เปิดโลก เปิดตลาด ด้วยการชำระเงินระหว่างประเทศ

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ความเป็นมาและภาพรวมของการชำระเงินระหว่างประเทศ
    1. กระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ
  3. วิธีชำระเงินระหว่างประเทศมีอะไรบ้าง
  4. เทคโนโลยีและมาตรการความปลอดภัยในกระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ
  5. กฎระเบียบในการชำระเงินระหว่างประเทศ
  6. วิธีเปิดรับชำระเงินจากต่างประเทศ
    1. รับชำระเงินออนไลน์กับ Stripe
  7. เปิดโลก เปิดตลาด ด้วยการชำระเงินระหว่างประเทศ

ในยุคที่การค้าไร้พรมแดน การชำระเงินระหว่างประเทศถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้การค้าไทยเติบโตในทิศทางที่ก้าวทันเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีเทคโนโลยีและมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด นวัตกรรมต่างๆ ที่เข้ามาปฏิวัติวงการการเงินอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ธนาคาร และผู้ให้บริการทางการเงิน ที่ยิ่งช่วยทำให้การเชื่อมต่อและการค้าระหว่างประเทศเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความรวดเร็วในทุกขั้นตอนของการทำธุรกรรม

การชำระเงินระหว่างประเทศนั้นมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การโอนเงินผ่านธนาคารโดยใช้ระบบ SWIFT ไปจนถึงการชำระเงินผ่านผู้ให้บริการ Payment Gateway ซึ่งแต่ละวิธีย่อมมีค่าธรรมเนียมและข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น บล็อกเชน ก็มีบทบาทสำคัญในการทำให้การโอนเงินข้ามประเทศมีความรวดเร็ว โปร่งใส และลดความซับซ้อน

บทความนี้จะอธิบายถึงภาพรวมของการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยจะเจาะลึกทั้งในแง่ของกระบวนการชำระเงิน วิธีการต่างๆ ในการชำระเงินข้ามพรมแดน เทคโนโลยี กฎระเบียบ รวมไปถึงมาตรการความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงในการดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศ

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ความเป็นมาและภาพรวมของการชำระเงินระหว่างประเทศ
  • วิธีชำระเงินระหว่างประเทศมีอะไรบ้าง
  • เทคโนโลยีและมาตรการความปลอดภัยในกระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ
  • กฎระเบียบในการชำระเงินระหว่างประเทศ
  • วิธีเปิดรับชำระเงินจากต่างประเทศ
  • เปิดโลก เปิดตลาด ด้วยการชำระเงินระหว่างประเทศ

ความเป็นมาและภาพรวมของการชำระเงินระหว่างประเทศ

การชำระเงินระหว่างประเทศ คือ กระบวนการหรือธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชำระเงิน (ผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า) และผู้รับเงิน (ผู้ขาย/ผู้ส่งออก) ซึ่งอยู่คนละประเทศหรือใช้สกุลเงินที่ต่างกัน โดยทั่วไปการชำระเงินระหว่างประเทศจะเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ในประเทศไทย การรับชำระเงินระหว่างประเทศนั้นมีมาแต่โบราณ ควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ มีการพัฒนารูปแบบตามยุคสมัยและเทคโนโลยี สู่การเป็นระบบธนาคารและดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน

ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์การติดต่อและค้าขายกับต่างประเทศมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนมาถึงข้อตกลงการค้าอย่าง สนธิสัญญาเบอร์นีย์ ในปี 1825 (พ.ศ. 2368) สมัยรัชกาลที่ 3 และตามมาด้วยสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ในปี 1855 (พ.ศ. 2398) สมัยรัชกาลที่ 4 กับจักรวรรดิบริติช ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สยามเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้นกับชาวตะวันตก ในช่วงรัชกาลที่ 5 มีการก่อตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในสยาม คือ HSBC ตามมาด้วย แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด (ธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน) ก่อตั้งเมื่อปี 1906 (พ.ศ. 2449)

ส่งผลให้ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศหลังจากนั้นเป็นไปในรูปแบบการโอนเงินผ่านธนาคารด้วยตั๋วแลกเงินหรือตราสารเครดิตมากขึ้น ถือเป็นการเริ่มต้นของธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ

จุดสำคัญของการค้าและการชำระเงินระหว่างประเทศคือการเข้าร่วมระบบ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) ธนาคารในประเทศไทยทยอยสมัครสมาชิกและเริ่มใช้งาน SWIFT ตั้งแต่ช่วงปี 1979 เป็นต้นมา ส่งผลให้การรับและโอนเงินระหว่างประเทศเป็นไปได้เร็วและปลอดภัยมากขึ้น ค่อยๆ ลดการใช้เอกสารแบบเก่า เช่น เช็คหรือตั๋วแลกเงิน จากนั้นในช่วงปี 1990–2000 ก็เริ่มมีบริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ โดยสถาบันการเงินหลายแห่งในไทยเปิดตัวระบบโอนเงินระหว่างประเทศผ่านทางเว็บไซต์

ในยุคฟินเทค ตั้งแต่ประมาณ ปี 2010 เป็นต้นมา มีการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านช่องทางแพลตฟอร์มดิจิทัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มกระเป๋าเงินดิจิทัล อย่าง Google Pay หรือ True Money Wallet, อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปจนถึงผู้นำในการให้บริการชำระเงินอย่าง Stripe เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเงินเหล่านี้ล้วนเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกรรมระหว่างประเทศ ทำให้กระบวนการรับและโอนเงินเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมค่าธรรมเนียมที่ถูกลงกว่าเดิม

กระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ

กระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้

  • ส่งคำสั่งชำระเงิน: เริ่มด้วยการตกลงกันในเงื่อนไขของธุรกรรมระหว่างผู้ส่งเงินและผู้รับเงิน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินหรือสกุลเงินที่ต้องการชำระ วัตถุประสงค์ของการโอน และอาจรวมไปถึงวันเวลาที่จะทำการชำระเงิน ระบบจะรวบรวมข้อมูลการชำระเงิน และป้องกันข้อมูลให้ปลอดภัยกับทุกฝ่าย
  • ตรวจสอบข้อมูล: ก่อนที่ธุรกรรมจะดำเนินการ ระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลการชำระเงินก่อนจะส่งคำขอตรวจสอบไปยังธนาคารหรือผู้ให้บริการช่องทางชำระเงินของผู้ซื้อ เพื่อดูว่ามีวงเงินเพียงพอไหมเพื่อให้แน่ใจว่าคำสั่งชำระเงินถูกต้องและสอดคล้องกับกฎระเบียบ
  • ส่งต่อข้อมูล: ระบบจะส่งข้อมูลการชำระเงินผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่คนนอกไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เมื่อมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนแล้ว ผู้ให้บริการจะดำเนินการแปลงสกุลเงินตามอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมในการแปลงสกุลเงิน
  • อนุมัติการชำระเงิน: หากข้อมูลการชำระเงินถูกต้องและมีวงเงินเพียงพอ ธนาคารหรือผู้ให้บริการจะอนุมัติการชำระเงิน และส่งสัญญาณผ่านเครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศ เช่น ระบบ SWIFT หรือผ่านเครือข่ายการโอนเงินออนไลน์อื่นๆ ที่มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
  • ยืนยันการชำระเงิน: เมื่อธุรกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ธนาคารหรือผู้ให้บริการจะตรวจสอบและยืนยันการรับชำระเงินและจัดทำหลักฐานตามที่กำหนด จากนั้นผู้รับเงินก็จะได้รับเงินในบัญชีของตน เป็นการจบกระบวนการชำระเงิน

วิธีชำระเงินระหว่างประเทศมีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันมีวิธีการชำระเงินข้ามประเทศที่หลากหลาย สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

  • การโอนเงินผ่านธนาคาร เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นมาตรฐานที่ได้รับความไว้วางใจ โดยใช้ระบบ SWIFT ในการส่งข้อมูลการโอนเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก มีความปลอดภัยสูง อาจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงไปจนถึงหลายวันทำการ และมีค่าธุรกรรมที่ค่อนข้างสูงจากค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยทั้งธนาคารของผู้ส่งและผู้รับ
  • แพลตฟอร์มโอนเงิน อย่าง Western Union หรือ MoneyGram ได้เข้ามามีบทบาทในการชำระเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วและมักมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงช่วยให้ธุรกรรมเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • บัตรเครดิตและเดบิต เป็นวิธีที่สะดวกสบายสำหรับผู้บริโภค และมักจะถูกควบคุมโดยธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด อาจมีอัตราการแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่สูงกว่าช่องทางอื่นๆ เหมาะสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าไม่สูงนัก
  • กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลในประเทศไทยอย่าง True Money Wallet, YouTrip หรือ DeepPocket ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในการให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศ
  • QR Code เป็นวิธีส่งข้อมูลการชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัย เนื่องจาก QR Code เป็นที่นิยมใช้ในประเทศไทย จึงเริ่มมีการนำมาใช้ในการทำธุรกรรมข้ามประเทศ กับประเทศใกล้เคียงอย่างฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และ เวียดนามเนื่องจากผู้บริโภคมีความคุ้นเคยในการใช้งานอยู่แล้ว
  • Payment Gateway อย่าง Stripe ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ส่งเงินและผู้รับเงิน ช่วยตรวจสอบและรับ-ส่งข้อมูลการชำระเงิน จากนั้นส่งต่อข้อมูลไปยังธนาคารหรือระบบชำระเงินของผู้รับ มีระบบตรวจจับการฉ้อโกงและเข้ารหัสข้อมูลขั้นสูง ลดความเสี่ยงจากการถูกฉ้อโกงและรองรับการชำระเงินได้หลายสกุลเงิน
  • ตั๋วแลกเงินธนาคาร (Bank Draft) และตราสารเครดิต (Letter of Credit) เป็นวิธีแบบดั้งเดิมที่ใช้เอกสารสั่งจ่ายเงินออกโดยธนาคาร มักใช้กันในธุรกิจนำเข้าและส่งออก โดยอาศัยเครดิตจากธนาคารซึ่งรับประกันว่าผู้รับจะได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุ มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากมีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกันและตรวจสอบความถูกต้อง

เทคโนโลยีและมาตรการความปลอดภัยในกระบวนการชำระเงินระหว่างประเทศ

การทำให้ธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว จำเป็นต้องมีนวัตกรรมทางการเงินและมาตรการความปลอดภัยมาควบคุมกระบวนการ ธนาคารและผู้ให้บริการในประเทศไทยมีการใช้เทคโนโลยีดังนี้

  • ระบบ SWIFT: คือ เครือข่ายการสื่อสารระหว่างธนาคารทั่วโลกที่ช่วยให้ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินถูกส่งไปยังปลายทางอย่างปลอดภัยและแม่นยำ ด้วยการเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบความถูกต้องของข้อความ
  • มาตรฐานความปลอดภัย PCI DSS (Payment Card Industry Data Security Standard): มาตรฐานสากลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลบัตรเครดิตและการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การจำกัดการเข้าถึงข้อมูล และการตรวจสอบระบบเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก
  • บล็อกเชน (Blockchain): เทคโนโลยีในรูปแบบของ “บล็อก” ที่เชื่อมต่อกันเป็น “โซ่” (Chain) แต่ละบล็อกจะเก็บข้อมูลธุรกรรม และเมื่อลงข้อมูลแล้วจะแก้ไขไม่ได้ ทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและปลอดภัยสูง
  • การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption): เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูลหรือกระบวนการแปลงข้อมูลจากรูปแบบที่สามารถอ่านและเข้าใจได้ (plain text) ไปเป็นรูปแบบที่ไม่สามารถอ่านหรือทำความเข้าใจได้ (cipher text) ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่างผู้ส่งและผู้รับมีความปลอดภัยสูง
  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication): เป็นกลไกเพิ่มความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การใช้รหัสผ่าน การยืนยันผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก
  • เทคโนโลยี AI: การใช้ AI ในการวิเคราะห์รูปแบบและพฤติกรรมที่มีลักษณะผิดปกติของผู้ใช้หรือธุรกรรม ตรวจจับกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง หรือระบุธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้อย่างรวดเร็ว เช่น ระบบการตรวจจับการฉ้อโกง (Fraud Detection) และ ระบบป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering) สามารถจับพิรุธและทำการแจ้งเตือนเมื่อมีความผิดปกติในธุรกรรมข้ามประเทศในทันที
  • ระบบตรวจสอบ KYC (Know Your Customer): การยืนยันตัวตนที่เข้มงวด ผ่านการตรวจสอบภาพถ่ายเอกสาร และ การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก (Biometric Authentication) เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ
  • ระบบ IDS/IPS (Intrusion detection and intrusion prevention systems): เครื่องมือตรวจจับและป้องกันการโจมตีหรือการบุกรุกที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเครือข่ายหรือระบบสารสนเทศ การติดตั้งระบบ IDS/IPS ช่วยให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามในทันที ด้วยการปิดการเชื่อมต่อจากต้นทางที่โจมตี มีการควบคุมจัดการสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและระบบอย่างเข้มงวด โดยใช้หลักการให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลตามที่จำเป็นเท่านั้น

กฎระเบียบในการชำระเงินระหว่างประเทศ

ประเทศไทยมีกฎระเบียบและแนวปฏิบัติต่างๆ ที่เข้มงวดในการควบคุมธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยมีเป้าหมายเพื่อกำกับดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อควบคุมปริมาณเงินที่ไหลเข้า-ออกประเทศ รักษาเสถียรภาพของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ป้องกันความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน การหลีกเลี่ยงภาษี การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือเป็นการสนับสนุนการก่อการร้าย และการละเมิดมาตรฐานความโปร่งใสของระบบการเงิน โดยหลักๆ จะมีประเด็นดังนี้

  • พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501: กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกำหนดว่าธุรกรรมระหว่างประเทศจะต้องปฏิบัติตาม ครอบคลุมขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้เมื่อมีการโอนเงินออกนอกประเทศ
  • พระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ.2560: กฎหมายที่กำหนดให้ผู้ให้บริการที่มีการโอนเงินระหว่างประเทศต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหรือจดทะเบียนตามประเภทของบริการ รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
  • มาตรการป้องกันการฟอกเงิน: ผู้ให้บริการทางการเงินต้องปฏิบัติตามกฎหมายและแนวทางของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ป้องกันไม่ให้มีการใช้ระบบหรือธุรกรรมทางการเงินในการปกปิด แปลงสภาพ หรือเปลี่ยนที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การทุจริต ค้าของผิดกฎหมาย ฯลฯ
  • ป้องกันการสนับสนุนการก่อการร้าย: ผู้ประกอบการและสถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบและการรายงานธุรกรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ธุรกรรมมีมูลค่าสูงหรือมีลักษณะผิดปกติ
  • มาตรการด้านความปลอดภัย: ผู้ให้บริการชำระเงินต้องปฏิบัติตามมาตรฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การป้องกันการรั่วไหลข้อมูลลูกค้า หรือ ระบบอย่าง KYC และ CDD (Customer Due Diligence) อีกทั้งยังต้องต้องมีแผนรองรับเหตุฉุกเฉินและแนวปฏิบัติด้านการบริหารความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการ

วิธีเปิดรับชำระเงินจากต่างประเทศ

การเปิดรับชำระเงินจากต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างโอกาสทางการเงินที่กว้างขึ้นสำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่งออก การขายสินค้าออนไลน์ หรือการให้บริการฟรีแลนซ์ การเลือกวิธีการรับชำระเงินที่เหมาะสมและปลอดภัยจะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและลดความซับซ้อนในเรื่องของค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยน

  • ทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้า: สำรวจว่าลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ประเทศใด ใช้สกุลเงินใด และนิยมใช้ช่องทางการชำระเงินวิธีไหน เพื่อช่วยให้คุณมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งจะเอื้อต่อการสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจ เพิ่มโอกาสในการปิดการขายและรักษาฐานลูกค้าได้ในระยะยาว
  • เลือกผู้ให้บริการชำระเงินที่ตอบโจทย์: ศึกษาระบบอย่าง SWIFT หรือผู้ให้บริการ Payment Gateway ชั้นนำ อย่าง Stripe ซึ่งแต่ละรายล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น ค่าธรรมเนียม อัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินที่รองรับ หรือความแตกต่างในบริการเสริม ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการฉ้อโกงหรือการบริการดูแลลูกค้า
  • สมัครบัญชีผู้ค้า: หลังจากคุณเลือกผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการเปิดบัญชีผู้ค้าและบัญชีธนาคารที่รองรับธุรกรรมระหว่างประเทศ การเปิดบัญชีมักต้องใช้เอกสารทางธุรกิจ เช่น หนังสือรับรองบริษัท ทะเบียนพาณิชย์ หรือเอกสารอื่นๆ ตามข้อกำหนด การมีบัญชีผู้ค้าจะช่วยให้คุณเข้าถึงระบบการตรวจสอบข้อมูลการชำระเงิน ดูประวัติการทำธุรกรรม ตลอดจนรายงานสถิติต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการบริหารจัดการรายได้ และวางแผนกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจระยะยาว
  • ใช้มาตรการป้องกันการฉ้อโกงและการจัดการความเสี่ยง: การนำระบบป้องกันการฉ้อโกงมาใช้ เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ขั้นตอน, ระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ หรือการตรวจสอบที่อยู่ IP และข้อมูลบัตรเครดิตร่วมกับฐานข้อมูลสากล จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้ทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย นอกจากนี้ ควรมีการติดตามข่าวสารและอัปเดตกฎเกณฑ์ต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อปรับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที
  • จัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: อัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากผู้ประกอบการรับชำระเงินสกุลต่างประเทศแล้วมีการนำมาแลกในทันที ก็อาจมีผลกระทบด้านลบต่อผลประกอบการ เลือกผู้ให้บริการที่มีระบบแปลงสกุลเงินอัตโนมัติและ API (application programming interfaces) ที่มีการแสดงผลอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ ป้องกันปัญหาความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้การเปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD Account) และการเช็คอัตราแลกเปลี่ยนเป็นประจำก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้
  • คำนึงถึงภาษีและข้อกฎหมาย: ผู้ประกอบการต้องศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านภาษีของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีนำเข้า, ภาษีจากการขายสินค้าหรือบริการ, กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) หรือกฎหมายควบคุมเงินเข้าออกของธนาคารแห่งประเทศไทย (ปปง.) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชี นักกฎหมาย หรือศึกษาคู่มือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างโปร่งใส ปลอดภัย และวางแผนการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
  • ดูแลลูกค้าด้วยบริการคุณภาพ: การสื่อสารที่ดีพร้อมการให้ ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกขั้นตอนการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนเกี่ยวกับขั้นตอนและค่าธรรมเนียม และตอบข้อสงสัยอย่างรวดเร็ว การใส่ใจช่วยเหลือลูกค้าทำให้เกิดความพึงพอใจและอยากกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ
  • ตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรมการเงิน: ใช้เครื่องมือที่ผู้ให้บริการระบบชำระเงินมีให้ หรือเชื่อมต่อเข้ากับระบบจัดการข้อมูลเพื่อดูแนวโน้มยอดขาย ปริมาณการชำระเงิน อัตราการยกเลิกการทำรายการ และความพึงพอใจของลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยธุรกิจ โอกาสพัฒนา และปัญหาต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำผลที่ได้นำไปวางแผนและปรับปรุง ทั้งกระบวนการและกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รับชำระเงินออนไลน์กับ Stripe

Stripe เป็นผู้นำในนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการรับชำระเงิน ด้วยการรองรับบัตรจากกว่า 195 ประเทศ รับการชำระเงินภายในประเทศได้หลากหลายวิธี ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระเงินออนไลน์ หรือผ่านเครื่อง POS ณ จุดขาย ด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก พร้อมลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการโอนเงินข้ามพรมแดน

เปิดโลก เปิดตลาด ด้วยการชำระเงินระหว่างประเทศ

ธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยกระจายเงินทุนระหว่างประเทศ ส่งเสริมการลงทุน และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดโลกและขยายโอกาสทางธุรกิจ ด้วยความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ วิธีการชำระเงินที่หลากหลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการโอนผ่านธนาคาร บริการ Payment Gateway หรือแม้แต่การใช้สกุลเงินดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับความต้องการและเป็นไปตามเงื่อนไขของธุรกิจ

การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมในการควบคุมความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยง ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือให้ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ ตั้งแต่การตรวจสอบตัวตนหลายขั้นตอน การแปลงสกุลเงินผ่านระบบอัติโนมัติ การเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ยิ่งส่งผลให้การชำระเงินระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นการเปิดรับโซลูชันใหม่ๆ และการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและขับเคลื่อนตามเศรษฐกิจโลกได้อย่างยั่งยืน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe