําเร็จ และแจ้งเตือนให้อัปเดตข้อมูลการชําระเงิน ธุรกิจต่างๆ สามารถกําหนดค่าระบบติดตามหนี้ของ Stripe เพื่อส่งการแจ้งเตือนตามรอบเวลาที่กําหนดและผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ เช่น อีเมลหรือ SMS

• รอบการเรียกเก็บเงินที่ปรับแต่งได้
  Stripe ช่วยให้คุณปรับแต่งการเรียกเก็บเงิน และกําหนดเวลาเรียกเก็บเงินซ้ำที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ความยืดหยุ่นนี้เหมาะสําหรับการเรียกเก็บเงินที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้า ซึ่งอาจมีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับโมเดลแบบสมัครใช้บริการหรือธุรกิจที่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย

• การวิเคราะห์และการรายงานแบบเรียลไทม์
  Stripe มอบฟีเจอร์การวิเคราะห์และการรายงานที่ครอบคลุม ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมการชําระเงินแบบเรียลไทม์ ซึ่งรวมถึงรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ อัตราการลองเรียกเก็บเงินซ้ำที่สำเร็จ และการตอบกลับจากลูกค้าของการติดตามหนี้ การวิเคราะห์เหล่านี้มีความสำคัญต่อการปรับแต่งและปรับปรุงกลยุทธ์การกู้คืนรายได้ของคุณอย่างต่อเนื่อง

• การปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย
  Stripe ปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดในการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย เรารับประกันว่าความพยายามในการลองเรียกเก็บเงินซ้ําและการติดตามหนี้มีความปลอดภัยและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ Stripe ดำเนินการตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) และใช้วิธีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

• การเผสานการทํางานกับ CRM และซอฟต์แวร์การทําบัญชี
  แพลตฟอร์มของ Stripe สามารถผสานการทํางานกับ CRM และการบัญชีที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้เกิดกลยุทธ์การกู้คืนรายได้และการจัดการหนี้ที่สอดประสานกัน ซึ่งช่วยให้ข้อมูลลูกค้าและบันทึกทางการเงินได้รับการซิงโครไนซ์และเป็นปัจจุบัน

• กฎที่ปรับแต่งเองและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง
  ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างกฎเกณฑ์ที่กำหนดเองสำหรับการลองชำระเงินซ้ำและการจัดการการทวงหนี้ได้ภายในแพลตฟอร์มของ Stripe นอกจากนี้ โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงของ Stripe ยังคาดการณ์และระบุปัญหาการชําระเงินที่อาจเกิดขึ้นก่อนการชําระเงินด้วย ซึ่งจะช่วยให้มีมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการสูญเสียรายได้ด้วย

• วิธีการชําระเงินและสกุลเงินทั่วโลก
  Stripe รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลายและรองรับสกุลเงินมากกว่า 135 สกุลเงิน ทําให้สกุลเงินนี้เหมาะสําหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้าทั่วโลก การลองเรียกเก็บเงินซ้ำจะรวมและปรับตัวได้มากที่สุดเพื่อรองรับวิธีการชําระเงินที่ลูกค้าต้องการจากภูมิภาคต่างๆ