ธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้พลิกโฉมพฤติกรรมการจับจ่ายของคนไทยด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ด้วยตัวเลือกสินค้าราคาดีที่มีให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในบ้าน สินค้าแม่และเด็ก ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม ผ่านช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น โมบายแบงก์กิ้ง กระเป๋าเงินดิจิทัล และซื้อก่อนจ่ายทีหลัง รองรับทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมโปรโมชันยอดนิยมมากมายเพื่อกระตุ้นยอดขายและจูงใจให้ลูกค้าอยากจับจ่ายใช้สอย
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความเป็นมาของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ตลอดจนการสำรวจช่องทางชำระเงินที่มีการใช้อย่างแพร่หลายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน พร้อมแนะนำวิธีเลือกช่องทางชำระเงินที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง
เนื้อหาหลักในบทความ
- อีคอมเมิร์ซคืออะไร
- ความเป็นมาของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย
- ช่องทางชำระเงินอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม
- วิธีการเลือกช่องทางชำระเงินบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
- รับชำระเงินผ่านอีคอมเมิร์ซกับ Stripe
- สะดวกสบายทุกการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ
อีคอมเมิร์ซคืออะไร
อีคอมเมิร์ซ (Ecommerce) คือการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้าและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ จากนั้นรอรับสินค้าที่จะมีการส่งถึงบ้าน สะดวกสบายและประหยัดเวลา ธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลกและมาพร้อมสนนราคาที่น่าดึงดูดใจ โดยส่วนใหญ่จะมีราคาที่ต่ำกว่าสินค้าตามหน้าร้าน ซึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ Lazada, Shopee, Temu และ TikTok Shop
ความเป็นมาของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย
การพัฒนาของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1995 พร้อมกับการขยายตัวของการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศ บริษัทเอกชนบางรายเริ่มหันมาพัฒนาเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลและจำหน่ายสินค้า นอกจากนี้หน่วยงานรัฐอย่างกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ผลักดันการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการค้าและความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย
ในช่วงต้นปี 2000 ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเริ่มมีการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้นตามการขยายตัวของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการเพิ่มขึ้นของการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เปิดทางให้กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยุคแรกอย่าง Tarad.com, Weloveshopping และ Pantipmarket
ตั้งแต่ช่วงปี 2010 เมื่อการใช้สมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียเริ่มมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิถีชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ผู้ค้ารายย่อยและแบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็หันมาใช้ช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการทำการตลาด ต่อมาในปี 2012 อีคอมเมิร์ซระดับโลกอย่าง Lazada ก็เข้ามาทำตลาดในไทย ตามมาด้วย Shopee ในปี 2015 จากนั้นในปี 2020 ก็เกิดวิกฤตโควิด-19 ขึ้น ทำให้ห้างและร้านค้าไม่สามารถเปิดบริการได้ ซึ่งก็ยิ่งส่งผลให้อีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้โปรโมชันต่างๆ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขาย ไม่ว่าจะเป็น Flash Sale, โปร 5.5/ 11.11, ซื้อ 1 แถม 1 หรือ โปรฟรีค่าส่ง ต่างเป็นปัจจัยผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
ช่องทางชำระเงินอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม
ก่อนจะเปิดรับชำระเงินออนไลน์หรือเลือกใช้ช่องทางการชำระเงินดิจิทัลเพิ่มเติม ควรมีการศึกษาและวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าช่องทางการชำระเงินแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ เราจะพาคุณไปรู้จักจุดเด่น รวมถึงข้อควรพิจารณาของแต่ละช่องทางการชำระเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ดังนี้
โมบายแบงก์กิ้ง
การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ผู้ใช้งานสามารถโอนเงิน ชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการได้เลยทันทีโดยไม่ต้องใช้เงินสด นอกจากนี้ยังทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและมีระบบการยืนยันตัวตน ผ่านรหัส PIN หรือการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริก (Biometrics) เช่น การสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า
พร้อมเพย์ (PromptPay)
บริการโอนเงินและรับเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศไทย ผู้ใช้สามารถผูกบัญชีธนาคารกับหมายเลขโทรศัพท์หรือเลขบัตรประชาชนได้เพื่อความสะดวกในการรับและโอนเงินโดยไม่มีค่าธรรมเนียมหากอยู่ในวงเงินที่กำหนด การทำธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์จะลดขั้นตอนและค่าธรรมเนียมลงเมื่อเทียบกับการโอนเงินรูปแบบอื่นๆ
กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)
บัญชีเงินออนไลน์ที่ผู้ใช้งานสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าได้หลากหลายช่องทาง เช่น โอนผ่านธนาคาร เติมผ่านตู้เอทีเอ็ม ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ หรือผูกบัตรเครดิตหรือเดบิต เพื่อใช้จ่ายสินค้าหรือบริการได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว ช่องทางกระเป๋าเงินดิจิทัลยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ LINE Pay, Shopee Pay และ TrueMoney
รหัสคิวอาร์ (QR code)
การชำระเงินผ่านการสแกน QR Code ด้วยแอปธนาคารหรือแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลบนโทรศัพท์มือถือ ผู้ชำระเพียงล็อคอินแล้วเลือกเมนู “สแกน QR Code” จากนั้นสามารถทำรายการชำระเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตร ลดความเสี่ยงในการใช้ข้อมูลบัตรเครดิต สะดวกและรวดเร็ว เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการซื้อ-ขายออนไลน์
ลิงก์ชำระเงิน (Payment Link)
ลิงก์ URL ที่มีการสร้างขึ้นและส่งให้ลูกค้าผ่านช่องทางการสื่อสารที่ทำการซื้อขาย เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือ SMS เมื่อลูกค้ากดที่ลิงก์ ก็จะเข้าสู่หน้าชำระเงินออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย รองรับรูปแบบการชำระเงินได้หลากหลายในลิงก์เดียว เช่น บัตรเครดิต พร้อมเพย์ หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล รับชำระเงินออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือเชื่อมต่อกับ API ลิงก์รับชำระเงินช่วยลดขั้นตอน ทำให้ขั้นตอนการรับชำระเงินผ่านลิงก์ URL สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
การทำธุรกรรมออนไลน์หรือผ่านเครื่องรูดบัตรโดยใช้ข้อมูลต่างๆ บนบัตร ได้แก่ หมายเลขบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVV โดยบัตรเครดิตจะเป็นวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินให้ผู้ถือบัตรใช้จ่ายก่อนและชำระคืนภายหลัง ส่วนบัตรเดบิตจะหักเงินจากบัญชีทันทีที่ทำรายการ ช่วยให้การจ่ายเงินสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและระบบป้องกันการทุจริต อย่างเช่น PCI DSS, 3D Secure, และการยืนยันตัวตนโดยรหัสผ่านใช้ครั้งเดียว หรือ OTP
ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (BNPL)
บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง หรือ BNPL เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ซื้อสามารถชำระเงินโดยการแบ่งเป็นงวดๆ ได้ตั้งแต่ 3 ถึง 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและผู้ให้บริการ) โดยปกติจะไม่มีดอกเบี้ยหรือมีดอกเบี้ยต่ำหากชำระตรงตามกำหนด เป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระการใช้จ่ายทันที และเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน แพลตฟอร์ม BNPL ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ได้แก่ Atome, Lazada PayLater, Pay Later ของ Grab, Pay Next ของ True Money Wallet และ SPayLater ของ Shopee
บัตรเติมเงิน
วิธีการชำระเงินที่ผู้ใช้สามารถซื้อบัตรเติมเงินซึ่งมีมูลค่าเงินอยู่ในตัวบัตรล่วงหน้า เมื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการออนไลน์ ระบบจะหักเงินจากบัตรโดยตรง ทำให้ไม่ต้องผูกกับบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตเพิ่มเติม เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม เพราะหากบัตรสูญหายหรือถูกโจรกรรม ก็จำกัดความเสียหายไว้เฉพาะยอดเงินในบัตร เช่น การใช้บัตรโดยสารรถไฟฟ้า หรือบัตรเติมเกมออนไลน์
เกตเวย์การชำระเงิน (Payment Gateway)
Payment Gateway คือระบบตัวกลางที่ช่วยตรวจสอบและรับ-ส่งข้อมูลการชำระเงินระหว่างร้านค้าและผู้ให้บริการบัตรหรือธนาคารอย่างปลอดภัย เช่น การชำระเงินผ่านเว็บไซต์หรือแอปอีคอมเมิร์ซ เมื่อผู้ซื้อทำการสั่งซื้อ ระบบจะเข้ารหัสข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งต่อให้สถาบันการเงินเพื่ออนุมัติ ด้วยมาตรฐานสากลและระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น PCI DSS รวมทั้งฟีเจอร์ป้องกันการฉ้อโกงต่างๆ ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับชำระเงินได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่ต้องจัดการข้อมูลบัตรเครดิตเอง
ระบบเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery/ COD)
รูปแบบการชำระเงินที่ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าเมื่อได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องโอนเงินหรือชำระล่วงหน้าก่อนการจัดส่ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสินค้าจริงก่อนจ่ายเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสด การโอนผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หรือแม้แต่การจ่ายด้วย SoftPOS ลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าและอำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือเดบิต
เทคโนโลยี NFC (Near Field Communication)
เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะใกล้ ถูกนำมาใช้ในการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless payment) เช่น การแตะบัตรเครดิต/เดบิต หรือสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC กับเครื่องรูดบัตร POS หรือ SoftPOS ชำระเงินได้อย่างรวดเร็วและสะดวกเพียงแค่แตะอุปกรณ์ก็สามารถทำธุรกรรมได้ทันที โดยไม่ต้องเสียบบัตรหรือกรอก PIN (ในบางกรณี)
วิธีการเลือกช่องทางชำระเงินบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
การเปิดรับชำระเงินช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคดิจิทัล ธุรกิจควรคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ในการเลือกใช้วิธีการชำระเงิน
ความต้องการของฐานลูกค้า
ใช้ข้อมูลทางการตลาดเพื่อตัดสินใจว่าจะเสนอวิธีการชำระเงินแบบใด โดยการทำความเข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนิยมใช้การชำระค่าสินค้าหรือบริการวิธีใด ซึ่งในกรณีนี้ Stripe สามารถช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเลือกใช้วิธีการชำระเงินที่เหมาะสมได้
ตอบโจทย์ทางธุรกิจ
ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการที่ต่างกัน เช่น ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องการเลือกใช้บริการที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่อาจต้องการเลือกใช้บริการที่โอนเงินได้รวดเร็วและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดโดยที่ค่าธรรมเนียมถือเป็นเรื่องรอง
ค่าธรรมเนียมธุรกรรม
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดค่าธรรมเนียมธุรกรรม ไปจนถึงค่าธรรมเนียมแอบแฝงต่างๆ จะช่วยป้องกันโอกาสการเกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายต่อรายการ ค่าโอนเงินกลับบัญชี หรือค่าบริการฟีเจอร์พิเศษ เช่น การสร้างรายงานการขาย หรือการดูแลบัญชีผู้ใช้งาน
รองรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
สำหรับธุรกิจที่มีลูกค้าต่างชาติจำนวนมากหรือมีการทำธุรกรรมข้ามประเทศเป็นส่วนใหญ่ การศึกษาค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะช่วยให้สามารถวางแผนรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงและทำให้รายได้จากการขายมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัยและการป้องกันการฉ้อโกง
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรนำเสนอวิธีชำระเงินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ซึ่งสามารถปกป้องทั้งลูกค้าและตัวธุรกิจเองจากการฉ้อโกง เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (Two-Factor Authentication) และการเข้ารหัสข้อมูล (encryption) ช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการทำธุรกรรมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินควรมีการพัฒนาฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยเพื่อยกระดับความปลอดภัยอยู่เสมอ
ใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้
ธุรกิจควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการชำระเงินสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตนได้ นอกจากนี้การชำระเงินบางวิธีอาจต้องอาศัยการเชื่อมต่อเพิ่มเติมจึงจะใช้งานได้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและใช้เวลานาน
รับชำระเงินผ่านอีคอมเมิร์ซกับ Stripe
Stripe Payments เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการรับชำระเงิน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินการชำระเงินระหว่างประเทศได้อย่างราบรื่นและเป็นไปตามข้อกำหนด มีส่วนในการขับเคลื่อนธุรกิจมากมาย ช่วยให้การขยายธุรกิจเป็นเรื่องง่าย สามารถเปิดรับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลกด้วยการรองรับบัตรจากกว่า 195 ประเทศ และมากกว่า 135 สกุลเงิน พร้อมทั้งมีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดนั้นๆ เป็นอย่างดี
Stripe สามารถรับการชำระเงินภายในประเทศได้หลากหลายวิธี ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระเงินออนไลน์ หรือผ่านเครื่อง POS ณ จุดขาย ด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก พร้อมลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการโอนเงินข้ามพรมแดน
สะดวกสบายทุกการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ
การเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยได้เปลี่ยนพฤติกรรมใช้จ่ายของผู้บริโภคจากร้านค้าที่มีหน้าร้านสู่การซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะผู้บริโภคพึงพอใจกับความสะดวกที่ได้รับจากการเลือกซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง กระบวนการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย และการจัดส่งที่รวดเร็ว
การเลือกผู้ให้บริการชำระเงินที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าและความต้องการของธุรกิจ เช่น สามารถรับชำระธุรกรรมได้หลากหลายช่องทาง รองรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ปรับแต่งได้ง่าย และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซให้ราบรื่น ทันสมัย และส่งผลต่อความสำเร็จที่ยั่งยืนของธุรกิจ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ